I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 67. ศึกตัดสินกับโจ๊กเกอร์

67. ศึกตัดสินกับโจ๊กเกอร์

วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

วันที่โจ๊กเกอร์พูดถึง

เนื่องจากผมเลเวลอัพเร็วมาก ผมจึงได้กระจายแต้มสถานะของผมทั้งหมด

มันเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่ได้สนอะไรมาก เพราะค่าสถานะจะไม่ส่งผลต่อความเร็วในการล่ามอนของผม

ผมยังคงใส่แหวนสเกลตั้นที่เพิ่ม Str +20  ซึ่งมันอยู่มานานมากแล้ว

มือทั้งสองของผมมีบันวอนจินชอนที่จุงโฮเอามาคืนผม

Strength: 1788

Mana: ∞

Dexterity: 10

Stamina: 910

มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ผมไม่มีเกราะหรืออุกปกรณ์ใดๆที่จะเพิ่ม Sta หรือ Dex ของผม.

อย่างไรก็ตามผมก็มีไอเทมที่ให้ผมอมตะชั่วคราว -ไททั่นบูท.

เซ็ตลูวเวอร์ ที่ทำให้ผมมีชิลด์หลังจากที่ผมร่ายสกิลอัตโนมัติ

เซ็ตเกราะลิซคิง ก็ทำให้ผมได้รับดาเมจดลลง 40%

และสุดท้ายที่ผมได้รับเร็วๆนี้ก็คือลิซาร์ตกันเล็ทที่ทำให้ความเสียหายเวทย์ลดลง 20%.

ผมได้รับของพวกนี้มากมายในเวลาสั้นๆ.

สิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่ทั้งหมด.

เมเทโอและไอซ์เบิร์กทั้งคู่ต่างก็เลเวล 200 แล้ว ซึ่งมันทำให้ผมร่ายมันได้อย่างไม่รู้จบ

สกิลชิลด์ต่างๆมากมายที่ได้ถูกอเวคขึ้น

สะท้อน,มึนเมาและความเสียหายธาตุศักดิ์สิทธิ์ โล่แรงค์ S อันทรงพลังที่มีผลกระทบเพิ่มเติม

ก่อนอื่นผมตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ไหนที่ผมลืมหรือยังไม่ได้เอามาใส่

หลังจากนั้นผมก็เปิดหน้าต่างสถานะเพื่อดูว่าสกิลทั้งหมดของผมได้อเวคหมดแล้วหรือยัง

ไม่ว่าผมจะมีสกิลที่ดีแค่ไหน ถ้าผมไม่อาจใช้มันได้ มันก็ไร้ประโยชน์และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้มันแต่แรก.

สังเกตได้ว่าผมแทบจะประสาทกิน มันก็เพราะการต่อสู้ใกล้เข้ามาแล้ว

****

มันได้เวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกลงแล้ว.

“ขอบคุณสำหรับมื้ออาหาร”

“โอ้? ทำไมอยู่ๆนายพูดอย่างนั้น นายแก่แล้วหรอ?”

“ซุปเนื้อตุ๋นนี่อร่อยจริงๆ”

“โฮ่โฮ่! นายลองกินแล้วหรอ? ฉันยังไม่เห็นนายกินเลย”

“ห๊ะ! มันเป็นซุปเนื้อจริงๆ?”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันไม่ได้แน่สำหรับนาย”

“หลังจาก 18 ปีผ่านมา สูตรลับของคุณนายปาร์คก็ถูกขโมยไป ดูเหมือนว่ามันต้องเป็นข่าวร้อนในวันพรุ่งนี้แน่ๆ?”

การซีเรียสตั้งแต่ต้นไม่ใช่สไตล์ของผม.

ถ้ามันยังแย่ลง แย่ลงกว่านี้สุดท้ายผมคงต้องขอลาก่อน.

ผมบอกกับแม่ว่าผมออกไปล่ามอนและออกจากบ้าน

น่าแปลกที่เขามาถึงตั้งแต่ที่ผมได้ส่งโลเคชั่นให้ผมก่อนหน้านี้

ถ้าเขามีข้อมูลเกี่ยวกับผม เขาจะรออยู่หน้าบ้านของผม แต่เราพบกันครั้งแรกที่ออฟฟิศของคนแคระ

มันเป็นไปได้เขาใช้สกิลของคลาสเพรชฆาต’เสิร์จชิ่งอาย(Searching Eye)’หรือใช้เครื่องประดับ’เสิร์จชิ่งเนคเค็ด(Searching Necklace)’

ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนเขาจะตามหาผมเจอ

นี่ไม่ใช่วิ่งสู้ฟัดระหว่างอเวค.

ไม่ว่าเราจะต่อสู้ที่ไหน คลื่นกระแทดและเสียงจากการทำลายล้างจะกระจายไปรอบๆ.

เช่นเดียวกับตอนที่สู้กับกิลด์โนเบลสก่อนหน้านี้ ผมต้องการที่จะต่อสู้ในสนาบรบที่แยกออกมาต่างหาก.

มันไม่มีประโยชน์ที่จะดึงดูดความสนใจ หลังจากที่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้

ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ออกจากบ้านและตัดสินใจมุ่งหน้ามาที่ยังพย็อง(Yangpyeong)

มันเป็นพื้นที่ที่มีภูเขามากมายและมีโอกาสสูงที่จะมีพอร์ทัลลับซ่อนอยู่ในหุบเขา.

เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดอันตรายจากการที่พอร์ทัลระเบิด พอร์ทัลลับจึงไม่เหมาะสำหรับคนที่จะมาอยู่อาศัยแถวนี้.

มันอันตรายมาก ขนาดสมาคมอเวคที่อยู่ในพื้นที่แถวนั้นยังต้องพังทลายและผู้ที่อยู่อาศัยแถวนั้นทั้งหมดก็ถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน.

ผมมุ่งหน้าไปยังอาคารร้างของสมาคมใต้ดินเพื่อให้เป็นสนามรบที่.

ที่ด้านหน้าของผมมีรถของจุงโฮรออยู่.

เศษซากของยังพย็องรอบๆน่ากลัวมากทำให้แท็กซี่ไม่กล้าที่จะขับเข้ามา.

และเมื่อผมไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน ผมเลยไม่อาจใช้-วาป-ได้.

จุงโฮกำลังเอนตัวสูบบุหรี่

ที่เท้าของเขามีก้นบุหรี่อย่างน้อยๆก็สิบมวน

เมื่อเห็นผม จุงโฮก็รีบทิ้งก้นบุหรี่พร้อมกับเหยียบมันก่อนที่จะวิ่งเข้ามาและพูด.

“นายจะไปที่นี่?”

“ใช่”

“ทั้งตอนเช้าและตอนเย็นก็ยังคงหนาว มีเพียงไม่กี่วันที่รู้สึกร้อน”

“ผมเดาว่าอย่างนั้น”

“เดาว่ามันเป็นฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปแล้วจริงเถอะ”

ราวกับว่าพวกเราอึดอัดใจกับคนอื่น เมื่ออยู่ด้วยกันพวกเขาก็แค่ทักทายกันอย่างสุภาพและเข้ามาเรื่องหลัก

มันเป็นเหมือกับที่เขาจะทำอย่างนั้น ดังนั้นในสถานการณ์นี้ผมคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะตัวให้เขาสงสารหรือให้กำลังใจผม.

ผมก็อาจจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน.

หยิบก้นบุหรี่ขึ้นมาก่อนที่เขาจะเข้าไปในรถ

“วิ้ววว มันหนาวมาก งั้นก็เข้าไปเร็วๆ”

“….”

ผมไปที่รถของจุงโฮด้วย

ที่เบาะหลังโฮจินนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว

“โอ้ะ? คนที่เฝ้าติดตามคุณหล่ะ?”

“ไม่เป็นไร วันนี้ไม่น่าจะมา ดูเหมือนว่าเซจิตจะไม่ธรรมดาในงานของเขา”

“อ่า ผมรู้ เดาว่าผมควรจะต้องเลี้ยงมื้อเย็นอย่างดีทีหลังซะแล้ว”

“แน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า”

ถ้าในกรณีนี้ผมสามารถใช่ตาสอดแนมได้ แต่เหมือนกับที่โฮจินพูดว่ามันไม่มีใครมาเฝ้าระวังเขา

โฮจินและจุงโฮพวกเขารู้จักกันดี เนื่องจากอยู่ปาร์ตี้ล่ามอนด้วยกัน

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม โฮจินถึงเจอเขาก่อนและมาที่นี่ด้วยกัน

ขณะที่รถกำลังสตาร์ท ความเงียบก็เกิดขึ้นเป็นเวลานาน

ดูเหมือนว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับทุกคนที่จะพูดก่อน

ผมเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ

“ตาแก่”

“ว่า”

“ถ้าผมแพ้โจ๊กเกอร์ คุณจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้กับโลกเหมือนกับที่คุณพูดก่อนหน้านี้ไหม?”

“นั้นไม่เหมือนกัน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ฉันวางแผนที่จะทำอย่างนั้น”

“คุณคิดว่าสิ่งต่างๆจะเปลี่ยนแปลงไหม?”

“หืม?”

“ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณคิดว่าโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไหม?”

“นั่น…”

“บอกตามตรง ฉันจะไปที่นั่นเพื่อจัดการด้วยตัวเอง ฉันจะไม่ไปที่นั่นด้วยเหตุผลที่ดีกว่าเช่นการจัดการหนึ่งในผู้นำของพวกหัวรุนแรง เพราะเขาเป็นภัยคุกคามกับเกาหลีใต้”

“ผมรู้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของโลกที่จะได้มีการเปลี่ยนแปลง หากเป็นไปได้ด้วยชีวิตของผม ผมจะเสียสละตัวเองนับร้อยนับพันครั้งเพื่อให้มันเป็นไปได้”

ในแววตาของโฮจินก็เป็นเหมือนกัน มันเหมือนกับช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขามาหาผม

ดวงตาที่มุ่งมั่นและชัดเจน มองไปที่เป้าหมายของเขาตรงๆ

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมอดไม่ได้ที่จะเชื่อใจเขา

“ผมรู้ คุณเก็บ ID อเวคอยู่ใช่ไหม? ผมจะกลับมาใช้มันในไม่ช้า”

“ใช่ นายต้องทำอย่างนั้น”

ในขณะที่บรรยากาศในรถเริ่มสบายๆเล็กน้อย จุงโฮถาม

“นี่ นายวางแผนที่จะเจอเขาตอนนี้เลย?”

“ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้”
“อย่างนั้นฉันก็หวังว่า โจ๊กเกอร์จะไม่ปรากฏตัวหลังจากที่เรามาถึงแล้ว”

“คุณคิดว่ามันดีหรอ? ตาแก่ มีรายงานว่าโจ๊กเกอร์มีคดีเก่าๆบ้างไหม?”

“ม…ไม่ ไม่มีรายงานแบบนั้น…”

“ฮยอง ดูเหมือนว่าเราจะไม่อาจคาดหวังได้?”

คนที่อยู่ซ้ายมือของเขาเป็นพลเมืองตัวอย่าง แม้ว่าจะไม่มีกฏหมายจับคนที่ทิ้งก้นบุหรี่ในที่สาธารณะ เขาก็ยังไม่ทิ้งแม้แต่ก้นเดียว

ข้างหลังผมเป็นอดีตหัวหน้าแผนกของสมาคมที่ถูกใส่ร้ายด้วยความชอบธรรม

มันเกือบจะเหมือนกับว่าผมเป็นคนเลว

หลังจากนั้นไม่นานเรามาถึงยังพย็อง

มีด่านตรวจระหว่างทางที่จะไปยังพย็องกำลังขวางไม่ให้ยานพาหนะผ่าน แต่ด้วยการใช้-สเตล-และ-ไซเรน- เราก็สามารถผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ.

หากการต่อสู้ครั้งนี้สิ้นสุดลง สิ่งที่ผมต้องทำคือการใช้สกิล วาป

สำหรับทั้งสองคนที่พูดว่าเขาจะรออยู่หน้าอาคาร ผมไล่พวกเขากลับโดยใช้เหตุผลที่ว่าพวกเขาอาจะถูกลูกหลง.

จุงโฮดูดบุหรี่อีกครั้ง

การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกันมากมาย

“งั้น เราจะไป โทรหาฉันหลังจากจบแล้ว”

“ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องผม ขับรถกลับดีๆด้วย อ๊ะ! แล้วด่านตรวจหล่ะ?”

“ฉันคิดว่าไม่เป็นไร”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เราแค่ต้องหาเอาหญ้ามาใส่ในกระเป๋าและบอกพวกเขาว่าเรามาหาสมุนไพรที่นี่”

“ตามที่ฉันได้ยินมาจากข่าวลือ คนของสมาคมที่มักทำงานอย่างหนัก จะมีการรับษาความปลอดภัยก็สูงเช่นกัน”

“…ผมละอายใจจัง”

“งั้นก็ดูแลตัวเองด้วย”

จากนั้นทั้งสองก็ออกไป

****

ไม่มีแสงวูบวาบแม้แต่จุดเดียวจากภายในอาคารสมาคมของยังพย็อง

ผมมุ่งหน้าไปยังสนามรบใต้ดิน แน่นอนว่าโจ๊กเกอร์จะต้องไปที่นั่นe.

ทางเดินที่เดินไปพร้อมกับมีเสียงดังจากการก้าวเท้า

มันเป็นเวลาไม่นานหลังจากที่ผมเดินมาผมเห็นห้องโถงที่ว่างเปล่าและมืด

-ตึก ตึก

.

.

-ตึก ตึก

-ตึก ตึก

ในโถงทางเดินผมได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของตัวเอง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเขา.

แะลเขายังคงปกปิดการปรากฏตัวของเขาอยู่

โจ๊กเกอร์มาโดยไม่มีเสียหรือการเตือนใดๆ เขามาอยู่ข้างๆผม

“อย่างที่คิด คุณหาผมเจอ? โจ๊กเกอร์”

“คุฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าไอ้เด็กกระโปกที่มีความลับเยอะมากกว่าที่ฉันคิดไว้นั แม้กระทั่งทำให้ฉันต้องเดินทางมาที่ไกลๆเพื่อตามหาแก”

“มันเป็นเพราะผมอายต่างหาก”

“ดูเหมือนว่าแกจะเลือกสถานที่ตรงนี้เป็นสนามต่อสู้ ตอนที่แกเลือกที่นี่ ฉันคิดว่าฉันสามารถให้แกตอบคำถามได้ไหม?”

“เราต้องลงไปอีกชึ้น คุณรู้ไหม? ผมจะตอบคำถามคุณโดยที่คุณไม่ผิดหวังแน่นอน งั้นก็หยุดพูดก่อนและลงไปกัน”

พร้อมกับโจ๊กเกอร์ พวกเรามุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวกัน

เวลาสั้นๆได้ผ่านไปและเราก็มาอยู่สถานที่ต่อสู้ใต้ดิน

ไม่มีคำพูดใดๆ โจ๊กเกอร์และผมก็เผชิญหน้ากัน

มีเพียงแสงที่ออกมาจากดาบของเราแต่ละคนที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราอยู่ที่ไหน

จากนั้น.

-แกร๊ก!

ขณะที่โจ๊กเกอร์กำลังดัดนิ้วของเขา ความมืดในสถานที่ต่อสู้ก็สว่างไสว

ความมืดนั้นคล้ายกับในดันเจี้ยน

ไม่มีอะไรที่จะส่องแสงได้ แต่คุณก็ยังสามารถเห็นกันและกันได้อย่างชัดเจน

ผมบอกได้เลยว่าสกิลนั้นคล้ายกับสกิวที่เขาใช้เพื่อดึงผมเข้าสู้ความมืดสนิทก่อนหน้านี้

โจ๊กเกอร์พูด

“แกเลือกที่จะตาย ทำไม?”

“….”

“แกไม่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมงั้นหรอ ที่คนที่มีพลังมหาศาลได้รับการปฏิบัติเหมือนกับมนุษย์ทั่วไห หากแกมากับฉันเราสามารถเหยียบพวกมันได้และสั่งพวกมันได้ตามต้องการ”

“นี่เป็นคำพูดที่โด่งดังในภาพยนต์และรู้สึกว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสามารถใช้กับที่นี่ได้ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ฟังให้ดี”

“….”

“ลูกหมาป่าจะอยู่ภายใต้หมาได้อย่างไร? แกไอ้หมาเวร!”

-ชิ้ง!

-ตูม!

ในเสี้ยววินาทีลูกไฟสีดำหลายลูกขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาโจ๊กเกอร์.

เมเทโอคลอ เลเวล 200.

เปลวไฟที่รุนแรงที่เป็นสีแดงก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นสีดำสนิท.

เมเทโอลูกที่สองที่ผมได้ร่ายออกมาจากทั้งสองมือได้ชนเขาเต็มๆ

เพราะว่าเกิดการปะทะกันครั้งใหญ่ สนามต่อสู้ที่ทำมาจากวัสดุนาโน ตอนนี้ทำให้เกิดปล่อยภูเขาไฟขนาดใหญ่ขึ้น.

มันเป็นพลังทำลายล้างที่ไม่มีใครแม้กระทั่งแรงค์เกอร์ที่ระดับโลกสามารถทำได้

รอบๆเต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำลุกแผดเผา

อย่างไรก็ตามเขาเดินออกมาจากเปลวเพลิงที่รุนแรงพร้อมกับแกว่งดาบในมือเล่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อย่างที่คิดไว้เขามีเกราะที่มีเอฟเฟ็คทำให้ไม่ได้รับความเสียหาย

โจ๊กเกอร์พูดพร้อมกับรอยยิ้มวิปลาสกับผม

“คุฮ่าฮ่า! แกร่ายเวทย์ขณะที่เดินมาที่นี่หรอ? ฉันอยากจะปรบมือให้กับการแสดงของแกจริงๆ แต่นั่นมันแย่เกินไป จากสกิลที่แกใช้มันน่าจะเป็นทั้งหมดที่แกมีใช่ไหม? ตอนนี้แกจะทำอะไรอีก?”

ผมไม่สนใจเขาและผมก็ถามเขา

“คุณมาที่นี่ได้ไง?”

“…”

“คุณใช้-วาป-งั้นหรอ? ถ้าคุณหนีหลังจากที่ใช้วาป ผมคิดว่าผมคงต้องโกรธคุณมาก”

“วิ่งนี้? อุฟฟฟ! แกคิดว่าฉันจะให้แกแอบร่ายเวทย์เมเทโออีกครั้….!

-ชิ้ง!

-ตู้มม!

“คุณยังไม่ได้สังเกตอีกหรอ?”

บันวอนในมือขวาของผมชี้ไปที่เปลวไฟขณะที่เขาเดินผ่าน.

แน่นอนว่าเขาไม่มีข้อมูลของสกิว เมเทโอ ที่เพิ่มจนถึงเลเวล 200

มันเป็นเพราะว่ายังไม่มีใครอัพเลเวลมาถึงขนาดนี้

เขามองไปยังเปลวเพลิงสีดำ

“ไม่…. ไม่มีทาง…”

“มันไม่น่าแปลกใจงั้นหรอ? พลังเวทย์มันใช้เยอะมาก!”

การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะที่ผมยังคงร่าย-เมเทโอ-มารัวๆ

แน่นอนว่าเขายังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็น -เมเทโอ- เลเวล200.

ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป

จากนั้นโจ๊กเกอร์ก็เปลี่ยนท่าทางและจับดาบคู่ของเขาแน่น

“แม้ว่าแกจะบอกว่าแกจะมาเป็นลูกน้องของฉันตอนนี้ ฉันคงต้องปฏิเสธ! แกต้องลงหลุมเท่านั้น!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset