I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 7. รสชาติของเงิน!มันติคอร์(2)

Chapter 7 รสชาติของเงิน!มันติคอร์(2)

ความรู้สึกของสภาพดันเจี้ยนนี้ แตกต่างจากดันเจี้ยนที่ผมเคยล่าเป็นอย่างมาก. ถ้าก่อนหน้านี้มันให้ความรู้สึกของพื้นที่ใต้ดิน, ดันเจี้ยนนี้จะให้ความรูสึกเหมือนทะเลทราย. ชั้นนี้ถูกสร้างด้วยทรายโดยทั้งสิ้น, และไม่มีอุโมงค์หรือกำแพง ซึ่งพวกเราใช้ในการหาทาง. ขณะที่ผมมองไปรอบๆ ซางมินเริ่มที่จะพูด.

“ชางฮยอคไปทาง 9 นาฬิกา และฉันจะไปทาง 12 นาฬิกา, และเราจะกลับมาเจอกันที่นี่. นายเข้าใจหมดแล้วใช่มั้ย แต่ฉันจะพูดให้ฟังอีกครั้ง.”

แผนของฮานซางมิน มีดังนี้:
พวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม. ลีชางฮยอค, ตัวแทงค์หลัก, และ โจยองฮยอน, จอมขมังเวทย์, อยู่ทีมหนึ่ง, ขณะที่ ฮานซางมิน, ซับแทงค์ , และ ลีอินอา, ฮีลเลอร์, อยู่อีกทีมหนึ่ง. สองทีมนี้จะไล่มอนเตอร์ไปจุดเริ่มต้น, พวกเราจึงจะล่าพวกมัน.

เขาพูดเกี่ยวกับรอบๆนี้ ในเวลาเดียวกันผมก็กำลังคิด ‘ดันเจี้ยนนี้กว้างแค่ไหน, พวกเขาจะล่อมอนเตอร์มาที่นี้ อย่างไง?’

“มินชอล นายจำเป็นต้องอยู่ที่นี่, และรับบัฟ จาก อินอา และ ยองฮยอน. รอสัญญาณไฟ, เข้าใจใช่มั้ย?”

ทำไมต้องใช้กลยุทธ์กับมันติคอร์ด้วย? ไปบวกตรงๆเลยไม่ได้หรอ?

“ผมเข้าใจ. ผมจะเตรียมพร้อมอยู่ที่นี้.”

“งั้นก็ พวกเราไป!.”

หลังจากซางมินพูดจบ เขานำปาร์ตี้ออกไป, พวกเขาเริ่มเดินทางอย่างรวดเร็ว.
ผมเริ่มจะกังวลเกี่ยวกับว่าพวกเราจะเคลียร์ดันเจียนในระยะเวลา 1 ชม ได้มั้ย.

“อ่าา, ผมรู้สึกเหมือนกำลังหลงตัวเอง…”

ผมคิดปกติของผมผุดขึ้นมา หลังจากที่ไม่เห็นสมาชิกในปาร์ตี้แล้ว.
ผมสามารถโซโล่ดันเจี้ยนเวล 6 ใน 25 นาที.
ของดรอป, ค่าประสบการณ์, มันทั้งหมดเป็นของผม.
ผมมาเพื่อหินวิญญาณมันติคอร์ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจเล็กน้อย.
5 นาทีนี้ ผ่านไปโดย?
“ปล่อยมันไป~ ปล่อยมันไป~ ……. และท้องฟ้า~” (เพลง let it go)

ผมเพิ่งเสร็จจากการวาดรูปบนทราย, โดยใช้บอลน้ำแข็งลงสี, เมื่อผมเห็นลีชางฮยอคและยองฮยอนวิ่งมาที่ผมด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์.

“นรกเถอะ!? แกกำลังล่อมอนเตอร์, หรือวิ่งหนีมันเนี้ย?”

เขามาหาผมและยกโล่สูง 2 เมตรของเขา.
ผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่อาจรู้ได้จากโล่ ที่รัดแน่นติดกับแขนและไหล่ของเขา.
ขวานใหญ่ในมืออีกข้างของเขา ซึ่งมันเป็นแบบด้ามจับสองชั้นเพื่อป้องกันมือและข้อมือของเขา, ราวกับนี้จะเป็นการบอกว่าเขาเป็นตัวแทงค์.

‘พวกเขากำลังเล่นเกมสงครามอยู่หรอ?’ ฝูงเงาดำเข้ามาหาพวกเรา, เสมือนหมอก, จากทางที่พวกเขามา.
ลีชางฮยอคหันหัวของเขาไปรอบๆ, และยิ้มอย่างน่าสงสัย. ด้วยเสียงหนาทุ้ม, เขาพูด:
“เฮ้, ไอ้หนุ่มมือใหม่! อย่าสติแตก ปล่อยสกิลมั่ว. ไปหลบข้างหลัง.

“……”

ผมได้ยินชัดเจน เสียงของความภาคภูมใจที่กำลังแตกสลายของผม.
ผมอยากแสดงให้เขาเห็นถึงผู้มีอำนาจในทีมนี้, ผมแทบจะรั้งตัวเองไว้ไม่อยู่.
เขาควรที่จะไม่ชอบผม, เพราะผมดูเหมือนอเวคคาบช้อนทอง, ผู้ไม่สนโลก.

ผมย้อนคำเยาะเย้ยคืนให้เขา, “บล็อกให้ดีล่ะ. นายอาจจะเจ็บกล้ามเนื้อหลังจากนี้.”

ชางฮยอนหัวเราะหลังจากที่ผมตอบ, และรวบรวมความแข็งแกร่งไปที่มือทั้งสองข้างของเขา.

“พวกมันกำลังมา.”

ฮานซางมินและลีอินอาวิ่งมานี้อย่างรวดเร็ว.
กับฝูงเงาดำซึ่งลีชางฮยอคล่อมาอย่างช้าๆเริ่มกลายเป็นชัดเจน, ฮานซางมินรวมกลุ่มกับพวกเราและเริ่มที่จะทำตามแผน.

“อินอา, บัฟโจมตรี, ความเร็วการโจมตรี, และบัฟเกราะ, ด้วย. แล้วก็, ร่าย ‘บาเรีย’ รอบ ยองฮยอนกับมินชอลด้วย, ขณะที่พวกเขากำลังซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง.

ปราศจากการตอบกลับ เธอพยักหน้า, และให้บัฟกับทุกคน. ต่อมา เธอร่าย ‘บาเรียรอบยองฮยอนและผม.
บาเรีย, มันดูเหมือนกระจกสีฟ้าบางๆ, รอบตัวผม.
ถ้าใครซักคนโจมตรีระยะประชิดภายในบาเรีย, บาเรียจะหายไปทันที.
มันเป็นโล่ที่เหมาะกับผู้ทำดาเมจระยะไกลเท่านั้น.

“ยองฮยอน, ร่าย ‘เกราะวิญญาณ’ ใส่ชางฮยอคและฉัน, เข้าใจนะ?”

“ไม่ต้องห่วง, รุ่นพี่, ผมจะทำ.”

แสงสลัวออกมาจากรอบๆตัวซางมินและชางฮยอคและคลุมพวกเขาไว้.
มันเหมาะสำหรับการป้องกันของแทงค์และตัวทำดาเมจระะใกล้.

ตอนนี้มันดูเหมือนพวกเรากำลังทำบางสิ่งสำเร็จซักอย่าง.
ผมไม่ได้กลัว, แต่ผมกังวลเล็กน้อย.
ผมเชื่อในมานาที่ไม่จำกัดของผม.
แน่นอน, สมาชิกปาร์ตี้ที่ฝึกฝนมาอย่างดีมีส่วนร่วมมากเกินไป.

ฝูงมันติคอร์กำลังมาด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์, ทิ้งร่องรอยของเศษทรายไว้ข้างหลังของพวกมัน.
จำนวนของพวกมันประมาณ 800-1000.
และ, พวกมันเป็นเพียงแค่มอนเตอร์ประมาณครึ่งหนึ่งของดันเจี้ยน.

พวกมันไม่ได้ตัวใหญ่จนเกินไป, เพียงแค่ 2 เมตร, แต่มันปล่อยความกดดันเป็นอย่างมาก.
มันให้ความรู้สึกกดดันไปอีกเกียวกับรูปลักษณ์ภายนอกของมัน. มันมีหน้าคล้ายสิงโต, มีปีกบนหลัง, ซึ่งเปรียบดังปีกของค้างคาวและมังกร, และหางของแมงป่องซึงเสมือนว่าจะเต็มไปด้วยพิษที่ร้ายแรงถึงตาย.

‘ว้าว… ฉันเพียงแค่สูญเสียความมั่นใจเล็กน้อย. มันเป็นเพราะบรรยากาศ?’

ฝูงมันติคอร์มาในรู้แบบกลุ่ม 4-5 ตัว. มันติคอร์ที่นำฝูงมา มาถึงตำแหน่งแทงค์ ชางฮยอน.
มันติคอร์ไปยังตำแหน่งที่เตรียมไว้ และใช้กรงเล็บที่แหลมคมฟาดมาที่เขา.

…..! ….!

ชางฮยอคใช้โล่ของเขาและขวานบล็อกกรงเล็บเอาไว้, ในขณะที่ซางมินใช้ดาบในมือของเขาบล็อกเช่นกัน.
เสียงคล้ายค้อนตีเหล็กดังออกมา.
ฝูงที่ล่อเอาไว้กำลังจะมา, แต่ซางมินไม่ได้ยอมแพ้และให้สัญญาณโจมตรี.
อินอาและยองฮยอนบัฟและฮีลอย่างต่อเนื่อง.
จุดจบของมันติคอร์หลายๆตัว ในตอนนี้สามารถเห็นได้.

“ชาร์จจิ้ง!”

หลังจากได้ยินซางมินตะโกน, ชางฮยอคยกเท้าขวาของเขาขึ้น, ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วง, และก้าวเท้าไปข้างหน้า, และผลักโล่ของเขาไปยังฝูงมันติคอร์.

“เอ้าา!”

……!

โดยการตะโกนสั้นๆของชางฮยอค, มันติคอร์มากกว่าสิบตัวรอบๆปาร์ตี้ถูกผลักกระเด็นไปข้างหลัง, ขณะนั้น เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกำลังผลักพวกมันออกไป.
นี้คือสกิลสายแทงค์ ‘ชาร์จจิ้ง’. มันเป็นสกิลหลักของตัวแทงค์, โดยใช้โล่หรืออาวุธผลักศัตรูออกไป.
มันติคอร์ที่ผลักออกไปจะไปชนกับตัวอื่นๆ, และไปรวมอยู่ที่เดียวกัน.

“ยองฮยอน, ลดความต้านทาน!”

ยองฮยอน, ผู้ที่ร่าย ‘เกราะวิญญาณ’, เริ่มจะยุ่งกับการดีบัฟฟมอนเตอร์ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เพิ่มเข้ามา.
มันเป็นสกิลที่ลดความต้านทานทางกายภาพและเวทย์มนต์.
มอนเตอร์ที่ได้รับผลกระทบจะมีสามเหลี่ยมเรืองแสงสีแดงบนหน้าอกของพวกมัน.
ผมได้ยินเสียงซางมิน

“มินชอล, ตอนนี้แหละ!”

มันเป็นเวลา.
เวลาสำหรับ ‘สายฟ้าฟาด’ ออกโรง.
สมาชิกปาร์ตี้และมอนเตอร์ค่อนข้างห่างกันเล็กน้อย เนื่องจากสกิล ‘ชาร์จจิ้ง’.
ผมสามารถใช้ ‘สายฟ้าฟาด’ ด้วยมือทั้งสองข้าง, แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย ผมจับคทาด้วยสองมือและร่ายมัน.

“ฮึบ!”

….!  …..!

กระแสไฟฟ้า, ซึ่งเป็นสีฟ้า, ปล่อยออกมาจากปลายคทาและเริ่มกระจายไปรอบๆ.
การโจมตรี, เปรียบเสมือนดั่งฝนตกช่วงพายุ, ไม่มีรูปแบบหรือทิศทาง, และพุ่งเข้าหาฝูงมอนเตอร์อย่างไร้ปราณี.
ร่างกายของพวกมันเริ่มระเบิดเนื่องจากผลกระทบที่ได้รับ. มันติคอร์ที่โดนพลังอำนาจของ ‘สายฟ้าฟาด’ กระทันทัน เริ่มที่จะสั่นในทันที.
กระแสซึ่งทะล่วงผ่านร่างกายของมอนเตอร์ตกตรงกระทบพื้น, ขณะที่มันยังคงมีความแข็งแกร่งหลงเหลืออยู่.

[ได้รับ 120 ค่าประสบการณ์.]
[ได้รับ 120 ค่าประสบการณ์.]
[ได้รับ 120 ค่าประสบการณ์.]

Comment

Options

not work with dark mode
Reset