I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 74. เลเวลอัพทั้งคุณและผม

เราเข้าไปในดันเจี้ยนหลังจากที่จ่ายค่าเครื่องดื่ม.

โฮจินเข้าดันเจี้ยนมาด้วยตามคำขอของผม.

จุงโฮยังคงสลึมสลืมจากอาการเมา.

“พี่โฮจิน! ทำไมเราต้องมาที่ดันเจี้ยนเป็นครั้งที่สองด้วย! และเราก็พึ่งจะลุยดันเจี้ยนเสร็จไปไม่นานนี้เอง…เอี๊ก!”

“ว้าว..ผมคิดว่าเราต้องทำให้พี่จุงโฮนอนก่อน?”

“เหอะๆ ฉันคิดว่าเขาเมามากเลย แต่มินชอย ทำไมเราต้องมาดันเจี้ยนด้วย?”

“เอ่อ.”

ผมยื่นแหวนที่อยู่บนนิ้วให้โฮจินดูและพูด.

แทนที่จะอธิบายเป็นคำพูด มันจะเร็วกว่าถ้าเป็นตรงๆ.

“นี่ นี่คือการแก้ปัญหาของเรา.”

“หืม? แหวนนี่อะนะ?”

“ห๊ะ? ฉันด้วย! ฉันก็ต้องการใส่แหวนเหมือนกัน!”

“มีปืนยาสลบไหมเนี่ย? ถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะต้องใช้กำลังกัน… แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะควบคุมกำลังของผมได้หรือเปล่า.”

“เหอะๆ นั่นมันคงจะเลวร้ายอย่างมาก นายแค่ให้เขายืม Titan Boots สักหน่อย ตั้งแต่ที่เขาเมามันคงส่งผลต่อค่าสถานะ.”

“โอ้… มีวิธีอย่างนี้ด้วย งั้นเรามาลองกัน?”

ผมถอดรองเท้าไททันออกและให้จุงโฮสวม.

ทันใดนั้น จุงโฮก็หายไปจากอาการมึนเมาราวกับว่าเขาไม่ได้เมาเลยในตอนแรก.

ผมพูดกับเขาที่กำลังมองไปรอบๆอย่างสับสน ราวกับว่าเขาเดินทางข้ามกาลเวลากลับมา.

“ตอนนี้คุณโอเคหรือเปล่า?”

“โอ้ มินชอยมาตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยนเลเวล 14? ฉันมั่นใจว่ากำลังดื่มอยู่กับพี่โฮจิน…”

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญตอนนี้ คุณสามารถค่อยทบทวนความทรงจำทีหลังได้ ก่อนอื่นดูนี่”

“เป็นเรื่องสำคัญ?”

“คุณโฮจินมี Piercing Sword ใช่ไหม?”

“ใช่.”

“ผมจะล่อซัคคิวบิมาที่นี่ แล้วคุณค่อยร่ายใส่ผมได้ไหม? มันจะช่วยให้ทำความเข้าใจความสามารถของแหวนได้.”

เมื่อผมอธิบายจบ ผมก็ร่าย Mass Stealth Jutsu ใส่จุงโฮและโฮจิน จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ซัคคิวบิ.

ผมเห็นกลุ่มที่มีขนาดพอดี.

เมื่อใช่ Explosion ผมก็เป็นจุดสนใจมันได้.

แม้ว่า Explosion จะไม่หยุดจนกว่าเป้าหมายจะถูกเผาจนตาย แต่มันต้องรู้สึกเหมือนกับมีแมลงวันน่ารำคาญ เนื่องจากมันต้านเวทย์ 100%.

ผมรับการโจมตีของมันด้วยมานาชิลด์ จนผมมาถึงหน้าทางเข้าดันเจี้ยน.

ผมพูดกับโฮจิน.

“คุณโฮจิน มาลอง Piercing Sword กัน.”

“ได้ ลองกัน.”

เนื่องจากมันเป็นทักษะการโจมตีแบบเลือกเป้าหมายของผู้ร่าย โฮจินจึงเตรียมพร้อมที่จะใช้ Piercing Sword โดยไม่มีการลังเล.

ผมจะไม่กลายเป็นเป้าหมาย.

แม้ว่าผมจะถูกโจมตี แต่ผมก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ.

มี บันวอน จินชอย ราวหนึ่งร้อยเล่มลอยอยู่ด้านหลังโฮจินและพุ่งเข้าใส่ซัคคิวบิ.

เพราะการโจมตี โฮจินจึงหลุดจากสถานะสเตลและซัคคิวบิก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา.

“เหลือไว้หนึ่งตัว!”

“ได้.”

“คุณโฮจิน ตอนนี้เลเวลสกิลเท่าไรแล้ว?”

“32. ต้องขอบคุณที่มันเลเวลอัพและมีบันวิน จินชอยเมื่อไม่นานนี้ พวกมันจะตายจากการโจมตีสองครั้ง.”

“หืม…มันใช้มานาประมาณ 10% จากมานาสูงสุดใช่ไหม?”

“ถูกต้อง.”

ผมเหยียบขึ้นไปบนศพของซัคคิวบิและมันก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่พวกมันชุบซัคคิวบิ.

ในการที่จะชุยซัคคิวบิ มันต้องใช้มานาทั้งหมด 50% หรือก็คือเท่ากับการร่าย Piercing Swords 5ครั้ง.

แม้ว่าพวกมันทั้งสองจะใช้มานา มันก็ยังมากสำหรับจุงโฮและโฮจินที่จะเอาชนะอินคิวบัสในทีเดียว เนื่องจากบอสตัวนั้นสามารถชุบซัคคิวบิทั้งหมดในดันเจี้ยนได้.

“ตอนนี้ ลองสวมแหวน.”

จุงโฮที่มองสถานการณ์อย่างเงียบๆพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด.

เนื่องจากถูกลากเข้ามาในดันเจี้ยนขณะที่กำลังเมาพร้อมกับโฮจิน.

“นี่ นายอยู่ที่นี่เพื่อดูการล่าของเรา?”

“ไม่มีทาง ผมมาที่นี่เพื่อมาแก้ปัญหาที่คุณกำลังกังวล.”

“ฉันใส่แล้ว.”

มันเป็นแหวนที่มีรูปร่างไม่แน่นอนและกึ่งโปร่งใส่และอีกครึ่งก็เป็นสีเขียว.

“สถานะมีการเปลี่ยนแปลงไหม?”

“ไม่ แหวนนี่บวกค่าสถานะ? รู้สึกแหมือนกับว่าฉันพึ่งได้สวมแหวน garakji? เหอะๆ…”

“ตอนนี้ถือบันวอนจินชอยอีกครั้งด้วยมือข้างที่สวมแหวนเมื่อกี้ ผมจะล่อซัคคิวบิมาอีกครั้ง”

“ได้…เรียบร้อย.”

ใบหน้าของโฮจินเต็มไปด้วยคำถามเมื่อเขาตอบผม.

ผมล่อซัคคิวบิหลายร้อยตัวในดันเจี้ยนมา.

มันกระพือปีกไล่ล่าผมอย่างไม่ลดละ.

จากการยืนยันท่าทางของผม โฮจินและจุงโฮก็อดไม่ได้ที่จะไม่แสดงความกังวลของพวกเขา ขณะที่พวกเขากำดาบ.

มอนเตอร์ใกล้เข้ามาขณะที่พวกเขารุมโจมตีผม.

ผมพูดกับโฮจินที่กำลังเครียด.

“คุณโฮนจิน โฟกัสไปที่แหวนขณะที่กำลังร่าย Piercing Sword.”

“โฟกัสไปที่แหวน?”

“ใช่ โฟกัสไปเรื่อยๆ.”

“มินชอย เอาบันวอน จินชอยไป พี่โฮจินเกือบไม่มีมานาแล้ว มันจะดีกว่าที่น่าจะจัดการเอง?”

“สังเกตให้ดี ฮยอง.”

วงแหวนล้อมรอบโฮจินจนกลายเป็นออร่าดาบที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้ก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมา.

ยิ่งไปกว่านั้นควันสีแดงที่ออกมาก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นถึงพลังทำลายล้างของมัน.

มันเป็นเพราะ อเวค Piercing Sword เลเวล 200 ถูกเรียกใช้และเตรียมพร้อมที่จะทำลายศัตรู.

“อะ…อะไรเนี่ย!”

“… ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน.”

“ลองโจมตีดู เป้าหมายคือพวกที่ยังรอดอยู่สักสองสามตัว.”

-ชิ้ง!

มีเพียงเสียงตัดอากาศ.

อย่าไงรก็ตาม ซัคคิวบิบริเวณใกล้ๆถูกทำลายก่อนที่พวกมันจะสามารถส่งเสียงกรีดร้องออกมาได้.

มันเหมือนกับกลับไปเกิดใหม่.

ไม่มีตัวไหนที่จะอยู่ได้หลังจากที่มันได้สัมผัสกับพื้นเย็นๆได้อีก.

“มัน…มันเป็นไปไม่ได้.”

“มันเกิดอะไรขึ้น? นี่ไม่ใช่อเวค Piercing Sword?”

ชื่อของแหวนวงนี้คือ คลังสมบัติของบัลล็อค.

มันไม่ใช่แหวนที่ให้ความสามารถ,เพิ่มสถานะหรือป้องกันสิ่งผิดปกติใดๆ.

มันมีความสามารถที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้น.

มันอนุญาติให้บันทึกสกิลนึงลงไปในแหวน รวมถึงเลเวลสกิลด้วย.

มันไม่มีขีดจำกัดในสิ่งที่จะเก็บไว้.

คุณอาจสงสัยว่าผมพบความสามารถนี้ได้อย่างไรในเมื่อมันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแหวนที่ดรอปลงจากบอสลับในดันเจี้ยนเลเวล 34.

ต้องขอบคุณ Eye of Insight.

หลังจากที่มันอเวคครั้งที่สองจากแก่นอเวคที่เสียหาย ทำให้สกิลสามารถระบุตัวตนของสิ่งของรวมทั้งผลลัพธ์ดั้งเดิมที่เอาไว้หาสิ่งที่ซ่อนตัวและบอกจุดอ่อน.

เพียงแค่ผมร่ายสกิลและมองไปที่วัตถุนั้น ผมก็สามารถเห็นความสามารถของวัตถุและวิธีการใช้งานของมัน.

ดังนั้นผมจึงสามารถระบุของที่ผมได้รับนับจากนี้ไป.

ผมพยายามที่จะไม่อเวคสกิลที่ไม่สำคัญต่อการล่า แต่ผมกลับได้ความสามารถที่ทรงพลังกลับมาแทน.

“แล้วการใช้มานา?”

“ดูเหมือนว่าฉันจะมีมานาเหลือ 50%….มันไม่ได้ลกลงเลยก่อนที่ฉันจะใช้มัน.”

“ห๊ะ? ไม่ต้องใช้มานา?”

“แล้วไงหล่ะ? เดาว่าความกังวลของฮยองจะถูกแก้ไขแล้ว?”

“มันเป็นแหวนที่ทำให้ฉันใช้อเวค Piercing Sword ได้?”

“ไม่ มันแค่ทำให้ผมเก็บสกิลใดๆที่ผมใช้ได้เท่านั้น.”

“ฉันไม่เคยได้ยินถึงความสามารถของแหวนแบบนี้มาก่อนเลย.”

“ฉันด้วย.”

“ผมใส่สกิล Piercing Swords ไปประมาณ 100 ครั้ง ตอนนี้คุณก็แค่เอา Piercing Swords ออกมาใช้จากแหวรทุกครั้งที่คุณออกล่า.”

“…..”

“…..”

พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากมองผมอย่างเปล่าเปลือยและไม่อาจพูดอะไร.

ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พวกเขาดูน่าตลกจริงๆ.

“อ่า…ผมจะใส่เมเทโอหรือไอซ์เบิร์กอีกล๊อตใหฐ่ ดังนั้นเมื่อคุณเลเวลสูงพอที่จะป้องกันตัวเองได้แล้วให้เข้าไปในดันเจี้ยนที่ต้องใช้เวทย์มนต์ คนสวมสามารถตรวจสอบได้ว่าเหลือจำนวนครั้งเท่าไรในแต่ละประเภท ดังนั้นต้องมาให้เติมมันเป็นครั้งคราว มันจะดีมากถ้ามันสามารถเก็บประเทภ ชิลด์ได้ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่อาจทำได้.”

“นะ-แน่นอน…”

“ได้…ฉันเขข้าใจแล้ว…”

“ตั้งแต่ที่คุณทั้งสองออกล่าด้วยกัน ผมก็คิดว่ามันคงพอแล้ว แต่ถ้ามันดรอปเพิ่มอีก ผมจะมอบให้กับคุณ และจบการแสดงสินค้าใหม่แล้ว ไปกันเถอะ!”

****

ถึงอย่างนั้น การอธิบายแหวนคลังสมบัติของบัลล็อคก็เสร็จสมบูรณ์.

แม้ว่าในระหว่างนั่งรถกลับบ้านจุงโฮพลันเงียบขรึมอย่างสมบูรณ์ ผมยังคงง่วนกับการบันทึกPiercing Sword ลงไปในแหวน.

แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปในเจี้ยนจนถึงจุดที่จะถูกระงับID มันก็ควรจะใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเป็นอย่างน้อยสองวัน.

นั่นจะเป็นวิธีการที่ผมจะได้พบกับฮยองขณะที่เขาล่าเสร็จและผมก็ได้กลับบ้าน.

ปกติผมจะเหนื่อยมากจนขนาดที่ว่าผมอาบน้ำเสร็จก็นอนเลย แต่วันนี้ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น.

ตั้งแต่ที่ผมมี Eye of Insight, ผมสามารถดู มาร์เบิ้ลรวมทั้งเงื่อนไขที่จำเป็นในการติดตั้งดาบคู่ของโจ๊กเกอร์ได้

เมื่อคิดว่าแม่นั้นหูดีในเวลาตอนกลางคืนผมจึงอยู่ในห้องนอนของผมอย่างเงียบๆ.

บนโต๊ะของผมมีดาบคู่และมาร์เบิ้ล.

เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ผมได้มันมา พวกมันก็ถูกนำออกมาจากกระเป๋าวางอยู่บนโต๊ะเพื่อดูว่าพวกมันเป็นอย่างไงกันแน่.

ผมถือมาร์เบิ้ลอยู่ในมือและแสกนมันด้วยEye of Insight.

-มุกของปิงหวาง- (TL:ต่อไปนี้จากมาร์เบิ้ลก็จะกลายเป็นมุกแล้วนะครับ)
(TL:มุกจะเป็นลูกแก้วใสคล้ายลูกแก้วที่เอาไว้ดูดวงแต่เล็กกว่าและมันก็ไม่ใช่ไข่มุกด้วย)
(TL:ปิงหวาง-เป็นราชาที่ปกครองโลกและท้องฟ้าที่มีความสามารถและทรงพลังอย่างมาก)

*สามารถได้รับจากการผ่าน Unknown Dungeon.

*ฟื้นฟู HP-MP เมื่อใช้งาน.

*ร่างกายจะเป็นอมตะ 1 วินาที.

*ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็นเวลาหนึ่งนาที.

“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว.”

ไอเทมนี้ชื่อว่า มุกของปิงหวาง มันทำให้ผมตกใจมากกับความสามารถของมัน.

ผมสงสัยว่ามันเป็นเพราะมีความสามารถในการฟื้นฟู เนื่องจากโจ๊กเกอร์ค้นหาอย่างสิ้นหวังขณะที่เขาใกล้จะตาย.

แต่มาคิดว่ามันทรงพลังขนาดนี้…

ฟื้นฟูทั้ง HP-MP ทั้งหมดพร้อมกับบัฟสุดโกง.

ถ้าโจ๊กเกอร์ใช้สิ่งนี้ การต่อสู้ของเราจะเปลี่ยนไปเป็นคนละขั่วในทันที.

แต่สิ่งหนึ่งที่รบกวนผมก็คือ ‘Unknown Dungeon’

เท่าที่ผมรู้คือดันเจี้ยนที่โผล่มานั้นความยากของมันขึ้นอยู่กับจำนวนวงในพอร์ทัล.

จำนวนวงแหวนนั่นคือเลเวลของดันเจี้ยน.

ดังนั้นดันเจี้ยนจึงถูกจัดหมวดหมู่และแยกแยะออกได้จากเลเวลของมัน.

มีข้อยกเว้นที่อาจจะพูดได้ว่าพิเศษอย่าง แมนติคอร์และซัคคิวบัส ที่ชื่อของพวกมันเป็นชื่อของดันเจี้ยนเนื่องจากมอนเตอร์ที่ปรากฏออกมานั้นพิเศษว่าที่อื่น.

มีความเป็นไปได้ที่จะมีมอนเตอร์ที่มีชื่อว่า Unknown(ไม่รู้จัก) แต่มันมีแนวโน้มว่ามันจะหมายถึงดันเจี้ยนที่ยังอาจรู้ได้.

“มันเป็นดันเจี้ยนเลเวล 34 หรือเปล่า? บางทีอาจจะได้มันจากที่นั่น…มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับโจ๊กเกอร์ที่มีความสามารถทั้งรุกและรับ.”

ผมมีคำถามมาสักพักแล้ว จากนั้นผมก็จ้องมองสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ นั่นก็คือดาบคู่ที่เขาเหลือไว้.

-Asura’s Twin Blades(ดาบคู่อาชูร่า)-

*สามารถได้รับจาก Unknown Dungeon ด้วยการเอาชนะ Kawuro(คาวูโร๊ะ).

*เพิ่มค่า Strength 600-700 (เพิ่มขึ้นอีก 15% ของ Strength ทั้งหมด)

*เพิ่ม Dexterity  200-300 (เพิ่มขึ้นอีก 15% ของ Dexterity ทั้งหมด)

*(ผนึก) ไม่สามารถใช้งานได้ ยกเว้นคนที่เราชนะเจ้าของเดิม.

“เขาถึงระเบิดตัวเองต่อหน้าฉันขณะที่ถืออาวุธ?”

อาวุธที่ผมใช้ บันวอนจินชอย เพิ่ม strength ให้ผม 400 และ 10% จากค่า strength ของผมทั้งหมด.

ดาบนี้แรงค์ M/A มอนเตอร์ที่ดรอปอาวุธมีเพียงแค่แรงค์ A เท่านั้น.

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิ่งนี้และอาวุธที่มีแรงค์บียอนก็หาได้ยากอย่างมาก.
(แรงค์ M/A คือแรงค์ที่ไม่อาจจัดระดับได้ เลยเรียกว่าแรงค์บียอน สำหรับผู้แปลคนนี้)

แต่ดาบคู่ของอาชูร่านี้เพิ่ม strength 600 ทันทีและยังเพิ่มเปอร์เซนต์เข้าไปอีก.

น่าเศร้าที่อาวุธนี้ผมไม่อาจใส่มันได้เนื่องจากมันมีเงื่อนไขพิเศษ ทุกคนไม่อาจใช้ได้นอกจากโจ๊กเกอร์ที่ใช้มันได้.

ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อจุงโฮและโฮจินและผมถือมัน.

ผมรู้สึกว่าผมสามารถเชื่อใจEye of Insightได้มากขึ้นในตอนนี้.

แทนที่จะมุ่งหน้าเลเวลอัพอย่างเดียว ผมต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้ของผมและต้องได้รับอาวุธ,เครื่องประดับกับเครื่องป้องกันดีๆ.

ความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวังของผมต่อ อันโนว์ดันเจี้ยน นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก.

“มุกแก้วและแม้แต่อาวุธ ดูเหมือนว่า อันโนว์ดันเจี้ยนอันนี้จะน่าหลงใหลมากขึ้นแล้วแหะ?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset