I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 75. โกสต์เคลื่อนไหว

โกสต์ หนึ่งในสามผู้น้ำกลุ่มหัวรุนแรงได้เข้ามา.

ดาร์กเลดี้ซึ่งอยู่ท่ามกลางกองเอกสารรายงานเรื่องการระเบิดของดันเจี้ยนไม่พอใจที่โกสต์เข้ามา.

แม้ว่าโกสต์จะไม่สนใจเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของกลุ่มหัวรุนแรง แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในผู้นำที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกับโจ๊กเกอร์และตัวของเธอเอง.

มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะหันมีดที่เขาซ่อนเอาไว้เข้าใส่.

โกสต์มีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เขาพูด.

“นี่…ถ้าคุณเห็นว่าใครสักคนเข้ามา คุณควรจะทักทายเขาหน่อยเป็นอย่างน้อยนะดาร์กเลดี้ แล้วโจ๊กเกอร์หล่ะ? คุณยังไม่พบเขาอีกหรอ?”

“…..”

“เข้าไปไหน? โจ๊กเกอร์ที่เป็นหัวหน้าเหมือนเรา? มันทำให้ฉันรู้สึกสนุกหากว่าเขาพุ่งเข้ามาให้ฆ่า ฉันคิดว่าเขาคงทำให้สนุกไม่น้อย.”

“เฮอะ…มันใช่ธุระของแก?”

“คุณไม่อยากรู้หรอ? ถ้าเขาเข้าไปในอันโนว์ดันเจี้ยนหรือ…แม้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่บางทีเขาอาจจะถูกใครสักคนฆ่าตาย?”

“ฉันถามว่ามันใช่เรื่องของแกไหม๊ โกสต์.”

“เย็นชาตามเคยและไม่มีเหตุผล  ไม่นานมานี้เราพึ่งจะเจอกับซีคิล งั้นฉันจะวางไว้ตรงนี้”

“ตอนนี้แกเสร็จธุระแล้วยัง?”

“คุณกำลังบอกให้ผมออกไปแล้ว? คุณมันอารมณ์ร้อนจริงๆ…โอ้! นี่คือรายงานของโปรเจ็ค?”

“…..”

โกสต์แสดงเอกสารด้วยการวางไว้บนโต๊ะของดาร์กเลดี้ด้วยท่าทางขี้เล่น.

ท่าทางของเขาทำให้ดาร์กเลดี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย.

ด้วยสิ่งที่โกสต์ให้ ดาร์กเลดี้เริ่มรวบรวมเอกสาร.

เมื่อเห็นการกระทำของเธอ โกสต์พูด.

“อุฟฟ! ดาร์กเลดี้ คุณทำอย่างนั้นเพราะคุณคิดว่าผมจะแอบมอง? คุณน่ารักกว่าที่คุณคิดไว้อีกนะ.”

เธอกำหมัดด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด.

จิตสังหารปรากฏรอบๆตัวของเธอ.

เธอไม่ชอบท่าทางเหยาะแหยะของโกสต์.

ดาร์กเลดี้พูดอย่างแข็งกร้าว.

“ฉันไม่เข้าใจว่า..แกยังรักษาตำแหน่งหัวหน้าได้อย่างไง? ฉันสงสัยในความสามารถของซีคิลจริงๆ ต้องขอบคุณแกที่ทำให้ความสงสัยของฉันที่เขาเอาตัวตลกบ้าๆนี่มาอยู่ในตำแหร่งหัวหน้า.”

“หืม…บางทีฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ฉันไม่ใช่คนที่เก่งในการไต่เต้า ดันนั้นอย่างเกลียดฉันนักเลย และเธอคงไม่รู้ว่าฉันไม่มีความสนใจในโปรเจ็คนี้เลย?”

“มีอะไรที่แกสนใจ?”

“อืม เดายาก?”

“แกไม่สนใจอะไรเลย ทั้งธุรกิจ,เกียรติยศและแม้แต่ซีคิลรวมทั้งลูกน้องของเขา บอกตรงๆ คลาสของแกและคุณสมบัติของแกและแม้แต่ชื่อเสียงของแกก็เหมือนกับผี ที่ไม่มีวันจับต้องได้ ไม่มีทางที่ฉันจะเข้าใจ.”

“ว้าว! สิ่งที่คุณพูดตอนนี้ทำเอาผมอยากรู้อยากเห็นเลย? หากคุณต้องการรู้ให้มาเล่นกันที่กังวอนโด มาคุยกันขณะกินอาหาร ฉันจะอธิบายทุกำอย่าง เกี่ยวกับมัน?”

“แกช่วยตัดไอ้ท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวได้ไหม?”

“ฮี่ฮี่.”

“ฟู่วว โปรดออกไปให้พ้นสายตาฉัน ฉันไม่ได้เป็นคนที่ว่างมากนัก.”

“ได้ ได้ ฉันจะไปแล้ว แต่…..”

เพียงเสี้ยววินาที ใบหน้าของโกสต์ก็กลายเป็นจริงจัง.

เขาหันไปมองรอบๆและเอามือจับไว้ที่ลูกบิดประตู.

สิ่งที่เขาพูดมันไม่อาจเป็นเรื่องจริงจังหรือเรื่องตลก.

“หยุดใช้ Necklace of Searching โดยเปล่าประโยชน์ โจ๊กเกอร์ตายแล้ว.”

“ตั้งแต่แรกแกไม่เข้าใจเลยงั้นหรอ? หยุดล้อเล่นและออกไป!”

“อุฟฟ ฉันจะกลับมาเล่นด้วยใหม่ ในภายหลัง.”

“ไอ้วิปริตเอ้ย….”

หลังจากที่ออกจากห้องไปแล้วโกสต์ก็พึมพำราวกับพูดกับคนอื่น.

การแสดงออกของเขาไม่ใช่ทั้งการขมวดคิ้วหรือยิ้มแย้มและไม่อาจรู้ถึงการแสดงออกนี้เช่นกัน.

เขามีการแสดงออกที่บิดเบี๊ยวราวกับว่ามีอารมณ์มากมายได้ถูกยัดเข้ามาในทีเดียว.

เขาพึมพำอย่างกับคนบ้าที่เดี๋ยวเชื่องช้า เดี๋ยวได้สติ.

“โจ๊กเกอร์….ตาย….ยางพย็คง….บางที….ฮ่า..อุฟฟฟ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

****

“หืม ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นคำตอบที่ถูกต้องสำหรับคำถามของคุณหรือไม่ แต่มีพอร์ทัลที่นำไปสู่อีกมิติหนึ่งก่อนหน้านี้.”

“เธอแน่ใจหรือว่ามันไม่ใช่ดันเจี้ยนลิซคิง? ประตูที่อยู่ถัดจากทางออกที่ผมหมายถึง.”

จุงโฮ โฮจินและผม.

พวกเราทั้งสามคนมารวมตัวกันอยู่ที่ออฟฟิต.

ผมบอกพวกเขาเกี่ยวกับความสามารถที่อยู่เบื้องหลังของมุกและดาบและถามเกี่ยวกับอันโนว์ดันเจี้ยน.

เมื่อผมได้รับเซ็ตเกราะลิซคิงแรงค์สูง ผมจำได้ว่ามีเกทเกิดขึ้นกับประตูทางออก ประตูสู่นรก.

มันเป็นห้องของบอสตัวที่สอง ที่ซึ่งมีลิซคิง 7 ตัวปรากฏขึ้น.

มันเป็นไปได้ว่าสิ่งที่โฮจินได้พูดถึงคือประตูสู่นรก.

สังเกตถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังในคำถามของผม โฮจินพูด.

“คุณกำลังพูดถึงประตูนรก? มันไม่ใช่อย่างนั้น.”

“โอ้…ถ้าอย่างนั้นมันก็คืออันโนว์ดันเจี้ยน.”

“ฉันไม่อาจชี้ชัดได้ แต่เธออยากฟังไหม?”

“ครับ เราต้องพยายามค้นหามัน โปรดบอกผมด้วย.”

“งั้นก็มาทำกันเถอะ สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากที่ฉันเข้าร่วมสมาคมเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว.”

“มินชอย ไม่รู้เหมือนกับว่าคุณโฮจินกำลังอ่านนิทานก่อนนอน?”

“อุฟฟ.”

“เหอะๆ…มันเป็นวันครบรอบ 25 ปีตั้งแต่ที่พอร์ทัลปรากฏ สมาคมได้เข้าสู่สภาวะฉุกเฉิน เหมือนเดิมทุกๆปี พอร์ทัลเกิดการเติบโตจะระเบิดออก เธออาจจะรู้ว่ามอนเตอร์ที่ปรากฏหลังจากเลเวล 20 ได้เพิ่มขึ้นมาอีกเลเวลหนึ่ง อเวคที่มีอยู่ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น การเติบโตที่เธอประสบความสำเร็จในเวลานั้นมันน่าหัวเราะ….”

โฮจินกลืนน้ำลายก่อนที่จะพูดต่อ.

“… เหมือนทุกปีพอร์ทัลระเบิดออกมาโดยไม่มีการล้มเหลว โชคดีที่มีพอร์ทัลเพียงอันเดียวที่ระเบิดออกมา มันเป็นพอร์ทัลเลเวล 25 ที่การโจมตีทางกายภาพเท่านั้นที่สามารถทำอันตรายกับมันได้ มีการใช้วอริเออร์ 300 และฮีลเลอร์ 100 คนจากสมาคม.”

“มีอเวคหลายคนอยู่ในสมาคมมากมายเมื่อก่อน?”

“ใช่ กิลด์เพิ่งจะเริ่มก่อตั้งในช่วงเวลานั้น.”

“อ่า….”

“ต่อนะ หลังจากที่อเวคได้ถูกปรับใช้แล้ว…มีเพียงแค่หนึ่งร้อยคนที่ได้กลับมาหลังจากที่ได้ล้มบอส จากทั้งหมด 400 คน อัตราการรอดชีวิตมีเพียง 25%.”

“อเวค 300 คนถูกฆ่า….”

“ในเวลานั้น อเวคที่ที่ออกมาจากการเครียร์พอร์ทัลแล้วไม่อาจทำอะไรได้นอกจากอยู่ในนั้น.”

“ทำไมทำงั้น?”

“มันเป็นเพราะมีทางออกสองทาง.”

“หืม…จากสิ่งที่คุณพูด อย่างนั้นมันก็ดูเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับดันเจี้ยนลิซคิง.”

“ใช่ ถูกต้อง เหมือนกับประตูสู่นรก มันได้มีเกทที่ต่างจากทางออกเกิดขึ้น.”

“ถ้าอย่างนั้นในกรณีนี้ มีใครเข้าไปบ้างไหม?”

“มี ในเวลานั้นมีปาร์คจุงชิคที่เป็นหัวหอกเข้าไป.”

“เอาออกมาอย่างมีชีวิตไหม?”

“ไม่ น่าเศร้า เขาได้หายไป.”

“เขาเลือกความบ้าบิ่น.”

“ใช่ เขาทำให้ผู้ที่รอดชีวิตทั้งหมดออกไปทางประตูก่อน เนื่องจากนี่เป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจเอง ทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่.”

“อืม..คุณกำลังพูดว่า อันโนว์ดันเจี้ยนเป็นพอร์ทัลที่เปิดขึ้นมาหลังจากนั้น?”

“อ่า…ได้โปรดคิดว่ามันเป็นเกทที่เปิดไปยังอีกมิติหนึ่งภายในดันเจี้ยน.”

หลังจากที่โฮจินพูดจบผมก็เริ่มดิ่งลงไปในความคิด.

เพื่อหาเหตุผลที่ว่าทำไมเกทถึงได้เกิดขึ้น.

สิ่งนั้นยังคงอยู่ในชั่วเวลาหนึ่ง เมื่อผมเปิดปากขณะที่มองมองโฮจิน.

“ผมสามารถจำกัดเงื่อนไขจำเป็นสำหรับพอร์ทัลด้วยความเป็นไปได้สามอย่าง.”

“เรากำลังคิดเหมือนกัน?”

“ใช่ พี่ด้วย?”

“งั้นอย่างแรกคือ เกทจะเกิดขึ้นเมื่อพอร์ทัลระเบิดเมื่อมันเลื่อนเลเวลขึ้นมา 1 เลเวล แต่มีพอร์ทัลจำนวนมากที่ระเบิดจากเลเวล 1-25 เนื่องจากตอนนี้มีถึงแค่พอร์ทัลเลเวล 25 เท่านั้น ความเป็นไปได้ไม่น่าจะสูง.”

“ถูกต้อง ความเป็นไปได้ที่สองคือมีอัตราที่เกทจะเปิดออกนั้นต่ำกว่าพอร์ทัลเลเวล 25.”

“ถูกต้อง เธอได้เรียนรู้มาบ้างหลังจากที่กลายเป็นอเวคเล็กน้อย กิ้วๆๆ.”

“มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ อันที่สาม เงื่อนไขของมันก็คือมีหลายคนได้ตายลง….”

“เกือบจะเหมือนกับเป็นการสละชีวิตมนุษย์ทำให้ดันเจี้ยนได้รับพลังชีวิตจำนวนมาก่อนที่จะมีการสร้างพอร์ทัล นั่นคือสิ่งที่เธอจะพูด?”

“ความเปิดไปได้ที่สองและสามนั้นมีแนวโน้มมากกว่า.”

“ใช่ ฉันก็คิดอย่านั้นเช่นกัน.”

“มินชอย เธอเคยบอกว่าเธอยังไม่แข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเธอจะอัพเลเวลได้ขนาดนี้ตอนนี้?”

“ใช่ครับ สถานะของ stamina และ dexterity ก็มีความสำคัญเหมือนกัน แต่คุณจะเพิ่มได้อย่างมากจากอาติเฟ็ค.”

“หืม…แล้วถ้านายลงทุกสองวันหล่ะ?”

“ในดันเจี้ยนเลเวล 25?”

“ใช่ ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสน้อยแต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้.”

“ผมต้องไปโรงเรียนอีกครั้งในเวลาใกล้ๆนี้ …คุณคิดว่าผมจะมีเวลาเพียงพองั้นหรอ?”

มันเหลือเวลาอีกสามวันก่อนที่ช่วงปิดเทอมจะจบลง.

แม้ว่าผมไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น ผมก็ต้องไป แต่ผมก็ต้องการหลีกเลี่ยงมันจริงๆ.

เมื่อเป็นอย่างนี้ โฮจินพูดขณะที่มีรอยยิ้มที่คล้ายกับตาลุงซานต้า.

“เดาว่าจุงโฮยังไม่ได้บอกเธอ.”

“อ่า…ผมใจลอยไปหน่อย ลืมไปเลยจริงๆเพราะว่าผมตื่นเต้นกับแหวนของบัลล็อคมากไปหน่อยอะ คุณพี่.”

“หืม? อะไรหรอ?”

“เหอะๆๆ…นายมินชอย แม้ว่าวันหยุดของเธอจะจบลง แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียน.”

“หืมม?”

“ช่าย นายถูกไล่ออก! เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้ง จะมีคนจากสมาคมไปหานาย.”

“วันนี้คุณดื่มอีกแล้วหรอ? คุณจะพูดว่า ‘ฉันก็ต้องการแหวนด้วยเหมือนกัน!’อีกครั้งไหม?”

“เฮ้ย! เฮ้ย! ฉันบอกให้แกลืมเรื่องนั้นไป!”

“ผมจะลืมอะไรแบบนั้นได้อย่างไร?”

“โว๊ยยย…”

“ฉันจัดการเรื่องนี้เอง อย่างไรก็ตามเธอไม่อาจใช้IDของเธอในการเข้าดันเจี้ยน เนื่องจากเธอสามารถใช้IDที่ฉันให้เธอไปได้มันก็ควรจะไม่มีปัญหาใดๆ.”

“คุณไม่ใช่คนจำพวกที่พูดเล่นๆอย่างจุงโฮนะ มันเป็นเรื่องจริง?”

“ใช่ มันเป็นเรื่องจริง.”

“คุณพี่ ไม่ได้ทำงานในสมาคมนานนัก เหมือนกับที่เขาพูด สิ่งที่นายต้องระวังคือการที่นายใช้IDของนางและแข็งแกร่งขึ้น.”

“ว้าว…นี่มันสุดยอดมาก ขอบคุณ คุณโฮจิน.”

“เหอะๆ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ขอบคุณเธอ ทั้งฉันและจุงโฮแข็งแกร่งได้เพราะเธอ.”

เขาไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการนี้เท่าไรนัก.

โฮจินได้ทำให้ผมไม่ต้องเข้าเรียนทั้งปี.

มันเพราะเขาเพิ่งพาผมแล้วตอนนี้ แต่มันก็เหมือนกับว่าสมาคมได้เขี่ยเขาออกราวกับขยะและเขาก็มาอยู่กับผม.

“หืม…ตอนนี้ผมจะดูว่าผมจะได้อะไรจากดันเจี้ยนเลเวล 34หรือเปล่า จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังดันเจี้ยนเลเวล 25 หลังจากที่ได้เห็นมุกและอาวุธจากอันโนว์ดันเจี้ยน ผมอดไม่ได้ที่จะอยากได้มันมา.”

“ช่ายย ทำอย่างนั้นแหละ แต่นายต้องใช้สกิลนานแค่ไหน? มันรู้สึกเหมือนกับว่าเมื่อเวลาผ่านไป…มันจะไม่ระเบิด?”

“อ่า ถูกต้อง ผมต้องทำให้เป็นนิสัยเพื่อที่จะได้เก็บมันไว้ตลอดแม้แต่ตอนพูด.”

ผมหยิบแหวนเก็บสมบัติของบัลล็อคที่ผมได้ใช้สกิลของผมเก็บเอาไว้จากนั้นก็มอบมันให้กับจุงโฮ.

เนื่องจากทำผมได้ใช่สกิลโจมตีของผมทั้งหมดที่มีให้พวกเขา อีกไม่นานทั้งจุงโฮและโฮจินจะสามารถแข็งแกร่งได้ด้วยเวลาที่น่าเหลือเชื่อ.

เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเร็วขึ้นอย่างมาก.

ไม่เหมือนกับผม ที่ผมได้จะได้อัพเลเวลสกิลผ่านจากการล่าเท่านั้น พวกเขาสามารถใช้สกิลได้ที่เลเวลสูงสุดทันที.

มอนเตอร์ส่วนใหญ่จะตายก่อนที่จะได้ตอบโต้.

อ่า! ผมลืมเรื่องการอเวคครั้งที่ไปซะแล้ว.

มันคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะเรียกว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่มนุษย์จะสามารถนึกได้.

ไอเทมที่ผมได้จากดันเจี้ยนเลเวล 34 คืออสติแฟ็คที่รับหลังจากการเอาชนะบอสลับและแก่นที่บกพร่อง.

เนื่องจากผมยังไม่ได้รับมันอีกหลังจากที่อเวคEye of Insight ครั้งที่สอง ผมจึงไม่อาจหาชื่อเรียกของมันได้.

ไม่เป็นไร ผมวางแผนที่จะใช้อเวคเหล่านี้อเวคสกิลทั้งการโจมตีและการป้องกันจากแรงค์A+เป็นแรงค์S

เนื่องจากผมได้รับประโยชน์อย่างมากจากการอเวคครั้งสอง เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเพิ่มความสามารถสกิลหรืออื่นได้สูงขึ้นรวมทั้งความสามารถลับของมันเช่นกัน.

อันโนว์ดันเจี้ยน แก่นอเวคที่บกพร่อง อาติแฟ็คที่ทรงพลัง.

ตอนนี้ผมไม่ต้องไปโรงเรียน แต่การบ้านของผมกลับเพิ่มขึ้น.

มันเหมาะสมอย่างมากกับความโลภของผมที่เพิ่มขึ้น?

“งั้นเราไปล่ากันเถอะ.”

“ตกลง!”

“ไปกันเลย!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset