I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 79. กำไรและขาดทุน

“นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้!”

ขณะที่ผมถือดาบไว้ในมือ สถานะของผมเพิ่มขึ้นเป็นตัน.

STR ของผมเพิ่มขึ้นอย่างมาก อาวุธส่วนใหญ่ส่วนเกี่ยวข้องกับค่า STR.

สำหรับไม้เท้า สถานของมันจะเป็นค่า มานา.

อย่างไรก็ตามอาวุธนี้ยังมีเอฟเฟ็คพิเศษติดมาด้วย.

ดาบมันมีโบนัสและนั่นก็คือสิ่งเหล่านี้.

-Butcher’s Sword-(บุชเชอซอร์ด)

* Strength +2200

* เพิ่ม STR 15%

* ดาบสองมือ

* ได้รับสถาน 5%จากการล้มศัตรู

“… นี่มันบ้ามาก มันเกิดอะไรขึ้นกับเอฟเฟ็คพิเศษเนี่ย…?”

STR ที่ได้จากบุชเชอร์ซอร์ดนั้นมันบ้ามากๆ.

มันเหมือนกับว่าผมถือบันวอนจินชอน 4 เล่ม.

แน่นอนว่าผมไม่อาจได้รับสถานเพิ่มได้หลังจากที่ผมถือครบสองเล่มแล้ว.

รูปร่างที่มีขนาดเล็ก,สั้นและไม่มีน้ำหนักมากนัก.

‘คิดดู นี่คือดายสองมือรึ…’

มันทำให้ผมสงสัยเล็กน้อย.

มันเป็นเพราะอาวุธสองมือส่วนใหญ่นั้นมีขนาดใหญ่อย่าง ดาบบัตตาร์ดหรือเคยร์มอร์.

อย่าไงก็ตามอาวุธนี้แทบจะพอๆกับขนาดของดาบยาวมาตฐาน(Yuggag-do)

มันอาจจะเป็นความผิดหากตัดสินทุกอย่างจากขนาดของมัน.

มันอาจจะสบายกว่าการใช้บันวอนจินชอยทั้งสองข้าง.

สิ่งที่ผมสงสับก็คือเอฟเฟ็คที่ติดมากับมัน.

‘ได้รับสถาน 5%จากการล้มศัตรู.’

เนื่องจากมอนเตอร์ไม่ได้มีสถาน นี่อาจจะหมายความว่าจะได้รับมันจากการฆ่าคนเท่านั้น.

สามารถได้รับค่าสถานพิเศษจากอเวคคนอื่นเท่านั้น.

มันเป็นชื่อที่ตรงตัวจริงๆ.

ความทฤษฏีแล้ว การที่จัดการคนที่STR 500 แต้มนั่นก็หมายความว่าผมจะได้ STR 25 แต้ม.

มองในมุมกลับแล้วนี่คือความสามารถที่น่าทึ่ง.

แท้ง,นักเวทย์,แอสซาซิน,วอริเออร์,ฮีลเลอร์.

สถานที่พวกเขาใช้นั้นแตกต่างกัน.

นักเวทย์และฮีลเลอร์ส่วนใหญ่จะเพิ่มไปที่ค่ามานา มันจะมี STR และ  STA ไม่มากนัก.

อย่างไรก็ตามด้วยการดูดซับสถานอย่างวอริเออร์ที่ส่วนใหญ่จะเพิ่มไปที่ค่า STR,STAและDEX ผมจะได้รับค่าสถานที่ปกติยากจะได้รับในการเพิ่มเลเวล.

“เอฟเฟ็คเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกัน….แต่คนที่ออกมาเหล่านั้นก็สมควรจะถูกขโมยสถาน.”

ชายคนที่พึมพำกับตัวเองอยู่ในใจ.

ผมเดาว่าเขาน่าจะเป็นโกสต์.

เดินไปมารอบๆผม เขาน่าจะเป็นพวกน่ารำคาญไม่น้อย.

ไม่เพียงแค่เขา แต่ยังมีลูกน้องอีกด้วย.

พวกมันทั้งหมดจะกลายเป็นสถาน,เนื้อและเลือดเพื่อให้ผมเติบโตขึ้น.

คุณกำลังพูดว่าผมโหดร้ายหลังจากที่สังหารกิลด์โนเบลซและโจ็กเกอร์งั้นหรอ?

ผมกำลังทำเหมือนกับชีวิตคนเราเป็นเหมือนมด?

ไม่ นั่นไม่ใช่เลย.

แม้แต่สุนับขก็ยังต้องเห่าหอนเมื่อเห็นใครบางคนมาขโมยอาหารของมัน.

และกรณีอย่างผม มันคงจะเป็นคนขายสุนัขที่พยายามใส่ปลอกคอให้ผม

มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะแยกเขี้ยวและกัดด้วยพลังทั้งหมดของผม.

ผมเก็บอารมณ์ตัวเองลงหลังจากรู้สึกโกรธขณะที่ผมคิดเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกเขา ความสามารถยังคงเป็นของที่ดรอปลงมา.

ผมตรวจสอบเกราะและดาบเสร็จแล้ว.

ผมแน่ใจว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นของที่พิเศษ.

จากอเวคทั้งหมดในตอนนี้ อาจไม่มีใครสวมใส่สิ่งเหล่านี้ได้.

นอกเหนือจากอเวคคนอื่นๆอย่างโจ๊กเกอร์หัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรง.

ของเพียงอย่างเดียวที่เหลือคือเหล่าเครื่องประดับ.

แหวน,สร้อยและกำไร ดรอปออกมาอย่างครบชุด.

เครื่องประดับที่ผมสวมประกอบไปด้วยแหวนหัวกระโหลกที่เพิ่ม STR 20 แต้มและเซ็ตลูวเวอร์

อย่างไรก็ตามเอฟเฟ็คจากเซ็ทลูวเวอร์นั้นมีประโยชน์ในการต่อสู้และลงดันฯ

แหวนหัวกระโหลกผมก็ไม่อาจทิ้งมันไปได้เพราะมันเป็นของที่ผมใช้เงินของตัวเองซื้อมา.

จากอาติเฟ็คทั้งหมด คุณสามารถบอกได้ว่านี่เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในการเพิ่มค่าสถานของผม.

อย่างแรก ผมตรวจสอบกำไล.

แทนที่จะเป็นกำไล มันเหมือนกับสายรัดข้อมือมากกว่า.

คุณสามารถบอกได้ว่ามันเป็นสายรัดข้อมือขนาด 10 ซม.หรือรัดแขน?

[Eye of Insight]บอกว่ามันเพิ่มค่าสถานมานาของผม.

“เออ ขยะ ชิ้นต่อไป.”

ผมโยนมันลงในกองบลัดสโตนทันที.

จากสถานทั้งหมดที่มันเพิ่มได้ ทำไมต้องเป็นค่ามานาด้วย.

และนี่ก็ไม่ใช่อันแรกซะด้วย.

อุปกรณ์ที่ผมได้รับจากการฆ่ามอนเตอร์อย่างต่อเนื่องมักจะเพิ่มแค่ค่ามานาเท่านั้น.

มันคงแปลกที่จะพูดว่าคนที่มีความสามารถมานาไม่มีวันหมดอย่างผมโชคร้ายจริงๆ แต่เมื่อดูไปที่อุปกรณ์เหล่านั้น ผมก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ.

ความผิดหวังของผมอยู่ในเวลาสั้นๆ สร้อยที่ดรอปมาดูดีทีเดียว.

มันคือ Necklace of Searching.

ถ้าคิดถึงคนที่ผมรู้จักและใช้สร้อยคออันนี้มันจะเปิดเผยตำแหน่งของเป้าหมาย.

อย่างไรก็ตามหากเป้าหมายอยู่ในดันเจี้ยนหรือพอร์ทัลมันก็ไม่อาจค้นหาได้.

มันเป็นสิ่งที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้แย่นัก.

อย่างสุดท้ายที่ผมตรวจสอบคือแหวน.

ผมหวังว่ามันจะเป็นสิ่งที่จะมาแทนที่แหวนหัวกระโหลกของผม.

อย่างไรก็ตามดูจากรูปร่างของมัน ผมรู้สึกว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยผมเท่าไรนักเพราะมันอาจจะเพิ่มค่าสถานที่ผมไม่ต้องการ.

หากยังไม่พอชุดเกราะทั้งหมดของผมมีสีแดง ตอนนี้ก็แหวนดอกไม้ฟุ้งฟิ้ง.

ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นดอกอะไร แต่มันเป็นรูปดอกตูม.

ผมตรวจสอบสถานแหวน.

-Trade with the Reaper-

* บุปผาบานเมื่อชีวิตของผู้ใช้หายไป.

* ได้รับชีวิตใหม่.

* จำกัดให้ใช้ครั้งเดียวต่อหนึ่งคน.

“แจ๊กพอต.”

ทั้งดาบและแหวน ตอนนี้ก็โฮมรันแล้ว.

เมื่อมองไปที่เอฟเฟ็คเราสามารถพูดได้ว่าแหวนนี้มีความสามารถในการชุบชีวิต.

คำอธิบายว่ามันจะให้ชีวิตใหม่เมื่อชีวิตเก่าหมดไป.

อย่างไรก็ตามมันใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน.

ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นมันก็เพียงพอแล้ว.

ถ้าได้แหวนและกำไล เท่ากับว่าจะใช้ได้ถึงสองคน.

นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ที่คุณสวมใส่จะต้องอยู่บนมือและอุปกรณ์เพียงสองอย่างแรกที่สวมเท่านั้นที่จะเพิ่มสถานหรือเอฟเฟ็ค.

ผมใส่แหวน[Trade with the Reaper]ไว้ในกระเป๋าของผมและสวมแหวนกระโหลกอีกครั้ง.

เจ้าของแหวนนี้คงไม่ใช่ผม แต่เป็นแม่ของผม.

แม้ว่าเธอจะได้รับการปกป้องด้วยสกิล[Proof of Pledge] ผมสามารถเห็นความน่ารังเกียจได้ของพวกฝ่ายหัวรุนแรง

มันไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการข้อจำกัดในการสวมใส่.

เหนือสิ่งอื่นใด แม่ต้องได้นับสถานเหมือนกับผม ดั้งนั้นเธอต้องสวมได้แน่นอนและมันจะแสดงความสามารถของมันในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.

“เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพบมิมิค กระเป๋าของเราจะล้นตลอด.”

เกราะและดาบและบลัดสโตนนับไม่ถ้วนที่ดรอปลงมา.

ยิ่งไปกว่านั้น แก่นแท้แห่งความเข้าใจและแก่นอเวคแตก.

ผมรวบรวมมันหลังจากที่ดรอปจากมิมิคเลเวล 34 และออกจากดันเจี้ยน.

****

ดาร์กเลดี้ผู้ซึ่งได้ยินว่าโจ๊กเกอร์ตายแล้วจากโกสต์กำลังอยู่ในสภาวะกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย.

คนที่มีความสามารถในการโจมตีที่รุนแรงที่สุดคือ โจ๊กเกอร์.

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยแพ้ในการดวลตัวต่อตัว.

ดาร์กเลดี้เลิกคิ้วถาม.

“โจ๊กเกอร์แพ้?”

“ฉันแน่ใจ พวกเขาต่อสู้กันในอาคารร้างของสมาคมอเวคในยางพย็อค.”

“นายรู้ได้ไง….ไม่สิ เขาเป็นใคร?”

“อุฟฟ ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่สิ่งหนึ่งที่คิดไว้ ผมตามเด็กที่ดูไร้เดียงสานี้ต่อไป.”

“เด็กชาย? คุณกำลังพูดถึงคนเดียวกันหรือเปล่า?”

“ใช่ มันไม่มีใครผิดปกติที่ฉันเฝ้ามองอยู่นอกจากเขา.”

“นั่นไม่สมเหตุผลเลย นายกำลังพูดว่าโจ๊กเกอร์ถูกเด็กชายคนหนึ่งจัดการ? นี่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความสามารถของนาย? หากเป็นอย่างนั้นนายก็ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ มันจะดีกว่าถ้านายจะออกไปและเริ่มธุรกิจในการทำนาย แต่นายก็พูดเรื่องไร้สาระอย่างนี้ ต่อไปธุรกิจของนาคงจะจบลงในไม่ช้า.”

“อุฟฟฟ! ดาร์กเลดี้ เธอจำได้ไหม? คนนั้นถูกโจ๊กเกอร์จับตามอง.”

“คนเดียวกับที่เขาเฝ้ามองด้วยตัวเองแทนที่จะส่งคนในกิลด์ไป?”

“ใช่ ใช่! โจ๊กเกอร์รายงานกับซีคิลว่าเขาจะเป็นคนจัดการด้วยตัวของเขาเอง จากที่เขาพูดมาเกี่ยวกับเรื่องมานาไร้ที่สิ้นสุด ผมคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่ คุณคิดว่าไง? มันไม่ใช่เรื่องตลกใช่ไหม?”

“เขาเป็นใครที่ฆ่าคนในกิลด์ได้อย่างโจ๊กเกอร์? โจ๊กเกอร์ ที่แข็งแกร่งที่สุดในการต้อสู้ตัวต่อตัว ถูกเขาล้มด้วยตัวของเขาเอง?”

“โฮ้! โฮ่! นั่นถูกต้อง!”

ดาร์กเลดี้จมอยู่ในห้วงความคิด.

ภายในหัวของเธอกำลังตีกันวุ่นวาย.

สิ่งที่ทำให้หล่อนตกอยู่ในความาระส่ำระส่ายคือการตายของโจ๊กเกอร์.

เธอคิดว่ามีโอกาสเล็กน้อยเพียง 1% ที่เขาจะตายจริงๆ.

หากเขาตายไปเธอคิดว่ามันอาจจะเป็นการชนะด้วยการใช้กลุ่มที่ทรงพลังมากเข้ารุ่ม.

แต่โกสต์ก็ได้บอกแล้วว่าเขาแพ้ด้วยคนเพียงคนเดียว.

โจ๊กเกอร์ผู้ที่มีกำลังที่แข็งแกร่งที่ดาร์กเลดี้ไม่อาจเผชิญหน้าได้.

โกสต์มองไปยังใบหน้าที่ยับย่นของเธอและพูด.

“เธอจะทำยังไงต่อ?”

“…..”

“เธอจะไปรายงานกับซีคิลไหม? หรือว่าเราควรจัดการกันเอง?”

“เรา?”

“แน่นอน เรา! เหลือแค่สองหัวหน้าเท่านั้น.”

“ฉันไม่คิดว่าความสามารถในการทำนายอนาคตของนายจะช่วยอะไรในการต่อสู้ได้เลย ฉันจะไปรายงานกับซีคิลทันทีและฉันจะทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น.”

“เธอนี่ไม่สนุกเลย.”

โกสต์พูดขณะมองเหมือนกับเด็กที่ผิดหวัง.

จากนั้นก็กลายเป็นบุคคลที่แตกต่างออกไป โกสต์พูด.

“ฉัน…ฆ่าเขาได้….”

“ห๊ะ?”

“ฉันฆ่าไอ้เด็กนั่นได้.”

“แกมันบ้า เขาเอาชนะโจ๊กเกอร์ได้ เขาแข็งแกร่งกว่าที่นายจะจัดการได้อย่างแน่นอน ฉันหวังว่าแกจะไม่ทำอะไรด้วยตัวเอง โกสต์หากแกตายมันจะเป็นการทำให้แผนการของเราหยุดชะงักครั้งใหญ่…”

“ฮี่ฮี่…ฉันจะฆ่าเขา! ฉันรับมือเอง!”

ครู่หนึ่งสติของเขาก็หายไป.

มานาที่หดตัวอยู่รอบๆของเขาปะทุออกมา.

ราวกับว่าเขาไม่รู้วิธีใช้มัน แต่ก็เป็นเรื่องง่ายพอที่จะบอกได้จากมานาว่าการควบแน่นเหล่านี้มีประสิทธิภาพเพียงใด.

“ใจเย็นโกสต์.”

ดาร์กเลดี้ใช้สกิลป้องกันโดยไม่รู้ตัว.

ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยจิตสังหารจำนวนมากออกมา.

ดาร์กเลดี้รู้สึกกลัวเมื่อมองไปที่ระเบิดเวลา เธอไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่.

หลังจากที่พายุมานาที่เขาปล่อยจางหายไป โกสต์ก็สงบลงจากความตื่นเต่นและดวงตาของเขาก็บ่งบอกว่าเขาได้สติกลับมา.

เธอคิดว่าพฤติกรรมที่ผิดปกตินี้สิ้นสุดลงแล้ว แต่จากนั้นร่างของโกสต์ก็เปลี่ยนไปเป็นคนบ้า มันเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

จากเด็กไปจนคนชรา.

ร่างของเขาเปลี่ยนไปจากมอนเตอร์ไปเป็นสัตว์ป่า,ปีศาจไปเป็นภูตผี มุมมองของดาร์กเลดี้เปลี่ยนไปแทบจะทั้งหมด

จิตสังหารและความรู็สึกก็เพียงพอที่จะบอกว่ามันเป็นเหมือนกับฝันร้าย.

เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว??

จิตสังหารกระจายไปเต็มอากาศและโกสต์ก็ควบคุมตัวเองได้.

“ฮ่า…. ฮ่า….”

“….”

“สองวัน สองวันก็พอแล้ว.”

“…..”

“จากนี้ไป มันเป็นความลับ! โอเค๊?”

หลังจากพูดอย่างนั้นโกสต์ก็ออกไปด้านนอก.

ดาร์กเลดี้ยังคงถูกกดดันจากพลังที่ไม่รู้จัก.

ลมหายใจที่พ่นออกมา เธอตัวสั่น.

“มะ…มอนเตอร์ เขาไม่ใช่มนุษย์.”

เธอถูกผลักให้ถอยกลับโดยโจ๊กเกอร์ในระหว่างการต่อสู้ แต่เธอก็ยังคงมีพละกำลังมากกว่าอเวคทั่วๆที่จะสามารถจิตนาการได้.

แต่เธอ แม้ว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เธอก็รู้สึกกลัวอย่างมาก.

ตลอดเวลามา เธอสงสัยความสามารถของโกสต์.

ท้ายที่สุด ชายผู้นี้ก็ยังน่าสงสัยว่าเขาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าได้อย่างไร.

แต่ในเวลาสั่นๆ สิ่งที่เธอเห็นนั้นแจ่มแจ้งแดงแจ๋.

ยางคนที่เธอไม่อาจเอาชนะด้วยกำลังของเธอ.

เขาเป็นดั่งสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้.

****

“วิ้วว ฉันปล่อยใจอีกครั้ง ถ้าฉันคิดเกี่ยวกับเขา ฉันจะตื่นเต้นเหมือนอย่างนี้.”

โกสต์กลับไปที่ฐานที่เป็นบ้านของเขาที่กังวอนโด.

เขาสั่งให้ลูกน้องทุกคนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขามารวมกันที่นี่.

โกสต์ไม่เคยสนใจลูกน้องของเขา

เขาไม่เคยสั่งหรือแม้แต่ทำงานตามโปรเจ็ค ไม่แม้แต่ครั้งเดียว.

อย่างไรก็ตาม นี่คำสั่งแรกของเขา ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ต่างก็เต็มไปด้วยท่าทางที่สับสนและไม่อยากจะเชื่อ.

ในสถานที่แห่งนี้โกสต์เปิดปากของเขา

“ว้าว มีพวกนายอยู่กี่คน? ทุกคนอยากไปลงดันกับฉันไหม?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset