I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 81. ผู้ที่ประสบความสำเร็จได้เพราะพวกเขาพยายาม ไม่เหมือนกับพวกที่ไม่พยายามแต่อยากประสบความสำเร็จ

[TL:ชื่อตอนโครตพ่อโครตแม่ยาวเลยคราฟพี่น้อง]
[TL:ability จากอุปกรณ์ เปลี่ยนจาก ความสามารถ เป็น อบิลิตี้ แปลตรงตัวนะครับเพื่อกันความสับสน(ของผมเอง)]

ในดันเจี้ยนเลเวล 28.

มันเป็นเวลานานแล้วที่ผมได้เข้ามาในที่แห่งนี้ แต่เรื่องจากผมได้มาถึงจุดที่รู้สึกเบื่อกับดันเจี้ยน มันเลยไม่มีความตื่นเต้นอีกต่อไป.

สิ่งเดียวที่ผมหาคือพลังที่ได้จากการหยั่งรู้สกิลที่กำลังร่ายใส่พวกลิซาร์ดแมน.

ผมมาถึงดันเจี้ยนอย่างรวดเร็ว.

รอบๆตัวของผมเต็มไปด้วยเสียงของพวกมัน.

“KURURU!”

“KEREK!”

ตามทางที่ผมผ่านมาเต็มไปด้วยลิซาร์ดแมนหลายร้อยตัวปรากฏขึ้น.

ถ้ามันเป็นการลงดันปกติผมจะต้องวิ่งไปจนสุดทางเพื่อรวบรวมมอนเตอร์ทั้งหมด ดังนั้นผมจึงเครียรดันเจี้ยนได้อย่างรวดเร็ว.

อย่างไรก็ตามผมมาที่นี่เพื่อทดสอบสกิล ดังนั้นผมจึงรวบรวมพวกมันเพียง 1/3 ของลิซาร์ดแมนทั้งหมด.

จากนั้นผมก็ใช้สกิลหลักของผม เมเทโอ.

ก่อนหน้านี้มันมีเพียงอุกกาบาตเพียงลูกเดียวเท่านั้นที่ตกมาจากด้านบน.

อย่างไรก็ตามตอนนี้มีอุกกาบาตสามลูกที่ผมสามารถมองเห็นได้.

ภายใต้สายตาของผม ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา.

อุกกาบาตได้ปล่อยเปลวไฟสีดำเข้มออกมาอย่างมากมาย ราวกับกำลังจะขอให้ผมรีบเลือกเป้าหมายที่พวกมันจะได้ไปทำลาย.

ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมก็ต้องทำให้มันสมความปรารถนาแน่นอน.

อุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งไปยังตำแหน่งที่ผมเลือก.

ไม่ใช่แค่หนึ่งลูก แต่เป็นทั้งสามลูก.

ผมไม่ได้เน้นไปที่จุดเดียว แต่เลือกให้มันกระจายไปทางกลุ่มลิซาร์ดแมนทั้งสามตำแหน่ง.

ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้เพิ่มเพียงแค่จำนวนอุกกาบาตเท่านั้น.

ผมยังรู้สึกได้ถึงพลังทำลายล้างที่เปลี่ยนแปลงของมัน.

มานาชิลด์ของผมไม่เคยสั่นขนาดนี้มาก่อน ผมเว้นระยะห่างระหว่างผมกับมอนเตอร์.

ไม่ว่าอุกกาบาตจำนวนมากที่ผมเคยเสกออกมาเรื่อยๆ เปลวไฟและคลื่นกระแทกก็ไม่เคยมาถึงตัวผมมาก่อน.

การระเบิดของมันทำให้รู้สึกว่ามันสามารถทำให้โลกหายไปได้ครึ่งนึงเลยทีเดียว.

พลังทำลายของทำลายทั้งเลือดและเนื้อของลิซาร์ดแมนให้กลายเป็นชิ้นๆ.

หลังจากที่ผมเห็นดันเจี้ยนพังแล้วผมก็พูดไม่ออก.

พลังทำลายขนาดนี้เป็นแค่การทำลายของหนึ่งสกิลเท่านั้น…

“อ่า….นี่คือ….พลังของหยั่งรู้ไปแล้ว…?”

ผมไม่กังวลเกี่ยวกับคราบเลือดที่อยู่ตรงหน้าของผมแม้แต่น้อย.

ผมทำได้แค่อุทานว่ามันบ้าขนาดไหน.

ผมยืนอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเปลวไฟจากเมเทโอมอดดับ.

หลังจากที่หายจากความกลัวแล้ว ผมก็ต้องการยืนยันผลลัพธ์ของ”สัตว์ป่า[Wild Beast]”จากสกิล the Formless Sword Aura

เมื่อผมเดินเข้าไปในดันเจี้ยน ก็มีลิซาร์ดแมนโผล่ออกมาหนึ่งตัว.

เนื่องจากการโจมตีทางกายภาพไม่ได้ผล ผมว่ามันน่าจะได้รับ ดาเมจ เป็น 0.

ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว ผมเพียงแค่อยากเห็นเอฟเฟ็คของสกิล.

-slice!

“KURAL!”

บุชเชอร์ซอร์ดได้ผ่าร่างของมันออกตรงๆ.

อย่างที่คิดไว้ มันไม่ได้รับดาเมจ และยังคงเหวี่ยงอาวุธมาที่ผม.

อย่างไรก็ตามผมไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆ ผมยังคงเหวี่ยงดาบที่เคลือบด้วย Formless Sword Aura จนกระทั่งสกิลลับ สัตว์ป่าถูกใช้.

“KURUHHH!”

“เสียงมันไม่ดังไปหน่อยเลยไง๊?”

ไม่มีมอนเตอร์ตัวไหนคำรามเสียงดังได้ขนาดนี้.

อย่างไรก็ตาม ผมได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างหรือตัวไหนหอนขึ้นอย่างแน่นอน.

คำถามของผมอยู่ได้ไม่นาน.
ผมได้รับผลสกิล เฟรียร์[Fear] ผมได้เห็นร่างกายของผมที่เปล่งแสงสีแดง

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วที่เพิ่มขึ้นของออร่าซอร์ดนั้นเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ไม่อาจเทียบได้กับความเร็วก่อนหน้า.

นั่นไม่ใช่เรื่องเดียวที่น่าแปลกใจ.

ลิซาร์ดแมนที่มีความทานต้านดาเมจทางกายภาพ 100%.

อย่างที่ผมบอกไว้ก่อนหน้านี้ ผมไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้กับพวกมันโดยไม่ใช่ Formless Sword Aura.

แต่ในกรณีนี้ ลิซาร์ดแมนที่นอนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้าของผม.

ตามมาด้วยลิซาร์ดแมนด้านหน้ากลายเป็นหมอกสีแดงแทน.

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที.

ร่างกายของผมแข็งประมาณ 1 นาทีหลังจากเปิดการใช้งาน.

สัตว์ป่า ทำให้ผมได้รับความเร็วในการโจมตีและพลังโจมตีจำนวนมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ.

ดูเหมือนว่า สัตว์ป่า จะเสริมสร้างความเสียกายทางกายภาพเพิ่มขึ้น 100% ให้กับ Formless Sword Aura จนกลายเป็นการโจมตีด้วยเวทย์มนต์แทน.

ถ้าผมสามารถใช้ สัตว์ป่า ด้วย Formless Sword Aura ขณะที่ต่อสู้ 1-1…

พวกเขาจะกลายเป็นละอองเลือดเช่นเดียวกับลิซาร์ดแมนตัวนี้.

****

หลังจากจัดการมอนเตอร์ทั้งหมดในดันเจี้ยนแล้ว ผมก็เดินออกมาข้างนอก.

การหยั่งรู้สกิลที่ผมได้ทดสอบนั้นมันแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของผม.

ไม่มีใครนอกจากผมที่ได้หยั่งรู้สกิล.

แม้แต่คนที่โชคดีพอที่จะได้รับแก่นหยั่งรู้พวกเขาก็ต้องคิดว่ามันเป็นแก่นแตกๆและเอามันมาวางเป็นของโชว์แทน.

เราไม่สามารถเพิ่มเลเวลสกิลของเขาหรือเธอได้ถึง 200 ขณะที่การใช้มานาของแต่ละคนมีจำกัด

ผมไม่มีวิธีทดสอบมานาชิลด์หลังจากหยั่งรู้มันได้.

หลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์ถึงความรุนแรงของทั้งสองสกิลแล้วผมก็กลับบ้าน.

ตามปกติของผม ผมเก็บเกราะไว้ที่มุมๆหนึ่งของห้อง.

จากนั้นก็นำดาบไปวางไว้ในลิ้นชักและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ.

อย่างไรก็ตามขณะที่อาบน้ำผมได้ยินเสียงแปลกๆ.

มันเกือบจะเป็นเหมือนกับเสียงของเหล็กขีดกัน.

ผมจดจ่อไปที่เสียงโดยเฉพาะได้ด้วยอบิลิตี้ทางกายภาพที่น่าทึ่งจากสเตตัสของผมหลังจากที่ได้อเวค.

ผมรู้สึกราวกับว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากห้องของผม.

ขณะที่มันเกิดขึ้นผมก็เลิกอาบน้ำทันทีและเปิดประตูห้องของผม.

“…..”

ภาพที่เห็นด้านหน้าผมทำให้ผมค่อนข้างสับสนเพราะมันอัศจรรย์เกินกว่าที่ผมจะเข้าใจได้.

บุชเชอร์ซอร์ดที่ผมได้มันมาและเอากลับมาที่บ้านมีประกายไฟพุ่งออกมา.

มันเป็นเพราะอบิลิตี้ของดาบ?

นั่นอาจจะไม่ใช่ การที่ขโมยอบิลิตี้ 5% จากเป้าหมายที่ถูกมันฆ่า.

จับใจความว่ามันใช้ได้เฉพาะมนุษย์เท่านั้น หากจะพูดให้ตรงๆคือเฉพาะ อเวค.

“แล้วนี่มันอาจจะเป็นไปได้….โอ้ววว?”

เมื่อผมมองไปที่มัน ขณะที่ผมถือมันจะติดไฟไหม.

“อ่า ห้า!”

ผมรู้ถึงสาเหตุที่บุชเชอร์ซอร์ดมีประกายไฟออกมา.

เป็นเพราะดาบที่ผมได้รับจากการฆ่าโจ๊กเกอร์ ทวินเบลดอาชูร่า*

[TL:เปลี่ยนจากของเก่า(ดาบคู่อาชูร่า)].

ไม่มีใครสามารถใช้ดาบนั้นได้แม้แต่เล่มเดียว.

ดังนั้นแม้จะเป็นอาวุธที่มีพลังโจมตีสูง แต่มันก็ไร้ประโยชน์กับผมอย่างสิ้นเชิง.

บางทีผมอาจจะฝนให้มันเป็นมีดทำครัว มันอาจจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้.

อย่างไรก็ตามฉากด้านหน้าที่ผมเห็นคือทวินเบลดที่อยู่มุมห้องได้ระเหยกลายเป็นพลังงานและซึมเข้าไปในบุชเชอร์ซอร์ด.

ผมเห็นมันด้วยตาของตัวเอง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม.

ทำไมมันถึงเกิดขึ้นอย่างนี้?

บางทีมันอาจจะมีอบิลิตี้ลับในการดูดซับสเตตัสของอาวุธทั้งหมด?

เพื่อการยืนยัน ผมเอาดาบแรงค์M/Fที่ผมได้รับจากจุงโฮก่อนหน้านี้.

จากนั้นผมก็วางไว้ข้างๆบุชเชอร์ซอร์ด.

ผมหวังว่ามันจะดูดซับเช่นกัน.

อย่างไรก็ตาม ดาบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.

ในขณะที่มันเกิดขึ้นกับทวีนเบลดหลังจากที่ดูดซับเสร็จสิ้นและตอนนี้สันดาบก็เกิดเขี้ยวฉลามขึ้น.

นี่เป็นการคาดเดาเท่านั้น แต่อาวุธที่ถูกดูดซับนั้นมาจากอันโนว์ดันเจี้ยน.

บางทีอาวุธที่ไม่มีเจ้าของอาจจะถูกดูดซับด้วยพลังบางอย่างของดาบเพื่อค้นหาเจ้านายคนใหม่.

ผมใช้ Eye of Insight กับดาบทันที.

ผมอยากรู้ว่ามันได้สเตตัสมาเท่าไร.

-Butcher’s Sword-

*Strength +2200+350

*Dexterity +150

*เพิ่ม STR 15%

*ดาบสองมือ

*ดูดซับสเตตัส 5% จากการเอาชนะศัตรู

“มันอาจจะเพราะว่าได้ขโมยสเตตัสจากอาวุธระดับสูง?”

มันไม่น่าแปลกใจเลย.

มีสเตตัสกว่าครึ่งนึงของทวินเบลดอาชูร่าเพิ่มเข้ามา.

ไม่มีเอฟเฟ็คการเพิ่ม % ของ DEX และ STR แต่การได้รับ สเตตัส 500 แต้มมันก็ถือว่าเป็นการขโมยมาไม่น้อย

สเตตัสที่เพิ่มมาเทียบเท่ากับการเพิ่มเลเวลถึง 100 เลเวล.

ผมเก็บไว้ที่มุมห้องเพราะมันยากที่จะกำจัดมัน แต่เมื่อคิดว่ามันมีประโยชน์จากผม.

ช่วงเวลานี้มันก็เหมือนกับคำพูดโบราณว่า ‘คนที่ประสบความสำเร็จก็มักจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร.’

“ฉันจะนอนหลับได้ไงในเมื่อมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”

****

วันต่อมา.

ลีโฮกุนรวบรวมกำลังทั้งมาที่ล็อบบี้อีกครั้ง.

วันนี้เป็นวันรวมพล.

นี่เป็นครั้งแรกที่โกสต์เรียกรวมตัวฉุกเฉิน.

พวกเขากังวลว่าสถานการณ์ที่ไร้สาระจะเกิดเหมือนกับเมื่อวานอีกครั้ง.

อย่างไรก็ตามราวกับว่าความสนุกจากความกังวล มันไม่ได้ใช้เวลานานก่อนที่โกสต์จะปรากฏตัว.

นอกเหนือกว่านั้นเขายังมาด้วยรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากปกติอย่างสิ้นเชิง.

ไม้เท้าและดาบสั้นอยู่ในมือแต่ละข้าง.

เกราะที่เปล่งประกายสีทองอยู่บนร่างของเขา.

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเห็นเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้มาก่อน.

โกสต์มักสวมเสื้อยืดหรือเสื้อตัวใหญ่หลวมๆตามปกติ.

ชุดเกราะของเขาอยู่ที่ออฟฟิศเสมอ.

นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น.

การแสดงออกของเขาและแม้แต่วิธีการเดินของเขาก็ราวกับเป็นคนอื่น.

โกสต์หยุดเดินและพูดพร้อมกับการแสดงออกอย่างจริงจัง.

“รวมตัวกันครบไหม?”

สำหรับคำถามของเขา รองหัวหน้าลีกุมโฮตอบ.

“ครับ! ทั้งหมด 481 คน พวกเรามารวมตัวกันหมดแล้ว.”

“ดี.”

เขามองไปที่กองกำลังทั้ง 8 ทีมที่เป็นสมาชิกฝ่ายหัวรุนแรง.

เนื่องจากการแสดงออกที่จริงจังของเขาไม่มีใครกล้ากลืนน้ำลายต่อหน้าของเขาได้.

ความเงียบที่มีเวลาสั้นๆก็ถูกเขาทำลายลง.

“เราจะใช้เส้นทางไปที่ พาจู.”

“ครับ! หัวหน้า!”

“ครับ! หัวหน้า!”

ล็อบบี้เต็มไปด้วยเสียงของสมาชิกของฝ่ายหัวรุนแรงหลายร้อยคนดังขึ้น.

ฉากนี้คล้ายกับการรับคำสั่งของทหาร.

เมื่อเสียงตอบรับหยุดลง เขาก็พูด.

“ฝ่ายตรงข้ามมีคนเดียว แต่พวกคุณไม่อาจประมาทเขาได้ ผมหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจได้ดี ว่าการที่ผมต้องระดมสมาชิกเกือบๆ 500 คน.”

“….”

“ได้โปรดสั่งการพวกเราครับ หัวหน้า!”

“เวลาตอนนี้คือ 13.30 น. สถานที่รวมพลจุดที่สองคือ พาจู รวมตัวกันเวลา 20.00 น. อย่าใช้วาป ในอีก 7 ชั่วโมงข้างหน้าแต่ละทีมจะต้องไปถึงที่นั่นโดยไม่เป็นจุดสนใจ เราจะต้องเคลื่อนกำลังจากจุดที่ 2 ไปอีก 1 กิโลเมตร ไปได้!.”

โกสต์ออกคำสั่งง่ายและกระชับ ก่อนที่โกสต์ได้ออกจากอาคาร.

หัวหน้าทีมแต่ละคนก็แยกย้ายออกตามไปด้วย.

มันเหมือนกับว่า นี่คือภารกิจแรกและเป็นภารกิตสุดท้ายของพวกเขาได้เริ่มต้นแล้ว.

****

ไม่นานมานี้ตั้งแต่ที่ผมเข้าดันเจี้ยนเลเวล 34 ที่อยู่ในพาจู กับจุงโฮและโฮจิน.

มันเป็นเพราะต้องการโชว์การหยั่งรู้สกิลที่ผมใส่เข้าไปในแหวนบัลล็อค.

พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังเลือนไปเป็นดันเจี้ยนเลเวล 23 หลังจากที่ล้มกูลลงได้.

เพียง 3 สัปดาห์ก่อนที่พวกเขาได้รวมกลุ่ม 6 คนเพื่อเครียร์ดันเจี้ยนเลเวล 13.

มันเกือบจะเพียงพอที่จะทำให้ผมสงสัยว่านี่คือคนที่เรากำลังพูดถึงตอนนั้นขณะที่เขากำลังสับสนกับชีวิต(ตอนจุงโฮเมา).

ผมล่าพวกมันเป็นเวลาสองชั่วโมงหลังจากที่พวกเขามาหาผมตอน 18.00 น..

ผมไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ผมต้องลากสองคนนี้ไปด้วยตอนที่พวกเขาบอกว่ารู้สึกแย่และอยากกลับบ้าน.

ในระหว่างในดันเจี้ยนเฉิน ผมก็ชาร์จแหวนด้วย.

“ฮยอง แหวนชาร์จเสร็จแล้ว คุณสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกงวล.”

“หืม…มันคงจะเยี่ยมมากถ้าจะใช้ชิลด์ลงไปด้วย มันช่างน่าอายจริงๆ.”

“ผมรู้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นสกิลโจมตีเท่านั้นถึงจะใส่ได้”

แม้ว่าทั้งสองคนจะบ่นเรื่องแหวน แต่พวกเขาก็มีรอยยิ้มแป้น.

“อ่า! จากนี้ไป นายต้องใช้สกิลป้องกันขณะที่นายใช้เมเทโอ.”

“โอ้ ผมเข้าใจแล้ว ตอนที่เราเห็นมัน เราสามารถบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก.”

“ต้องขอบคุณ คุณมินชอยที่ทำให้เราทุกครั้ง.”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม คุณสองคนควรจะไปได้แล้ว ผมจะมองส่งพวกคุณจากที่นี่.”

มันเกิดขึ้นขณะที่ผมพยายามพาพวกเขาออกตรงทางออกจากทางเข้าของดันเจี้ยน.

-shrrrkk

“บ…บ้าเอ้ย นี่มัน!”

“KUHAAA!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset