I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 84. ความสามารถของโกสต์

“ว้าว ว้าววว ไม่ต้องทำงานหนักแล้ว.”

ผมพุ่งเข้าหาโกสต์.

ร่างกายของผมรู้สึกต่างจากเมื่อก่อน.

มันอาจจะเพราะผมได้ขโมยสถานจากสมาชิกของกลุ่มหัวรุนแรง.

มันไม่อาจเทียบได้กับ 5 แต้มจากการเลเวลอัพได้.

การเปลี่ยนแปลงนี้เพียงพอที่จะยืนยันให้กับผมว่าไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป.

มีระยะห่างออกไประหว่างพวกเราแค่ 10 เมตรเท่านั้น.

โกสต์ยังยืนอยู่ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย มีรอยยิ้มอย่างยินดีบนใบหน้าของเขา

มันเป็นอย่างนั้น.

เขายกมือขึ้นและชี้ไปที่ด้านหลังของผม.

จากนั้นเขาก็พูด.

“นั่น.”

“…..”

“แกจะทำอะไร?”

โกสต์ถามขณะที่เขายังชี้ไปที่ด้านหลังของผม.

ตามปกติ ผมมองไปยังจุดที่โกสต์ชี้.

ผมรู้ว่ามันอาจเป็นอุบาย ดังนั้นผมจึงใช้สกิลป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของคลาสพาลาดิน,ไอร่อนสกิลและโฮลี่บล็อค

ขณะที่มองไปรอบๆ ผมเห็นบางอย่างที่สำคัญที่ผมได้ลืมมันไป.

“นั่น….. มันคือ…”

“คุคุ นายรู้จักมันไหม? นั่นคืออะไร?”

“……”

มีพอร์ทัลเปิดและนำไปสู่ ดันเจี้ยนอันโนว.

มันต้องมีการเสียสละเป็นจำนวนมากจริงๆ.

พอร์ทัลของดันเจี้ยนเลเวล 25 ไม่เคยเปิดเลยแม้ว่าผมจะวิ่งกี่ครั้งก็ตาม.

เนื่องจากมอนอเตอร์ในดันเจี้ยนถูกจัดการแล้ว พอร์ทัลทางออกก็เปิดเช่นกัน.

เมื่อสังเกตเห็นอย่างนั้น ผมไม่ได้โฟกัสไปที่พอร์ทัลเลย โกสต์หัวเราขณะที่พูด.

“โอ้…ดูเหมือนว่านายจะรู้ โจ๊กเกอร์บอกนายก่อนที่เขาจะตาย?”

“……”

“ไม่ใช่หรอ? นายรู้ไหมว่าฉันนำลูกน้องของฉันมาที่นี่ทำไม?”

“มันเพราะ….”

“คุคุ ถูกต้อง.”

รอยยิ้มที่แจ่มใสของเขาก็บิดเบี้ยวทันที.

“ฉันอยู่ที่นั่นเมื่อ 5 ปีก่อน จะให้ดีกว่านี้ถ้าจะบอกว่าฉันติดอยู่ที่นั่น? นรกที่ฉันใช้ชีวิตอยู่นั่นเมื่อครั่งอดีต…จนถึงตอนนี้เมื่อฉันคิดถึงตอนนั้น ร่างกายของฉันก็ยังสั่นอยู่เลย.”

“เหตุผลที่แกพาฉันมาที่นี่…มันเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องตายเพื่อที่แกจะได้เข้าไปที่นั่น?”

“ขอแก้หน่อยนะ หลังจากที่ฉันได้ลิ้มลองความสามารถของนาย มันคงใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี ฉันสามารถทำลายสถานที่แห่งนั้นได้ในวันเดียวและออกมาได้”

“ลิ้มลองความสามารถของฉัน? แกกำลังพูดเกี่ยวกับการชิมพวกอาหารด้วยการเปรียบว่ามันคือความสามารถงั้นรึ ตัวตนของแกจริงๆคืออะไรกันแน่?”

“นายอยากรู้ไหม? ฮี่ฮี่ นายจะได้รู้มันแล้ว.”

“อ่า มันอย่างนั้น แกรู้ไหมว่าทำไมแกถึงติดอยู่ที่นั่นถึง 5 ปี?”

“หืม…นั่นก็เพราะฉันไม่ได้เตรียมตัวมาดีพ-”

“ผิด นั่นเพราะแกมันอ่อนแอ มันยังเหมือนเดิม แม้แต่ตอนนี้!”

เนื่องจากผมอยู่ใกล้เข้าแล้ว มันก็เป็นเรื่องของเวลาก่อนที่ผมจะเข้าถึงตัวโกสต์.

อย่างไรก็ตาม เมเทโอไม่อาจใช้มันกับเขาได้.

คทาที่เขาใช้เก็บเมเทโอได้ง่ายๆยังอยู่ ราวกับกำลังเยาะเย้ยผม.

ผมยังไม่มีข้อมูลใดๆกับอาวุธที่เขาถืออยู่.

เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นการบล็อคการโจมตีประเภทไฟเท่านั้น.

ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาจะโจมตีและส่งมันกลับมาให้กับผม.

ให้ดี มันอาจจะไม่เป็นปัญหาเพราะผมไม่มีสกิลไหนที่เป็นสกิลบียอนแรงค์.

ผมฟันดาบบุชเชอร์ ผมร่ายเวทย์ไอซ์เบริกออกไปในเวลาเดียวกัน.

ผมหวังว่าคทาของเขาจะป้องกันการโจมตีธาตุไฟเท่านั้น.

“แม่ง…..”

ผมอดไม่ได้ที่จะสถบออกมา.

มันไม่ใช่เพราะผมโจมตีพลาด.

ตรงกันข้ามกับที่ผมคาดเอาไว้ ดาบของที่เต็มไปด้วยพลังของ Formless Sword Aura ได้โจมตีเข้าที่ข้อมือของเขาตรงๆ.

ผมวางแผนที่จะตัดแขนขวาของเขาซึ่งกำลังถือคทาและใช้เมเทโอใส่อย่างบ้าคลั่ง.

มันเป็นเพราะพลังจากค่าสถานะที่ได้มาจากบุชเชอร์ซอร์ด?

จากมือที่ถูกตัดมีเลือดไหลออกมาราวกับน้ำพุ.

‘ค่า Str ของเรามันเพิ่มขึ้นแค่ไหนนะ….’

“อ่า….อ้ากกก! ทำไมแกทำอย่างนี้!”

เขาจับไปที่ข้อมือของเขาและพูดราวกับเขากำลังต่อว่าเรื่องนี้ด้วยความไม่พอใจ.

ยิ่งกว่านั้น เขารีบสวมหมวกที่เขาถอดออกก่อนหน้านี้.

การกระทำเช่นนี้ แม้ว่าจะได้รับการโจมตีมันก็จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้อย่างมาก แต่ผมก็แน่ใจว่าเขาจะไม่ทำโดยไร้เหตุผล.

ตอนนี้เขาไม่ควรจะคาดเดาการโจมตีครั้งแต่ไปของ Formless Sword Aura ได้.

ผมไม่แน่ใจว่าเขาเพิ่มแต้มไปเท่าไร แต่ค่าสถานะที่เพิ่มเข้ามามันมากอย่างไม่น่าเชื่อ.

ถ้าผมสามารถดูดซับมันได้อย่างป่าเถื่อนอย่างนี้ เขาจะต้องยอมรับความตายแต่โดยดี.

ขณะที่เขาถอย ผมก็เข้าไปใกล้ขณะที่พูด

“แกแน่ใจว่าจะใช้พลังได้ แม้ว่าจะตายไปแล้ว.”

“อูย อูยยย! มันเจ็บ!”

“โจ๊กเกอร์อาจจะเป็นอย่างนี้แน่ๆ หลังจากที่เขาเจอนาย นายอาจจะไม่รู้สึกถึงความท้าทายมากนัก.”

“คุคุ สับสนไปหมด เดาว่าฉันต้องใช้มันเพิ่มอักหน่อนก่อนที่จะทิ้งมันไป.”

“ห๊ะ?”

“ย้าาาาก!”

หลังจากทำเสียงแปลกๆ เขาก็พุ่งเข้าหาผม.

ดาบสั้นในมือซ้ายได้เปลี่ยนเป็นดาบใหญ่ในไม่ช้า.

ไม่นาน เขาก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของผม.

ราวกับว่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เหยียดแขนฟันมาที่ผม.

มันเป็นสกิล True One Strike.

มันเป็นการโจมตีครั้งเดียวที่ทรงพลังมากเพราะมันเป็นบียอนแรงค์.

มีความต่างเพียงอย่างเดียว มันก็คือ One Strile มีระยะแค่ 3 เมตร แต่ True One Strike นั้นมีระยะเกือบ 10 เท่าและความเสียหายที่สร้างก็เหนือกว่า.

“ถ้านั่นเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของแก แกเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้ว!”

-ชิ้ง!

-ชวิ้ง!

-ตึบ

ดาบใหญ่นั้นมีขนาดเท่ากับร่างกายของผู้ชายโตเต็มวัย.

แต่บุชเชอร์ซอร์ดนั้นป้องกันมันได้ง่ายๆ.

แทนที่จะพึ่งสกิล มันถึงเวลาที่จะลองว่าความแข็งแกร่งด้านร่างกายของผมจะเพิ่มจากเมื่อก่อนไหม.

มีออร่าดาบเกือบร้อยเล่มลอยเข้าหาเขา.

สิ่งที่ออร่าทำได้นั้นทำให้ลืมการฟันอย่างป่าเถื่อนไปเลย.

ร่างกายของเขาถูกฉีกออกจากกันและเขาก็ตายไปแล้ว.

อย่างที่ผมพูดก่อนหน้านี้ โจ๊กเกอร์นั้นทรงพลังมาก.

โกสต์ก็เป็นผู้นำกลุ่มหัวรุนแรง แต่ก็สามารถเอาชนะเขาได้ง่ายๆอย่างนี้.

เกราะสีทองของเขาถูกฟันเป็นชิ้นๆจนไม่อาจจำหน้าตาของมันได้.

“เดาว่ามันไม่ได้เป็นเกราะที่ดีนัก.”

ผมมองไปที่คทาทันที.

มันมีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ.

ขณะที่ผมพยายามหยิบคทา…

“หึม!”

มันหนักพอที่จะทำให้ผมส่งเสียงฮึบออกมา.

ไม่ว่าผมจะใช้แรงแค่ไหน ผมก็ไม่อาจยกมันขึ้นได้.

นี่ไม่สมเหตุสมผล.

ความแข็งแกร่งของผมไม่พอ?

ไม่มีทาง.

บางทีมันอาจจะต้องเป็นมานา เนื่องจากมันเป็นคทา.

แต่นั้นก็ทำให้ผมรู้แย่ลง.

ผมมีมานาไม่จำกัด.

ถ้ามันเป็นอาวุธที่ต้องใช้มานาในปริมาณหนึ่ง มันก็ไม่มีอาวุธไหนในโลกที่ผมจะไม่อาจหยิบมันได้.

ผมพยายามตรวจสอบด้วย  Eye of Insight แต่ก็ทำไม่ได้.

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.

จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงดังอยู่ในหูของผม.

“จนกว่าเจ้าของจะตาย ก็ไม่มีใครใช้มันได้.”

“หึม!”

-แกร๊ก!

ด้วยการตอบสนอง ผมใช้เมเทโอทันที.

โกสต์อยู่ตรงนั้นแน่ๆ.

อย่างไรก็ตามศพของเขาอยู่ด้านหลังของผม.

เขาสวมชุดเดียวกันกับที่เขาใส่ก่อนหน้านี้และยืนอยู่ข้างๆผม.

ตามที่เขาพูด อาวุธที่ผูกมัดกับอเวคจะไม่อาจตรวจสอบได้ แม้ว่าจะเป็น Eye of Insight ก็ตาม.

มองดูที่ใบหน้าของที่เต็มไปด้วยความตกใจ โกสต์พูด.

“เด็กน้อยที่คงเศร้าที่คิดว่ามันจบเร็วแบบนี้ ตอนนี้เรามาเริ่มจริงๆได้แล้วหรือยัง.”

“ดะ..ได้ไง.”

“คนที่นายฆ่าเมื่อกี้? อืมม เขาเป็นตัวตนที่มีสถานะที่ดีที่สุด แม้ว่าสกิลของเขาจะไร้ค่าก็ตาม”

“ตัวตน?”

“มีตัวตนมากมายหลายตัวตนในร่างของโกสต์ เรทุกคนอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นเห็นเพราะนายจะต้องตายด้วยมือของฉัน.”

คำพูดและอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน.

เมื่อคิดถึงสิ่งที่คนก่อนหน้านี้พูดเกี่ยวกับรูปแบบและความสามารถเหล่านี้ ดูเหมือนว่าโกสต์จะดูดซัยตัวตน,ความสามารถและบุคลิกภาพของคนอื่นได้.

จากนั้นคำตอบก็ชัดเจน.

ผมจะต้องฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าตัวตนของเขาจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก.

“ไม่ว่าจะ 10 หรือ 100 ฉันจะฆ่ามันให้หมด ฉันหวังว่าความเจ็บปวดจากตัวตนอื่นๆจะส่งไปถึงแกด้วยเหมือนกัน….”

“ย๊าาา!”

เขาขยับมือพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างรุนแรง.

มีบางอย่างถูกซัมม่อนออกมา.

เมื่อตรวจสอบด้วย Eye of Insight ของผม ผมพบว่ามันคือมอนเตอร์แรงค์ S+ ราชาซุนวู.

“นายมีพลังซัมม่อนแล้วไง ฉันก็มีเหมือนกัน.”

“ว๊ากกก!”

พร้อมกับร่ายเวทย์ อวตาลขนาดใหญ่สามร่างก็เกิดขึ้น.

ประเภทไฟฟ้า,ประเภทไฟและประเภทน้ำแข็ง ถูกซัมม่อนออกมา.

แม้ว่าสกิลนี้จะเป็นสกิลระดับ S+ แต่เลเวลของอวตาลนั้นก็เลเวล 200.

พลังการต่อสู้ของพวกมันอาจไม่เท่ากับผม.

ฝั่งของผมจึ้งได้เปรียบอย่างแน่นอน.

“ไป! สับเขา!.”

“กว้าาาก!”

ซัมม่อนเป็นที่รู้จักกันดีว่ามันจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อพวกมันสู้กันเอง.

กลิ่นเลือดที่น่าหวาดหวั่นของพวกมันลอยเต็มไปในอากาศ.

ผมแค่มองดูพวกมันพักนึงก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่โกสต์.

ถ้าเขาเป็นซัมม่อน มันก็ไม่มีซัมม่อนคนไหนที่แข็งแกร่ง เขาก็คงไม่แข็งแกร่งมากนัก.

ด้วยท่าทางที่ไม่มั่นใจบนใบหน้าของแก ฉันเห็นเต็มในสายตาของฉันเลย.

“ฉันจะแยกนายเป็นชิ้นๆเหมือนกัน!”

****

“ฮยองนิม คุณคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาไหม?”

“เฮ้ย! อย่าพูดว่ามันเป็นเรื่องตลกสิ.”

“หา…ผมคิดว่าผมกำลังบ้าเพราะความกังวล.”

จุงโฮและโฮจินรออยู่นอกดันเจี้ยนเลเวล 34 ด้วยความกังวล.

มินชอยบอกให้พวกเขากลับบ้าน แต่พวกเขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร.

โกสต์และลูกน้องของเขาซ่อนตัวอยู่ในดันเจี้ยน.

จากนั้น มันก็ผ่านไปกว่า 20 นาทีแล้ว พวกเขาต่างกระทืบเท้าด้วยความกังวล เนื่องจากไม่อาจเข้าไปในดันเจี้ยนได้ พวกเขาจึงทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนี้และรอ.

แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปในดันเจี้ยนตอนนี้ พวกเขาก็จะเข้าไปยังพื้นที่อื่น.

มีภาพอยู่บนโทรศัพท์ นั่นคือมินชอยก่อนที่จะกลับบ้าน.

มันเป็นกลอุบายที่ชั่วร้ายอย่างแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้.

อย่างไรก็ตามมินชอยก็บอกว่าไม่อาจไม่เข้าไปได้.

มันเพราะเขาคิดว่าทั้งสองไม่อาจจัดการได้.

มินชอยเชื่อว่าหากคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งพอที่จะทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง อย่างน้อยๆก็ต้องตัดมือขวาของสุดยอดบอสนี้ให้ได้.

เนื่องจากพวกเขาไม่อาจเมินเฉยคำพูดของมินชอยที่เต็มไปด้วยความมั่นใจได้ ทั้งสองจึงยืนเฝ้าอยู่ที่นี่.

จุงโฮเกลียดตัวเองที่ไม่อาจทำอะไรได้ในสถานการณ์นี้.

เริ่มจากโนเบลซ จากนั้นก็โจ๊กเกอร์และตอนนี้ก็โกสต์.

แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่เขาก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับพวกเขาได้.

การพบกันครั้งแรกของจุงโฮและมินชอยนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก.

เด็กคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและขอขึ้นรถของเขา ขณะที่เขารีบที่จะไปเอารางวัลบางอย่างจากการป้องกันพอร์ททัลระเบิด.

แม้แต่ตอนนี้ เขาก็พบว่าตัวเองน่าหัวเราะแค่ไหนเมื่อเขาคิดถึงวันวาน.

เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไล่มินชอยออกไปแทน.

เมื่อคิดถึงบุคคลิกของเขาเอง มันคงไม่อาจเรียกได้ว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้.

ครึ่งปีต่อมาหลังจากการเจอกันครั้งนั้น.

เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและจุงโฮก็ยังคงอยู่ข้างๆเขา.

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกกังวลแตกต่างออกไปในครั้งนี้.

เพราะเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกไม่ดีในวันนี้.

เขารู้ทันทีว่ามินชอยแข็งแกร่งแค่ไหน.

ยิ่งกว่านั้นเขายังรู้ด้วยว่ามินชอยได้รับ Exp มากเพียงใด.

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ในสถานการณ์นี้…

“มัน…มันนานแค่ไหนแล้ว?”

“…..”

“ฮ่าฮ่า บางทีฉันอาจจะนับเวลาผิดตั้งแต่เขาเข้าไป ฮยองนิม.”

“ผ่านมาชั่วโมงหนึ่งแล้ว.”

“เฮ้ย ไม่มีทางน่า คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้มองเวลาผิด?”

“…..”

“แม่งเอ้ย! มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”

หนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่มินชอยเข้าไปในดันเจี้ยน.

คิดถึงเวลาที่เขาเข้าไปในดันเจี้ยนทุกครั้ง อย่างน้อยๆต้องมีหนึ่งคนที่ต้องออกมาแล้ว.

หรือบางที ทั่งคู่อาจจะตายแล้ว.

ด้านนอกดันเจี้ยนที่ทั้งสองเฝ้าอยู่ พื้นที่รอบๆเงียบสงัด.

“อะไร! ทำไมเขาถึงออกมา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset