I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 85. จุดจบของโกสต์ จุดเริ่มต้นของฉัน

 

85, จุดจบของโกสต์ จุดเริ่มต้นของฉัน

 

“วิ้ว…..”

 

10 นาทีผ่านไปนับตั้งแต่ที่เริ่มต่อสู้กับโกสต์

 

ตัวตนที่ 4 ที่เขาเรียกออกมา เขายังคงโจมตีอยู่

 

มีศพประมาณ 15 ศพนอนอยู่บนพื้น

 

พวกเขาทุกคนเป็นศพของโกสต์ แต่ละร่างต่างก็ใส่เกราะทองคํา

 

หลายจิตในหนึ่งร่าง

 

ในกรณีนี้ ทุกครั้งที่เขาตาย ร่างกายจะเกิดขึ้นใหม่โดยโกสต์และมีความคิดที่แตกต่างกัน

 

มันเป็นการยากที่จะเข้าใจว่าความสามารถของโกสต์คืออะไร

 

ผมรู้สึกได้ถึงชื่อของเขา “โกสต์” นั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการแสดงให้เห็น

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีพลังโจมตีที่มากนัก

 

มันเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อที่ทําให้ผมผิดหวัง

 

ผมใช้ ฮีล ในระหว่างการต่อสู้ แต่มันเป็นเพียงเวทย์ฟื้นฟู แรงค์ C เท่านั้น

 

ความทนทานและความแข็งแกร่งของผมเพิ่มขึ้นมาก จนฮีลไม่ได้ส่งผลให้กับผมมากนัก

 

ความแข็งแกร่งและความทนทาน ทั้งสองอย่างนี้จะช่วยให้ผมต่อสู้ได้ต่อไป

 

ในทางทฤษฎีแล้วมันก็สมเหตุสมผลสําหรับที่จะต่อสู้ต่อไปได้โดยไม่เหน็จเหนื่อย

 

อย่างไรก็ตาม การโจมตีของผมนั้นแข็งแกร่งมากและมันก็ทําใช้ความทนทานของผมมากเช่นกัน

 

ผมคิดกับตัวเองว่าต้องเรียนรู้สกิลฟื้นฟูที่ดีๆอย่างน้อยเพิ่มอีกหนึ่งสกิล

 

เขายังคงใช้ตัวตนมากมายออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

ดูเหมือนว่าเขาจะมีหลากหลายคลาสแตกต่างกัน ตั้งแต่ ซัมมอนเนอร์,วอริเออร์และอีกมากมาย

 

มันน่าขํานักที่เขาดึงตัวตนเหล่านั้นออกมา มันไม่ใช่มนุษย์

 

ชีวิตที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลก มันเป็นมอนเตอร์จากโลกอื่น.

 

แม้แต่บอสลับที่อยู่ในดันเจี้ยนบางแห่ง

 

อย่างไรก็ตาม สําหรับผมที่ผ่านดันเจี้ยนมาแล้วมากมาย มันก็ยังไม่เพียงพอ

 

“อั๊ค”

 

“ผมคิดว่ามันน่าเบื่อจัง”

 

เหลือเพียง 10 นาทีก่อนที่ดันเจี้ยนจะปิด

 

มันเกิดขึ้นหลังจากที่ผ่านเอาชนะตัวตนกว่า 100 ชีวิตที่เกิดจากเขา

 

เมื่อการแสดงที่น่าสมเพชเหล่านี้ยังคงดําเนินต่อ ความวิตกกังวลของผมยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

จากนั้น

 

ร่างใหม่ของโกสต์ก็ยังไม่หยุดออกมา

 

“คุณดูดซับมันรางกับเสพติด….อะไรกันเนี่ย?”

 

ขณะที่มองไปที่เขา เสียงอึกทึกนั้นก็ทําให้ผมอดที่จะประหลาดใจไม่ได้

 

เขาอ้วกเอาวิญญาณทั้งหมดที่เขาดูดซึมออกมา

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่อาจเห็นร่างของโกสต์

 

ผมเห็นวิญญาณจํานวนมาก ตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่

 

พวกมันส่องแสงสีเขียวอ่อนๆออกมากราวกับภูเขาน้อยๆด้านหน้าของโกสต์,

 

แต่ละร่างถูกกําหนดไว้อย่างชัดเจน

 

หลังจากที่ออกมาจากร่างของโกสต์ พวกมันดูเหมือนจะมีอิสระในตอนแรก อย่างไรก็ตามมันไม่มีสัญญาณชีวิตในดวงตาของพวกมัน พวกมันขาดจิตวิญญาณ

 

มันเกือบจะเหมือนกับในหนังที่ผู้คนสูญเสียจิตวิญญาณจากคาถาของวอร์ล็อค

 

“ถ้าเราต้องจัดการกับคนจํานวนมาก ดันเจี้ยนคงแหลกสลาย ถ้ามันเป็นอย่างนี้….”

 

-CRASH!

 

-BOOM!

 

ผมใช้เมเทโอ สกิลการโจมตีเวทย์มีผลทุกอย่างกับเขา

 

อย่างไรก็ตามมีเพียงคลื่นกระแทกแผ่ออกมาเท่านั้นพร้อมกับเสียงดังกึกก้องในดันเจี้ยนแทน

 

มันไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆเลย

 

มันเกือบจะเหมือนว่าการโจมตีทั้งหมดได้พุ่งผ่านผีไป.

 

เป็นไปได้ว่าวิญญาณเหล่านี้ไม่มีกายหยาบและผมไม่อาจโจ มตีมันได้

 

โกสต์ที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้ใช้ไม้เท้าเพื่อป้องกันการโจมตีเวทย์ทั้งหมด

 

เขายังคงเงียบ.

 

ผมยังคงยุ่งอยู่กับวิญญาณ ผมไม่อาจละสายตาได้

 

ในที่สุดสิ่งที่เขาคายออกมาก็หยุดลง

 

จากนั้นผมก็เริ่มได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่ากลัว

 

“อ้ากก! ฆ่ามัน!”

 

“ฉันต้องการตาย! ได้โปรด…”

 

“ปะ….ปล่อยฉัน ฉันไม่อาจรั้งมันไว้ได้อีกแล้ว!”

 

เขาจับมือเอาไว้ก่อนที่จะกํามือซ้ำๆและเหยียดมันออกมาพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ

 

สิ้นเสียงกรีดร้อง เขาพูด

 

“มันค่อนข้างนานแล้วที่รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างกาย…มันเกือบจะหายไปแล้ว…”

 

“นั่นเป็นตัวตนเดิมของแก…ปาร์คจุนซิค?”

 

ดูเหมือนว่าร่างเดิมของเขาจะปรากฏในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเข้าดันเจี้ยน โฮจิตไม่อาจรับรู้ตัวตนของโกสต์ได้ในทันที

นั่นหมายความว่าตัวตนที่เขาใช้อยู่ตอนนั้นไม่ใช่เขา?

 

เขาช่างน่าสับสนจริงๆ

 

“หึม…ปาร์คจุนซิก ในจุดนี้ฉันไม่แน่ใจว่าฉันชื่อนั้นหรือเปล่า.”

 

“…”

 

“ตัวตนทั้งหมดในร่างกายของฉันเชื่อว่าพวกเขาเป็นเจ้าของร่างกายนี้จริงๆที่นี้เนื่องจากฉันสามารถควบคุมวิญญาณทั้งหมดที่ฉันดูดซึมได้จนมาถึงตอนนี้ฉันคิดว่านายสามารถเรียกร่างนี้ว่าร่างเดิมได้จริงๆ”

 

“นายค่อนข้างยากแยกแยะ มันน่าขยะแขยงและรําคาญ ไม่ว่านายจะเป็นใครมันก็ถึงเวลาที่จะจบเรื่องนี้แล้ว”

 

“นายมั่นใจว่าจะจัดการทุกชีวิตที่ฉันดูดซึมได้งั้นรึ?”

 

“แม้ว่านายจะดูดซึมไปอีกสัก 10 ปี หรือแม้กระทั่ง 100 ปีก็ตาม”

 

“งั้นก็…มาเริ่มกันเลย! ย้ากกก!”

 

พูดจบ โกสต์ก็เหยียดแขนออกและภูเขาวิญญาณก็บินเข้าไปหาเขา

 

ตอนนี้เสียงกรีดร้องและโหยหวนพร้อมกับดวงตาที่ไร้ชีวิตก่อนหน้าได้พุ่งเข้าไปหาโกสต์

 

พวกเขาซึมซับเข้าไปยังแขนขาและลําตัวของเขาเช่นกัน

 

เมื่อเขาดูดซับวิญญาณแต่ละดวง เกราะทองคําของโกสต์ก็มีบาเรียที่หนาและใหญ่ขั้นในแต่ละวินาที

 

การต่อสู้ในตอนนี้กลายเป็น 1 Vs 1 แต่ตอนนี้เป็นการต่อสู้ที่มีความหมาย.

 

“เหลืออีก 10 นาที….ฉันจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าเข้าไปยังอันโนวดันเจี้ยน “

 

-CRACK!

 

ผมเผลอคิดอย่างเหม่อเลยในเวลาสั้นๆ

 

ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเป็นไปไม่ได้ที่จะตามทัน เขามาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของผม

 

ตอนนี้ไม่เพียงแค่นั้น ดาบสั้นของเขาก็ฉีกโล่ของผมเป็นชิ้นๆ

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเสี้ยววินาที

 

“เวร!”

 

-CLING! CLANG!

 

การโจมตีดุเดือดตามมา แทบจะทําให้ดาบของผมเปลี่ยนทิศทางไปไหนได้.

 

ราวกับว่าเขากําลังขบขันกับสถานการณ์นี้ เขาตะโกนอย่างตื่นเต้นในระหว่างที่เขาโจมตี

“นี่มันตื่นเต้นจริงๆ แกอาจไม่กลัวเหมือนตั๊กแตนตัวเดียว แต่…ถ้าพวกมันมีเป็นจํานวนมากหล่ะ? แกจะได้ลิ้มรสความอดอยากที่ไม่เหมือนใคร! ย๊ากกก!”

 

-SLICE!

 

“เชี่ย!”

 

การโจมตีที่ไม่เหมือนก่อนหน้าพุ่งเข้ามาหาผม.

 

Electronic Shock และ True One Strikeถูกใช้พร้อมกัน

 

เวทย์แรงค์ระดับสูงจากคลาสเมจิคเชียนและสกิลแรงค์บียอนจากคลาสวอริเออร์ถูกใช้พร้อมกัน

 

ตอนนี้ โกสต์ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ได้อีกแล้ว!

 

เหมือนกับผม เขาใช้สกิลจากคลาสต่างๆได้หลากหลายและอิสระตามที่เขาต้องการ

 

มันทําให้เกิดความรู้สึกว่าเขารวบรวมสถานะทั้งหมอของสิ่งที่เขาดูดซึมเพื่อสร้างร่างที่สมบูรณ์นี้

 

เขากําลังใช้สกิลทั้งหมดออกมาราวกับว่าเขามีมานาไม่จํากัด

 

“ตาย! ตาย! ตาย! วะฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“แม่งเอ้ย.”

 

มันเป็นการโจมตีฝ่ายเดียว

 

ด้วยสถานะของผมที่ได้รับมา ทําให้ผมหลบเลี่ยงการโจมตีที่เพิ่มขึ้นมานี้ได้อย่างรวดเร็ว.

 

การโจมตีนั้นดุเดือนเสียจนผมไม่อาจแม้แต่จะตอบโต้ได้

 

จากมุมมองของโกสต์ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตีที่ดี

 

-SLICE!

 

-CRASH!

 

ด้วยความง่ายในการร่าย Frost Orb ทําให้เขามีสกิลแรงค์บียอน.

 

ด้วยระดับนี้ ผมจะต้องถึงจุดที่เลวร้ายอย่างมาก

 

โกสต์พูดด้วยความกระวนกระวายใจ.

 

“ฉันลงทุนไปเป็นจํานวนมากเพื่อความสามารถของนาย ทําลายหอคอยที่ฉันสร้างขึ้น ฉันจะใช้นายเพื่อสร้างหอคอยขึ้นมาใหม่! ตอนนี้ เร็วหน่อย! คุกเข่าต่อหน้าฉันและบอกความต้องการออกมาเพื่อแลกกับความสามารถของนาย!”

 

“แกมันบ้า… วันนี้แกจะต้องตาย ฉันจะฉีกแกออกจากกัน!”

 

ผมใช้ชิลด์ทั้งหมดที่ผมต้องป้องกันร่างกาย

 

เมื่อฉันรับการโจมตีทั้งหมด ฉันจะเริ่มฉีกแกเป็นชิ้นๆด้วย Formless Sword Aura.

 

ระยะเวลาของชิลด์ผมเหลือเวลา 5 นาที

 

มันเหลือเวลาอีกไม่นานก่อนที่ดันเจี้ยนจะปิด

 

สิ่งต่างๆจะไม่จบลงแค่หายไป.

 

พลัง ต่อ พลัง

 

ผมวางแผนที่จะจบการต่อสู้ภายใน 5 นาทีหลังจากนี้

 

ดึงเอาความแข็งแกร่งของผมที่มีทั้งหมดออกมาและ โจมตีไปที่เขา

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่สนใจความเสียหายที่เขาได้รับจาก Formless Sword Aura และยังคงโจมตีต่อไป.

 

มันเป็นยังงั้น

 

“ว้ากกก.”

 

“มันจบแล้ว!”

 

“ย้ากก! ย้ากกก! ตาย!”

 

กลัว.

 

มันเป็นเสียงโหยหวนที่เป็นสัญญาณหลังจากใช้งาน Wild Beast.

 

ในชั่วเวลาหนึ่ง มันราวกับว่าเลือดทั้งหมดในเส้นเลือดของผมถูกแผดเผาด้วยแมกม่า มันเผาอยู่บนร่างกายาของผม

 

ในเวลาเดียวกันความแข็งแกร่งที่ล้นเหลือของผมก็มาถึงจุดที่ผมไม่อาจควบคุมมันได้อีกต่อไป

มันเกือบจะเหมือนกับการหลั่งฮอร์โมนเอนโดฟิน ขณะที่ฝึกร่างกายด้วยการอยู่ด้านล่างของน้ำตก

 

“ย้าาาาาา!”

 

“คุ… คุวากกก!”

 

ผมลืมตาออกมา แต่ผมไม่เห็นอะไรเลย

 

สีขาวของดันเจี้ยนหายไปจากมุมมองและร่างนั้นก็หายไปจากสายตาของผม.

 

1 นาที ในเวลา 1 นาทีถัดไปนี้ขณะที่ยังใช้ Wild Beast ผมต้องฆ่าโกสต์ให้ได้อย่างสมบูรณ์

 

“คุว้ากกก!”

 

“อ้าาาก! ย้าาาา!”

 

ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของโกสต์และเสียงกรีดร้องของผู้คนที่อยู่รอบๆเขา เปล่งเสียงกรีดร้องแหลม.

 

ความวุ่นวายที่ดุเดือดเลือดพล่านกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องของโกสต์

 

เช่นเดียวกันนั้น เหลือเวลาอีก 1 นาทีที่สกิลของ Wild Beast จะหมดลงและผมก็จะตอบโต้กลับไปได้

 

จะไม่มีใครยืนอยู่ต่อหน้าของผม.

 

อย่างไรก็ตาม Sword aura ของผมก็ยังคงฟันต่อไป แม้ว่ามันจะเป็นอากาศก็ตาม.

 

ในขณะที่ร่างกายของผมกําลังถูกเผาไหม้จบลง ความเหนี่อยล้าก็เริ่มคืบคลาน.

 

ผมหยุดโจมตี ผมรวบรวมลมหายใจ

 

“ฟูวว… ฮัฟฟ…”

 

ขณะที่มองลงไป ผมเห็นโกสต์ได้กลายเป็นกองเลือดที่แหลกเหลว.

 

ผมทําความสะอาดเลือดและชิ้นเนื้อก่อนที่จะก้มลงไปเก็บไม้เท้า

 

ผมใช้ Eye of Insight เพื่อพยายามตรวจสอบมัน.

 

ถอนหายใจออกมา ผมพูดพิมพ์

 

“ในที่สุด… มันก็จบ…”

 

ข้อมูลเกี่ยวกับไม้เท้าปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

 

ดังนั้นจึงหมายความว่าโกสต์ได้ตายแล้ว

 

นี่เป็นอาวุธระดับแรร์ ซึ่งจะไม่เปิดเผยข้อมูลจนกว่าเจ้าของจะตาย.

 

หากข้อมูลของมันถูกเปิดเผยออกมานั่นหมายความว่า ชีวิตของเจ้าของได้หายไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมใช้ความอดทนไปค่อยข้างมาก ดังนั้น ผมจึงไม่อาจประมวลข้อมูลต่างๆได้

 

ยิ่งกว่านั้น ผมไม่ต้องการอะไรที่มันหรูหราอย่างนี้

 

เหลืออีกเพียง 1 นาที ก่อนที่ดันเจี้ยนจะปิดลง

 

ผมเลิกใช้มานาชิดล์และจากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างร่ายเวทย์ฮีล,

 

ฮีลนั้นฟื้นฟูได้เพียงน้อยนิด แต่ด้วยการร่ายเวทย์ด้วยมือทั้งสาม ข้าง ทําให้การฟื้นฟูของผมเร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้

 

ผมมุ่งหน้าไปยังอันโนว์ดันเจี้ยน

 

อีกด้าน จุงโฮและโฮจินก็รออยู่ข้างนอกด้วยความเป็นห่วงผม.

 

นอกจากนี้ ยังมีแม่ที่รออยู่ที่บ้านด้วยความเป็นห่วง

 

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ผมจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะเจออีกครั้ง

 

ท้ายที่สุดมันก็เป็นเส้นทางที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนอันโนว์ ซึ่งต้องใช้การสังเวยและเสียสละไปมากมาย.

 

ผู้นาฝ่ายหัวรุนแรงสองคนที่ผมสัมผัสมาก่อนนี้ทั้งคู่เริ่มแข็งแกร่งหลังจากที่ผ่านสถานที่แบบนี้

 

พวกเขายังได้รับสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาที่นี่

 

อันตรายจะตามผมมาอีกครั้ง

 

การตัดสินใจของผมไม่ผิด

 

อ้างอิงจากที่โกสต์เล่า เขาบอกว่ามันใช้เวลาเป็นวันในการเครียร์สถานที่อันนี้

 

เนื่องจากผมสามารถใช้สกิลที่ทรงพลังมากๆออกมาได้อย่างไม่จํากัด มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงนัก

 

“วันเดียว…อาจจะถือว่าเป็นการเห็นแก่ตัว แต่นี่เป็นเส้นทางที่ฉันต้องทําเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน ลุยกันเลย!…”

 

ความลังเลปรากฏออกมาสั้นๆ

 

ผมก้าวเข้าไป

 

ประตูที่จะพาผมเข้าไปสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับจะดึงผมให้รีบเข้าไป

 

****

 

ทันทีที่ผมเข้าในอันโนว์ดันเจี้ยน ผมสังเกตเห็นได้ชัดว่ามันขึ้นแค่ไหน.

 

มันเป็นบึงที่มีน้ำสูงถึงหัวเข่า

 

อย่างไรก็ตามผมได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยที่ช่วยให้ผมลืมรู้สึกความน่ารังเกียจนี้

 

มอนเตอร์ที่ผมเห็นนั้น มีอยู่ทุกที่และมองไม่เห็นจุดจบของมันได้

 

Exp? ผมไม่ต้องการอะไรแบบนั้นเลย

 

ผมต้องการค่าสถานะมากกว่า เมื่อเทียบกับการเลเวลอัพ.

 

ร่ายมานาชิลด์ป้องกันแล้ว ผมเดินไปหาพวกมัน.

 

“ได้เวลาสนุกแล้วซิ ถึงเวลาสนุกแล้ว”

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset