I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด – ตอนที่ 114

Chapter 114 – ตัวหลักปลอมๆ

หลังจากที่นั่งลงที่ที่นั่ง เอริค และ เจนนิเฟอร์ ก็ได้คุยกันเรื่องข่าวของ Road House จนไฟในโรงปิดลงและหนังก็เริ่มเล่น
ริชาร์ดเกียร์ เล่นเป็น  ดัลตั้น คนคุมบาร์ที่เจ้าของบาร์ได้เสนองานที่บาร์ซึ่งวุ่นวายแห่งหนึ่งให้กับเขาในแจสเปอร์ที่มิสซูรี่
20 นาทีแรกของหนังนั้นไม่ได้ดูเข้าท่าอะไร ผู้หญิงจีบกับผู้ชาย, มีการสู้กันแทบทุกที่ในบาร์และ ริชาร์ดเกียร์ มักจะปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาในทุกฉากทำตัวราวกับว่าเขาแข็งแกร่งกว่าใครๆ
เพราะเป็นหนังแอ็คชั่น อย่างน้อยหนังก็น่าจะเริ่มด้วยการต่อสู้ที่ดุเดือดเพื่อดึงความสนใจของผู้ชม ถูกมั้ย ? แต่คนเขียนบทกลับไม่ได้ทำแบบนั้น ในการต่อสู้กับพวกนักเลงตอนแรกพวกนั้นทำได้แค่ทำให้แขนของ ริชาร์ด เป็นรอยข่วนและจากนั้นก็มีเรื่องโรแมนติคที่ว่าเขาต้องไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลและสุดท้ายก็มีความสัมพันธ์กับหมออลิซาเบธซึ่งพัฒนาขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
แต่ในฉากนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับนักแสดงด้วยเพราะการแสดงของ ริชาร์ด นั้นดูผ่อนคลายราวกับหมอกำลังเย็บผ้าให้มากกว่าการเย็บแผล  เขาไม่ได้แม้แต่ส่งเสียงร้องออกมารึแสดงสีหน้าว่าเขาเจ็บเลยสักนิด  ดังนั้นแม้ว่าฉากนี้จะมีเลือดออกมากมายแต่ เอริค ก็ยังได้ยินเสียงคนด้านหลังเคี้ยวป๊อปคอร์นอยู่
จากนั้นหลังจากที่มาถึงบาร์นอกเมือง นักแสดงหลักก็ยังไม่ได้ทำอะไร เขาก็แค่มอง หลังจากที่เข้าใจสาเหตุของเรื่องวุ่นวายนี้แล้ว นักแสดงนำก็เรียกพนักงานทั้งหมดมารวมตัวกันและไล่คนที่โกงออกไป จากนั้นก็เปิดบาร์ใหม่อีกครั้ง จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น
จากนั้นบาร์ก็เริ่มเติบโตขึ้นจนทำให้นักเลงประจำเมืองอย่าง เวสลีย์ ต้องการจะยึดบาร์นี้  เวสลีย์ อยากไปเป็นลูกน้องของพระเอกและแน่นอนว่าเขาต้องโดนปฏิเสธกลับมา
กว่า 80 นาทีต่อมาในที่สุดหนังก็นำไปสู่การสู้กันไม่งั้นก็ผู้กำกับเพิ่งจำได้ว่านี่คือหนังแอ็คชั่น
หลังจากที่ตัวเอกได้ปฏิเสธ เวสลีย์ ไป ชายคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับพวกอันธพาลเพื่อทำลายบาร์แห่งนี้จนทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้น แม้ว่าผู้กำกับจะพยายามเพิ่มศิลปะการต่อสู้ของจีนเข้ามาแต่โดยทั่วไปแล้วมันก็เป็นแค่การเตะกับต่อย นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่ ริชาร์ด ได้ถ่ายหนังแบบนี้ ก็อย่างที่คาดไว้ว่าการต่อสู้ของเขาคงเข้าขั้นแย่ บอกได้เลยว่าทุกท่าที่เขาแสดงออกมานั้นดูตลก
ตอนจบของเรื่องก็แค่นักเลงอย่าง แบร็ดเวสลีย์ เริ่มทำบางอย่างชั่วร้ายในเมืองเล็กๆเพื่อแสดงว่าตัวเองคือผู้คุมเมืองแล้วบังคับให้ตัวเอกออกมาหยุดเขาไว้
ตอนแรกเขาเผาร้านค้าบางส่วนเพราะตัวหลักนั้นไม่ทำตามความต้องการของเขา เหยื่อคนต่อมาของเขาคือนายหน้าขายรถเพราะตัวหลักไม่คิดที่จะจ่ายเงินให้เขา ผลก็คือ ให้ลูกน้องตัวเองเอารถขับเข้ามาชนโชว์รูมและทำลายรถสี่คันไปด้วยรถบรรทุกเพราะตัวหลักและเพื่อนพากันดูถูกชายคนนั้น  ใน 10 นาทีสุดท้ายตัวหลักก็ตัดสินใจที่จะจัดการ เวสลีย์  เขาคนเดียวได้จัดการตัวร้ายด้วยทั้งหมดไปทีละคนๆและสุดท้ายก็ตัดสินใจฆ่า เวสลีย์ ในตอนจบ
ในตอนที่เผชิญหน้ากับ เวสลีย์  ตัวหลักนั้นเหนือกว่าในการต่อสู้และการเตรียมตัวเพื่อจัดการ เวสลีย์ ด้วยวิธีที่โหดร้ายเหมือนกับที่เขาทำกับลูกน้องของเขาแต่การตัดสินใจนี้มันก็ดูค้านๆกัน  ทุกคนคิดว่าตัวเอกนั้นจะกำจัด เวสลีย์ และจากนั้นก็จบเรื่องแต่เขากลับไปปล่อยตัวร้ายไป ตัวร้ายที่พังที่ของเขาและฆ่าเพื่อนสนิทของเขาแต่ตัวหลักกลับใจอ่อนและปล่อยมันไป….ไร้สาระจริงๆ
หลังจากที่ ริชาร์ด ได้ปล่อยคนร้ายไปแล้วเดินหนี เวสลีย์ ก็คว้าโอกาสนั้นจับปืนขึ้นมา แต่สุดท้ายเขาก็โดนยิงจนตายโดยตัวหลักที่แท้จริงของเรื่องซึ่งคือกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ที่มาช่วยตัวหลักปลอมๆเอาไว้
ตอนนั้นหนังแอ๊คชั่นสองชั่วโมงก็ได้จบลง
ไฟในโรงยังไม่ได้ถูกเปิดขึ้นมาและ เอริค ก็ได้ยินเสียงของผู้ชมรอบๆเขา
… …
“ รถบรรทุกนั่นโคตรสุยอดเลย เอวิล เราซื้อรถนั่นดีมั้ย ?”
“ นี่มันใน LA นะโว้ย  ตำรวจไม่ให้ขับรถแบบนั้นในถนนที่นี่ยกเว้นว่านายอยากให้เรากลับไปทำฟาร์มที่เท็กซัส “
“ งั้นก็ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากกลับไปที่เท็กซัส ตอนที่ไอ้แก่ตายไป ฉันจะขายฟาร์ม จากนั้นเราจะได้ปซื้อบ้านสวยในซานต้าโมนิก้า “
“ ถ้าพ่อนายได้ยินที่นายพูด เขาคงฆ่านายไปแล้ว “
… …
“ เฮ้ วิคเตอร์ นายรู้จักกี่เพลง ? “
“ Don’t Throw Stones, I Sold My Soul to Rock and Roll, On the Road Againและตอนที่ยัยนั่นเต้น Hoochie Coochi Man ของ เจฟฮิลลี่  เราไม่ต้องจำเพลงพวกนี้หรอก ไม่นานมันก็จะปล่อยเพลงออกมาเอง “
“ ฉันรอไม่ไหวไง เพลงน่ะเยี่ยมไปเลย ฉันตั้งใจจะซื้ออัลบั้มทั้งหมดตอนฉันกลับไปด้วย “
… …
เมื่อไฟเปิดขึ้นมา ในโรงก็เริ่มเสียงดังขึ้น ดังนั้น เอริค จึงได้ยินแต่เสียงผู้ชมที่พูดถึงเกี่ยวกับหนัง
“ มันแย่ ฉันล่ะไม่เชื่อว่าฉันโดนคำโฆษณาในหนังสือพิมพ์หลอกเอาตอนที่เรากลับไป ฉันว่าไม่ต้องตามข่าวจาก Los Angeles Daily News ฉันยอมดู Pretty Woman อีกรอบดีกว่าจะดูหนังนี่ “
“ ริชาร์ดเกียร์ ยอมทิ้ง Pretty Woman เพื่อมาเล่นหนังขยะแบบนี้ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ “
“ เขาเรียกนี่ว่าการสู้กันและพวกเขายังพยายามเลียนแบบ บรูซบี  ลีน่ะกระโดและเตะหลอดไฟสูงกว่า 3 ม.ได้  ริชาร์ด เตะสูงไม่ได้ดีเท่าไหร่ เขาไม่ได้ดีเท่าคนที่แสดงเป็นผู้ร้ายเลยด้วย “
“ แม้ว่า ริชาร์ด จะเล่นได้แย่แต่ฉันไม่คิดว่าหนังนี้มันแย่ขนาดนั้น  อย่างน้อยผู้หญิงก็สวยและเพลงก็ดี “
… …
“ เอ่อ คุณวิล….เอริค ไปกันเถอะ “ – เจนนิเฟอร์ ที่นั่งข้างๆ เอริค เห็นว่าเขาฟังผู้ชมในโรงพูดถึงหนังอยู่ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่กวนเขา ในตอนที่คนออกจากโรงไปจำนวนมากแล้ว เธอจึงสะกิด เอริค
“อ่ะ “ – เอริค เพิ่งรู้สึกตัวและยืนขึ้นแล้วเดินออกไปกับเธอ เขาได้ถามขึ้นมา – “ เธอคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นไง ?”
เจนนิเฟอร์ ส่ายหน้าด้วยความผิดหวังและควงแขน เอริค โดยไม่รู้ตัวและพูดมาแค่คำเดียว – “ น่ารำคาญ “
พวกเขาคุยกันเบาๆในตอนที่เดินออกจากโรงไป
วิคเตอร์ ที่รอยอยู่ด้านนอกนั้นไม่รู้ว่าความยาวของหนัง Road House นั้นนานแค่ไหน เขาจึงใช้เวลาไปมากกว่า 90 นาทีนอกโรงเพื่อจ้องที่ทางออก เขากลัวว่าเขาจะพลาด เอริค กับ เจนนิเฟอร์คอนเนลลี่ ไปหากเขาออกจากที่นั่นไปนาน เขาต้องไปห้องน้ำครั้งหนึ่งแต่ก็รีบกลับมาที่นี่
สุดท้ายหลังจากที่รอเกือบสองชั่วโมง ผู้ชมก็เริ่มพากันเดินออกมาจากโรง  วิคเตอร์ หยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปแต่หลังจากที่รอก่วาอีก 20 นาที เอริค ก็ยังไม่ได้ออกมา
“ พวกเขาคงไม่ได้กลับไปตอนที่ฉันไปห้องน้ำหรอกนะ  “- วิคเตอร์ พึมพำด้วยความสับสน ในตอนที่เขากำลังจะหมดหวัง เขาก็เห็นหนุ่มหล่อและสาวสวยเดินจับมือกันออกมา
เพื่อให้ได้ภาพที่ดี  เอริค จึงรีบเปิดแฟลชทันที
แชะ แชะ แชะ
แสงของกล้องนั้นสว่างขึ้นมาหลายครั้ง ในตอนที่ เอริค รู้ว่าสถานการณ์มันแย่และพยายมยกมือเพื่อปิดหน้านั้นมันก็สายไปแล้ว
แต่เดิมแล้วยามโรงหนังจะไม่ได้ห้ามนักข่าวในการเข้ามาในห้องโถง นี่จะทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์ของโรงหนังได้แต่การใช้แฟลชนั้นไม่เหมือนกัน มันอาจจะไปรบกวนคนอื่น ดังนั้นหลังจากที่ วิคเตอร์ ถ่ายภาพเสร็จ ยามสองคนก็รีบเข้ามาหยุดเขาและพาตัว วิคเตอร์ ออกไป
เอริค ตบมือ เจนนิเฟอร์ แล้วส่งสายตาบอกให้เธอสบายใจ เขามองไปรบอๆและเดินไปที่โต๊ะที่หน้าโรงหนัง
“ สวัสดี ฉันขอถามชื่อหน่อยได้มั้ย ?” ….คุณคือ….เอริค ว๊าว คุณวิลเลียม  ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะมาดูโรงหนังของเราด้วย ฉันชื่อ ลินดา  ลินดาคอด “ – ลินดา ยื่นมือเล็กๆของเธอออกมาจับกับ เอริค ที่ซึ่งไม่รู้ว่าจะจัดการกับเด็กสาวคนนี้ยังไง
เอริค ดึงมือกลับไปละพูดขึ้น – “ ลินดา เธอต้องรู้ว่าเรามีปัญหาอะไร งั้นเธอช่วยพาเราไปที่ทางออกอื่นหน่อยได้มั้ย ?”
“ ไม่มีปัญหา คุณวิลเลียม ตามฉันมาเลย “ – ลินดา รีบพักหน้าและพา เอริค กับ เจนนิเฟอร์ ไปทางประตูหลัง ปากของเธอยังคงพูดบางและถามบางอย่างออกมาอยู่ตลอด
“ คุณวิลเลียม เด็กสาวคนนี้คือแฟนใหม่ของนายเหรอ ? เธอสวยจริงๆ ! “
เจนนิเฟอร์ ได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่ เอริค ด้วยสีหน้าคาดหวังและกังวล
เอริค รู้ว่าตอนนี้มีคำตอบแค่เพียงอย่างเดียว ไม่งั้นแล้วเขาจะต้องทำให้เธออาย ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลและตอบกลับไป  – “ ใช่  “
“ คุณวิลเลียม นายจะเริ่มถ่าย Running Out of Time ตอนไหน ฉันน่ะเป็นแฟนคลับนายเลยนะ ฉันดูหนังของนายทันทีที่ออกฉายเลย”
“ ฉันยังไม่แน่ใจเลย บางทีอาจจะในซัมเมอร์นี้ “
“ คุณวิลเลียม วันนี้นายมาดูหนังเรื่องอะไร ? “
“ ….”
ถ้าเขาไม่มั่นใจในอาชีพของเธอ  เอริค คงสงสัยว่าเธอเป็นนักข่าวไปแล้ว ระหว่างที่เดินไปที่ประตูหลัง ลินดา นั้นถามคำถามมากกว่าสิบคำถาม  เอริค ได้แต่ตอบโดยใช้คำพูดสั้นๆ
“ ถึงแล้ว “ – ลินดา พูดขึ้นซึ่งหมายถึงประตูของพนักงานตรงหน้าเธอ เธอเปิดประตูแล้วรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา – “ คุณวิลเลียม อ่ะ ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ย “
“ แน่นอน “- เอริค พยักหน้า – “ แต่ฉันไม่มีปากการึกระดาษนะ “
“ ฉันมี “- ลินดา เอาปากกาออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอกแต่เธอไม่ได้มีกระดาษ ไม่นานหลังจากที่ทำการค้นทุกกระเป๋า เธอก็ยกมือขึ้นมาแล้วพูดขึ้น – “ คุณวิลเลียม เซ็นที่แขนเสื้อฉันก็ได้ “
“ ได้ “ – เอริค รีบเซ็นชื่อของเขาไว้ที่เสื้อของเธอแล้วออกจากประตูหลังของที่นั่นมา

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

我就是好莱坞
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูดผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset