I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด – ตอนที่ 102

Chapter 102 – ตัวแทน

เวลาได้ผ่านไปถึงเดือนมีนาคม ออสการ์ครั้งที่ 61 ใกล้เข้ามาและด้วยการที่หนังฮอลลีวูดเริ่มมีผลกับทั่วโลก งานรางวัลนี้จึงได้รับความสนใจมากขึ้น
แม้ว่ารางวัลออสการ์ในปีนี้จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ เอริค แต่ไม่มีใครมองข้ามผู้กำกับดาวรุ่งวัย 18 ปีกับผลงานใน 6 เดือนที่ผ่านมาได้
ด้วยการที่มีหนังหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว Home Alone ได้เข้าสู่สัปดาห์ที่ 15 ในการฉายและแม้ว่า 17 Again นั้นจะไม่ได้โด่งดังเท่ากับ Home Alone แต่หลังจากฉายอยู่ 4 เดือน รายได้มันก็ไปถึง 107 ดอลลาร์และกลายเป็นหนังเรื่องที่หกที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านที่บ็อกออฟฟิศในปี 1988
ถ้าไม่ได้เอาไปเทียบกับ Home Alone ตัวเลขนี้ถือว่าสุดยอดอย่างมากแต่ตอนนี้กระแสของ 17 Again นั้นดูเหมือนจะหมดความสนใจไปแล้ว มันทำรายได้แค่ 2-3 พันต่ออาทิตย์โดยมีโรงฉายไม่ถึง 300 โรงและบางทีอาจจะถูกดึงออกจากโรงตอนไหนก็ได้
17 Again และ  Home Alone นั้นทำรายได้ไปเกือบถึง 240 ล้าน ยิ่งกว่านั้น Home Alone นั้นยังออกฉายกว่า 1200 โรงในอเมริกาเหนือและยังทำรายได้ 5 ล้านต่ออาทิตย์
ยุคนี้หนังฮอลลีวูดที่ทำรายได้ถึง 200 ล้านนั้นถือว่าหายาก มีแค่ Star Was เท่านั้นที่ทำได้แบบง่ายๆ แม้แต่ Indiana Jones เองก็ทำไม่ได้ในตอนนี้
สำหรับ 300 ล้าน มีแค่หนังในตำนานเท่านั้นที่ทำได้ หนังเรื่องล่าสุดและเรื่องเดียวที่ทำได้นั้นเป็นของ สปิลเบิร์ก   E.T. the Extra-Terrestrial ใน 1982 หลังจากที่ผ่านมา 6 ปี มีแค่ Home Alone เท่านั้นที่เหมือนจะกลายเป็นหนังในตำนานได้
เมื่อเป็นแบบนั้น ด้วยการที่ Sony กำลังเข้าซื้อกิจการ Columbia เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องสัญญาของ Home Alone อีก พวกเขากลับคิดหาวิธีทำให้ Home Alone ทำรายได้ในอเมริการเหนือให้ถึง 300 ล้าน ทุกคนรู้ว่าเมื่อ Home Alone ทำรายได้เกิน 300 ล้าน หุ้นของ Columbia จะเพิ่มมาอย่างกับติดจรวด
… …
“ อะไรนะ ? เธอต้องการให้ฉันเป็นตัวแทนสำหรับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในงานออสการ์ปีนี้งั้นเหรอ ? “ – เอริค มองไปที่ เอมี่ ปาสคาล ด้วยความแปลกใจ – “ นี่ไม่ใช่ว่าทาง Columbia ตัดสินใจงั้นเหรอ ?  “
“ เราได้ร่วมงานกับ อลันคาร์ โปรดิวเซอร์ของงานออสการ์ในปีนี้ บวกกับชื่อเสียงของนายตอนนี้แล้ว นายน่ะมีสิทธิ…เอริค หากนายรับปาก นายก็จะได้รับคำเชิญมา “
เอริค ลังเลไปเล็กน้อย ทุกวันนี้เขาก็เด่นอยู่แล้วและชีวิตส่วนตัวของเขาก็มีลงในหนังสือพิมพ์แทบทุกสองสามวันแต่เขาเองก็เข้าใจว่า Columbia ต้องการจะทำอะไร สำหรับ Home Alone รึ Running Out of Time ที่จะออกฉายช่วงซัมเมอร์ การให้เขาออกงานแบบนี้ต่อหน้าผู้ชมกว่า 45 ล้านคนในงานออสการ์ แน่นอนว่ามันต้องส่งผลดีต่อหนังทั้งสองเรื่อง
แม้ว่าตั้งแต่ที่ เบาท์โคเฮน ได้ออกไปและทาง Sony ได้เริ่มการเจรจาแต่ทาง Columbia ก็ได้เปลี่ยนท่าทีเมื่อมันมาเป็นเรื่อง เอริค และพวกเขาก็เริ่มการประชาสัมพันธ์ Home Alone อย่างจริงจัง
แต่จากนั้น Home Alone ได้พลาดในการเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำและแม้ว่าการตัวแทนเข้าชิงรางวัลออสการ์จะประกาศออกมาแล้วแต่ Home Alone นั้นได้เข้าชิงในสาขาเสียงยอดเยี่ยมเท่านั้น…ทุกคนรู้ว่าเรื่องนี้น่ะจากที่คนทั่วไปสนใจและอีกอย่างก็เพราะรายได้ของ Home Alone ด้วย
ถ้าตอนแรก Columbia ทำการประชาสัมพันธ์แบบนี้ งั้นบางที Home Alone อาจจะได้เข้าชิงสาขาอื่นและอาจจะได้แม้แต่ออสการ์ไปด้วยก็ได้
แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าทางออสการ์นั้นมีเวลาให้โหวตไม่ถึงสองอาทิตย์ การประชาสัมพันธ์ตอนนี้ไม่ได้ทำให้ได้อะไรเท่าไหร่ ได้แค่การเข้าชิงเสียงยอดเยี่ยม ถ้า Home Alone เอาชนะ Rain Man, Gorillas in the Mist และ Dangerous Liaisons ได้และได้รางวัลออสการ์ไป งั้นมันคงเป็นเหมือนการทดสอบความฉลาดของผู้ชม
ยังไงซะ Home Alone ก็เป็นแค่หนังตลกสำหรับเด็ก โดยไม่ได้มีเนื้อหาของเนื้อเรื่องอะไรมากมาย
… …
หลังจากที่คิดสักพัก เอริค ก็พยักหน้า
แม้ว่า Columbia จะทำแบบนี้เพราะผลประโยชน์ของตัวเองแต่ เอริค เองก็จะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ด้วย  หากเขาร่วมมือกับ Columbia ให้มากที่สุด งั้นมันก็มีหวังที่รายได้ Home Alone นั้นจะเกิน 300 ล้านได้และเมื่อมันถึงเป้าหมาย ส่วนแบ่งของ เอริค ก็จะพุ่งขึ้นมาถึง 120 ล้าน
เอมี่ ก็ยังบอก เอริค ในเรื่องที่ผู้บริหารได้รับปากมาว่าภายในหนึ่งเดือน Columbia จะให้ส่วนแบ่งของ Home Alone กับเขา นี่ทำให้เรื่องการเงินของเขาจะอยู่ในสภาพคล่องขึ้น….เพราะไม่นานมานี้ เอริค เพิ่งจะกู้เงินมา 50 ล้านเพื่อมาทำหนัง Scent of Woman และ The Others ตอนนี้เขาเป็นหนี้ 100 ล้าน ในฮอลลีวูด ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาเป็นคนที่มีหนี้มากที่สุด
“ เพราะนายตกลงแล้ว ฉันจะแจ้ง อลันคาร์ และให้เขาส่งบัตรเชิญให้นายเร็วที่สุด “- เอมี่ จิบกาแฟแล้วถามออกมา – “ เอริค ฉันได้ยินว่าการเจรจากับทอมทั้งสองคนถูกเลื่อนออกไป นายอยากให้ Columbia เข้าไปช่วยมั้ย ? “
เอริค ส่ายหน้าและปฏิเสธ นี่เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้และเขาก็มั่นใจว่ามันคงกินเวลาไปไม่ถึงเดือน
เพราะระหว่างช่วงอีสเตอร์ ริชาร์เกียร์ ที่ยอมทิ้งบทใน Pretty Woman และไปแสดงหนังเรื่อง Road House ที่สร้างโดย United Artists Studio อีกไม่นานจะปล่อยออกมา  มันไม่ได้อยู่ในความจำของเขา ดังนั้นหากเขาถามบางคนเรื่องนี้…ผลลัพธ์มันอาจจะเป็นไปตามที่คาดว่าหนังเรื่องนี้คงทำเงินได้แค่ 30 ล้าน
ถ้ามี ริชาร์ดเกียร์ เป็นตัวอย่าง ทอมทั้งสองคนที่เป็นนักแสดงชั้นนำคงไม่ทำผิดพลาดโง่ๆแบบเดียวกันโดยการปฏิเสธในการเล่นหนังใหม่ของ เอริค
ดาราชั้นนำนั้นระวังอย่างมากในการเลือกหนังเพราะถ้าเลือกหนังแย่ๆไป ความเสียหายต่อชื่อเสียงนั้นก็ยากที่จะวัดได้
4 ปีก่อน Warner ได้ลงทุนไป 30 ล้านในหนังที่ อัลปาชิโน ได้แสดงซึ่งทำรายได้ไม่ดีเท่าไหร่ อัลปาชิโน ได้รับความกดดันอย่างมากจากความเห็นของผู้คนจนเขาต้องพักงานด้านนี้ไปถึง 4 ปีเพราะความผิดพลาดนั้น ก่อนหน้านั้น อัลปาชิโน นั้นคือคนที่ได้เข้าชิงออสกาณ์ถึง 5 ครั้ง ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาเป็นดาราชั้นนำของฮอลลีวูด
และหนังสามเรื่องที่ เอริค ได้ทำ ต่างก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในฮอลลีวูดถ้าหนังของคุณทำรายได้ได้ดีงั้นชื่อเสียงของคุณก็สามารถที่จะการันตีได้  ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่อ่านบทแล้ว ครูส กับ แฮงค์ เองก็รู้ว่า Running Out of Time ต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่
เหตุผลว่าทำไมทอมทั้งสองคนได้ปล่อยให้ตัวแทนของ CAA และ เอริค ต้องถกเถียงกันต่อ ก็เพื่อให้คนที่มีอำนาจที่สุดในวงการอย่าง ไมเคิลโอวิท รักษาหน้าเอาไว้ได้และเพื่อให้ได้เงินมากกว่าเดิม
เอริค เชื่อว่านี่คือความตั้งใจของ CAA ที่ทำให้การเจรจาต้องล่ม  นักแสดงสองคนน่ะแน่นอนต้องมาขวางเรื่องนี้แน่…จากวันที่ได้พูดคุยเรื่องบท เอริค รู้ว่าสองคนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเล่นหนัง ไม่งั้นแล้วพวกนั้นคงไม่อยู่ต่อและคุยกับเขาเรื่องบทตั้งหลายชั่วโมง
“ ไม่จำเป็น เอมี่ ไม่ถึงเดือน CAA ต้องยอมแน่ๆ “ – เอริค ไม่ต้องการติดค้างทาง Columbia – “ ฉันจะใช้เวลาช่วงนี้เตรียมตัวสำหรับการถ่ายหนัง เทียบกับหนังสองเรื่องแรกแล้วที่ไม่ได้มีเวลาถ่ายทำมากนัก เรื่องนี้น่ะมีเวลาตั้งเยอะเลยล่ะ จากนี้จนถึงวันปล่อยหนังในเดือนมิถุนายน มันมีเวลาเหลืออีกตั้ง 4 เดือน “

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

我就是好莱坞
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูดผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset