I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด – ตอนที่ 126

Chapter 126 – สปีลเบิร์ก

เอริค ส่ายหน้าและอธิบายออกมา – “ ทอม หนังนี้ชื่อ Running Out of Time เพราะนักแสดงหลักทั้งสองต้องแข่งกับเวลา หลักของมันคือการแข่งกันของนักแสดงทั้งสองที่ทำให้หนังมันดีถ้าเวลาที่นักแสดงทั้งสองไม่สมดุลกัน ความพิเศษของหนังก็จะลดลงอย่างมากและฉันคิดว่าในหนังเรื่องนี้ตัวละครของนายน่ะมีพื้นที่ให้เล่นมากที่สุดและ ทอมแฮงค์ เองก็ต้องแบ่งฉากกับ โจเปสกี้ บวกกับบทของนายคือการเล่นเพียงคนเดียว ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องเพิ่มอะไรอีก “
แม้ว่า ครูส จะรู้ว่า เอริค พูดมีเหตุผลดี หน้าของเขาก็ยังแสดงความผิดหวังออกมา
แต่เดิมแล้ว เอริค ไม่ได้มีความเห็นอะไรมากกับคุณภาพของ ทอมครูส  เขาไม่ได้สนใจข่าวลือเกี่ยวกับอีกฝ่าย ยังไงซะข่าวลือส่วนมากเกี่ยวกับดารานั้นล้วนแต่ปลอมทั้งนั้นและสิ่งที่เขาได้ยินและได้อ่านมาจากแหล่งข่าวที่มีชื่อเสียง ทุกที่บอกว่าเขาน่ะเป็นคนขยันและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เอริค ถึงได้ตัดสินใจร่วมงานกับ ครูส
แต่ตอนนี้เขาเริ่มที่จะรู้สึกผิดกับการตัดสินใจนี้เพราะทั้งสองชอบที่จะควบคุมของต่างๆรอบตัว  เอริค มั่นใจว่าในการถ่ายหนัง มันต้องมีเรื่องขัดแย้งระหว่างเขาทั้งสองแน่ๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เอริค ก็รู้สึกว่า ทอมครูส คงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเพราะฐานะของ เอริค ในแวดวงนั้นยังไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร
“ เอริค เรื่องผู้หญิงบนรถบัส  บรูกชีลล์ ไม่ใช่ว่าเธอ…สูงไปหน่อยเหรอ ? “- ความสูงของ ครูส นั้นคือข้อด้อยเพียงอย่างเดียวของเขา ดังนั้นเมื่อโดนปฏิเสธ ครูส จึงพูดหัวข้อนี้ขึ้นมาแต่เขาก็รู้สึกผิดทันทีที่พูดแบบนั้นออกมา
บรูกชีลล์ สูง 183 ซม.และถ้าเธอใส่ส้นสูง เดาว่าเธอคงสูงพอๆกับ จีน่าเดวิส ตอนที่เธอกอด เอริค ในงานออสการ์
เอริค พยายามไม่หัวเราะและแนะนำออกมา – “ ทอม นายไม่ต้องกังวลเรื่องเธอหรอก  พวกนายสองคนนั่งอยู่ในฉากนั้น มันไม่มีฉากที่นายสองคนเดินข้างกันนิ ? ในการเจอกันบนรถบัสและในเดตที่ร้านอาหารอีก “
“ ได้ “ – ครูส พยักหน้าแล้วดื่มไวน์เข้าไปเพื่อปิดบังความอายของตัวเอง จากนั้นก็รีบเดินหนีไป
เอริค หันกลับมาต้องการจะกลับไปคุยกับผู้คนต่อแต่ เวอร์จิเนีย ก็โผล่มาและกอดแขนเขาไว้ราวกับว่ากลัวเขาจะหายไป
“ เฮ้ แน่นเกินไปแล้ว ฉันสัญญาน่าว่าฉันจะไม่หนี “ – เอริค พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอกลัวว่าเขาจะไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น
“ จริงนะ “ – เวอร์จิเนีย ปล่อยมือด้วยความดีใจ – “ เราไปบ้านนายคืนนี้ได้มั้ย ?”
“ ได้แต่ต้องแอบไป เพราะฉันมั่นใจว่านักข่าวคงต้องจับตาดูเราอยู่แน่ “
เวอร์จิเนีย คิดสักพักแล้วพูดขึ้นมา – “ ถ้าเราขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ลานจอดรถแล้วออกไปโดยใช้รถของ คุณซิด  ฉันมั่นใจว่ามันคงไม่มีปัญหา “
“ นี่ไงสาวน้อยสุดฉลาดของฉัน “ – เอริค กระซิบ ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น เอริค แน่นอนว่าต้องหยิกแก้มเธอแล้ว
—- —-
ในตอนที่กำลังจะกลับก็ได้เกิดเรื่องขึ้นที่ทางเข้าของงานเลี้ยง  ในตอนที่ เอริค จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทางเข้า เขาก็ได้ยินบางคนเรียกชื่อ สปีลเบิร์ก ออกมาดังๆและแน่นอนว่าไม่นานชายวัยกลางคนก็ได้เดินฝ่าผู้คนมา
“ นั่น สตีเวนสปีลเบิร์ก เขามาทำอะไรที่นี่ ?” – เวอร์จิเนีย ถามด้วยความสงสัย
“ ใครจะไปรู้  “- เอริค ส่ายหน้าและพูดขึ้น – “ ไปทักทายเขากันเถอะ “
“ ได้” – เวอร์จิเนีย พูดพร้อมกับซ่อนความตื่นเต้นของตัวเอง
แต่ทันทีที่ตัดสินใจไปพบอีกฝ่าย สปีลเบิร์ก ก็ได้เดินมาหาพวกเขาก่อนแล้ว
สปีลเบิร์ก ได้ยื่นมาออกมาหา เอริค ก่อนซึ่งทำให้ทุกคนแปลกใจ – “ เอริค ฉันคิดว่านายไปที่ Hilton Hotel แต่เมื่อฉันไปที่นั่นบางคนก็บอกฉันว่านายมาที่นี่ “
“ จริงเหรอ ! …ฉันไม่รู้ว่าจะบอกไงดี  คุณสปีลเบิร์ก ถ้านายติดต่อตัวแทนฉัน ฉันคงนัดพบกับนายเป็นการส่วนตัวแล้ว “ – เอริค พูดอย่างสุภาพแล้วจับมือกับอีกฝ่าย
“ ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้นายยุ่งและวันนี้ก็เป็นวันพิเศษดังนั้นฉันเลยมีเวลา “ – สปีลเบิร์ก อธิบาย – “ เอริค ฉันจองห้องชั้นล่างเอาไว้ ไปคุยกันที่นั่นเถอะ โอ้และนี่คือ….สาวสวยคนนี้มาด้วยก็ได้ถ้าเธอต้องการ “
“ ไม่มีปัญหา “ – เอริค พยักหน้าแล้วตาม สปีลเบิร์ก ไปพร้อมกับพูดกับ เวอร์จิเนีย ที่เดินไปกับเขาโดยปล่อยให้คนอื่นๆสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่ เอริค จากไป ทุกคนก็เริ่มเดาว่าทำไม สปีลเบิร์ก ถึงได้มาหา เอริค  แม้ว่าพวกเขาจะเสียโอกาสในการคุยกับ สปีลเบิร์ก แต่พวกเขารู้ว่าพวกเขาคงไม่มีสิทธิ  มีแค่ ทอมครูส ที่รู้สึกแพ้ในใจในตอนที่มอง สปีลเบิร์ก เดินหายไปกับ เอริค   สตีเวนสปีลเบิร์ก ที่มายังงานเลี้ยงของ Rain Man ได้ตรงมาคุยกับ เอริค   สปีลเบิร์ก ไม่ได้สนใจเขาด้วยซ้ำ  แม้ว่าจะอยู่ใกล้กันแต่อีกฝ่ายก็ทำราวกับเขาไม่มีตัวตน
เขาไม่ได้หวังจะร่วมงานกับ สปีลเบิร์ก  เขาแค่ต้องการเป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย  ในฐานะตัวแทนของชาวยิวในฮอลลีวูด การรู้จักกับ สปีลเบิร์ก นั้นเท่ากับการเป็นเพื่อนกับคนยิวทั้งหมดในฮอลลีวูด
ชาวยิวได้ขับเคลื่อนวงการนี้ มันไม่ใช่คำพูดที่ผิดเลย  แบรี่ดิลเลอร์, ไมเคิลอีสเนอร์ และผู้บริหารค่ายหนังหลายที่ก็เป็นยิว สตีเวนสปีลเบิร์ก, แฮริสสันฟอร์โ และผู้กำกับกับดาราที่โด่งดังคนอื่นๆก็เป็นชาวยิว  หลังจากที่ ครูส ออกจาก CAA  ถ้าเขาต้องการสลัดฐานะนักแสดงไปและเข้าสู่วงการโปรดิวเซอร์ มันจำเป็นที่เขาจะมีเส้นสายกับชาวยิวในวงการ
—- —-
ในห้องที่ชั้นเจ็ด ทั้งสองฝ่ายได้นั่งลงที่โต๊ะ หลังจากที่พนักงานได้เอากาแฟที่เขาสั่งมาให้  เขาก็ได้ออกจากห้องไปปล่อยให้ สปีลเบิร์ก, ผู้ช่วย, เอริค และ เวอร์จิเนีย ไว้ในห้อง
“ เอริค  ดรูวส์ โอเครึเปล่า ? มันนานแล้วนะตั้งแต่ที่เธอมาหาฉัน “  – สปีลเบิร์ก ไม่ได้รีบพูดตรงประเด็น เขากลับพูดเรื่องอื่นแทน
เอริค เองก็ไม่ได้เร่งแต่เมื่อเขาเห็นสายตาของ เวอร์จิเนีย ที่นั่งข้างๆเขาแต่เขาก็พบว่าเธอมองไปที่ สปีลเบิร์ก ด้วยตามที่เบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าเธอทำแบบนั้นเขาก็รู้สึกอายขึ้นมา ยังไงซะทั้งสองก็เป็นผู้กำกับ  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าตอนที่กลับบ้านไปคืนนี้ เขาจะจัดการเธอให้หนัก  นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการทำ
“ ไร้หัวใจจริงๆ “ – เอริค พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม – “ ตอนฉันกลับบ้าน ฉันจะสั่งสอนบทเรียนเธอ มันหยาบคายที่เธอไม่ไปเยี่ยมครอบครัวตั้งนาน “
“ ฉันได้ยินคนพากันบอกว่าความสัมพันธ์ของนายกับ ดรูวส์ น่ะแปลกเหมือนกับพ่อและลูกสาว  ตอนแรกฉันไม่เชื่อแต่ตอนนี้ฉันฟังจากน้ำเสียงนายแล้ว ฉันคิดว่ามันอาจจะจริง บางทีมันอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่ให้เธอติดตามนาย พ่อแม่ของเธอนั้น …พูดแค่ว่าไม่ใช่พ่อแม่ที่ดี  เอริค ฉันหวังว่านายจะดูแลเธออย่างดี “
“ แน่นอน “ – เอริค พยักหน้า  เขาไม่รู้ว่า สปีลเบิร์ก ได้ยินข่าวพวกนี้มาจากไหน ยังไงซะเส้นสายของอีกฝ่ายก็เหนือกว่าเขา
สปีลเบิร์ก ค่อยๆจิบกาแฟและพูดขึ้นมา – “ อันที่จริง ฉันมาคุยกับนายในวันนี้เรื่อง Jurassic Park ฉันให้คนติดต่อนายอยู่หลายครั้งแต่พวกเขาก็โดนปฏิเสธ ดังนั้นวันนี้ฉันเลยมาด้วยตัวเอง เอริค ขายสิทธิ Jurassic Park มาให้ฉันได้มั้ย ? “
เอริค ไม่ได้ตอบทันที อันที่จริงเขาไม่พอใจอย่างมาก การขาย Jurassic Park ให้กับ สปีลเบิร์ก นั้นไม่อยู่ในคำถาม  เขาไม่ต้องการให้ สปีลเบิร์ก เป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้เหมือนชีวิตที่แล้วเพราะเขาจำข้อมูลบางอย่างได้ตอนที่ สปีลเบิร์ก เริ่มพูดถึงเรื่องลิขสิทธิ์นี้
ในชีวิตที่แล้ว Jurassic Park นั้นทำรายได้เกินกว่า 900 ล้าน , 350 ล้านในอเมริกาเหนือ, 600 ล้านทั่วโลก  ตามส่วนแบ่งเฉลี่ย 55% และ 20% หนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้ถึง 310 ล้าน  Universal ได้ลงทุนหนังเรื่องนี้ไป 70 ล้าน ในตอนที่หักทุน คุณจะพบว่ามันมีกำไรสูงถึง 240 ล้าน นี่ดูเหมือนเป็นตัวเลขจำนวนมากเพราะใน 9 ปีก่อน แม้แต่ค่ายใหญ่ทั้งหกเองก็ไม่อาจทำกำไรมากแบบนี้ได้ในหนึ่งปี
แต่นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม สปีลเบิร์ก ถึงได้เรียกว่าเป็นนักธุรกิจในแวดวงหนัง  ในฐานะผู้กำกับ Jurassic Park กับความสามารถส่วนตัว, เส้นสายและการเจรจา มันสามารถที่จะเซ็นสัญญาที่ส่งผลดีกับ Universal อย่างมาก นี่ทำให้เขาได้ส่วนแบ่งจากรายได้จากการฉายหนังและการขาย DVD  ผลสุดท้าย สปีลเบิร์ก ก็จะได้เงินถึง 250 ล้านสำหรับการกำกับ Jurassic Park
ใช่ มากกว่ารายได้กำไรถึง 10 ล้าน
ในปี 1993 ยุคของ DVD ยังไม่มา ดังนั้นตลาดวิดีโอจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและทำรายได้ไปถึง 55%   รายได้จากการฉายอื่นๆนั้นถือว่าน้อย ในอีกความหมายคือกำไรส่วนมากของ Jurassic Park ในเรื่องวิดีโอนั้นจริงๆแล้ว สปีลเบิร์ก  ได้ไป  นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ก่อตั้ง DreamWorks มาได้
ถ้าไม่ใช่เพราะ Jurassic Park และธีมสวนสนุกที่สร้างกำไรให้กับ Universal  เอริค มั่นใจว่าผู้บริหารของ Universal คงต้องเสียตำแหน่งตัวเองแน่
สำหรับข่าวลือ สปีลเบิร์ก ไม่พอใจกับเงินทุนการสร้าง Jurassic Park และ Schindler’s List ซึ่งทำให้เขาเริ่มระหองระแหงกับ Universal และทำให้เขาก่อตั้ง DreamWorks ขึ้นมากับเพื่อนของเขา  ความจริงเพื่อนของเขาก็ไม่ได้เครดิตเลยสักนิด อันที่จริง สปีลเบิร์ก ได้ก่อตั้ง DreamWorks ขึ้นมาเพราะในที่สุดเขาก็สามารถทำเงินได้จำนวนมาก นี่คือความจริง
เขาไม่ได้ลงทุนเลยสักนิดแต่กลับได้เงินมา 250 ล้าน  เขาจะไม่พอใจเรื่องอะไรได้ !
สิ่งที่ เอริค กังวลตอนนี้คือเขาจะปฏิเสธอย่างสุภาพยังไงเพื่อไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ ยังไงซะเขาก็ไม่ยากคุกคามผู้กำกับยิวที่มีเส้นสายในวงการ มันคงเหมือนการฆ่าตัวตายชัดๆ
“ คุณสปีลเบิร์ก จริงๆแล้ว….ตอนที่ฉันเขียนหนังสือนี่ขึ้นมา ฉันตั้งใจจะกำกับมันด้วยตัวเอง ดังนั้น…” – เอริค อ้ำอึ้ง เขาพยายามหาคำพูด – “ ดังนั้น….ฉันไม่ตั้งใจจะขายลิขสิทธิ์ Jurassic Pardk “
สปีลเบิร์ก ยิ้มออกมาเหมือนกับผู้ใหญ่และพูดขึ้นมา – “เอริค ฉันเคยดูหนังของนายแล้ว ฉันคิดว่านายเก่งเรื่องหนังตลกทุนต่ำและยังหนังดรามาแต่เมื่อเป็น Jurassic Park  หนังแนวไซไฟ ฉันกลัวว่ามันคงนานกว่านายจะถ่ายมันได้  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นนายแต่นายน่ะยังเด็กและยังขาดประสบการณ์ ฉันเจอกับสถานการณ์เดียวกันในอดีตมา ฉันได้ถ่ายหนังเรื่องแรกในปี 1959 แต่แค่ 16 ปีต่อมา ฉันถึงได้กำกับหนังไซไฟอย่าง Jaws  คุณภาพของนายตอนนี้ดีกว่าของฉันแต่มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีรึมากกว่านั้นเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการสร้าง Jurassic Park บางทีตอนนั้นหลายคนคงลืมนิยายเรื่องนี้ไปแล้วซึ่งมันทำให้ยากที่จะทำหนังขึ้นมาให้ดังได้ “

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

我就是好莱坞
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูดผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset