Kimi wa Hontouni Boku no Tenshi nano ka – ตอนที่ 0 บทนำ Part2 เหตุผล

เมื่อผมจ้องมองเศษซากตะกอนที่ติดอยู่เบื้องหลังของภาพลวงตาอันแสนหวานของไอดอล ผมก็ตาแทบบอดเพราะความโสมมของมัน

ไอดอลมันห่วยแตกสิ้นดี

เมื่อที่นั่งคนขับของรถจี๊ป Wrangler สีดำสุดที่รักของผมมันทรุดตัวลงไป

ผมก็จ้องมองไปที่ประตูทางเข้าของคลับสุดพิเศษเฉพาะตัวแห่งหนึ่ง

ผมอยู่แบบนี้โดยที่ยังเอากล้องไว้ตรงบริเวณท้องของผมมาได้สักพักหนึ่งแล้ว

ตอนนี้ผมยังเจ็บหลังอยู่ แต่ก็เจ็บจนชินแล้วล่ะ

 

“โอ๊ะ…..”

 

หลังจากจ้องมองประตูทางเข้าเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ในที่สุดคนที่ผมเฝ้ารอคอยก็ปรากฏตัวขึ้น

ผมรีบคว้ากล้อง SLR ที่อยู่ตรงบริเวณหน้าท้องของผมแล้วมองผ่านช่องมองภาพและปิดเสียงของชัตเตอร์ถ่าย

ชายระดับผู้บริหารตัวเล็กๆอ้วนๆที่มาจากบริษัทค่ายเพลงหรืออะไรสักอย่างกับไอดอลคนที่พอทำเงินได้แต่ก็ไม่ใช่ดาวเด่นตัวเต็งอะไร

ผมถือกล้องอย่างแนบแน่นขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากคลับโดยเอาแขนมาโอบกันและกัน

 

“ไอดอลเฮงซวย………..”

 

ผมบ่นพึมพัมจนติดเป็นนิสัยแล้วก็ตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในกล้องซึ่งมันเป็นช็อตที่ถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

ไอดอลบางคนใช้เสน่ห์และรูปลักษณ์ภายนอกที่พ่อแม่ให้มาใช้เป็นเครื่องมือในการดึงดูดความรักจากพวกผู้ชายและก็ได้รับเงินมาโดยแค่พูดถึงเรื่องความฝันและแรงบรรดาใจอะไรนั่นของพวกเธอ

เบื้องหลังพวกไอดอลน่ะก็ต่างพากันอุทิศตนเพื่อธุรกิจโง่ๆแบบนี้ล่ะนะ

ผิวเผินของสิ่งที่พูดมาก็ถูกต้องทั้งหมดและการกระเสือกกระสนหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวมันกลับขึ้นอยู่กับพวกเธอสนองพวกคนรวยได้มากแค่ไหน

น่ารังเกียจซะจริง ผมรู้สึกขยะแขยงกับไอดอลพวกนี้ ไอ้งานสกปรกๆของพวกหล่อนนั่นน่ะ……และผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองเข้าไส้ที่ผมเองก็ดันทำเงินได้จากข่าวของพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน

 

“แล้วนี่พวกแกจะไปไหนกันต่อล่ะทีนี้?”

 

ผมต้องการหลักฐานที่มันเป็นรูปธรรมมากกว่านี้

ผมเอากล้องมาคล้องคอแล้วเปิดประตูลงจากรถ

ผมเดินช้าๆพยายามไม่เข้าใกล้เป้าหมายมากเกินไปแต่ก็เข้าไปใกล้พอที่อยู่ในระยะสายตาของผมเอง

 

“ชั้นคงต้องระวังตัวสักหน่อยล่ะ….”

 

ไอดอลและตาแก่อ้วนเดินผ่านย่านใจกลางเมืองหลังจากออกมาจากคลับ

เธอปลอมตัวโดยการสวมหน้ากาก,หมวกแล้วก็แว่นกันแดดแต่เธอก็ไม่ได้สนใจมองเช็คดูรอบๆเลยสักครั้งตอนที่เธอเดินออกมาจากคลับแล้ว

เป็นเรื่องที่งี่เง่าดีกับการที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับการปลอมตัวแบบนี้เลย

ผมแค่อยากที่จะถ่ายรูปที่อยากได้แล้วก็เผ่นออกมาจากตรงนั้น

พอใกล้จะปิดจ็อบได้แล้ว อาการปวดหลังก็กำเริบอีกครั้ง

 

“นี่มันงานโง่ๆชัดๆเลย….”

 

ผมเดาะลิ้นแล้วก็เดินผ่านเขาไปในเมืองที่มืดมิด

 

—————————————————————————————————–

 

            “อืม……น่าเบื่อเกินไป หล่อนเป็นสมาชิกของ FairPro แต่ก็ไม่เคยได้เป็นเซ็นเตอร์ของเพลงไหนเลยใช่ไหมล่ะ?”

 

หัวหน้า บ.ก. มองผมและผมก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกกลับใส่เขา

 

“มันหมายความว่าไงที่ว่าน่าเบื่อครับ?!!  ไม่ว่าจะเป็นใครก็หน้าไหนตาม แต่เรื่องสำคัญมันอยู่ตรงที่ไอดอลแอบไปกุ๊กกิ๊กกับตาแก่อ้วนจากบริษัทค่ายเพลงนะครับ!!”

 

ผมรับไม่ได้กับการที่รูปที่ผมถ่ายมาถูกปฏิเสธแบบทันทีทันใด แต่หัวหน้า บ.ก. ก็ยังคงดูลังเลอยู่

 

“ก็ใช่อยู่ บางที………ถ้าเป็นพวกผู้หญิงที่อยู่ในสามอันดับตัวเต็งในการเลือกตั้งล่ะก็ แบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้”

“ก็อย่างที่ผมบอกไปไงครับ ประเด็นคือมันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นใคร…..”

“คาสึไก มานี่สักเดี๋ยวสิ”

 

เขาพูดลดโทนเสียงลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ทำท่ากวักมือเบาๆแล้วเดินไปตรงทางเดิน

ผมเดาะลิ้นแล้วเดินตามเขาไป

เขาพาผมออกจากสำนักงานกองบรรณาธิการไปยังโถงทางเดินที่ไม่มีใคร

 

“ฟังนะ ชั้นจะบอกบางอย่างกับแกแล้วก็อย่าได้ปากโป้งเชียวล่ะ”

 

ผมจ้องหัวหน้า บ.ก. ด้วยคิ้วที่เลิกขึ้นในขณะที่เขายังพูดเบาๆอยู่ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้

 

“เรื่องไอดอลของค่าย FairPro ที่ลงเอยด้วยการคัดตัวแบบถวายตัวให้น่ะ ต่อให้แกจะหาหลักฐานมามัดตัวแน่นแค่ไหน แกก็เขียนเรื่องนี้ไม่ได้”

“อะไรนะ……….”

 

ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น

ไอดอลที่คัดตัวโดยการที่ถวายร่างกายให้เพราะด้วยเหตุผลนี้นี่ล่ะผมถึงได้ยื่นเสนอเรื่องนี้ให้กับเขา

ภายใต้อาชีพนักเขียนข่าวนิตยสารแนวซุบซิบนินทา ถ้าหากกองบรรณาธิการของเราไม่สามารถที่จะรายงานการกระทำนี้ออกไปได้ มันก็ถือว่าเป็นการทรยศครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมวงการไอดอลเลยนะ

 แล้วใครกันล่ะที่จะเป็นคนมาตัดสินเรื่องนี้?

 

“ขอเหตุผลทีครับว่าทำไมถึงได้…….”

 

ผมพูดอย่างประชดประชันออกไปแล้วหัวหน้า บ.ก. ก็ขมวดคิ้วและทำท่าทางโบกไม้โบกมือราวกับว่ากำลังโบกไล่ควันออกไป

 

“ตัวชั้นเองก็โดนกดดันอย่างหนักจากหัวหน้าของชั้นเองเหมือนกัน ส่วนพวกเบื้องบนผู้บริหารระดับสูงของเราเองก็…….เห็นว่าได้รับเงินมาด้วยน่ะ”

“อะ-อะไรนะครับ!? นี่คุณไม่มีความภาคภูมิใจกับการเป็นคนของสื่อบ้างเลยเหรอครับ?!”

“ชั้นก็ต้องมีอยู่แล้วน่ะสิ!!……เออ ช่างเถอะ ยังไงซะถ้าแกยังไม่อยากโดนเด้งล่ะก็ ก็อย่ายกเรื่องนี้มาคุยกับชั้นอีก”

“นี่มันน่าขำซะไม่มี……”

“ชั้นมั่นใจว่ามันมีเรื่องอื่นที่แกจะเอามาเล่นได้ ก็อย่างเช่น ยัยผุ้หญิงคนนั้นน่ะ เซย์ไซ อากิระ….ตอนนี้เธอก็ดังเป็นพลุแตกเป็นไอดอลอันดับต้นๆของโลกแล้วไม่ใช่รึยังไง?

ชั้นมั่นใจว่าถ้าเป็นแกล่ะก็คงจะสาวไส้หาเรื่องอื้อฉาวของแม่หนูนี่จนเจอได้ เอาล่ะ! ถ้างั้นก็ไว้เจอกันใหม่” 

“ดะ -เดี๋ยวก่อนสิครับ!!..”

 

หลังจากพยายามพูดให้มากที่สุดทำเท่าจะพูดได้แล้ว หัวหน้า บ.ก. ก็โบกมือและเดินกลับเข้าสำนักงานกองบรรณาธิการ ส่วนตัวผมก็ถูกทิ้งให้เคว้งทำอะไรไม่ถูก

 

“…..แม่งเอ้ย!!!”

ผมกระทืบเท้าลงพื้นอยู่ลำพังในโถงทางเดิน

ฝ่าเท้าของผมก็เริ่มกระตุกและออกอาการปวดเมื่อย

ผมเกือบจะเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ที่อยู่ตรงกระเป๋าเสื้อแต่พอเห็นผ้ายที่เขียนด้วยลายมือว่า ‘ห้ามสูบบุหรี่’ ผมก็เดาะลิ้น

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะที่ไหนก็ถูกบังคับให้เลิกสูบบุหรี่หรือไม่ก็ให้ไปสูบในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้นซึ่งมันน่ารำคาญชะมัด

แล้วจะมีสำนักงานปลอดบุหรี่ไปทำซากอะไร

ก็ในเมื่อทั้งกอง บ.ก. แม่มพากันสูบบุหรี่กันเกือบหมดทุกคนเลยน่ะ?

 

“อืม………แล้วนี่ชั้นจะจัดการเรื่องนี้ไหวไหมนะ?”

 

ผมพูดพึมพัมแล้วก็เอานิ้วไปเคาะที่กล้องที่ห้อยอยู่ตรงคอของผมแล้วก็เดินต่อไป

เท้าของผมมันพาผมเดินไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน

เซย์ไซ อากิระ

อย่างที่ทุกคนรู้กัน เธอคือไอดอลที่มาแรงที่สุดในตอนนี้

เธอเดบิวต์ในฐานะดูโอ้ไอดอล แต่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งกลับจบการศึกษาอย่างกระทันหันไป

เพราะงั้นตอนนี้เธอก็เลยกลายเป็นไอดอลศิลปินเดี่ยวแทน

ผมเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับพวกไอดอลก็จริง ถึงจะรู้สึกแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธใม่ได้ว่าการแสดงของเธอมันน่าทึ่งขนาดไหน 

เธอเป็นไอดอลที่มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เธอแตกต่างจากคนอื่นๆ

ผมเข้าไปใน รถจี๊บ Wrangler แล้วก็ปิดประตู

จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

 

“เซย์ไซ……อากิระ”

 

เมื่อผมบิดกุญแจรถสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวรถก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงเบสที่หนักแน่นและการสั่นสะเทือนก็เข้ามาตรงที่ท้องของผมพอดี จากนั้นผมก็สลับโหมดไปเป็นโหมดทำงาน

 

“ถ้าเกิดว่าเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวของเธอได้ล่ะก็ มันก็คงจะเป็นจุดจบของไอดอลแล้วสินะ”

 

ผมโยชิฮารุ คาสึไก ได้บ่นพึมพัมแล้วก็ขับรถออกไป

 

—————————————————————————————————–

 

ชั้นคิดว่าการเป็นไอดอลนั้นมันเป็นเพียงแค่เป็นหนทางที่จะนำพาตัวเราไปถึงจุดสิ้นสุด

ในตอนแรกชั้นก็แค่อยากให้ผู้ชายเพียงคนเดียวมองมาที่ชั้น

เขาเป้นคนที่ใจดี รอบคอบ แล้วก็อ่อนโยน

ชั้นอยากจะเป็นดาวเพียงแค่ดวงเดียวที่เขามอง

ชั้นไม่เคยคิดเลยว่าอาชีพไอดอลที่จู่ๆชั้นได้เริ่มตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างกระทันหันจะกลายเป็นชีวิตของชั้น

คุณไม่อาจเข้าถึงผู้คนได้เพียงแค่การร้องเพลงเพียงอย่างเดียว

การเต้นที่ปราศจากความหลงไหลเองก็ไร้ความหมาย

ไม่มีใครที่จะหลงเสน่ห์กับรอยยิ้มที่ฉาบไปด้วยปูน

ทันทีที่ตัวชั้นได้ขึ้นไปยืนหยัดอยู่บนเวทีในฐานะไอดอลด้วยการเตรียมตัวเพียงน้อยนิด

ชั้นก็ตระหนักได้ว่าตนเองนั้นไร้ซึ่งกำลังมากเพียงใด

จากคู่ดูโอ้ไร้ชื่อที่ไม่สามารถเติมเต็มที่นั่งคนดูให้ได้ถึงหนึ่งร้อยที่นั่ง

สู่คู่ดูโอ้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ขายตั๋วที่นั่งได้หมดทั้งห้องโถงด้วยจำนวนคนหลายพันคน

เมื่อใดก็ตามหวนนึกได้ถึงช่องโหว่งขนาดใหญ่ระหว่างตอนนั้นกับตอนนี้ หัวใจของชั้นก็เต้นรัวไปหมด

เพราะชั้นรู้ดีว่าดวงดาวที่เด็กหนุ่มสุดที่รักของชั้นกำลังจ้องมองอยู่นั้นส่องสว่างและเปล่งประกายเจิดจ้ามากเพียงใด

ตัวชั้นอยากจะเป็นดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจ้าเหนือสิ่งอื่นใด ให้ผู้คนมากมองได้จ้องมองและหวังว่าเขาคนนั้นจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้น

ขณะที่ชั้นกำลังพยายามดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ชั้นก็ได้เห็นเหวลึกที่อยู่ภายใต้เท้าของชั้นเอง

ภายใต้ความฝันของไอดอล ก็มีกระแสน้ำวนแห่งความชั่วร้ายที่กำลังรอคอยอยู่พร้อมกับรูใหญ่ๆที่เปิดกว้าง

คู่หูของชั้นถูกความชั่วร้ายนั่นกลืนกินแล้วก็หายตัวไป

 

“ไว้พวกเราไปร้องเพลงที่บูโดคังด้วยกันนะ!!”

 

คำพูดที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแสนบริสุทธิ์กลายเป้นฝุ่นผงไปในพริบตา

ยกโทษให้ไม่ได้

ความโกรธแค้นกำลังนำพาตัวชั้นไป

ชั้นร้องเพลงได้อย่างร่าเริง

ชั้นเต้นได้อย่างสง่างาม

ชั้นยิ้มได้อย่างมีความสุข

โดยที่ไม่มีใครรับรู้ถึงความโกรธแค้นอันเป็นรากเหง้าของทุกสิ่งทุกอย่าง

ชั้นหวังว่าชั้นจะเผาผลาญความมืดมิดที่อยู่รอบๆได้ด้วยความเปล่งประกายของชั้นเอง

และด้วยความปรารถนาเช่นนั้น……

และด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่ภายในหัวใจของชั้น…..

ทุกวันนี้ตัวชั้นก็เลยยังคงยืนหยัดอยู่ในฐานะของไอดอล

 

 

Kimi wa Hontouni Boku no Tenshi nano ka

Kimi wa Hontouni Boku no Tenshi nano ka

Comment

Options

not work with dark mode
Reset