Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ตอนที่ 31 ข้าจำเป็นต้องมีท่าน

ราฟาเอลาควบม้าอย่างเร่งร้อน นางตามหาแพทรเซียแทบจะทุกที่แล้วแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่าย เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต่อให้ราฟาเอลาเป็นคนมองโลกในแง่ดีเพียงใดก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ สวนทางกันหรือเปล่านะ? ราฟาเอลาหวังให้เป็นเช่นนั้น อีกราวๆ สามถึงสี่ชั่วโมงหลังจากนี้เทศกาลล่าสัตว์จะปิดม่านลงแล้ว

หากถึงตอนนั้นแล้วแพทริเซียยังไม่ปรากฏตัวล่ะก็…

ราฟาเอลาคิดเพียงเท่านั้นก่อนจะส่ายหน้าเพื่อขจัดความคิดฟุ้งซ่าน คิดอะไรเพ้อเจ้อ แพทริเซียคงกำลังสนุกกับการขี่ม้าล่าสัตว์อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของป่ากระมัง

ราฟาเอลาตัดสินใจวนดูอีกสักนิดเพราะในโลกนี้มักมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ แม้มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ แต่ตอนนี้นางก็ยังด่วนสรุปอะไรไม่ได้

ในตอนนั้นเอง ขณะที่ราฟาเอลากำลังจะหันหลังกลับก็มีบางสิ่งเข้ามาในสายตาของนาง ครั้นเห็นสิ่งนั้นสีหน้าของนางก็ฉายแววฉงนก่อนจะควบม้าเข้าไปใกล้ และเมื่อตรวจสอบของสิ่งนั้นจนแน่ใจแล้วนางก็หวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

“แพทริเซีย!”

***

แพทริเซียลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง หญิงสาววิเคราะห์สภาพร่างกายของตนที่ก่อนหน้านี้เปียกฝนไปทั้งตัวตามความเป็นจริง ก่อนจะรู้สึกโล่งใจที่ตนไม่ได้เป็นไข้

อย่างน้อยในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น แต่ร่างกายคนเราจะเป็นอะไรไปเมื่อใดก็มิอาจหยั่งรู้ นางจึงคิดว่าต้องหาทางกลับวังโดยเร็วที่สุด

เพื่อการนั้น นางต้องทำให้ลูซิโอฟื้นขึ้นมาเสียก่อน แต่เขายังคงนอนนิ่งเหมือนศพ แพทริเซียค่อยๆ ผละออกมาแล้วสังเกตอาการของอีกฝ่าย

ลองยื่นมือไปแตะดู ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่สื่อว่าเขายังมีชีวิต

อา โล่งอกไปที แพทริเซียรู้สึกโล่งใจที่วิกฤตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ร่างกายของคนใกล้ตายคงไม่อุ่นเช่นนี้กระมัง วูบหนึ่งแพทริเซียนึกอยากจะร้องไห้ออกมา นางจึงซุกหน้าลงกับตัก มันเป็นช่วงเวลาแสนยากลำบากที่ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง ไร้คนช่วยเหลือ

ฝนยังคงตกไม่หยุด แต่ไม่มีฟ้าแล่บฟ้าร้องแล้ว อีกทั้งเม็ดฝนยังดูเบาบางลงกว่าเมื่อครู่ นางไม่สามารถคาดเดาเวลาได้เพราะอากาศมืดครึ้ม ได้แต่ประมาณเอาคร่าวๆ ตามที่รู้สึกว่าน่าจะเหลือเวลาราวๆ สองชั่วโมงก่อนงานเทศกาลล่าสัตว์จะสิ้นสุดลง

ต้องรอให้ฝนหยุดเสียก่อนจึงจะออกเดินทางได้ การเดินทางกลางสายฝนรังแต่จะทำให้เกิดผลเสียต่อสภาพร่างกายของทั้งสองคนและหนึ่งตัว

แพทริเซียจัดการเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิงด้วยสีหน้าอ่อนล้าก่อนจะชำเลืองมองลูซิโอ เขายังคงนอนนิ่ง นางจึงพูดออกมาเบาๆ

“ตื่นได้แล้วเพคะ”

“…”

แน่นอนว่าเขาไม่ตื่น ถ้าเขาตื่นขึ้นมาเพียงเพราะคำพูดเดียวของนาง นางคงกลายเป็นผู้วิเศษไปแล้ว แต่นางไม่ใช่ผู้วิเศษและใช้เวทมนตร์ไม่เป็นด้วย แพทริเซียถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะพึมพำอย่างเว้าวอน

“หากพระองค์ไม่ฟื้น อย่าว่าแต่ชีวิตของหม่อมฉันเลย พระองค์เองก็จะตกที่นั่งลำบากไปด้วยนะเพคะ ทั้งที่ทรงทราบดีที่สุดแต่ไฉนจึงทำเช่นนี้เล่าเพคะ”

“…”

“รีบตื่นบรรทมเถอะเพคะ ฝ่าบาท จะต้องให้หม่อมฉันทำอะไรมากกว่านี้อีกหรือเพคะ”

น้ำเสียงขุ่นเคืองของแพทริเซียฟังแล้วช่างน่าเศร้า นางอยากร้องไห้ หากคนที่นอนไม่ได้สติเป็นตัวนางเอง เรื่องจะง่ายกว่านี้หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่รู้ว่าลูซิโอจะทำอย่างที่แพทริเซียทำเพื่อช่วยชีวิตอีกฝ่ายหรือไม่ หากพูดอย่างแล้งน้ำใจ ตอนนี้เขารังแต่จะเป็นภาระของนางเท่านั้น แต่นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองข้ามความรู้สึกของเขาที่มารับธนูอาบยาพิษแทนนาง

แพทริเซียไม่ใช่คนเย็นชาขนาดนั้น

“โรสมอนด์…”

แพทริเซียมุ่งความสนใจไปที่โรสมอนด์ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แค่คิดถึงผู้หญิงคนนั้น แววตาของแพทริเซียก็ลุกโชนไปด้วยไฟแค้น คราวก่อนตนได้เตือนอีกฝ่ายไปแล้วว่าหากทำเช่นนั้นอีกจะไม่ส่งผลดี แต่การเข้าไปเตือนด้วยความปรานีกลับส่งผลให้ตนต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีอะไรผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ตนอาจต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

แพทริเซียแค่นหัวเราะด้วยความสมเพช ที่สุดแล้วก็เป็นเพราะความโง่เขลาของตนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะคนอย่างโรสมอนด์ไม่มีทางที่จะรับฟังคำเตือนของตนอย่างจริงจังอยู่แล้ว

ทำไมตนถึงหัวช้าแบบนี้ แพทริเซียรู้สึกสมเพชในความโง่เขลาของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เรื่องเกิดไปแล้ว และแพทริเซียเองก็ต้องยอมรับมัน

ยอมรับว่าการต่อสู้ระหว่างนางและโรสมอนด์นั้นมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แผนเดิมของนางคือการอยู่อย่างไร้ตัวตนในวังจนกว่าจะได้เป็นพระพันปี แต่ในเมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ การจะอยู่อย่าง ‘ไร้ตัวตน’ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหากอยู่อย่าง ‘ไร้ตัวตน’ ไปเรื่อยๆ หากไม่ถูกฆ่าโดย ‘ไม่มีใครรู้’ ก็คงถูกถอดจากตำแหน่งเป็นแน่

นั่นมิใช่แค่ปัญหาส่วนตัวของนางเท่านั้น จักรพรรดินีของจักรวรรดิมาวินอสไม่ได้ถูกถอดยศกันง่ายๆ ดังนั้น หากนางถูกถอดออกจากตำแหน่ง นั่นหมายถึงตระกูลของนางต้องล่มสลายไปตามๆ กัน นางไม่อยากให้ตระกูลต้องพังทลายและถูกกิโยตีนบั่นคออีกแล้ว

แพทริเซียเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

จากนี้ข้าจะไม่ยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป ข้าจะไม่ยอมเจอเรื่องแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ไม่มีทาง ไม่มีวัน! แพทริเซียหัวเราะเงียบๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา

การได้ยินชื่อของโรสมอนด์ออกมาจากปากของคนพวกนั้นถือเป็นความโชคดี เพราะหากพวกเขาไม่บอกชื่อคนร้ายตัวจริงออกมา คนใจดีอย่างนางจะต้องรู้สึกยุ่งยากใจอยู่บ้างเป็นแน่ เหตุผลหนึ่งเดียวที่แสนจะไร้สาระคือแม้นางจะรู้อยู่เต็มอกแต่กลับไม่มีหลักฐาน แต่ความลำบากใจนั้นได้ถูกขุดรากถอนโคนออกไปแล้ว คราวนี้แพทริเซียก็เหลือตัวเลือกเพียงข้อเดียว

สงครามและชัยชนะ แพทริเซียกัดริมฝีปาก สีหน้าของนางยังคงเย็นชา นางปรารถนาที่จะอยู่อย่างไร้ตัวตนเสมือนดอกไม้ดอกหนึ่งเท่านั้น หรือนางต้องกลายเป็นวัชพืชที่ขึ้นกวนใจกระนั้นหรือ ถึงนั่นจะดูน่าเศร้าแต่ก็ไม่มีทางเลือก แม้ว่านางจะเกลียดชีวิตที่เหมือนวัชพืช แต่นางเกลียดการตายในฐานะไม้ประดับมากยิ่งกว่า เพราะฉะนั้น…

“ฟื้นเถิดเพคะ ฝ่าบาท”

ตัวข้าในตอนนี้ต้องการท่านมากกว่าตอนไหนๆ

***

ราฟาเอลากลับมายังสถานที่จัดงานก่อนงานจะเลิกราวๆ หนึ่งถึงสองชั่วโมง เมื่อนางรู้ว่าทั้งจักรพรรดิและจักรพรรดินีไม่ได้อยู่ ณ ที่นั้น นางก็เริ่มสติแตก ในตอนนั้นเองใครคนหนึ่งคว้าตัวนางไว้อย่างรุนแรง

“เดมราฟาเอลา”

“ทะ…ท่านพ่อ”

คนผู้นั้นก็คือมาร์ควิสบริงสโตนผู้เป็นบิดาของนาง ครั้นเห็นบิดาบังเกิดเกล้านางก็สะดุ้งโหยงจนเกือบทำของที่กำไว้ในมือร่วง มาร์ควิสบริงสโตนพานางไปยังที่ลับตาคน หลังตรวจดูรอบๆ แล้วว่าไม่มีใคร มาร์ควิสก็เริ่มซักถามราฟาเอลาด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พ่อไม่เห็นฝ่าบาททั้งสองพระองค์เลย ถ้าแค่พระจักรพรรดิยังพอทำเนา แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นกับพระจักรพรรดินีเล่า”

“ท่านพ่อ คือว่า…ฝ่าบาทตรัสว่าต้องการเสด็จพระองค์เดียว…”

ราฟาเอลาดูสลดไป นางตอบออกไปตามความจริงแต่กลับถูกบิดาต่อว่าเสียงเขียว

“แล้วอัศวินราชองครักษ์ประจำพระองค์อย่างเจ้าก็ละเลยพระองค์และไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างนั้นรึ สติของเจ้ายังดีอยู่หรือไม่ สถานการณ์ตอนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อใดมิอาจรู้ ทำไมเจ้าถึงหละหลวมเช่นนี้”

“ขออภัยค่ะ ท่านพ่อ”

ราฟาเอลาไม่มีอะไรจะแก้ตัว ที่บิดาพูดมานั้นถูกต้องทุกคำ ที่มาร์ควิสบริงสโตนบอกว่านางหละหลวมเกินไปนั้นก็ไม่ผิดแม้แต่น้อย เดิมทีที่นางทำลงไปก็มีสาเหตุมาจากการที่นางรู้สึกเห็นใจแพทริเซียที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะจักรพรรดินี

ราฟาเอลาต้องมองว่าแพทริเซียเป็นจักรพรรดินี มิใช่เลดี้ แต่นางยังเยาว์นัก ไม่ง่ายเลยที่นางจะมองสหายเป็นสตรีที่สูงศักดิ์

เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้น ราฟาเอลาจึงเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ จากนั้นความรู้สึกผิดมากมายจากการกระทำของตนก็ถาโถมเข้ามา

มือของนางสั่นเทาด้วยความกลัว มาร์ควิสบริงสโตนออกคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติ

“พ่อขอสั่งเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นอัศวินราชองครักษ์ มิใช่บุตรีของข้า เดมราฟาเอลา เจ้าจงออกตามหาฝ่าบาทให้พบ ข้าคงไม่ต้องบอกใช่ไหม…ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปอย่างผิดๆ ราชสำนักจะโกลาหลเพียงใด”

“…”

นางพยักหน้าโดยปราศจากคำพูดใด มาร์ควิสบริงสโตนถอนหายใจออกมา ผู้ที่หายตัวไปมิใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นสองเสาหลักของจักรวรรดิ โชคดีที่ยังพอมีเวลาเหลือจนกว่าจะสิ้นสุดงานเทศกาลจึงยังไม่มีข่าวลือแปลกๆ แพร่สะพัดออกไป แต่หากพ้นชั่วโมงสองชั่วโมงนี้ไปอาจเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในพริบตา

หากเป็นเช่นนั้นก็มีแต่จะเสื่อมเสียไปถึงพระเกียรติของทั้งสองพระองค์ มาร์ควิสบริงสโตนพยายามสลัดความหวาดหวั่นที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันด้วยการขอร้องบุตรสาวของตน

“นี่เป็นทั้งคำสั่งและคำขอร้อง เอล่า เรื่องนี้เร่งด่วนนัก หากเจ้าพาทั้งสองพระองค์กลับมาไม่ได้ ตัวพ่อเองก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นเช่นไร เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่”

“ค่ะ ท่านพ่อ ข้าจะต้อง…ต้องพาทั้งสองพระองค์กลับมาให้จงได้”

โชคดีที่ท้องฟ้าเหนือบริเวณรอบป่าซึ่งถูกจัดให้เป็นสนามล่าสัตว์นั้นแค่มืดครึ้ม มิได้มีฝนตกเหมือนที่ที่พวกแพทริเซียอยู่ ราฟาเอลาไม่อาจนำชุดล่าสัตว์ของแพทริเซียที่นางซ่อนไว้เบื้องหลังออกมาให้ใครดูได้

เรื่องนี้ต้องไม่มีใครรู้ เพราะวินาทีที่มันถูกเปิดเผยออกไป ความโกลาหลที่มาร์ควิสบริงสโตนพูดถึงจะต้องเกิดขึ้นเป็นแน่ ราฟาเอลาปฏิญาณกับตัวเองว่าจะต้องหาสองคนนั้นให้พบ สายตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

***

ยิ่งเวลาผ่านไปแพทริเซียก็ยิ่งร้อนใจ ฝนเริ่มซาลงแล้วแต่ลูซิโอยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง แพทริเซียมองคนที่นอนอยู่สลับกับท้องฟ้าภายนอกด้วยสีหน้าร้อนรน

“ให้ตายเถอะ ข้าจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”

แพทริเซียกุมหน้าผาก สีหน้าเคร่งเครียด ใจนางอยากจะเคลื่อนย้ายลูซิโอไปทั้งอย่างนี้ แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือไม่ อีกทั้งนางไม่อยากถูกตั้งข้อสงสัยทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด นั่นจึงเป็นทางเลือกที่นางอยากจะหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้

หญิงสาวเดินไปยังจุดที่ลูซิโอนอนอยู่อย่างร้อนใจ เป็นเจ้าชายนิทราในป่าหรือก็ไม่ใช่ อีกทั้งเจ้าหญิงก็ยังทำสิ่งที่คล้ายกับการจุมพิตให้แล้ว เขาก็น่าจะตื่นขึ้นมาได้แล้วมิใช่หรือ สีหน้าของแพทริเซียบิดเบี้ยวเพราะความอึดอัดใจและความเศร้าที่ยากจะหยั่ง

“…”

ว่ากันตามตรง หากจะบอกว่านางไม่รู้สึกผิดก็คงเป็นการโกหก หากจะบอกว่านางไม่ละอายก็คงเป็นการโกหกเช่นกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร นางก็จะรู้สึกผิดทั้งนั้น แม้อีกฝ่ายจะเป็นโรสมอนด์ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีทางเป็นเช่นนั้น แพทรเซียถอนหายใจออกมาและซุกหน้าลงกับตักของตน หาก…หากเขายังไม่ตื่นขึ้นมาเช่นนี้ ข้าจะทำอย่างไรดี ข้าควรทำอย่างไร…

“ฮา…”

ในตอนนั้นเองที่นางได้ยินเสียงหายใจอย่างอ่อนแรง

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset