Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ตอนที่ 5 สวนดอกไม้แห่งความลับ

คนตรงหน้ายิ้มอย่างสง่างามและจดจ้องมาที่แพทริเซีย

“ระวังด้วยค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“โร…”

แพทริเซียหุบปากฉับ เกือบหลุดพูด ‘ชื่อนั้น’ ออกไป ไม่ได้นะ ตอนนี้ตัวตนของนางยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน หรือต่อให้ชื่อของนางเป็นที่รู้จักก็ตาม แต่ตอนนี้แพทริเซียกับอีกฝ่ายเพิ่งจะเคยเจอหน้ากัน เพราะฉะนั้น ตนต้องนิ่งไว้ อย่ากระโตกกระตาก

“พอดีข้ากำลังหาหนังสือที่เกี่ยวกับมกุฎราชกุมาร[1]โรไซลด์อยู่น่ะค่ะ มือจึงพลาดไปถูกหนังสือเล่มอื่น ขอบพระคุณนะคะ เลดี้”

“มิได้ค่ะ มกุฎราชกุมารโรไซลด์หรือคะ ท่าทางจะสนใจในประวัติศาสตร์สินะคะ ขุนน้ำขุนนางที่รู้จักพระนามก็มีเพียงหยิบมือ อย่างที่ทราบ พระองค์ไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก”

“…ข้าแค่พอมีความสนใจอยู่บ้างเท่านั้นค่ะ พูดไปก็รู้สึกกระดากนัก”

แพทริเซียแสร้งยิ้มอย่างไม่เป็นตัวเองเพื่อให้ริมฝีปากที่แข็งค้างขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ โรสมอนด์ที่มองมาเลื่อนสายตาลงไปที่ชุดของแพทริเซีย

ควิเนสหรือ? โรสมอนด์เปลี่ยนหัวข้อสนทนา แม้จะรู้สึกไม่พอใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็ไม่อยากให้ประเจิดประเจ้อเกินไปนัก

“เลดี้เป็นควิเนสหรือคะ”

“…ค่ะ”

“แล้วมาทำอะไรที่นี่หรือคะ… ตอนนี้น่าจะทำการทดสอบกันอยู่มิใช่หรือ”

“เลดี้รอบรู้ทีเดียวนะคะ”

แพทริเซียแขวะหน้าซื่อ ส่วนโรสมอนด์ฉีกยิ้มการค้าแสร้งทำเป็นไม่ยี่หระอะไรกับคำพูดนั้น

“อยู่ในรั้วในวังนานๆ ก็รู้นั่นรู้นี่มากขึ้นเป็นธรรมดาค่ะ เรื่องนี้ก็แค่ได้ยินผ่านๆ มาเท่านั้น”

“เช่นนั้น เลดี้เป็นข้ารับใช้ของฝ่าบาทหรือคะ”

โรสมอนด์ยิ้มเยาะในใจกับคำถามที่แพทริเซียถามซื่อๆ ราวกับไม่รู้เรื่องราวอะไร ข้ารับใช้ของฝ่าบาทหรือ สถานะของนางมิได้ต่ำต้อยอย่างที่ควิเนสผู้นี้คิดแน่ ตัวนางอยู่สูงกว่านั้น แต่ก็อย่างว่า เรื่องนี้ควิเนสปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้คงไม่มีทางได้ล่วงรู้

“เรียกเช่นนั้นก็มิผิดค่ะ”

ทว่า โรสมอนด์ก็ตอบอย่างเลี่ยงๆ หากพูดความจริงออกไปโต้งๆ แม่ควิเนสผู้นี้ไม่หน้าถอดสี แล้วเป็นลมล้มพับไปหรอกหรือ แพทริเซียได้ยินอีกฝ่ายตอบเช่นนั้นก็นึกขำในใจพลางบ่นพึมพำ

ก็ไม่ผิดน่ะสิ ในบรรดาข้ารับใช้ย่อมมีจำพวกหนึ่งที่คอยรับใช้ในยามวิกาล

“เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อนนะคะ”

แพทริเซียหยิบหนังสือเกี่ยวกับมกุฏราชกุมารสองสามเล่มมากอดแนบอกก่อนจะหาทางจบบทสนทนา ครั้นโรสมอนด์ได้ยินดังนั้นก็ถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย

“ตายจริง ต้องไปแล้วหรือคะ”

“อย่างที่เลดี้ทราบ ตอนนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือก ข้าเพียงแต่แวะมาครู่เดียวเท่านั้นค่ะ”

เดิมทีก็คิดจะฝังตัวอยู่ในนี้จนครบสามชั่วโมงอยู่หรอก แต่ผิดแผนไปเสียแล้ว เป้าหมายของแพทริเซียที่เพิ่งจะย้อนเวลากลับมาคือการไม่ประจันหน้ากับโรสมอนด์ คนไม่เหยียบมูลสัตว์ที่ตกอยู่ตามพื้นหาใช่เพราะกลัวสิ่งนั้น แต่เพราะกลัวจะสกปรกต่างหาก ยิ่งของเสียอย่างโรสมอนด์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวัง

 สถานการณ์ไม่อำนวยให้ไปหาเรื่องนางด้วยความแค้นเสียด้วย แพทริเซียจึงรีบปลีกตัวออกมาเพราะตนในเวลานี้ไม่ควรจะรับรู้ถึงตัวตนของโรสมอนด์

สุดท้ายแพทริเซียก็เหมือนถูกไล่กลายๆ ให้ออกจากที่ที่วางแผนจะไปฆ่าเวลา หญิงสาวถือหนังสือเกี่ยวกับมกุฎราชกุมารโรไซลด์เล่มเดียวเดินเตร็ดเตร่ไปมา ในเวลานี้พวกนางถูกห้ามไม่ให้พาสาวใช้ไปไหนมาไหนด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้เท่ากับว่าแพทริเซียอยู่คนเดียวโดยสมบูรณ์

แพทริเซียครุ่นคิดอยู่สักครู่ว่าจะไปฆ่าเวลาที่ไหนดี สุดท้ายนางก็นึกถึงสถานที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คน สถานที่ที่นางค้นพบและหลงใหลในชาติก่อน ซึ่งก็คือสวนดอกไม้ในพระราชวัง ที่ที่นางจะแวะเวียนไปเป็นครั้งคราวในยามที่เข้าวังมาเยี่ยมพี่สาว

ไม่มีใครอยู่ในสวนนั้นอย่างที่คิด ทำให้ใจของแพทริเซียรู้สึกสงบในรอบหลายวัน แพทริเซียชอบสถานที่ที่สงบเงียบเช่นนี้มากกว่าที่ที่อึกทึก ร่างบางเดินตรงไปจับจองที่นั่งบนม้านั่งที่อยู่ใกล้ที่สุดที่มองเห็น จากนั้นก็เปิดหนังสือซึ่งเป็นของแก้เบื่อเพียงอย่างเดียวที่นางมี พลางคิดว่าหากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ เวลาคงจะผ่านไปประมาณสามชั่วโมงพอดี

มกุฎราชกุมารโรไซลด์เคยเป็นอดีตรัชทายาทของจักรวรรดิมาวินอส แต่เนื่องจากประพฤติตัวไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม อีกทั้งยังมีอุปนิสัยเหี้ยมโหด ทำให้ถูกปลดจากตำแหน่งในที่สุด

แต่ด้วยความสามารถด้านการเมืองการปกครองที่โดดเด่นแตกต่างจากอุปนิสัยของเขา ทำให้บิดาซึ่งเป็นจักรพรรดิในขณะนั้นแต่งตั้งให้เป็นมกุฎราชกุมาร แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องสละราชบัลลังก์

ขณะที่แพทริเซียอ่านไปได้ประมาณครึ่งเล่ม นางก็เริ่มรู้สึกง่วง แต่ถ้าขืนนางหลับไปตอนนี้ เมื่อตื่นมาอีกที เวลาอาจล่วงเลยเกินสามชั่วโมงไปนานโข หากเป็นเช่นนั้นคงมีใครสักคนออกมาตามหานาง และคนผู้นั้นคงมาเห็นสภาพของนางที่หลับไปขณะอ่านหนังสือ แค่คิดก็รู้สึกอายแล้ว

แพทริเซียลุกจากม้านั่ง สองมือกุมแก้มที่แดงเรื่อด้วยความคิดเมื่อครู่ไว้ วิธีขจัดความง่วงที่ดีที่สุดก็คือการออกไปเดินเล่น

ร่างบางเดินลึกเข้าไปในสวน ข้างหน้านั้นมีสระน้ำ และรอบบริเวณนั้นมีดอกกุหลาบบานสะพรั่ง แพทริเซียมองดอกกุหลาบสีแดงสดแล้วนึกถึงโรสมอนด์ที่เพิ่งเจอเมื่อครู่

ในชาติก่อนผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูของเปโตรนิยา และน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในความหายนะของตระกูลของตน แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าอีกฝ่ายทำ แต่คนรักของจักรพรรดิอย่างโรสมอนด์ย่อมมีส่วนทำให้เปโตรนิยาผู้ซึ่งเคยไร้เดียงสาต้องกลายเป็นคนเหลวแหลกถึงเพียงนั้นเป็นแน่

ขณะที่แพทริเซียเชยชมดอกกุหลาบที่บานสะพรั่ง จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน แน่นอนว่านางย่อมตกใจเป็นธรรมดา มีคนมาในที่เช่นนี้อย่างนั้นหรือ? แม้จะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่นางกลับลนลานรีบซ่อนตัวระหว่างพุ่มไม้ แพทริเซียรู้สึกแปลกๆ เหมือนเข้ามาบุกรุกที่ที่เป็นความลับของใครสักคนอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นนางก็ได้เห็นเจ้าของเสียงฝีเท้า และเกือบจะส่งเสียงดังออกไป

“พระจั…..”

แพทริเซียรีบเอามือปิดปากด้วยความตกใจที่เสียงของตนหลุดออกมาจากปากโดยไม่รู้ตัว นางไม่รู้ว่าทำไม แต่นางรู้สึกว่าไม่ควรถูกจับได้ว่าตนอยู่ที่นี่ด้วย แพทริเซียข่มใจที่เต้นโครมครามให้สงบลงก่อนจะเบนสายตาไปที่จักรพรรดิ เจ้าของพระราชวังอย่างเขาไม่มีทางที่จะไม่รู้จักที่แห่งนี้ แต่ช่างน่าประหลาดใจที่เขามาที่นี่คนเดียว อีกทั้งในพระราชวังแห่งนี้น่าจะมีสวนดอกไม้ที่เลิศหรูกว่าที่นี่แท้ๆ

เขามาที่นี่ในเวลานี้ทำไมกัน? แม้ตอนนี้จะอยู่ระหว่างการคัดเลือกจักรพรรดินี แต่ในเวลาสามชั่วโมงที่ควิเนสได้รับก็ไม่น่าจะทำให้เขามีเวลาว่างออกมาเดินเล่นได้

สิ่งที่น่าสงสัยคือตำหนักที่ใช้จัดการทดสอบกับที่แห่งนี้ไม่ได้ใกล้กันนัก หรือว่าที่แห่งนี้จะมีความหมายพิเศษต่อเขา? แพทริเซียมองจักรพรรดิที่เดินอยู่ในสวนอย่างไม่เข้าใจ

ลูซิโอยืนอยู่นานคล้ายมีเรื่องให้ครุ่นคิด หากจะมีอะไรสักอย่างที่ดูพิเศษก็คงจะเป็นสีหน้าขณะใช้ความคิดนั้นดูไม่ใคร่ยินดีเท่าใดนัก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางครั้งก็ขมวดมุ่นราวกับนึกถึงเรื่องไม่ดีขึ้นมา และบางคราก็แย้มยิ้มคล้ายนึกถึงเรื่องดีๆ ขึ้นได้

แพทริเซียไม่อาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายครุ่นคิดเรื่องใดอยู่ และถ้าให้พูดตามจริงคือนางไม่ได้อยากรู้เสียด้วยซ้ำ แต่ปัญหาคือ แพทริเซียต้องรอให้จักรพรรดิออกไปจากที่นี่ก่อน ตัวนางจึงจะสามารถกลับไปยังตำหนักที่ใช้จัดการคัดเลือกได้ ถ้าจะย้อนกลับไปที่ตำหนักนั้น นางต้องเดินผ่านจุดที่ลูซิโอยืนอยู่ นางกัดปากตัวเองเพราะคิดว่าดีไม่ดีนางอาจกลับไปไม่ทันเวลา

โชคยังดีที่จักรพรรดิออกจากสวนดอกไม้ไปในเวลาที่ฉิวเฉียด เมื่อเขาเดินไปลับตา แพทริเซียก็ออกจากพุ่มไม้ ตรวจดูอีกครั้งว่ามีใครอยู่อีกหรือไม่ และเมื่อพบว่าไม่มี นางจึงถอนหายใจออกมา

เฮ้อ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว แต่ก็เผลอทำให้ตัวเองหงุดหงิดไปเสียแล้ว แพทริเซียจัดเสื้อผ้าที่เสียทรงขณะซ่อนตัวให้กลับมาเรียบร้อย ก่อนจะรีบเดินไปที่ตำหนักจัดการทดสอบ

สามชั่วโมงผ่านไป แน่นอนว่าแพทริเซียหาคำตอบไม่ได้ จำได้ว่าชาติก่อนมาร์ควิสโกรเชสเตอร์เคยบอกคำตอบแก่ตน แต่เวลาผ่านมาตั้งสามปี ตนจึงลืมไปหมดแล้ว หญิงสาวทำใจให้สบายและตั้งใจจะตอบอะไรก็ได้ออกไป

แพทริเซียครุ่นคิดคำตอบอยู่สักครู่ ก่อนจะใช้ปากกาขนนกเขียนคำว่า ‘ความรัก’ ลงไปในกระดาษคำตอบ สิ่งที่ตอนมาคล้ายแกะ ตอนผ่านไปคล้ายเหยี่ยว และเมื่อผ่านไปแล้วคล้ายหิน สิ่งนั้นคือความรัก ตอนมาก็นุ่มนวลเหมือนแกะ ตอนผ่านไปกลับว่องไวดั่งเหยี่ยว

แต่ครั้นผ่านไปแล้วก็เจ็บประหนึ่งถูกหินขว้าง แม้นางไม่เคยมีความรักสักครั้ง แต่ความรักของเปโตรนิยาพี่สาวของนางเป็นเช่นนั้น

รักแรกที่เข้ามาหาราวกับแกะผ่านไปอย่างเชือดเฉือน และในที่สุดก็จบลงด้วยความเจ็บช้ำ สีหน้าของแพทริเซียเศร้าหมองลงอย่างประหลาด นางสลดใจเมื่อคิดถึงเปโตรนิยา

“อืม… มีผู้ตอบถูกเพียงหนึ่งท่าน”

ในสนามอื้ออึงขึ้นมาเพราะคำพูดของดยุกวีเธอร์ฟอร์ด แพทริเซียไม่ได้คาดหวังว่านางจะตอบถูก และไม่นานดยุกวีนางฟอร์ดก็ประกาศนามของคนผู้นั้น

“ขอแสดงความยินดีกับควิเนสทริชา ผู้ตอบถูกเพียงหนึ่งเดียว”

“ข้านึกว่าจะเป็นเจ้าเสียอีก”

นี่คือคำพูดแรกของราฟาเอลาหลังจากกลับมายังที่พัก ซึ่งแพทริเซียก็ได้แต่หัวเราะพร้อมบอกว่านางไม่ได้หัวดีขนาดนั้น

“ทำไมล่ะ เลดี้ทริชาออกจะฉลาดเฉลียว ข้าคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นนาง”

“ก็ฉลาดอยู่หรอก แต่ใครจะคิดว่านางจะตอบถูก”

สิ่งที่ตอนมาคล้ายแกะ ตอนผ่านไปคล้ายเหยี่ยว และเมื่อผ่านไปแล้วคล้ายหิน คำตอบของสิ่งนั้นคือเวลา แพทริเซียทวนคำตอบนั้นอยู่เงียบๆ สำหรับตนและครอบครัว ช่วงเวลาเมื่อสามปีก่อนนุ่มนวลเหมือนแกะ และสามปีหลังจากนั้นก็เป็นเวลาที่ฉีกทึ้งพวกนางราวกับเหยี่ยว และเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาในตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกอย่างจบลงแล้ว มันเป็นความทรงจำที่หนักอึ้งราวกับหิน แพทริเซียยิ้มอย่างเศร้าๆ ให้กับคำตอบที่เหมาะสมที่สุดนั้น

“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิด แต่ช่างเป็นคำถามที่ดีจริงๆ”

“นั่นสิ ว่าแต่ตอนนี้ก็เหลือการทดสอบแค่รอบเดียวแล้วสินะ”

“…”

มุมปากของแพทริเซียยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อเสร็จสิ้นการคัดเลือกรอบสุดท้าย นางก็จะได้กลับบ้านเสียที แน่นอนว่าเหตุการณ์อาจตรงกันข้าม เมื่อสามปีก่อนคนที่ตอบถูกไม่ได้มีแค่เลดี้ทริชาเหมือนเช่นวันนี้ ตอนนั้นเปโตรนิยาเองก็ตอบถูก

แต่วันนี้นางกลับตอบคำถามนั้นไม่ถูก เพราะฉะนั้นทุกอย่างดูเหมือนจะกำหนดให้ควิเนสทริชาได้เป็นจักรพรรดินี แพทริเซียยังจำได้ว่าเมื่อครู่เหล่าขุนนางก็พากันกระซิบกระซาบกันว่าผลออกมาแล้ว แพทริเซียจึงเอ่ยขึ้น

“ตอบคำถามถูกแต่เพียงผู้เดียว ตระกูลก็สูงส่งที่สุดในบรรดาพวกเรา หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ควิเนสทริชาน่าจะได้เป็นจักรพรรดินีล่ะนะ”

แพทริเซียปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้แค่นางได้ยินคำว่าเชื้อพระวงศ์ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว ทั้งจักรพรรดิ ทั้งมาร์เชอเนสเฟ็ลปส์ ทั้งตำแหน่งจักรพรรดินี ตนสมัครใจมาเป็นควิเนสแทนพี่สาวเพื่อป้องกันไว้ก่อนก็จริง แต่เรื่องเกินความคาดหมายอย่างการได้เป็นจักรพรรดินีเท่านั้นที่แพทริเซียปรารถนาจากใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นจริง

[1] มกุฎราชกุมาร เป็นตำแหน่งรัชทายาทที่จะสืบราชสันตติวงศ์ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนา

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset