Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ตอนที่ 63 ภรรยาหลวงที่ไล่สามีไปหาอนุภรรยา

เพียงหนึ่งวันหลังจากนั้นเปโตรนิยาก็กลับไปที่คฤหาสน์ดยุก พ่อบ้านยังคงต้อนรับนางอย่างนอบน้อมเช่นเคย เปโตรนิยาดื่มชาที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง

“รบกวนบอกมาดามแจนยูเอรีว่าให้เขียนรายการสิ่งของที่ต้องการซื้อพร้อมคำนวณรายจ่ายคร่าวๆ มาทีนะคะ คุณพ่อบ้าน แล้วพวกเราค่อยมาตรวจดูและพิจารณากันอีกที”

“ขอรับ เลดี้ เป็นคำตอบที่หลักแหลมมากขอรับ”

“จริงสิ ว่าแต่…” เปโตรนิยาเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง

“เชิญกล่าวมาได้เลยขอรับ เลดี้”

“มาดามแจนยูเอรีไม่อยู่หรือคะ”

“ออกไปข้างนอกน่ะขอรับ”

“อ้อ อย่างนั้นหรือคะ”

เปโตรนิยาพึมพำอย่างเสียดาย ก่อนจะพูดกับพ่อบ้านต่อ

“ดูเหมือนข้าจะดื่มชามากไป”

“อ้อ ห้องน้ำอยู่ชั้นสองขอรับ เลดี้ ให้ข้าพาไปไหมขอรับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อบ้าน แค่บอกทางก็พอแล้วค่ะ”

เปโตรนิยากล่าวดังนั้นและขึ้นชั้นสองไปคนเดียว นางทำทีเป็นเดินไปที่ห้องน้ำตามทางที่พ่อบ้านบอกก่อนจะย่องออกนอกเส้นทางไปยังห้องของแจนยูเอรีที่นางแอบจำทางไว้ตั้งแต่คราวก่อน หญิงสาวลอบเข้าไปในห้องที่เจ้าของไม่อยู่ก่อนจะค้นหีบทุกหีบที่อยู่ในห้องนั้น

‘ต้องหาให้เจอ…’

ขอเพียงหาเจออาจจะมีประโยชน์อะไรก็ได้ อีกทั้งเรื่องอาจจะต่างไปจากที่นางรู้ ถึงอย่างไรตัวแปรก็ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ต้นแล้ว เปโตรนิยาเริ่มเร่งมือค้นหา และแล้วนางก็พบอะไรบางอย่างในกล่องหลายเหลี่ยมใบที่ห้า หญิงสาวเกือบจะอุทานออกมาแต่ก็รีบปิดปากและหยิบของในนั้นยัดใส่อกเสื้อ

-แกร๊ก

ตอนนั้นเองประตูก็เปิดออก หัวใจของเปโตรนิยาหดเกร็ง

“มาทำอะไรที่นี่หรือคะ”

แจนยูเอรีนั่นเอง นางมองมาที่เปโตรนิยาด้วยสีหน้าเย็นชาผิดไปจากปกติ

“อ้อ พอดีข้าจะมาเข้าห้องน้ำแต่หลงทาง…จึงลองสุ่มเปิดดูสักห้องเผื่อจะเจอสาวใช้ให้ถามทางน่ะค่ะ แต่ห้องนี้สวยเหลือเกินข้าจึงอยู่ชม เอ หรือนี่จะเป็นห้องของมาดามคะ”

“…ค่ะ”

เมื่อเปโตรนิยาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แจนยูเอรีจึงจนใจที่จะซักไซ้อาคันตุกะว่าเหตุใดจึงเข้ามาอยู่ในห้องของคนอื่นตอนที่เจ้าของไม่อยู่ นางทำสีหน้าไม่เต็มใจอย่างเปิดเผย เปโตรนิยาแสร้งยิ้มอ่อนหวานพลางชื่นชมการตกแต่งห้อง

“ตกแต่งห้องได้งดงามมากเลยนะคะ ข้าประทับใจมาก ห้องของข้าไม่เห็นสวยเช่นนี้เลย”

“ก็…ถ้ามีเงินก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ”

แจนยูเอรีตอบอย่างไม่จริงใจ ก่อนจะยิ้มร้ายพลางเอ่ย

“ทีนี้ช่วยออกไปหน่อยได้ไหมคะ เลดี้ พอดีข้าไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องน่ะค่ะ”

“ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ มาดาม ข้านี่เสียมารยาทจริงเชียว”

“ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไร”

“เช่นนั้นข้าขอตัวนะคะ”

พูดจบเปโตรนิยาก็ปลีกตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าแจนยูเอรียังคงมองมาที่นางด้วยสายตาเคลือบแคลง แต่นางก็เดินต่อไปอย่างสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำตัวงุ่นง่านจะพาลให้ยิ่งน่าสงสัยเสียเปล่าๆ

***

แพทริเซียสูดหายใจเข้าลึกๆ นางรู้สึกว่ามงกุฎที่อยู่บนศีรษะหนักกว่าครั้งไหนๆ ราฟาเอลาที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะรู้ว่านางกำลังประหม่าจึงพยายามช่วยให้ผ่อนคลาย

“เป็นอะไรไป ฝ่าบาท ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

“เฮ้อ…ไม่หรอก แค่ประหม่านิดหน่อยน่ะ”

แพทริเซียตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนแรง นั่นทำให้ราฟาเอลาในชุดเดรสสีเงินแปลกตาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฝ่าบาท เจ้าคงไม่ได้ส่องกระจกดูให้ดีใช่ไหมว่าตอนนี้เจ้างดงามเพียงใด”

“…”

คำพูดนั้นทำให้แพทริเซียหน้าแดง ถึงอย่างไรนางก็เป็นนางตัวร้ายได้แค่ลมปากเท่านั้น ในยามนี้ไม่มีใครใสซื่อไปกว่านางอีกแล้ว ราฟาเอลายิ้มอ่อนโยนเหมือนมารดายิ้มให้บุตรสาวก่อนจะกล่าว

“เจ้าสวยจริงๆ นะ ริซซี่ อย่างกับนางฟ้าลงมาจากสวรรค์”

“นั่นก็เกินไป”

“พูดจริงนะเนี่ย”

ระหว่างที่พวกนางหยอกเย้าหัวเราะคิกคักกันอยู่นั้น เปโตรนิยาก็ปรากฏตัวในชุดเดรสผ้ากำมะหยี่สีเขียวเข้มรับกับเรือนผมสีแดงเพลิงอย่างงดงาม แพทริเซียยิ้มและกล่าวต้อนรับอีกฝ่าย

“มาสิ นีย่า วันนี้เจ้าสวยมาก”

“พระจักรพรรดินีก็ทรงพระสิริโฉมเช่นกันเพคะ”

แพทริเซียถึงกับหลุดขำเมื่อได้ยินเปโตรนิยาตอบรับด้วยคำพูดทางการต่างไปจากปกติ ช่างน่าอายนัก

“ท่านพ่อท่านแม่ล่ะ” แพทริเซียเอ่ยถาม

“พวกท่านน่าจะสายหน่อย ข้าออกมาก่อน”

“อ้อ”

แพทริเซียยิ้มน้อยๆ

“จะว่าไปแล้ววันนี้น้องสาวฝาแฝดข้างดงามยิ่ง”

“ว่าไปนั่น”

“ไม่นะ สวยจริงๆ”

เปโตรนิยาว่าพลางจับชุดที่แพทริเซียสวม

“ชุดก็สวย ผมก็เกล้าอย่างงดงาม มงกุฎก็เปล่งประกาย”

“ทำไมวันนี้เจ้าเป็นแบบนี้”

“น้องข้างามยิ่ง ข้าชักจะอิจฉาแล้วสิ”

เปโตรนิยาหัวเราะคิกคักด้วยสีหน้าหยอกเย้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย

“ถ้ายังโสดพวกผู้ชายคงร้องฮือ”

“หา…”

แพทริเซียทำสีหน้าเก้อเขินก่อนจะพูดราวกับแก้ตัว

“ตอนนี้ก็ไม่เลว ไม่มีเรื่องกวนใจ”

“นั่นสิ ดีแล้วล่ะ ว่าแต่พระจักรพรรดิประทับอยู่ที่ใดล่ะ”

“ใครสนกัน”

ครั้นได้ยินอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา เปโตรนิยาก็ยิ้มแปลกๆ

“นั่นสินะ เจ้ายังมีคนอยู่ด้วยตั้งมากมาย มีทั้งข้า ทั้งเอล่า”

“เจ้าต้องหาว่าที่เจ้าบ่าวสิ ท่านพี่ ท่านพ่อท่านแม่กังวลแย่แล้ว”

“ถึงเจ้าไม่พูด ท่านแม่ก็เร่งเร้าไม่เว้นวันแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะพาข้าไปเร่ขายก็เป็นได้”

เปโตรนิยาหัวเราะอย่างนึกสนุกก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารเพื่อหยิบค็อกเทล แพทริเซียเอียงศีรษะเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะเหนื่อยเสียแล้ว

“งานยังไม่ทันจะเริ่มเลย ฝ่าบาท เจ้ามาทำตัวห่อเหี่ยวเสียแล้วได้อย่างไร” ราฟาเอลาพูด

“ข้าตื่นเต้นน่ะ คงเพราะเป็นครั้งแรกกระมัง…แล้วก็ประหม่าด้วย ว่าแต่เจ้าไม่ไปเดินชมงานหรือ”

“หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของอัศวินราชองครักษ์คือการอารักขาผู้เป็นนาย วันนี้ข้าจะทำตัวติดกับเจ้าทั้งวันเลย”

“ข้าขอปฏิเสธแล้วกันนะ คิดว่าในวันแบบนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรืออย่างไร”

“ใครจะรู้ล่ะ ทำไม? หรือเจ้าคิดจะไปเดตกับฝ่าบาท?”

“ใช่เลย นั่นคงเป็นไปได้หรอก” แพทริเซียตัดบทอย่างรับไม่ได้ “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก สนิทกันหรือก็เปล่า”

“จ้าๆ”

ในตอนนั้นเองคนที่อยู่อีกด้านก็เรียกหาราฟาเอลา ฟังจากน้ำเสียงที่ใช้เรียกแล้วน่าจะเป็นญาติพี่น้องของนาง ราฟาเอลาแอบส่งสายตาให้แพทริเซีย เห็นดังนั้นแพทริเซียก็กล่าวอย่างไม่คิดอะไร

“รีบไปเถอะ”

“ข้าไปได้หรือ ฝ่าบาท?”

“แน่นอนสิ วันนี้เจ้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะได้เพลิดเพลินกับงานฉลอง และเจ้าก็ควรทำเช่นนั้นด้วย เจ้าก็รู้ว่าข้าทุ่มเทมากเพียงใดกับการเตรียมงานนี้”

ได้ฟังดังนั้น มุมปากของราฟาเอลาก็ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนากว่าปกติดูเหมาะกับนางทีเดียว

“ขอบใจนะ ข้าจะรีบไปรีบมา” ราฟาเอลาพูดราวกับกระซิบ

แม้แต่ราฟาเอลาก็ไม่อยู่แล้ว แพทริเซียจึงเริ่มรู้สึกสงบขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่ความเหงาเริ่มก่อตัว หญิงสาวก็พบว่าลูซิโอกำลังเดินเข้ามาหา เห็นดังนั้นแพทริเซียก็ทำสีหน้างุนงง

“ทำไมเจ้าอยู่คนเดียว”

แล้วทำไมต้องมาหาเรื่องกันแม้กระทั่งในวันเช่นนี้ หว่างคิ้วของแพทริเซียขมวดชนกัน

“หม่อมฉันอยู่คนเดียวมิได้หรือเพคะ”

“องครักษ์ก็ไม่อยู่ นางกำนัลก็ไม่อยู่”

“นางกำนัลไปหยิบค็อกเทล ส่วนราฟาเอลาขอตัวไปจัดการธุระของตระกูลบริงสโตนสักครู่เพคะ”

“อันตรายนะ”

“นี่เป็นงานเลี้ยงที่หม่อมฉันจัดเตรียมด้วยตัวเอง อย่างน้อยหม่อมฉันก็มั่นใจว่าจะไม่เกิดอันตรายใดๆ ในที่ที่มีคนมาชุมนุมเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ฝ่าบาททรงเป็นกังวลเกินไปแล้วเพคะ”

“…จะไม่กังวลได้อย่างไร”

“…”

แพทริเซียเบือนหน้าหนีไม่พูดอะไร แม้นางจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแต่ลูซิโอก็ไม่คิดจะถอย ในที่สุดแพทริเซียก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดปากอีกครั้ง

“ไม่ไปหาเลดี้เอเฟรนีหรือเพคะ”

ไม่กี่วันก่อนโรสมอนด์ได้ละทิ้งนามสกุลแดโรว์และเข้าตระกูลเอเฟรนีในที่สุด ตอนนี้ชื่อของนางจึงกลายเป็น โรสมอนด์ แมรี รูน เอเฟรนี

“ภรรยาหลวงที่ไล่สามีไปหาอนุภรรยาก็คงมีแต่เจ้า” ลูซิโอกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาด

“จะเป็นเช่นนั้นหรือเพคะ” แพทริเซียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “น่าจะมีอยู่ทั่วไปกระมัง หากผิดหวังในตัวสามีมากพอและไม่คิดจะคาดหวังอะไรอีกแล้วก็ย่อมทำได้ทั้งนั้น”

“…นั่นสินะ”

แม้นางจะพูดจารุนแรงไปมากแต่เขาก็ยังคงสงบนิ่ง ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป หากเขามีจิตสำนึกก็คงไม่สามารถว่ากล่าวอะไรนางได้

“แล้วเหตุใดฝ่าบาทถึงอยู่คนเดียวล่ะเพคะ” แพทริเซียพูดต่อไป

“เราปลีกตัวออกมา”

“ทำไมหรือเพคะ”

“รอบตัวเสียงดังเกินไปน่ะ เดิมทีเราก็ไม่ค่อยชอบเสียงดังอยู่แล้ว”

“…”

แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาและนางเหมือนกัน แพทริเซียทำเป็นไม่สนใจในทันใด ครู่หนึ่งให้หลังมีร์ยาก็ถือค็อกเทลอ่อนๆ เข้ามาหา เมื่อเห็นลูซิโอนางก็ทำความเคารพ

“ถวายบังคมฝ่าบาท สุริยันแห่งจักรวรรดิอันเกรียงไกร ขอความรุ่งเรืองจงมีแด่มาวินอส”

“นางกำนัลก็มารยาทดีเหมือนเจ้าเลยนะ”

“…”

แพทริเซียทำเมินราวกับคำพูดนั้นไม่มีค่าพอให้ตอบ นางดื่มค็อกเทลรวดเดียวก่อนจะยื่นแก้วเปล่าให้มีร์ยา เมื่อนางทำท่าจะเดินไปที่อื่น มีร์ยาก็เอ่ยทักก่อนลูซิโอ

“ฝ่าบาท? จะเสด็จไปไหนหรือเพคะ”

“คนเยอะ ข้าอึดอัด จะออกไปรับลมข้างนอกเสียหน่อย”

แพทริเซียพูดทิ้งท้ายและเดินไปราวสามก้าวก่อนจะหันกลับมาย้ำกับลูซิโอ

“แค่พูดเผื่อเอาไว้ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ตามหม่อมฉันมานะเพคะ”

แม้จะถูกปฏิเสธอย่างชัดเจน ลูซิโอก็ยังคงเฉยชา กลายเป็นมีร์ยาที่รู้สึกเก้อเขิน แพทริเซียเดินไปที่ระเบียงคนเดียวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ

***

อีกด้านหนึ่ง เปโตรนิยากำลังดื่มค็อกเทลที่นางหยิบมาจากโต๊ะอาหารและคิดอะไรไปพลาง ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากของที่นางนำออกมาจากห้องของแจนยูเอรีเมื่อหลายวันก่อน นางยืมพลังของแอลกอฮอล์มาขยายกรอบความคิดให้มีอิสระมากขึ้น ทันใดนั้นนางก็ส่ายศีรษะอย่างแรงคล้ายว่าสมองตัน เรื่องช่างซับซ้อนเสียเหลือเกินจนนางปวดหัว

ต้องดื่มอีกแก้วแล้วล่ะ เปโตรนิยาคิดดังนั้นก่อนจะหยิบแก้วที่บรรจุค็อกเทลสีแดงสดขึ้นมาอีกแก้ว

“อ๊ะ!”

หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ ไม่ทันไรนางก็ทำค็อกเทลแก้วนั้นหกราดชุดเดรสของตนเสียแล้ว เปโตรนิยาชนกับใครบางคนจนล้มลงไปกองกับพื้น นางขมวดคิ้วและหยิบแก้วค็อกเทลที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมา โชคดีที่มันไม่แตก

“อือ…”

“เป็นอะไรไหมครับ เลดี้?”

ในตอนนั้นเองเปโตรนิยาก็ได้ยินเสียงที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน นางเงยหน้าขึ้นมองอย่างเหม่อลอย ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรับกับนัยน์ตาสีน้ำตาลแดง… ข้ารู้สึกเหมือนเคยพบเขามาก่อนนะ? แต่พบที่ไหนกัน? ราวกับใจตรงกัน ชายผู้นั้นเองก็มองมาที่นางด้วยสีหน้ายินดี

“เอ๊ะ!”

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเปโตรนิยาก็นึกออก

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset