Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ตอนที่ 87 ข้าไม่ควรใส่ใจเขามากไปกว่านี้

“นั่นสินะเพคะ” แพทริเซียตอบกลับห้วนๆ “หม่อมฉันเคยเกลียดพระองค์”

“ตอนนี้ไม่เกลียดแล้วหรือ”

“ตอนนี้ก็ยังเกลียดเพคะ”

“แล้ว?”

“แต่ก็สงสารด้วยเช่นกัน” สีหน้าของแพทริเซียไร้ซึ่งความหวั่นไหว “แค่ความสงสารเท่านั้นเพคะ ความสงสารที่พระองค์อาจไม่พอพระทัย”

“ไม่หรอก เรามิได้ไม่พอใจ”

แพทริเซียมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่อยู่เหนือคนทั้งปวงในจักรวรรดิกลับบอกว่าตนพอใจในเรื่องที่ไม่ควรพอใจ ก่อนที่แพทริเซียจะโยนคำถามต่อไป เขาก็พูดต่อ

“แค่เจ้ามิได้มองเราด้วยความเกลียดชังเพียงอย่างเดียว”

“…”

“เราก็ดีใจแล้ว ดีใจมาก”

“…หม่อมฉันขอตัวก่อนดีกว่าเพคะ”

แพทริเซียทำตัวไม่ถูกจึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง และเดินไปที่ประตูอย่างมั่นคง ขณะจับลูกบิดประตูนางก็พึมพำในใจ

ข้าไม่ควร…ใส่ใจเขามากไปกว่านี้

ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม

“ฝ่าบาท เสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ”

เมื่อกลับถึงตำหนัก มีร์ยาก็ออกมาต้อนรับอย่างเอะอะมะเทิ่งผิดปกติ นางยิ้มฉีกกว้างให้อีกฝ่ายเพื่อให้นางรู้ว่านางสบายดี

มีร์ยาว่าพลางสะอื้น “ทำให้หม่อมฉันใจหายใจคว่ำทุกวี่ทุกวันเช่นนี้ ทรงทำเกินไปแล้วนะเพคะ”

“แต่มันก็จบด้วยดีนะ มีร์ยา”

แพทริเซียตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ และบอกผลลัพธ์ให้มีร์ยารู้

“ฝ่าบาทพระราชทานอำนาจในการสืบสวนทั้งหมดให้กับข้าแล้ว นักฆ่าสองคนนั้น…”

“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ ตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่คุกใต้ดิน”

แน่นอนว่านักฆ่าสองคนนั้นเป็นการจัดฉาก นักฆ่าตัวจริงล้วนตายไปหมดแล้วคงมิอาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แพทริเซียไม่สนใจว่าจะต้องสร้างหลักฐานหรือไม่ นางไม่อยากให้การต่อสู้ระหว่างนางกับโรสมอนด์ยืดเยื้อไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยืดเยื้อไปก็มีแต่จะเหนื่อยใจยิ่งขึ้น

“แม้จะดึกมากแล้ว แต่ไม่รู้ว่านางจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกหรือไม่ มีร์ยา เจ้าจงเป็นตัวแทนข้า นำข้ารับใช้ตำหนักจักรพรรดินีไปที่ตำหนักเวนทันที จับกุมมาร์เชอเนสเอธิลเลอร์และข้ารับใช้ทั้งหมดของนาง ฝ่าบาทจะทรงเป็นพยานให้การ และหากจำเป็นก็เตรียมคำให้การของพวกนักฆ่าไว้ด้วย”

“เพคะ ฝ่าบาท”

มีร์ยาตอบรับและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ราฟาเอลาถามต่อทันที

“ฝ่าบาท เป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไรอยู่แล้ว เจ้าล่ะ?”

“ข้าก็ไม่เป็นไร” ราฟาเอลาว่าพลางยิ้มยิงฟัน “ข้าตามหมอหลวงมาแล้ว ฝีมือหมอหลวงนี่เยี่ยมจริงๆ”

“ถ้าเป็นแผลเป็นล่ะก็แย่เลย”

“อัศวินจะมีผิวสวยๆ ไว้ทำไมกันเล่า”

ราฟาเอลาหัวเราะคิกคักก่อนจะนั่งลงข้างแพทริเซีย นางจับมือแพทริเซียไว้แน่นพลางกล่าว

“ทีนี้ก็จบเรื่องแล้วหรือ”

“ยัง”

“ยังอีกหรือ” ราฟาเอลาเอนศีรษะซบไหล่ของแพทริเซียพลางเอ่ยพึมพำ “พวกเราลำบากกันมากเลยนะ”

“คงต้องทนต่อไปอีกนิดจนกว่าจะจบ”

น้ำเสียงของแพทริเซียตอนที่พูดประโยคนั้นดูไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลย

***

“ทำอย่างไรดี…ทำอย่างไรดี…”

โรสมอนด์พึมพำอย่างร้อนรน นางเดินไปเดินมาในห้องอย่างไร้สติราวกับผู้ป่วยโรคประสาท กลางคืนดึกสงัดคลาราเฝ้ามองปฏิกิริยาของผู้เป็นนาย ก่อนจะเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง

“แม้สังหารพลาดแต่พวกมันก็คงปลิดชีพตัวเองหมดแล้วกระมัง เพราะฉะนั้นหลักฐานที่ชี้ว่าพวกเราเป็นคนทำ…”

“หลักฐานย่อมสร้างได้ เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ได้อย่างไร!”

โรสมอนด์กัดเล็บ ทำไมทุกอย่างถึงผิดพลาดไปได้ขนาดนี้! โรสมอนด์ออกคำสั่งกับคลาราอย่างหงุดหงิด

“เขียนจดหมายหาแจนยูเอรีเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้…”

ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดพร้อมกับเสียงดังสนั่น โรสมอนด์ตัวแข็งทื่อ มีร์ยาและเหล่าข้ารับใช้ตำหนักจักรพรรดินีบุกเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว โรสมอนด์ปรายตามองผู้มาใหม่ด้วยความไม่พอใจ

“บังอาจ! อบรมสั่งสอนกันมาอย่างไรจึงได้ทำพฤติกรรมเช่นนี้…!” โรสมอนด์ถาม

“กล่าวหนักไปแล้วค่ะ มาร์เชอเนส” มีร์ยาเอ่ยขัดอย่างเย็นชา “อย่างน้อยคำพูดนั้นก็ไม่ควรออกมาจากปากของท่าน”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ”

“ทำอะไรกันอยู่ ไยไม่รีบเข้าไปจับนางไว้”

สิ้นเสียงมีร์ยา ข้ารับใช้ตำหนักจักรพรรดินีก็เข้าไปจับโรสมอนด์ คลารา และข้ารับใช้คนอื่นๆ ของตำหนักเวนอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าโรสมอนด์ขัดขืนอย่างสุดกำลัง

“คิดจะทำอะไร! พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”

“ผู้ที่เสียสติคงมิใช่พวกข้า แต่เป็นท่าน กล้าดีอย่างไรถึงบังอาจลอบทำร้ายพระจักรพรรดินีถึงสองครั้งสองครา!”

“กล้าทำกับข้าเช่นนี้ คิดว่าพวกเจ้าจะรอดไปได้รึ? บังอาจแตะต้องสตรีผู้เป็นที่รักของจักรพรรดิ…!”

“ดูเหมือนท่านจะเข้าใจผิดไปมากทีเดียว มาร์เชอเนส” มีร์ยาท้วงติง นางทำสีหน้าราวกับอีกฝ่ายกำลังพูดเพ้อเจ้อ “พระจักรพรรดินีถูกทำร้ายระหว่างทางเสด็จกลับพระราชวัง แน่นอนว่าพระจักรพรรดิก็ทรงทราบเรื่องนี้ด้วย”

“แล้วอย่างไร! ตอนนี้เจ้าไม่มีหลักฐาน…”

“พระจักรพรรดิพระราชทานอำนาจในการสืบสวนทั้งหมดแก่พระจักรพรรดินี ส่วนมือสังหารที่จับเป็นกลับมาได้กำลังถูกสอบสวนให้รับสารภาพอยู่ที่คุกใต้ดิน หากรับสารภาพเมื่อใด มาร์เชอเนสเองก็คงมิอาจรอดพ้น”

“มีหลักฐานหรือว่าข้าเป็นคนร้าย” โรสมอนด์ยิ้มมุมปาก “มือสังหารยังไม่ทันรับสารภาพเลยแท้ๆ! แล้วมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาข้าเช่นนี้…!”

“พระจักรพรรดิทรงได้ยินมาร์เชอเนสสนทนากับข้ารับใช้เรื่องแผนลอบสังหารจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิ”

“จะเป็น…”

สีหน้าของโรสมอนด์ดูคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ ถ้าอย่างนั้นเสียงนั่น…!

“ท่านยังมีเรื่องอันใดจะกล่าวอีกหรือไม่”

“เจ้า…!”

“สงบปากสงบคำไว้เถิด ต่อให้ท่านร้องแรกแหกกระเชออยู่ตรงนี้ก็หามีผู้ใดรับฟังและปกป้องท่านไม่ นำตัวไป!”

สิ้นเสียงของมีร์ยา เหล่าข้ารับใช้ก็ขยับตัวอย่างรวดเร็ว โรสมอนด์เลิกกรีดร้องอย่างไร้ความหมายเพื่อเปลี่ยนมาใช้หัวคิด นางตกหลุมพรางที่ตัวเองเป็นคนขุด สถานการณ์เช่นนี้น่าสมเพชนัก นางต้องการอะไรสักอย่างที่จะมาช่วยดึงนางขึ้นจากหลุมนี้

“มาร์เชอเนสเอธิลเลอร์และข้ารับใช้คนอื่นๆ ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินแล้วเพคะ ฝ่าบาท”

“ขอบใจทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยกันจนฟ้าสาง”

แพทริเซียชมเชยน้ำพักน้ำแรงของข้ารับใช้สั้นๆ มีร์ยาเห็นสีหน้าแพทริเซียดูหม่นหมองก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“มีเรื่องไม่สบายพระทัยหรือเพคะ สีพระพักตร์ดูไม่ผ่องใส”

“แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ มีเรื่องเช่นนี้ไยข้าจะไม่ยินดี”

แพทริเซียถอนหายใจสั้นๆ และพึมพำ “เพียงแต่…เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างใกล้จะจบลงเต็มที ข้ากลับสับสนนัก”

“เป็นความผูกพันในความเกลียดชังหรือเพคะ”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร” แพทริเซียส่ายศีรษะอย่างไม่ลังเล “คำพูดหวานชื่นเช่นนั้นไม่เหมาะกับความสัมพันธ์ของข้ากับนางหรอก ทั้งข้าและนางต่างก็ทำเรื่องที่ไม่สมควรปฏิบัติต่อกันลงไปทั้งคู่ นั่นเกินกว่าจะเป็นความความผูกพันได้แล้ว”

“มาร์เชอเนสเอธิลเลอร์ย่อมทำผิดต่อพระองค์จริง แต่พระองค์…?”

มีร์ยาถามอย่างไม่เข้าใจ แต่แพทริเซียก็ไม่ยอมปริปากพูดอย่างถึงที่สุด

“ข้ามอบความโชคร้ายให้นางเป็นของขวัญ แต่การไม่พูดไปน่าจะดีต่อข้ามากกว่า”

“เพคะ? นั่นคือเรื่องอันใด…”

“ข้ากำลังบอกว่าข้าไม่อยากพูดไปทั่วว่าตนทำอะไรลงไป เรื่องนี้นอกจากข้าแล้วก็ไม่มีใครรู้อีก เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ข้า…ทำบางสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ควรทำ”

“ไม่ว่านั่นจะเป็นอะไร” มีร์ยาเอ่ยขึ้นเบาๆ “หม่อมฉันก็จะทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันไม่คิดว่าฝ่าบาทจะไม่มีจุดด่างพร้อย ทั้งไม่คิดว่ามาร์เชอเนสเอธิลเลอร์จะไม่มีส่วนดี ทว่า พระองค์เป็นผู้ที่หม่อมฉันเลือกให้เป็นนายเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้น หม่อมฉันจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้นเพคะ”

“…”

“ฝ่าบาททรงรู้สึกผิดที่ได้กระทำเรื่องมิบังควรลงไปหรือเพคะ”

“ข้าคงทำตัวเป็นคนอำมหิตไม่ได้จริงๆ หากเป็นมาร์เชอเนส นางคงพูดอย่างไม่ลังเลว่านางไม่มีทางเสียใจภายหลัง บางครั้งข้าก็อิจฉานางเรื่องนั้น”

“อิจฉาได้ แต่โปรดทรงอย่ารู้สึกผิดเลยเพคะ ทั้งหม่อมฉันและผู้ที่ติดตามฝ่าบาทต่างเคารพและรับใช้พระองค์เพราะตัวตนที่แท้จริงของพระองค์นะเพคะ”

“ขอบใจนะที่พูดเช่นนั้น”

แพทริเซียยิ้มกว้าง มีร์ยาเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เอาล่ะ ทีนี้รีบเข้าที่บรรทมเถิดเพคะ ฝ่าบาท พรุ่งนี้ ไม่สิ อีกประเดี๋ยวยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกเป็นภูเขาเลากา”

“…นั่นสินะ”

ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก อย่างน้อยนางก็ต้องเป็นคนลงมือเอง นางสางผมที่เหล่านางกำนัลช่วยหวีให้อย่างเรียบร้อยพลางพึมพำ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคงจะยุ่งไม่น้อย”

***

“ฮ้าว~”

เปโตรนิยาใช้มือปิดปากหาวจากนั้นถึงลุกขึ้น อาจเป็นเพราะเมื่อวานนางเหนื่อยมาก ตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าแสงแดดที่ลอดเข้ามาในห้องสว่างกว่าปกติ ขณะที่นางกำลังขยี้เปลือกตาอันหนักอึ้งเพราะนอนดึกก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง

“คุณหนู ข้าเข้าไปได้ไหมคะ”

“เข้ามาสิ”

เมื่อเปโตรนิยาอนุญาต สาวใช้ก็รีบเข้ามาในห้อง สีหน้าของนางดูร้อนรน เปโตรนิยาเห็นดังนั้นย่อมต้องรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“มีเรื่องอันใดหรือ สีหน้าไม่ดีเลย”

“คุณหนู ได้ยินว่าเมื่อคืนในวังวุ่นวายกันใหญ่เลยค่ะ”

“ในวัง? ทำไมล่ะ”

เปโตรนิยารู้เหตุผลอยู่แล้วแต่ก็แสร้งตกใจพลางถาม สาวใช้เห็นท่าทีตกใจนั้นก็ทำท่าจะร้องไห้

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ได้ยินว่าพระจักรพรรดินีถูกนักฆ่าทำร้ายค่ะ!” นางกล่าว

“…คนร้ายล่ะ”

“เพราะคำให้การของพระจักรพรรดิ มาร์เชอเนสเอธิลเลอร์จึงถูกคุมขังค่ะ พระเจ้าช่วย คุณหนู ทำอย่างไรดีคะ”

“ใจเย็นๆ ริซซี่ปลอดภัยดีหรือไม่”

ถามถึงตรงนี้เปโตรนิยาก็มีสีหน้าร้อนใจเล็กน้อย สาวใช้พยักหน้า

“บาดเจ็บแต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ”

“เฮ้อ…โล่งอกไปที”

แม้ไม่อยากจะคิด แต่ใจเปโตรนิยาก็กระสับกระส่ายด้วยเกรงว่า ‘อาจ’ เกิดเหตุไม่คาดฝัน เปโตรนิยาพูดกับสาวใช้อย่างสุขุม

“วันนี้คงต้องเข้าวังเร็วหน่อย ช่วยข้าทีได้หรือไม่”

***

แน่นอนว่าเรื่องที่จักรพรรดินีถูกลอบสังหารถึงสองครั้งสองครามากพอที่จะทำให้เกิดความระส่ำระส่ายในราชวงศ์และวงสังคมชั้นสูง เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ลูซิโอก็สั่งเพิ่มจำนวนอัศวินในกองอัศวินราชองครักษ์หมู่สองอีกกว่าเท่าตัว และประกาศมอบอำนาจการสืบสวนให้จักรพรรดินี เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้จึงไม่มีใครคัดค้าน ดยุกเอเฟรนีคิดจะแสดงความไม่พอใจที่แพทริเซียจับโรสมอนด์ไปขัง แต่ในเมื่อลูซิโอมอบอำนาจการสืบสวนให้แพทริเซียไปแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ก็ตึงเครียดเหลือเกิน เขาจึงมิอาจสอดมือ

แน่นอนว่าผู้ที่มีโทสะกับสถานการณ์ในตอนนี้มากที่สุดย่อมเป็นโรสมอนด์

“บ้าเอ๊ย…ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิจะกลายเป็นเช่นนี้…!”

นางเดินไปเดินมาในห้องขัง สีหน้ากระวนกระวาย นักฆ่าสองคนที่ถูกจับมานั้นต้องเป็นแผนของแพทริเซียไม่ผิดแน่ กลุ่มนักฆ่าที่นางจ้างวานขึ้นชื่อเรื่องการฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความลับในกรณีทำงานพลาด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ อย่างการเปิดเผยตัวตนขององค์กร เพราะฉะนั้นตอนนี้นางจึงตกหลุมพรางอย่างสมบูรณ์

‘เป็นแบบนี้ต่อไปได้จบสิ้นกันหมดแน่!’

โรสมอนด์กัดเล็บอย่างไม่สบายใจ ปกตินางทั้งเยือกเย็นและมาดมั่น แต่คราวนี้นางไม่อาจทำเช่นนั้นได้ แม้หลักฐานจะถูกสร้างขึ้นแต่ก็ยังถือว่าเป็นหลักฐาน ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิไม่ได้อยู่ข้างนาง โรสมอนด์ทึ้งผมอย่างหงุดหงิด

“ทำอย่างไรดี ทำอย่าง…”

“โรสมอนด์”

ตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็เรียกชื่อนาง โรสมอนด์หันไปมองเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset