Legend of the mythological genes – ตอนที่ 201

ไดเทนกุสูงห้าเมตร แต่ใหญ่เท่าที่จะใหญ่ได้ ร่างกายของเฟิงหลินเพิ่งกระแทกเข้ากับมันและทำให้กระเด็น
เขาเริ่มโจมตีต่อ ปกคลุมรอบตัวมันด้วยเงาหมัดที่กระแทกใส่ดุจพาย
ไดเทนกุไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเฟืงหลิน ก็แค่มนุษย์อ่อนแอแต่การโจมตีกลับรุนแรง มันต้องรับการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งและร่างกายของมันสั่นสะเทือนจากแรงกระแทก ในขณะที่ทั้งคู่พุ่งทะลุผ่านอากาศและกระแทกพื้น
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องขณะที่ปล่องภูเขาไฟขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้นทำให้เกิดฝุ่นละออง
ไดเทนกุยืนขึ้น มันได้รับแรงกระแทกเต็มๆเพราะมันอยู่ด้านล่าง ใบหน้าที่แดงก่ำของมันกลายเป็นสีม่วง มันมองเฟิงหลินด้วยความโกรธ “มนุษย์ แกกล้าดียังไง!”
เสียงโหยหวนโกรธแค้นดังขึ้น
ปีกของมันกระพืออย่างรวดเร็วลอยขึ้นไปในอากาศ คาตานะเฉือนเป็นแนวโค้งที่สวยงามจากล่างขึ้นบน เล็งไปที่เฟิงหลิน คาตานะนั้นแหลมคม ไดเทนกุระเบิดจิตสังหารออกมา ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการเฉือนมนุษย์ที่น่ารังเกียจนี้ออกเป็นสองส่วน
เฟิงหลินถอยกลับ หมัดของเขาเหมือนค้อนขนาดใหญ่พุ่งไปข้างหน้ากระแทกเข้ากับขอบของคาตานะ
เมื่อกระทบประกายไฟกระจายเป็นสะเก็ดไปทั่ว
ร่างกายของเฟิงหลินเหวี่ยงไปในอากาศจากแรงกระแทก ในที่สุดเขาก็สามารถทรงตัวได้หลังจากการตีลังกาหลายครั้งเพื่อรักษาสมดุล
ไดเทนกุพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ แต่เมื่อได้รับแรงปะทะอันทรงพลัง มันเกือบจะร่วงลงมากระแทกกับพื้นอีกครั้ง มีเพียงปีกที่กระพืออย่างบ้าคลั่งเท่านั้นที่ทำให้มันรักษาสมดุลไว้ได้
เมื่อเห็นสิ่งนี้เฟิงหลินก็ตระหนักได้ว่า
แม้ไดเทนกุจะเป็นปรมาจารย์ด้านดาบ แต่ก็มีเพียงความแข็งแกร่งอย่างเดียว ไดเทนกุไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับเขาสักนิด
การโจมตีของคาตานะถือเป็นการโจมตีทางวัตถุและความสามารถโดยธรรมชาติของยีนลิงหินควรจะสามารถตอบโต้ได้ วันนี้เขามีโอกาสชนะสูง
แม้ว่าพลังวิญญาณของเขาจะไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีของไดเทนกุได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพลังวิญญาณของเขาจะไร้ประโยชน์ไปซะทั้งหมด
พลังวิญญาณของเฟิงหลินเปลี่ยนเป็นมือยักษ์ไร้รูปร่างที่คว้าก้อนหินขนาดใหญ่บนพื้นและโยนใส่ไดเทนกุอย่างต่อเนื่อง
ปีกของไดเทนกุต้องกระพืออย่างรวดเร็วเพื่อหลบหิน คาตานะของมันปล่อยลำแสงดาบซึ่งเปล่งรัศมีความแหลมคม มันไม่ลังเลและแสดงวิชาดาบออกมา ความเชี่ยวชาญด้านวิชาดาบอยู่ในระดับเดียวกับนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
เฟิงหลินเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งนี้ ไดเทนกุเป็นไปตามที่คาดหวังจากจอมปีศาจแห่งการต่อสู้ วิชาดาบของมันสามารถอธิบายได้ว่าน่ากลัวแค่ไหน หากเขาสามารถปราบมันลงได้ แน่นอนว่ามันจะช่วยเขาได้มาก
ดาบที่3 ผ่าโลก!
การถูกกดขี่โดยมนุษย์เพียงคนเดียวทำให้ไดเทนกุผู้เย่อหยิ่งโมโหมาก ปีกของมันพันรอบร่างทันที ขณะที่มันเริ่มหมุนเป็นวงกลมอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นพายุเฮอริเคนสีดำที่สร้างใบมีดลม ทำลายหินที่ขว้างใส่มันอยู่
จากนั้นมันก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคาตานะของมัน เจาะทะลุด้วยโมเมนตัมที่ไม่หยุดยั้ง
ความแหลมคมเปล่งประกายสุกใสบนท้องฟ้า มันเหมือนสายฟ้าฟาดยิงไปข้างหน้าทันทีและทำลายทุกอย่าง
เฟิงหลินป้องกันโดยสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส เขารีบดึงมือของเขากลับมาพร้อมกับถอยกลับด้วยความเร็วสูง
หลังจากยืดระยะห่างระหว่างพวกเขาให้มากขึ้น เขาก็ค้นพบว่าแผลที่มองเห็นได้ปรากฏบนหมัดของเขา มีเลือดไหลออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดแผล
เขาประมาทมากเกินไป
เฟิงหลินเตือนตัวเองเงียบๆว่ามีสิ่งที่มีความสามารถมากมายในโลก เขาจะต้องไม่ประมาทคู่ต่อสู้ของเขาและประเมินตนเองสูงเกินไปแบบนี้
เขามักจะใช้การป้องกันอย่างบ้าคลั่งของยีนลิงหินเพื่อกำจัดคู่ต่อสู้ และระหว่างทาง เขาได้สูญเสียความระมัดระวังที่เขาควรจะมีและลืมไปว่ามักจะมีคนที่เก่งกว่าเขาเสมอ
ย้อนกลับไปหลังจากที่ซุนหงอคงเชี่ยวชาญในทักษะของเขา เขาได้กบฏต่อศาลสวรรค์และต่อสู้กับเทพเจ้าทั้งสามอาณาจักร เอ้อร์หลาง หยางเจี่ยนเป็นเวลาหลายร้อยครั้งโดยไม่มีผู้ชนะ ท้ายที่สุดเนื่องจากถูกสัตว์เลี้ยงของเออร์หลาง สุนัขสวรรค์ ความสามารถของเขาในการใช้การแปลงกายจึงถูกระงับและในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้
ไดเทนกุนี่ดูเหมือนกับสุนัขสวรรค์ในเทพนิยายญี่ปุ่น และดูเหมือนว่ามันจะมีความสามารถในการระงับซึ่งทำให้การป้องกันยีนลิงหินของเขาไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้การโจมตีด้วยดาบนั้นดูเหมือนธรรมดาและไม่มีพลังมากนัก แต่ก็สามารถเพิกเฉยต่อการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้โดยตรง
แม้ว่าปัจจุบันเขายังไม่ได้ค้นพบความสามารถอื่นๆของไดเทนกุ แต่ประเด็นนี้เพียงอย่างเดียวก็น่ากลัวพอแล้ว การป้องกันของยีนลิงหินกลับไม่อาจต้านทานได้
ดังนั้นเขาจะต้องไม่ป้องกันดาบและสู้ซึ่งๆหน้า
เฟิงหลินเปลี่ยนวิธีคิด เนื่องจากเขาไม่สามารถป้องกันดาบได้ ทำไมเขาถึงไม่ทำให้ไดเทนกุไม่มีสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้ละ?
ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะได้รับผลเสียมากเกินไป ถ้าเขาต้องต่อสู้กับคาตานะ
หวด!
ดาบฟันมาทางเขาอีกครั้งหนึ่ง
พลังวิญญาณของเฟิงหลินพุ่งออกมา ผลักเขาขึ้นไปในอากาศและช่วยให้เขาหลบหลีกการโจมตีของดาบได้ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่ไดเทนกุ ฝ่ามือของเขาก่อเป็นท่าทางสำหรับรอยประทับเชือกบ่วงเทพ ซึ่งต้องการจำกัดการเคลื่อนไหวของไดเทนกุไม่ให้หลุด
 
รอยประทับเชือกบ่วงเทพ!
 
ตำนานที่แท้จริงของเชือกนี้ยังสามารถรัดได้แม้กระทั่งนักบุญ เทพและเซียน ป้องกันไม่ให้แปลงกาย
รอยประทับเชือกของเฟิงหลินบินไป เขาไม่ถอย แต่เลือกที่จะบุกไปข้างหน้าแทน ใกล้ไดเทนกุเพื่อพยายามจับมัน
การโจมตีด้วยฝ่ามือนี้กลายเป็นกรงเล็บ ในขณะที่เขาคว้าปีกของไดเทนกุ หลังจากนั้นก็ออกแรงบังคับและดึงด้วยพลังทั้งหมด ปีกที่มีความยาวประมาณห้าถึงหกเมตรถูกกระชาก รวมถึงเส้นเอ็นที่เชื่อมกับหลังของไดเทนกุ เลือดปีศาจสีดำกระจายออกมา ชะโลมตัวเฟิงหลิน
ไดเทนกุร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มันเหลือปีกเพียงข้างเดียวเท่านั้นและเนื่องจากขาดสมดุลไดเทนกุจึงร่วงลงจากท้องฟ้าโดยธรรมชาติ
เฟิงหลินดุร้ายยิ่งขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งจับคอไดเทนกุส่วนมืออีกข้างจับมือที่ไดเทนกุควงดาบคาตานะอยู่ เขาไม่เปิดโอกาสให้ไดเทนกุใช้คาตานะโจมตีได้อีก
มนุษย์และปีศาจมัดเข้าด้วยกันและตกลงมาจากฟ้า
นอกเหนือจากการเป็นปรมาจารย์วิชาดาบ ทักษะการต่อสู้ปกติของไดเทนกุนั้นไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น มันถูกเฟิงหลินควบคุมอย่างง่ายดายแม้จะดิ้นรนก็ตาม ในช่วงความโกลาหล ปีกอีกข้างของมันก็ตบใส่เฟิงหลิน
เฟิงหลินไม่หลบ กล้ามเนื้อหลังที่แข็งแกร่งของเขาตึงคล้ายกำแพงเหล็ก ทนแรงกระแทก หลังจากนั้นเขาก็กระแทกหัวเขาใส่หน้าอกไดเทนกุซ้ำๆ โดยใช้หัวของเขาเป็นเหมือนค้อนทำให้ไดเทนกุเจ็บปวดอย่างรุนแรง
หนึ่งมนุษย์หนึ่งปีศาจกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
 
ไดเทนกุเป็นปีศาจที่หยิ่งมาก มันไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และยังคงดิ้นรน “มนุษย์น่ารังเกียจ! วันนี้ฉันจะสังหารแก!”
มันไม่สามารถทนต่อความอับอายได้ สะบัดปีกและกรงเล็บมั่วไปหมด
เฟิงหลินไม่ตอบ เขารู้ว่าถ้าเขาต้องการปราบไดเทนกุผู้หยิ่งยะโสอย่างมาก วิธีเดียวคือการบดขยี้มันอย่างไร้ความปราณี  มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูด การกระทำจะพิสูจน์ทุกอย่าง
เขาเตะคาตานะแสนน่ากลัวของไดเทนกุบินลอยไป ไม่ให้มันต้านทานได้ หลังจากนั้นเขาก็โจมตีอย่างไร้ความปราณี กระแทกหมัดของเขาเข้าใส่หน้าของไดเทนกุอย่างไม่หยุดยั้ง
บูม บูม บูม!
ผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังหมัดอันยิ่งใหญ่กระแทกเข้ากับไดเทนกุ จมูกใหญ่ๆของไดเทนกุหักงอและหัวของมันก็ถูกกระแทกเข้ากับรูบนพื้นดิน ร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสดไหลออกมาเต็มไปหมด
 
เมื่อมันกำลังจะตาย เฟิงหลินก็ยืนขึ้นและจ้องไดเทนกุ พูดตรงประเด็น “แกต้องการที่จะมีชีวิตอยู่หรือตาย?”
 
ไดเทนกุค่อยๆลืมตา จากคำพูดของเฟิงหลิน มันสามารถสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยม หากยังไม่ตอบก็เป็นไปได้ว่าจะถูกฆ่า
แต่ด้วยความหยิ่งยโสของมัน มันจึงกัดฟันเมื่อมันคิดว่าจะต้องยอมแพ้มนุษย์ ท้ายที่สุดมันก็เลือกที่จะหลับตาและไม่พูดอีกต่อไป
เฟิงหลินอ่านสถานการณ์ออก เขารู้ทันทีว่าไดเทนกุจะไม่ต่อต้านอีกต่อไป
เขาหยิบน้ำเต้าสีม่วงออกมาและเปิดใช้งานตามที่นินจาบอก น้ำเต้าเริ่มเปล่งพลังการดูดไร้ขอบเขตซึ่งดูดร่างกายของไดเทนกุไว้ภายใน บนพื้นผิวของน้ำเต้ามีรูปของไดเทนกุถือดาบคาตานะอยู่
เฟิงหลินเข้าใจว่าเขาได้ปราบจอมปีศาจตนนี้เรียบร้อยแล้ว

Legend of the Mythological Genes

Legend of the Mythological Genes

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคดวงดาว การบ่มเพาะโบราณได้ส่องประกายสู่ชีวิตใหม่ ยีนดำรงอยู่ในตัวคุณ!ประโยคเดียวที่แสดงถึงความหมายแท้จริงของการบ่มเพาะ ตำนานไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ มันมียีนในตำนานอยู่จริง ยีนของห่าวยี่ช่วยให้ยิงลูกศรได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลูกศรนัดเดียวสามารถทำลายโดมแห่งสวรรค์ ยีนกัวฟู่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ไล่ตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ยีนมังกรเทวะจะช่วยให้พุ่งทะยานเหนือหมู่เมฆ แหวกว่ายรอบห้วงอวกาศ … เกือบหมื่นปีได้ผ่านไป เฟิงหลินมาจากศตวรรษที่21สู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ ตามความเข้าใจเข้าถึงตำนานของยุคโลกโบราณ เขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะยีนสุดพิเศษ ยีนลิง+ยีนหิน = ยีนลิงหิน ยีนลิงหิน+??? = ยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินวิญญาณ+??? = ยีนราชาลิงสุดหล่อ ยีนราชาลิงสุดหล่อ+??? = ยีนซุนหงอคง ยีนซุนหงอคง+??? = ยีนมหาเทพเทียมฟ้า Every myth and legend is a path to Godhood! When humans enter the interstellar era, ancient cultivation techniques shone with new life. Your genes exist with you! A single sentence showing the true meaning of cultivation. Myths and legends are not a fantasy, there are ancient mythological genes in the bodies of everyone. The Hou Yi Gene allows you to shoot a hundred miles, using a single arrow to break down the dome of heaven. The Kuafu Gene allows you to run with flying speed, chasing after the sun and moon. The Divine Dragon Gene allows you to soar among the clouds, roaming around the starry space. …. Almost ten thousand years have passed. Feng Lin came from the 21st century to this majestic era that surged forth with great momentum. Based on his understanding on the myths and legends of the ancient earth era, he embarked upon a unique genetic cultivation path. Monkey Gene + Stonebirth Gene = Stone Monkey Gene Stone Monkey Gene + ??? = Spiritual Stone Monkey Gene Spiritual Stone Monkey Gene + ??? = Handsome Monkey King Gene Handsome Monkey King Gene + ??? = Sun Wukong Gene Sun Wukong Gene + ??? = Great Sage Equal to Heavens Gene

Options

not work with dark mode
Reset