Legend of the mythological genes – ตอนที่ 266

น้ำแข็ง ไฟที่ลุกไหม้และสายฟ้า … พลังของสามหาง …
พลังงานที่แตกต่างกันทั้งสามชนิดนี้รวมกันก่อให้เกิดพลังที่สามารถทำลายทุกสิ่งได้ทันที พลังงานที่ถูกส่งผ่านบริเวณรอบ ๆ มันเปล่งเสียงดังและกลิ่นไหม้แทรกซึมอยู่ในชั้นบรรยากาศ
หางทั้งสามขยายอย่างรวดเร็วล้อมรอบสภาพแวดล้อม มันเป็นเหมือนหลังคาขนาดมหึมาไม่มีใครสามารถซ่อนตัวได้
เฟิงหลินยังไม่ได้เตรียมที่จะซ่อน หากเขาไม่เผชิญหน้า แม้ว่าซูลี่จะพ่ายแพ้ แต่เขาจะไม่รู้สึกมั่นใจในตัวเฟิงหลิน
ในกรณีนี้เฟิงหลินจะทำให้เขามั่นใจ!
เขายืนอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่เขาได้เปิดใช้งานความสามารถของยีนลิงหินวิญญาณสูงสุด
ผิวของเขาส่องประกายแวววาวราวกับหยก และค่อยๆก่อตัวกระดองหินรอบตัวเขา ราวกับว่าเขาอยู่ในไข่หินอยู่ภายใต้การป้องกัน
การแปลงหิน!
นี่เป็นความสามารถพิเศษของยีนลิงหินที่เขาได้รับ หลังจากที่เขาพัฒนามันให้สูงสุด การแปลงหิน!
สิ่งที่ต้องจ่ายเมื่อใช้ความสามารถนี้คือเขาจะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวทั้งหมดและจะถูกห่อหุ้มด้วยหิน แลกความคล่องตัวเพื่อการป้องกันที่เพิ่มขึ้นมาก
แม้แต่ลาวาในแกนกลางของดาวอังคารก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาในรูปแบบนี้ได้
ตอนนี้ฐานการบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าไปแล้ว พลังในการป้องกันของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกเช่นกัน ไม่มีปัญหาใด ๆ ในการปิดกั้นหางทั้งสามนี้
ท่ามกลางความตกใจ เฟิงหลินถูกกลืนกินด้วย สายฟ้าน้ำแข็งและไฟ เขาจมอยู่ในกระแสพลังงานและหายตัวไปอย่างสมบูรณ์
ดวงตาของซู่ลี่หรี่ลง เขาจ้องมองเฟิงหลิน ดวงตาของเขาส่องแสงเย็น
(ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมั่นใจอย่างนั้น?เขาไม่ได้พยายามหลบและเลือกที่จะเผชิญหน้ากับ เขาคิดว่าหางสามหางของฉันเป็นการโจมตีพลังงานธรรมดาหรอ?)

พลังของหางนี้ไม่ธรรมดา
เฟิงหลินถูกฝังอยู่ข้างใน ถูกน้ำแข็งแช่ ถูกไฟไหม้เผา ชาด้านด้วยสายฟ้า – พลังแห่งการสลายตัวนี้จะทำให้โครงสร้างของสสารแตกสลาย เป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่สมบูรณ์
คนธรรมดาจะไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้
แต่โชคดีที่ … เขาเป็นข้อยกเว้น
ชั้นของแสงที่เหมือนหยกบนผิวของเขากระพริบซ้ำๆ ทำให้เกิดชั้นปกป้องอีกชั้นหนึ่ง
พลังงานทั้งหมดที่สัมผัสจะเลื่อนออกไปด้านข้างเขา ไม่สามารถแตะต้องเขาได้
เฟิงหลินอาจถูกแช่ แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
ก่อนที่แสงของหยกจะสลายไป พลังงานจากหางทั้งสามจะไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ต่อเขา
เมื่อเปรียบเทียบกับการโจมตีทางวัตถุการโจมตีทางพลังงานนั้นถูกทำให้ไร้ผลอย่างสมบูรณ์ ด้วยความสามารถของเขาที่ทานทนต่อน้ำและไฟ
ปัง
ร่างของเขาสั่นเทา ขณะที่ห่วงรอบตัวเขาแตกสลายกลายเป็นพลังงานก่อนที่จะสลายไป
“อะไรกัน?” เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินไม่ได้รับอันตรายใดๆ แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะถูกเผาไหม้ ซูลี่ก็ตกตะลึงมาก
เขาได้ใช้เทคนิคที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา หากเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง เขาจะไม่มีโอกาสต่อสู้กับเฟิงหลินได้เลย
ผู้บ่มเพาะบ้านนอกจากระบบสุริยะจักรวาลนั้นทรงพลังจริงๆ?
นี่ไม่น่าเชื่อเลย
เฟิงหลินยิ้มลึกลับ ” หลังจากเข้าร่วมทีมของฉัน นายก็ทำได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะฉันได้รับความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับเส้นทางในตำนานของฉัน และพัฒนาความสามารถทั้งหมด “
เขาเปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อย แต่เขาไม่เปิดเผยความลับที่แท้จริงของเขา
“ โอ้?” ซูลี่มองอย่างไตร่ตรอง เขาจ้องมองที่อี้รู้สึกยากมากที่จะตัดสินใจ
 
หมอผีและปีศาจอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเสมอ
แม้ว่าเขาจะออกจากเผ่าพันธุ์ของเขาแล้วและหนีจากตระกูลเขา แต่เขาก็ไม่ได้ตกลงไปในระดับที่เขาจะยืนเคียงข้างกับหมอผี
เขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่สามัญสำนึกทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรบางอย่างที่โง่เขลาเช่น “ฉันจะไม่อยู่ในทีมเดียวกันกับหมอผี”
 
เนื่องจากเขาต้องการความช่วยเหลือจากเฟิงหลิน หากเขาสร้างปัญหาก็จะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา
แต่ถ้าเขาสามารถได้รับความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับเส้นทางในตำนานของเขา มันก็คุ้มค่าไม่ว่าเขาจะต้องจ่ายด้วยราคาเท่าใด
ฮึ่ม!
ซูลี่และอี้ต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและเกลียดชัง
“เพราะเส้นทางในตำนานของฉันต้องทนทุกข์จากคำสาปที่มองไม่เห็น คนรอบข้างฉันจะโชคร้ายและจบลงด้วยชะตากรรมที่เลวร้ายมาก นายแน่ใจไหมว่านายต้องการร่วมมือกับฉัน?” เขาถามเพื่อเตือนเฟิงหลิน
เฟิงหลินยิ้มนิ่งๆ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
ซุนหงอคงมีความกล้าที่จะกบฏต่อสวรรค์ เส้นทางในตำนานของเขาเต็มไปด้วยข้อห้าม มีอะไรที่ต้องกลัวเกี่ยวกับคำสาปที่มองไม่เห็น
ด้วยพลังที่แท้จริง ในที่สุดปัญหาที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดจะถูกระงับ
“ สำหรับผู้บ่มเพาะ ความเชื่อของเราควรเป็นชะตากรรมของเรา เราคือคนกำหนดไม่ใช่สวรรค์ ‘ทำไมนายและฉันจะต้องสนใจเรื่องชะตากรรมมากนักล่ะ?” เฟิงหลินหัวเราะ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ซู่ลี่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพยักหน้า“ ดี ฉันจะเข้าร่วมทีมนี้!”
 
อี้ที่ได้ยินคำพูดของเฟิงหลิน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยการตกลงเช่นกัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้รอยยิ้มของเฟิงหลินก็กว้างขึ้น เขารู้ว่าเขาสามารถโน้มน้าวใจคนทั้งสองที่ไม่ยอมง่ายๆได้
 
“นายทำสิ่งนี้ได้ยังไง?” ยานาที่ยังคงงงงวย เธอส่งจิตไปหาเฟิงหลิน
 
เธออยากรู้มากเกี่ยวกับสิ่งที่เฟินหลินเขียนไว้ในอีเมล ซึ่งทำให้คนสองคนนี้ที่ไม่เข้ารวมทีมกับคนอื่น ๆ มาที่นี่
เฟิงหลินยิ้มและไม่พูดอะไร
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือในอีเมลคำเชิญเขาได้พิมพ์เพียงแค่
 
“โฮ่วอี้ ยิงตะวัน!”
“จิ้งจอกเก้าหาง!”
 
เพื่อเส้นทางในตำนานที่สมบูรณ์ของพวกเขา ใครจะสามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้?

สิ่งที่เป็นปัญหาเล็กน้อยคืออี้และซูลี่ พวกเขาเป็นหมอผีและปีศาจ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นเหมือนน้ำกับไฟ
แต่ตราบใดที่พวกเขาเข้าร่วมทีม ความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองจะไม่สามารถปะทุได้ เนื่องจากเฟิงหลินไม่ได้วางแผนที่จะบอกพวกเขาถึงความลับในตำนานเลยทันที
เส้นทางในตำนานมีคุณค่ามากน้อยเพียงใด? มอบให้พวกเขาเพราะพวกเขาเข้าร่วมทีม?ราคานี้ถูกเกินไป
เฟิงหลินจะไม่ทำธุรกิจแบบนี้
สิ่งที่เขากำลังวางแผนคือการให้พวกเขาเข้าร่วมสมาคมยีนในตำนาน
นี่หมายความว่าแม้หลังจากเข้าร่วมสมาคม พวกเขายังคงต้องจ่ายราคาจำนวนมากก่อนที่พวกเขาจะได้รับเส้นทางที่สมบูรณ์
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาจะอยู่ในฝ่ามือของเฟิงหลิน ภายใต้การควบคุมของเขา
มีเส้นทางในตำนานนับไม่ถ้วนที่นั่นและเฟิงหลินสามารถเลือกเดินได้เพียงทางเดียวหรือไม่กี่ทาง อย่างไรก็ตามถ้าเส้นทางในตำนานกับความรู้ของเขาไม่ได้ถูกนำมาใช้ละ?
นี่คือสาเหตุที่เขาต้องการสร้างสมาคมยีนในตำนาน
เขามีความรู้และเขาต้องการที่จะใช้มันในทางที่จะเป็นประโยชน์กับเขาที่สุด
เส้นทางในตำนานนับไม่ถ้วนหมายความว่ามีความเป็นไปได้มากมาย
เมื่อมีสมาชิกมากขึ้น รวมจุดแข็งเข้าด้วยกันนั่นก็หมายความว่าอนาคตของพวกเขาจะสดใสขึ้น
ในเวลานั้นสมาคมยีนในตำนานจะช่วยเขาให้สูงขึ้นและไปถึงจุดที่สูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งไม่มีใครสามารถเอาชนะได้
ความมั่งคั่ง สหาย กฏ โลก!
การบ่มเพาะคือกุญแจสำคัญ แต่ไม่สามารถขาดทรัพยากรได้
จักรวาลนั้นกว้างใหญ่เกินไป!
จุดแข็งของทุกคนมีขีดจำกัดอยู่และเฟิงหลินจะไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้
เหตุผลที่เฟิงหลินจัดตั้งสมาคมขึ้นมาก็เพราะเขาต้องการที่จะขยายเพื่อไปถึง ‘เพื่อยึดทรัพยากรการบ่มเพาะของจักรวาล ใช้ความแข็งแกร่งรวมของทีมเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเพื่อเพิ่มฐานการบ่มเพาะของเขาเองนี่คือวิธีที่ถูกต้อง
เขาไม่ได้สุ่มเลือกสมาชิกในทีม พวกเขาทุกคนมีศักยภาพมหาศาล
พวกเขาจะกลายเป็นเสาหลักของสมาคมยีนในตำนานหลังจากที่พวกเขาเติบโตแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต ถึงตอนนี้เขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขาพิเศษยังไง
ซูลี่และอี้เข้าร่วมทีมและทีมเล็กๆของห้าคนได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาแค่รอให้การสอบมาถึง
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าทั้งห้าคนจดจ่อกับการบ่มเพาะต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งและปรับตัวให้เข้ากับสภาวะสูงสุด
เฟิงหลินไม่นิ่งเฉย เขาหยิบยาปรับแต่งทางพันธุกรรมที่เขาปรุง เพื่อให้ทุกคนกิน
ทั้งหมดนี้เป็นของภายนอก เขาไม่จำเป็นต้องงก
ยิ่งเพื่อนร่วมทีมของเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ ความช่วยเหลือที่เขาจะได้รับจากพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้เขาเป็นนักพันธุศาสตร์ระดับเริ่มต้นแล้ว ตราบใดที่เขามีส่วนผสมเขาจะสามารถปรุงยาทางพันธุกรรมเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้หลังจากที่เขาปลุกยีนลิงหินวิญญาณของเขาขึ้นมา การควบคุมพลังงานของเฟิงหลินนั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก จริงๆแล้วเขารู้สึกว่าเขาสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้แล้ว
อย่างไรก็ตามการเล่นแร่แปรธาตุกว้างใหญ่และลึกซึ้งเกินไป ตอนนี้เขาได้มีเวลาขนาดนั้น
สมาชิกในทีมของเขาล้วนแต่เป็นผู้บ่มเพาะ ดังนั้นพวกเขาจะไม่แสดงความสุภาพเพราะพวกเขารู้ดีว่าสมาชิกในทีมของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ก็จะดีสำหรับทุกคน
ทุกคนขอบคุณเฟิงหลิน และรับยาทางพันธุกรรมไป พวกเขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการบ่มเพาะ
เฟิงหลินยังจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะของเขา เขาดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากขวดหนึ่งขวดและยีนต่อมใต้สมองของราชินีที่เหลืออยู่
เมื่อสิ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหล่านี้เข้าสู้ร่างกายเขา เขาก็เปิดใช้งานวิชาการเปลี่ยนพลังงานเป็นชี่ เพื่อย่อยพวกมันให้กลายเป็นกระแสความอบอุ่นที่ไหลไปทั่วร่างกายของเขาทันที
มีสารอาหารเพียงพอ มันก็เหมือนลำธารที่มีน้ำหล่อเลี้ยงบริเวณที่แห้งแล้ง
ศักยภาพทางพันธุกรรม +0.6, +0.6, + 0.6 …
ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มขึ้นถึง 20.8
เฟิงหลินลืมตาและรู้สึกไม่พอใจมาก
หลังจากประสบกับการพัฒนาครั้งใหญ่ของเขาในตอนนั้น การเพิ่มขึ้น 0.6 ทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีนัยสำคัญอย่างแท้จริง
หลังจากกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงแล้ว ความต้องการศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบ หลายร้อยเท่าด้วยความเร็วที่ช้าแบบนี้ เขาไม่ทราบว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะกลายเป็นสุดยอดผู้บ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามด้วยเงื่อนไขที่จำกัด เขาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเกรดของยาปรุงแต่งทางพันธุกรรมที่เขาปรุงนั้นต่ำเกินไป พวกมันไม่เพียงพอกับความต้องการของเขาอีกต่อไป
หากเป็นเช่นนี้เขาต้องทำให้ระดับพันธุกรรมของเขาสูงสุดให้ได้ เขาต้องสามารถปรุงยาที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้
เวลามีจำกัด เงื่อนไขก็เช่นกัน
ตอนนี้เขาสามารถทนไปก่อนชั่วคราวจนกว่าการสอบครั้งแรกจะเสร็จสิ้น
ในพริบตาก็ผ่านไปห้าถึงหกวัน
ศักยภาพทางพันธุกรรมของเฟิงฟลินเพิ่มขึ้น 100.8 อย่างไม่รู้ตัว
เขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยีนสัตว์ป่าถึง 9, ยีนความรุนแรงถึง 8, ใช้จนหมด ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาลดลงเหลือ 10.8
ความสามารถของยีนทั้งสองนี้น่าจะช่วยเขาได้มาก การสร้างความแข็งแกร่งให้ทั้งสองยีนนี้เป็นสิ่งที่ดี
สำหรับยีนบังคับเป็นเพียงแรงกดดันทางจิตใจเท่านั้น เขาไม่สนใจสิ่งนั้นในตอนนี้
เขามีจุดพันธุกรรมแรกเริ่มฟรีหนึ่งจุดและสามารถใช้สิ่งนั้นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในเวลาสำคัญและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขา เขาจะเก็บสิ่งนี้ไว้ในเวลาที่เขาต้องการมัน เขาไม่รีบ
หลังจากยีนหลุดพ้นทั้งสองได้รับการเสริมกำลังสูงสุด ค่าสถานะพลังของเฟิงหลินก็ทะลุจาก 700 ถึง 712 กลิ่นอายของเขาหนักหน่วงเหมือนภูเขา
เฟิงหลินฝึกฝนวิชาหมัดสัตว์อสูรของเขา หมัดของเขาเต็มไปด้วยพลังฟ้าผ่าทำให้คลื่นกระเพื่อมผ่านอากาศ กระจายออกไปด้านนอกอย่างต่อเนื่องทำให้พื้นที่รอบตัวเขาสั่น
เวลาพักสิบวันสิ้นสุดลง ในที่สุดการสอบครั้งแรกของมหาวิทยาลัยเอกภพจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทีมของเฟิงหลินเดินออกมาและเห็นว่าที่ลานเต็มไปด้วยผู้คน
ผู้ตรวจสอบยืนที่ทางเข้าเพื่อลงทะเบียนข้อมูลของสมาชิกในทีม
กัปตัน: เฟิงหลินผู้สมัครจากระบบสุริยะจักรวาล
สมาชิก: ยานาผู้สมัครจากระบบสุริยะจักรวาล
สมาชิก: แอริสผู้สมัครจากระบบสุริยะจักรวาล
สมาชิก: อี้ผู้สมัครจากสาธารณรัฐดาวฮั่วเซีย
สมาชิก: ซูลี่ผู้สมัครจากสาธารณรัฐดาวฮั่วเซีย

สมาชิกห้าคนของเฟิงหลินรายงานชื่อของพวกเขา ในตอนแรกผู้ตรวจสอบมีสีหน้าเย็นชา แต่เมื่อเขาได้ยินชื่อของอี้และซูลี่เขาก็ตกใจ
ผู้สมัครสองคนจากสาธารณรัฐดาวฮั่วเซีย ยินดีที่จะเข้าร่วมทีมกับผู้สมัครจากระบบสุริยะจักรวาล ใครจะไม่ตกใจถ้ารู้เรื่องนี้?
สิ่งที่ทำให้เขางงมากขึ้นก็คือหัวหน้ายังเป็นคนที่มาจากระบบสุริยะจักรวาล
เขาต้องมีความสามารถอะไรบ้างในการโน้มน้าวใจทั้งสองนี้จากสาธารณรัฐดาวฮั่วเซีย
ผู้ตรวจสอบจ้องมองเฟิงหลินสำรวจเขาอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมทีมเป็นอิสระของผู้สมัคร เขาจะไม่สำรวจมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าโอกาสของทีมนี้จะไม่สูงนักเนื่องจากกัปตันของพวกเขาเป็นคนที่มาจากระบบสุริยะจักรวาล
ไม่ว่าผู้สมัครจากระบบสุริยะจักรวาลจะโดดเด่นแค่ไหน?พวกเขาจะเก่งได้ขนาดไหน?
หลังจากนั้นทุกทีมก็มาถึงและการสอบเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในลานเสียงปรบมือดังสนั่นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บูม!
ท้องฟ้าแยกเปิด
กลุ่มของเปลวไฟที่มีลักษณะคล้ายกับดวงอาทิตย์ตกลงมาจากท้องฟ้าในใจกลาง มองเห็นร่างกล้ามเนื้อมีเปลวไฟปกคลุมเขาเหมือนเทพแห่งไฟจากตำนาน
ผู้สมัครสอบทั้งหมดตกตะลึง
“จอมพลแห่งกองกำลังพิเศษจากกองทัพเพลิง สมาคมการศึกษาระหว่างดวงดาวฉี เฟ่ยฮู่!”
“ผู้ตรวจสอบเป็นเขาจริง ๆ !”
” บ้าไปแล้ว! ฉันได้ยินมาว่าฐานการบ่มเพาะของเขาได้ไปถึงอาณาจักรจ้าวแห่งยีนแล้ว!”

เสียงอุทานดังออกมาจากผู้สมัคร
ฉีเฟ่ยฮู่อยู่ในชุดทหาร เขาเหยียบลูกไฟและยืนอยู่ในอากาศ มองทุกคนจากนั้นเสียงของเขาดังขึ้นทั่วทั้งพื้นที่
“ ในสถานที่นี้ การสอบครั้งแรกของมหาวิทยาลัยเอกภพจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ภารกิจสำหรับการสอบครั้งนี้คือการต่อสู้ระหว่างดวงดาว ภารกิจของเธอคือการโจมตีและยึดครองดาวเคราะห์ชีวิตใหม่และยึดสิ่งต่างๆที่สมาคมการบ่มเพาะระหว่างดวงดาวตั้งไว้เป็นเป้าหมายสำหรับพวกเธอ มีผู้สมัครสอบกว่าล้านคนซึ่งหมายความว่ามีมากกว่า 200,000 ทีม ทุกๆร้อยทีมจะรวมกันเป็นกลุ่ม เราจะส่งแต่ละกลุ่มไปยังสถานที่ต่างๆของดาว โดยมีเพียงห้าทีมเท่านั้นที่จะผ่านการสอบครั้งแรก ทีมอื่น ๆ จะถูกกำจัดโดยตรง ทีมอันดับหนึ่งสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้โดยตรง ในขณะที่อีกสี่ทีมจะต้องต่อสู้กันเป็นรอบสอง หลังจากสามครั้ง หากพวกเขายังไม่สามารถผ่านได้อันดับหนึ่ง พวกเขาจะถูกตัดออก”
 
หลังจากเขาพูดเสียงกระซิบก็ดังขึ้น
ผู้สมัครสอบทุกคนเป็นคนฉลาด การแสดงออกของพวกเขาทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึม เมื่อพวกเขาเข้าใจเกณฑ์ของการสอบครั้งแรก
คำตอบคือต้องเร็วและไร้ความปราณี ที่หนึ่งจะผ่านการสอบและมีเวลาพักผ่อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบครั้งที่สองนานสุด
ถ้าไม่แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นห้าอันดับแรก พวกเขาจะต้องต่อสู้กับการสู้รบครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าพวกเขาจะโชคดีพอที่จะผ่านมันไปได้ ในท้ายที่สุดทุกคนในทีมจะหมดแรง และไม่เป็นลางดีสำหรับการสอบครั้งที่สอง
 
“สมาคมการบ่มเพาะค้นพบดาวเคราะห์ปราณจิตวิญญาณใหม่ ภายในมีแร่ธาตุวิญญาณหายากจำนวนมากที่เรียกว่าผลึกวิญญาณ สิ่งที่เธอต้องทำคือยึดผลึกวิญญาณคุณภาพสูงจากคนในดาวนั้น ผลึกวิญญาณนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักในนามของลูกปัดผลึก เมื่อของชิ้นนี้ถูกยึด ชนพื้นเมืองของดาวจะไม่มีพลังต้านทานและสามารถถูกเราข่มได้อย่างง่ายดาย พวกเธอมีเวลาทั้งหมดสิบวัน ในระหว่างนั้น เราจะส่งเสบียงไปทางอากาศอย่างเงียบ ๆ ไม่ว่ายังไงก็ตามทรัพยากรมีจำกัด ทุกคนจะต้องหาสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง “จอมพลฉี เฟยฮู่พูดต่อ” ตอนนี้ใส่ชุดของเธอ ค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวกำลังทำงาน!”
 
เฟิงหลินและคนอื่น ๆ เริ่มยุ่งกับการสวมชุดที่คล้ายกับชุดเกราะ
ครื่นน
ผืนดินสั่นสะเทือน
ปิรามิดทองคำดวงดาวหมุนไม่หยุด
การจัดตำแหน่งของดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวง พลังงานจากดาวเคราะห์ข้างล่างค่อยๆไหลออกมา ทันใดนั้นดาวเคราะห์ที่จุดสูงสุดก็ปะทุพลังงานเสาไฟขนาดมหึมา ยิงเข้าสู่พื้นที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่มืด ราวกับประตูมหึมาแห่งความมืดได้เปิดออกอย่างช้าๆ
รูนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ใต้ฝ่าเท้าของทุกคน
 
“รูหนอนประดิษฐ์?” พลังทำลายล้างในอากาศทำให้ร่างกายของเฟิงหลินสั่นไหว
ในช่วงเวลาต่อมา ผู้สมัครสอบทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นแสงที่ไหลซึมเข้าสู่ประตูแห่งความมืด
เฟิงหลินรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าไปในอุโมงค์ที่ไม่มีก้นเหว

Legend of the Mythological Genes

Legend of the Mythological Genes

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคดวงดาว การบ่มเพาะโบราณได้ส่องประกายสู่ชีวิตใหม่ ยีนดำรงอยู่ในตัวคุณ!ประโยคเดียวที่แสดงถึงความหมายแท้จริงของการบ่มเพาะ ตำนานไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ มันมียีนในตำนานอยู่จริง ยีนของห่าวยี่ช่วยให้ยิงลูกศรได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลูกศรนัดเดียวสามารถทำลายโดมแห่งสวรรค์ ยีนกัวฟู่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ไล่ตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ยีนมังกรเทวะจะช่วยให้พุ่งทะยานเหนือหมู่เมฆ แหวกว่ายรอบห้วงอวกาศ … เกือบหมื่นปีได้ผ่านไป เฟิงหลินมาจากศตวรรษที่21สู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ ตามความเข้าใจเข้าถึงตำนานของยุคโลกโบราณ เขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะยีนสุดพิเศษ ยีนลิง+ยีนหิน = ยีนลิงหิน ยีนลิงหิน+??? = ยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินวิญญาณ+??? = ยีนราชาลิงสุดหล่อ ยีนราชาลิงสุดหล่อ+??? = ยีนซุนหงอคง ยีนซุนหงอคง+??? = ยีนมหาเทพเทียมฟ้า Every myth and legend is a path to Godhood! When humans enter the interstellar era, ancient cultivation techniques shone with new life. Your genes exist with you! A single sentence showing the true meaning of cultivation. Myths and legends are not a fantasy, there are ancient mythological genes in the bodies of everyone. The Hou Yi Gene allows you to shoot a hundred miles, using a single arrow to break down the dome of heaven. The Kuafu Gene allows you to run with flying speed, chasing after the sun and moon. The Divine Dragon Gene allows you to soar among the clouds, roaming around the starry space. …. Almost ten thousand years have passed. Feng Lin came from the 21st century to this majestic era that surged forth with great momentum. Based on his understanding on the myths and legends of the ancient earth era, he embarked upon a unique genetic cultivation path. Monkey Gene + Stonebirth Gene = Stone Monkey Gene Stone Monkey Gene + ??? = Spiritual Stone Monkey Gene Spiritual Stone Monkey Gene + ??? = Handsome Monkey King Gene Handsome Monkey King Gene + ??? = Sun Wukong Gene Sun Wukong Gene + ??? = Great Sage Equal to Heavens Gene

Options

not work with dark mode
Reset