Legend of the mythological genes – ตอนที่ 320 เต่าดำ ปะทะ หงอคง

เต่าดำเป็นเทพเจ้าแห่งทิศเหนือมีร่างกายเป็นเต่า หางเป็นงูและหัวเป็นมังกร!
ในการเปรียบเทียบซุนหงอคงเป็นลิงหัวใจที่ประสบความสำเร็จในเต๋า
ทั้งคู่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงและความแข็งแกร่งก็ใกล้เคียงกัน
เจตจำนงค์การต่อสู้ที่แข็งแกร่งเผาไหม้ในหัวใจเฟิงหลินและจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ การต่อสู้นั้นรุนแรงมากเหมือนดาวอังคารชนกับโลก
เต่าดำลอยอยู่ในอากาศและแผดเสียงไม่หยุด คลื่นเพิ่มขึ้นและกระแสน้ำเย็นก็พุ่งกระหน่ำ
หมัดทั้งสองของลิงเหมือนค้อนทุบอย่างรุนแรง บ้าคลั่งดูโหดร้ายและกระหายเลือดมาก
ร่างของเฟิงหลินยังคงโผงผางเคลื่อนตัวไปมาอย่างรวดเร็วรอบจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์
จ่าว เยวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับหรือหลบหลีก เธอวาดวงกลมตรงหน้าด้วยมือของเธอ: หนึ่งทำหน้าที่เป็นหยิน อีกหนึ่งทำหน้าที่เป็นหยาง อ่อนนุ่ม แข็งแกร่ง พลังก่อตัวเป็นวงกลมที่มองไม่เห็นล้อมรอบเธอ มันยากที่จะทำให้เธอขยับ
น้ำไม่มีรูปแบบและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เมื่อก่อตัวขึ้นอย่างสง่างามคนธรรมดาจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายพวกมันได้
เต่าดำกับหงอคง … มันยากจะตัดสินผู้ชนะได้
เสือกระโจน นกกระสา…
การเคลื่อนไหวของเฟิงหลินยังคงเปลี่ยนแปลง ความโหดเหี้ยม …
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่เขาโจมตีวงกลม เขาจะถูกป้องกัน ในเวลาเดียวกันคลื่นพลังเย็นจะตอบโต้ จากนั้นก็ถูกหยุดโดยร่างกายลิงหินของเฟิงหลิน ไม่สามารถเจาะทะลุได้
หนึ่งในพวกเขามีความหนักของเต่าและความว่องไวของงู อีกหนึ่งเป็นเหมือนลิงหินโดยธรรมชาติ มีความว่องไวของลิงและความเหนียวแน่นของหิน
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ!
บูม!
หมัดของเฟิงหลินและจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ปะทะกันอย่างดุเดือดและจากนั้นพวกเขาก็แยกกัน ยืนนิ่ง ตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย
บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ

ยีนเต่าดำนี้เป็นยีนหลุดพ้นเกรดสมบูรณ์อย่างแน่นอน!
เฟิงหลินได้คำใบ้ในใจ

“ผู้ชายคนนี้สามารถต่อสู้กับศิษย์พี่ได้เป็นเวลานาน ทำให้รู้เลยว่าเราไม่สามารถตัดสินหนังสือจากปกของมันได้”
“ แม้ว่าศิษย์พี่จะใช้พลังของผู้บ่มเพาะระดับสูง  ทว่าเต่าดำเป็นยีนเกรดสมบูรณ์ซึ่งไม่มีคู่แข่งในหมู่ยีนอื่นๆที่อยู่ในเกรดเดียวกัน!”
“ชายคนนี้มีเบื้องหลังอะไรกันแน่?”

การโจมตีจากจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์นั้นรุนแรงเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
พวกเขาทั้งสองยังคงโจมตีโดยใช้การเคลื่อนไหวที่มีทักษะอย่างมากเกินจินตนาการ
นักเรียนคนอื่น ๆ ไม่แปลกใจในฝีมือจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ อย่างไรก็ตามมันแปลกเกินไปที่ชายผู้นี้จะสู้กับเธอได้!
พวกเขาทุกคนมีการแสดงออกที่แปลก ๆ และมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเกี่ยวกับภูมิหลังของเฟิงหลิน
ยิ่งไปกว่านั้นตามที่เสาเหล็กบอก ชายคนนี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยาด้วย!
ความสามารถทั้งหมดของเขาน่าสนใจ
“มันมาแล้ว!”
เสาเหล็กชายหนุ่มผมดำผู้ซึ่งจดจ่อกับการต่อสู้พลันพูดขึ้น
หวือ หวือ!
ในทันใดสายตาของพวกเขาเพ่งไปที่สนามรบ
หลังต่อสู้กันมาเป็นเวลานานโดยไม่มีผลลัพธ์ แม้ว่าเฟิงหลินและจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์จะไม่ได้สื่อสารกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่เข้าใจกัน
ทั้งคู่ไม่เหนือไปกว่ากัน หากพวกเขาต้องการตัดสินผลแพ้ชนะ พวกเขาจะต้องใช้กระบวนท่าไม้ตาย
ทั้งคู่มองกันไม่ขยับ กลิ่นอายของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
ปราณของพวกเขาปะทะกันและแม้แต่อากาศก็ยังบิดเบี้ยว
น้ำแท้จริงแห่งเสินหวู่!
จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์วางมือทั้งสองข้างแนบหน้าอกและประสานมือ นิ้วทั้งสิบนิ้วของเธอซ้อนทับกันเหมือนดอกบัวบานสะพรั่ง กระแสของน้ำเย็นไหลออกมาจากปลายนิ้วของเธอ
ในทันใดนั้นอุณหภูมิโดยรอบก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพวกเขาทุกคนจมลงไปในถ้ำน้ำแข็งใต้ดิน
ไอน้ำในอากาศรวมตัวกันอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดกระแสน้ำแข็ง
ในขณะนี้เต่าดำที่มีชีวิตพลันปรากฏตัวขึ้น สะบัดหัวและหาง ดูราวกับว่ามันตื่นขึ้นมาจากสมัยโบราณและส่งปราณออกมา
สีหน้าเฟิงหลินเปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึมเช่นกัน เขาประกบนิ้วมือของเขาไว้ด้วยกันราวกับดาบ
มันเป็นเพียงนิ้วดาบ แต่มันกลับมีเจตจำนงค์ที่จะสังหารเทพเจ้า
ดาบสังหารเทพ!
เฟิงหลินเป็นหนึ่งเดียวกับดาบกลายเป็นลำแสงสีเงินและพุ่งตรงออกไปทางเต่าดำเหมือนสายฟ้า
โฮก!
เต่าดำอ้าปากกว้างและคำรามไม่หยุด สร้างคลื่นเสียงที่ทำให้อากาศสั่นสะเทือนเกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงไปทางเฟิงหลิน
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ
ผู้ชนะจะถูกตัดสินในการโจมตีครั้งนี้ ใครจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ?
ผู้ชายคนนี้จะสามารถเอาชนะผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งการต่อสู้ในมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงได้หรือไม่?
พวกเขามีความรู้สึกคาดหวังแปลก ๆ
จิ จิ จิ!
แสงเย็นพุ่งขึ้นจากการโจมตีด้วยดาบ
เฟิงหลินพุ่งเข้าหาร่างเต่าดำ ทะลุผ่านชั้นของสิ่งกีดขวาง
เต่าดำส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและแข็งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะแตกจากหัวลงไป ร่างกายของมันแหลกสลาย
ร่างของเฟิงหลินพุ่งผ่านออกมา พลังที่หลงเหลือของนิ้วดาบนั้นอ่อนแรงลงมาก แต่มันก็ยังโจมตีออกไป
จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์มีสีหน้าเคร่งขรึมและเผชิญหน้ากับการจู่โจมขณะสร้างตราประทับดอกบัวด้วยมือของเธอ
นิ้วทั้งสิบของเธอเกี่ยวพัน รัดนิ้วดาบและทำให้มันไม่สามารถขยับได้
เฟิงหลินถอนหายใจขุ่นเคืองและแสดงออกอย่างหดหู่ “ฉันแพ้แล้ว!”
“ไม่ ฉันแพ้!” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ยิ้มและส่ายหัว
สีหน้าของเฟิงหลินกลับน่ากลัว “แพ้ก็คือแพ้! เธอหมายถึงอะไร?”
ชัยชนะที่ไม่เป็นธรรมทำให้เขารู้สึกอับอาย
“นายเข้าใจผิด!” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เพียงแค่เหลือบมองเฟิงหลินเท่านั้น และรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอส่ายหัวยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้โอกาสนาย! น้ำแท้จริงนี้เป็นกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งสุดที่ระดับผู้บ่มเพาะขั้นสูง!หลังแสดงกระบวนท่านี้ ฉันจะไม่มีวิธีการโต้ตอบอื่น เหตุผลที่ฉันรับการโจมตีนายได้เพราะฉันใช้พลังของสุดยอดผู้บ่มเพาะ!ดังนั้น ฉันจึงแพ้!หากเราเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ฉันคงไม่ใช่คู่มือนาย!”
เธออธิบายโดยไม่ปกปิดอะไร

“ อะไรนะ?ผู้ชายคนนี้เอาชนะศิษย์พี่จ้าวได้จริง ๆ?ไม่น่าเชื่อ!”
“สถิติของราชินีแห่งการต่อสู้ที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ในอาณาจักรเดียวกันนั้นได้ถูกทำลายลง!”
“ผู้ชายคนนี้…”

ผู้ชมอ้าปากค้างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ยิ่งพวกเขาเข้าใจว่าจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เป็นนักรบที่น่ากลัวมากเพียงใด พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจความหมายของฉากนี้มากขึ้นเท่านั้น
นับตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงมาจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ได้ประเมินค่าผู้คนนับไม่ถ้วน อัจฉริยะที่มีฐานการบ่มเพาะแข็งแกร่งกว่าเธอแทบจะไม่สามารถเอาชนะเธอได้
อย่างไรก็ตาม เธอกลับพ่ายแพ้ต่อคนที่มีพลังระดับเดียวกัน หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปละก็
นั่นแหละ!
เฟิงหลินพยักหน้ารู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้ยินเธอพูดแบบนี้
อย่างไรก็ตามเขาไม่เห็นด้วยกับจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์
แพ้ก็คือแพ้!
ทำไมต้องมีเหตุผลด้วย?
“พวกเราทั้งคู่ไม่ได้แพ้! ในสนามรบจริงใครจะสู้กับเธอแบบตัวต่อตัวอย่างเป็นธรรม?” เฟิงหลินพูดอย่างสงบ
จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะยิ้ม “นั่นเป็นเรื่องจริง!”
นอกจากนี้เธอยังสามารถบอกได้ว่าเฟิงหลินก็มีหัวใจที่แน่วแน่และจะไม่รู้สึกสับสนกับคำพูดของคนอื่น
“ฉันจะรอวันที่นายกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับผู้ใช้ยีนขั้นสูง! เมื่อถึงวันนั้น เราจะสู้กันอีกครั้ง เพื่อให้ชัดเจนว่าระหว่างเราใครแข็งแกร่งกว่า!”
“ตกลง!”
พวกเขาสองคนมองหน้ากันและยิ้ม โดยมีความรู้สึกขอบคุณซึ่งกันและกัน
พวกเขาทั้งสองต้องการรู้ว่าในอาณาจักรการบ่มเพาะเดียวกัน เส้นทางตำนานของใครจะแข็งแกร่งกว่า?
เจินหวู่?
หรือ…
ซุนหงอคง?

Legend of the Mythological Genes

Legend of the Mythological Genes

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคดวงดาว การบ่มเพาะโบราณได้ส่องประกายสู่ชีวิตใหม่ ยีนดำรงอยู่ในตัวคุณ!ประโยคเดียวที่แสดงถึงความหมายแท้จริงของการบ่มเพาะ ตำนานไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ มันมียีนในตำนานอยู่จริง ยีนของห่าวยี่ช่วยให้ยิงลูกศรได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลูกศรนัดเดียวสามารถทำลายโดมแห่งสวรรค์ ยีนกัวฟู่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ไล่ตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ยีนมังกรเทวะจะช่วยให้พุ่งทะยานเหนือหมู่เมฆ แหวกว่ายรอบห้วงอวกาศ … เกือบหมื่นปีได้ผ่านไป เฟิงหลินมาจากศตวรรษที่21สู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ ตามความเข้าใจเข้าถึงตำนานของยุคโลกโบราณ เขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะยีนสุดพิเศษ ยีนลิง+ยีนหิน = ยีนลิงหิน ยีนลิงหิน+??? = ยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินวิญญาณ+??? = ยีนราชาลิงสุดหล่อ ยีนราชาลิงสุดหล่อ+??? = ยีนซุนหงอคง ยีนซุนหงอคง+??? = ยีนมหาเทพเทียมฟ้า Every myth and legend is a path to Godhood! When humans enter the interstellar era, ancient cultivation techniques shone with new life. Your genes exist with you! A single sentence showing the true meaning of cultivation. Myths and legends are not a fantasy, there are ancient mythological genes in the bodies of everyone. The Hou Yi Gene allows you to shoot a hundred miles, using a single arrow to break down the dome of heaven. The Kuafu Gene allows you to run with flying speed, chasing after the sun and moon. The Divine Dragon Gene allows you to soar among the clouds, roaming around the starry space. …. Almost ten thousand years have passed. Feng Lin came from the 21st century to this majestic era that surged forth with great momentum. Based on his understanding on the myths and legends of the ancient earth era, he embarked upon a unique genetic cultivation path. Monkey Gene + Stonebirth Gene = Stone Monkey Gene Stone Monkey Gene + ??? = Spiritual Stone Monkey Gene Spiritual Stone Monkey Gene + ??? = Handsome Monkey King Gene Handsome Monkey King Gene + ??? = Sun Wukong Gene Sun Wukong Gene + ??? = Great Sage Equal to Heavens Gene

Options

not work with dark mode
Reset