Legend of the mythological genes – ตอนที่ 410 อสูรกายยักษ์

เงาดำปกคลุมท้องฟ้า โล่พลังงานของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงถูกบีบอัดและเปลี่ยนรูป มันพังทลายลงและมีเงามหึมาบีบเข้ามา
ร่างขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือหัวของทุกคน ดูเหมือนว่ามันต้องการที่จะทำลายทุกสิ่งตรงหน้า ชั้นของเงาปกคลุมหัวใจของทุกคน และพวกเขาไม่สามารถเรียกเจตจำนงใด ๆ ที่จะมาต้านทานได้
อสูรตัวนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 กิโลเมตร เหมือนเกาะขนาดใหญ่ ร่างกายทั้งหมดถูกหลอมขึ้นจากโลหะ เปล่งกลิ่นอายดุร้าย มันน่ากลัวมากเหมือนอสูรหนวดขนาดใหญ่ ที่มีหนวดมากกว่า 10,000 เส้น หนวดแต่ละเส้นหนาเหมือนเสาขนาดใหญ่ ว่องไวเหมือนงูและโบกสะบัดไปในอากาศ
เมื่อมีบางสิ่งเข้ามาใกล้พวกเขาจะถูกบดขยี้ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม
จักรกลยักษ์มีดวงตาขนาดใหญ่กว่า 1,000 ดวงที่ยิงลำแสงสีแดงออกมานับไม่ถ้วน โจมตีทั้งมิตรและศัตรู
ลำแสงสีแดงหนาเท่าสายรุ้งยิงออกไปไม่หยุดหย่อน พวกมันถูกบีบอัดอย่างแน่นหนาและตกลงมาเหมือนสายฝนไม่เว้นแม้แต่สัตว์จักรกลวิญญาณ สัตว์จักรกลวิญญาณถูกเจาะและระเบิดทันที ซากที่กระจัดกระจายถูกชหนวดจำนวนมากดูดและนำเข้าไปในท้อง มันเริ่มเคี้ยว
นักรบดวงดาวเหล่านั้นไม่มีนัยสำคัญเหมือนมดสำหรับอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ตัวนี้และได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมาก
เลือดเนื้อของพวกเขาถูกลำแสงสีแดงย่าง แม้แต่ไมโครเมชาที่พวกเขาสวมใส่ก็ถูกทุบและโยนเข้าไปในปากขนาดใหญ่เหมือนหลุมดำและกลืนเข้าไปจนหมด ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ
หนวดจักรกลยังคงส่งคลื่นพลังงาน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การระเบิดนิวเคลียร์และสนามแรงโน้มถ่วงออกมามากมาย…ทุกที่ที่อสูรจักรกลเคลื่อนผ่านไป สนามพลังงานของมหาวิทยาลัยจะปั่นป่วน พลังงานของไมโครเมชา กระสวยอวกาศขนาดเล็กและอาวุธเครื่องจักรจำนวนมากทั้งหมดระส่ำระสายจากการรบกวน และระเบิดในอวกาศ
หากปราศจากไมโครเมชา ร่างกายที่ทำจากคาร์บอนของมนุษย์ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้นานในอวกาศ หลายคนไม่ได้ถูกหนวดฆ่าตาย แต่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจในอวกาศหรือถูกแช่แข็งเป็นน้ำแข็ง
ภายใต้การฟาดฟันที่บ้าคลั่งของหนวดโลหะ แนวรบมนุษย์ถึงกับระส่ำระส่าย นักรบดวงดาวถูกบังคับให้ถอยกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อสัตว์จักรกลขนาดมหึมาเข้าสู่สนามรบ ราวกับว่าวาฬตัวใหญ่ได้เข้าไปในสระน้ำขนาดเล็ก เพียงแค่พลิกตัวแบบสบาย ๆ ก็บดขยี้ปลามากมาย ปากใหญ่ของมันยังคงกลืนกินไม่หยุดและไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
ทั้งสัตว์จักรกลวิญญาณและนักรบดวงดางต่างก็หนีไปคนละทิศทาง โดยไม่สนใจการต่อสู้อีกต่อไป หากพวกเขาหลบหนีช้า พวกเขาจะเข้าสู่ปากของอสูรตัวใหญ่และถูกกลืนกินโดยไม่เหลือแม้แต่เศษขยะทันที
อสูรจักรกลวิญญาณขนาดใหญ่ได้ครอบงำสนามรบทั้งหมดด้วยมือเดียว พิชิตท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและปราบปรามทุกสิ่ง
กองทัพจักรกลที่ดุร้ายกระจัดกระจายและแนวรบมนุษย์ก็แตกพ่าย พวกเขาเหมือนพบเจอภูเขาถล่มไม่สามารถต้านทานใด ๆ ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ทุกคนต่างก็มีสีหน้าประหลาด อสูรน่ากลัวประเภทไหนที่เผ่าพันธุ์วิญญาณปล่อยออกมา?!
อสูรวิญญาณขนาดใหญ่พุ่งเข้าหามหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง มันใช้ตัวถังโลหะขนาดใหญ่เพื่อทำลายป้อมปราการของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง
เงาดำขนาดใหญ่กดลงมาจากที่สูงและผ่านพ้นไปไม่ได้
เมื่อเห็นว่าป้อมปราการของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงกำลังจะถูกโค่นลง ทุกคนทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงก็อ้าปากค้าง สถานการณ์พลันตกอยู่ในความโกลาหล
หากป้อมปราการถูกกระแทกจริงๆ แม้ว่ามันจะไม่พังทลาย ตราบใดที่มันได้รับความเสียหาย โล่พลังงานที่ป้องกันการบุกรุกจากวิญญาณนับไม่ถ้วนจะได้รับผลกระทบอย่างมาก
เมื่อถึงเวลานั้นการป้องกันของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงอาจได้รับปฏิกิริยาลูกโซ่ ใครก็คงจะสามารถจินตนาการถึงผลลัพธ์ของมนุษย์ระหว่างดวงดาวได้
“ อสูรกายวิญญาณขนาดใหญ่ตัวนั้นกำลังจะเข้ามาปะทะ เราจะทำยังไงดี?”
“ ไม่มีใครสามารถหยุดมันได้เลยหรอ?”
“ มาลองกัน!”

เงาสีดำกดลงมา คนที่มีจิตใจอ่อนแอก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนกอย่างมาก
การมองดูเงาดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาพวกเขาทำให้หัวใจและวิญญาณของพวกเขาพังทลาย
ไม่มีวิธีที่จะป้องกันเลย?!
ที่มุมหนึ่งของสนามรบ เฟิงหลินมองอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ที่สร้างความหายนะ สีหน้าของเขาน่ากลัวมาก
ตั้งแต่วินาทีแรกที่อสูรวิญญาณตัวใหญ่ปรากฏตัว เขารู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆไม่ถูกต้อง เขารู้สึกว่ากำลังจะเกิดหายนะและเขาก็หนีไปโดยสัญชาตญาณ เป็นเพียงเพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถหลบแรงกดดันของอสูรตัวใหญ่นี้ได้
กองทหารที่พ่ายแพ้ก็เหมือนภูเขาถล่ม
แนวหน้าของมนุษยชาติแตกสลายทันที หัวใจของเฟิงหลินจมลงสู่ก้นบึ้งอย่างไม่สามารถควบคุมได้
กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวังอันเข้มข้นได้แทรกซึมอยู่ในสนามรบ ทุกคนทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงต่างสั่นคลอนไม่สามารถเรียกเจตจำนงใด ๆ ที่จะต่อต้านได้เลย
 
“ ดูเหมือนว่าจะถึงตาเราแล้ว!” กลุ่มที่ด้านบนของป้อมปราการมองไปที่อสูรวิญญาณขนาดใหญ่ พวกเขามองหน้ากันปล่อยกลิ่นอายราวกับเหวลึกและภูเขาสูง
นายพลคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา
ในฐานะนายพลไม่เพียงแต่พวกเขาจะเป็นผู้นำหน่วยทหารของตนเองเท่านั้น แต่พลังของพวกเขาก็ยังถือได้ว่าเป็นเสาหลักของมนุษยชาติ
 
นายพลสองสามคนมีดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะเคลื่อนไหว
 
“ เดี๋ยวก่อน!”นายพลสงครามดวงดาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดพูดขึ้น “ อสูรวิญญาณขนาดใหญ่นี้จะต้องใช้เวลาสักพักหากต้องการทำลายแนวป้องกันของเราอย่างสมบูรณ์ เรารอได้อีกพอสมควร เราอาจจะช่วยนักรบดวงดาวเหล่านี้และมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงได้ในตอนนี้ก็จริง แต่เราจะไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ตลอดไป!ท้ายที่สุด สิ่งต่างๆจะต้องตกอยู่กับเยาวชนเหล่านี้ ยิ่งสถานการณ์สิ้นหวังมากเท่าใด อัจฉริยะที่แท้จริงก็จะถือกำเนิด รอจนถึงวินาทีสุดท้ายเถอะ มันไม่สายเกินไปที่เราจะลงมือเมื่อเราเห็นว่าสถาณการณ์ไม่ดี”
 
ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แม้ว่าสิ่งนี้จะอันตรายเกินไปสำหรับผู้บ่มเพาะดวงดาวในสนามรบ แต่ก็จำเป็นต้องเสียสละบางอย่างเพื่อรับประกันอนาคตของมนุษยชาติ
นี่คือกฎแห่งความมืดของจักรวาล อัจฉริยะที่แท้จริงนั้นดีกว่าคนธรรมดานับร้อย การต่อสู้ระหว่างชีวิตกับความตายระหว่างเผ่าพันธุ์ไม่เคยตัดสินด้วยจำนวนคน แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง
การปรากฏตัวของผู้บ่มเพาะระดับแนวหน้าที่สามารถปราบปรามจักรวาลได้นั้นแข็งแกร่งกว่ากองทัพทั้งหมด!
นี่คือสิ่งที่มนุษย์ระหว่างดวงดาวต้องการอย่างแท้จริง
สิ่งต่างๆต้องไม่เป็นต่อไปแบบนี้ พวกเขาต้องรวบรวมพลังของทุกคนเพื่อที่จะมีโอกาสชนะ!
บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่วท้องฟ้า แต่จิตใจของเฟิงหลินเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้และพยายามคิดแผนต่อไป
เขามองไปที่ใบหน้าหลายคนที่เปลี่ยนไปจากความสยองขวัญและขมวดคิ้ว ถ้าเขาอยากจะพลิกเกม เขาต้องปลุกเจตจำนงของคนเหล่านี้
ความคิดผุดขึ้นในใจของเฟิงหลิน
เขาใช้การถ่ายทอดทางจิตเพื่อสื่อสารกับทุกคนและเสียงที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขาก็ดังก้องในหัวใจของมนุษย์ดวงดาวทั้งหมดในทุกมุมของสนามรบ
เสียงตะโกนดังขึ้นในความเงียบงัน เหมือนกับแสงจากรุ่งอรุณที่ตัดผ่านความมืด ส่องทางตรงหน้าพวกเขา มันปลุกความหวังของทุกคน
เสียงนั้นทรงพลังและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอน มันเหมือนกับเสียงตะโกนท่ามกลางคลื่นที่โหมกระหน่ำ
 
“ นักรบดวงดาวทุกคน นักศึกษามหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงและเพื่อนร่วมชาติ โปรดฟังผม! เราต้องไม่ถอย! ข้างหน้าเราคือมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงซึ่งเป็นแนวป้องกันด่านแรกของมนุษยชาติ ไม่มีที่ไหนให้เราถอยกลับไป! อสูรตัวนี้อาจจะน่ากลัว แต่เราต้องไม่ปล่อยให้มันเข้าใกล้มหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงของเรา หากมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงล่มสลาย แนวป้องกันของมนุษยชาติจะพังทลายลง หากเผ่าพันธุ์วิญญาณบุกเข้ามาในจักรวาลของเรา เพื่อนของเราที่ยังอ่อนแอมากจะไม่สามารถตอบโต้ได้และจะถูกสังหารหมู่ เรามีพี่น้อง มีเพื่อน มีครอบครัวของเราอยู่ที่นั่น … คนเหล่านั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่เราไม่เต็มใจจะสูญเสียต่อให้เราจะต้องสละชีวิตก็ตาม ผู้บ่มเพาะดวงดาวทุกคนต่างก็ใช้ทรัพยากรการบ่มเพาะจำนวนมหาศาลที่มีอยู่เพื่อมนุษยชาติ ยิ่งความสามารถของเรามีมากขึ้น ความรับผิดชอบของเราก็จะยิ่งมากขึ้น! ตอนนี้เป็นเวลาที่ความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของเรากำลังถูกคุกคาม ดังนั้นมันจึงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบแทนสิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์มอบให้กับเรา ตั้งแต่สมัยโบราณมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงได้ปกป้องทางช้างเผือกและปกป้องมนุษยชาติ ผมอยากขอร้องให้ทุกคนอย่ารู้สึกกลัวและจำไว้ว่า…”
“ มันคือเผ่าพันธุ์ของเรา เราจะปกป้องมัน!”
 
หมายเหตุ – 1 จั้ง = 3,200 เมตร

Legend of the Mythological Genes

Legend of the Mythological Genes

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคดวงดาว การบ่มเพาะโบราณได้ส่องประกายสู่ชีวิตใหม่ ยีนดำรงอยู่ในตัวคุณ!ประโยคเดียวที่แสดงถึงความหมายแท้จริงของการบ่มเพาะ ตำนานไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ มันมียีนในตำนานอยู่จริง ยีนของห่าวยี่ช่วยให้ยิงลูกศรได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลูกศรนัดเดียวสามารถทำลายโดมแห่งสวรรค์ ยีนกัวฟู่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ไล่ตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ยีนมังกรเทวะจะช่วยให้พุ่งทะยานเหนือหมู่เมฆ แหวกว่ายรอบห้วงอวกาศ … เกือบหมื่นปีได้ผ่านไป เฟิงหลินมาจากศตวรรษที่21สู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ ตามความเข้าใจเข้าถึงตำนานของยุคโลกโบราณ เขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะยีนสุดพิเศษ ยีนลิง+ยีนหิน = ยีนลิงหิน ยีนลิงหิน+??? = ยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินวิญญาณ+??? = ยีนราชาลิงสุดหล่อ ยีนราชาลิงสุดหล่อ+??? = ยีนซุนหงอคง ยีนซุนหงอคง+??? = ยีนมหาเทพเทียมฟ้า Every myth and legend is a path to Godhood! When humans enter the interstellar era, ancient cultivation techniques shone with new life. Your genes exist with you! A single sentence showing the true meaning of cultivation. Myths and legends are not a fantasy, there are ancient mythological genes in the bodies of everyone. The Hou Yi Gene allows you to shoot a hundred miles, using a single arrow to break down the dome of heaven. The Kuafu Gene allows you to run with flying speed, chasing after the sun and moon. The Divine Dragon Gene allows you to soar among the clouds, roaming around the starry space. …. Almost ten thousand years have passed. Feng Lin came from the 21st century to this majestic era that surged forth with great momentum. Based on his understanding on the myths and legends of the ancient earth era, he embarked upon a unique genetic cultivation path. Monkey Gene + Stonebirth Gene = Stone Monkey Gene Stone Monkey Gene + ??? = Spiritual Stone Monkey Gene Spiritual Stone Monkey Gene + ??? = Handsome Monkey King Gene Handsome Monkey King Gene + ??? = Sun Wukong Gene Sun Wukong Gene + ??? = Great Sage Equal to Heavens Gene

Options

not work with dark mode
Reset