Legend of the mythological genes – ตอนที่ 430 ศึกครั้งสุดท้าย

ตอนที่ 430 ศึกครั้งสุดท้าย
 
ร่างมนุษย์จํานวนมากรวมตัวกันเหมือนกระแสน้ํา จากทุกทิศทางของกําแพง
 
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกําลังจะมาถึง การประกาศครั้งนี้ทําให้ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นนักรบหรือนักเรียนก็ตามที่ต้องการได้รับคะแนนสะสมมารวมกันที่นี่ ในความเป็นจริงแม้แต่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงก็ยังมารวมตัวกันที่นี่
 
ในฐานะมนุษย์ โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมของมนุษยชาติ ผู้ที่รู้สึกว่ามีความสามารถในการต่อสู้ย่อมไม่ปฏิเสธโอกาสนี้
 
การได้อยู่ในมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงและปกป้องแนวหน้าของมนุษยชาตินั้นมีคุณค่ามากแค่ไหน พวกเขาเข้าใจประเด็นนี้ดี
 
หากความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงถูกละเมิด เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่
 
ยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
 
เนื่องจากเป็นเช่นนั้น เมื่อกองทัพวิญญาณกล้าโจมตีมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง เราก็มาทําให้พวกมันเข้ามาได้แต่กลับออกไปไม่ได้กันเถอะ ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
 
….
 
เฟิงหลินอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาเดินตามคนอื่นๆและมุ่งหน้าไปที่กําแพง
 
ไม่ว่ามันจะลําบากแค่ไหน ย่างก้าวของเขาก็ไม่เคยหยุดนิ่ง
 
“ น้องชายเฟิงหลินนี่!” ทันใดนั้นเสียงที่ดังชัดเจนก็ตะโกนออกมา
 
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์สวมชุดต่อสู้แบบรัดรูปและถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เธอโบกมือให้เขาจากระยะไกล
 
ในฐานะราชินีการต่อสู้แห่งมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง เธอโดดเด่นอย่างมาก เนื่องจากเธอเป็นคนสวยและความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเธอเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุด ทุกคนจึงรู้จักเธอ
 
ในขณะที่เธอโบกมือและเรียกเขา เธอก็ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนในทันที
 
เมื่อสายตาหันมองตาม เมื่อพวกเขาเห็นว่าจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์กําลังโบกมือให้เฟิงหลิน เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
 
(สองคนนี้รวมตัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่?ความร่วมมือระหว่างพวกเขาไม่ใช่ความร่วมมือของผู้แข็งแกร่งหรอกหรอ?)
 
การแข่งขันเพื่อให้ได้คะแนนสําหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ !
 
ในตอนนี้ที่ทุกคนยังคงตกตะลึง เฟิงหลินเดินตรงไปหาจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์แล้ว
 
เธอและคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้วยกัน คนเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กใหม่ แต่รัศมีของพวกเขามีพลังและน่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่ยืนใกล้ ๆ พวกเขาก็จะรู้สึกได้ว่าหายใจติดขัด อย่างน้อยแต่ละคนก็อยู่ในอาณาจักรผู้ใช้ยืนขึ้นไป
 
ฐานการบ่มเพาะของพวกเขาทรงพลังมากและพวกเขาก็มีความหยิ่งยโส เมื่อพวกเขาเห็นเฟิงหลินเข้ามาใกล้ ๆ พวกเขา พวกเขาก็มองมาโดยสัญชาตญาณ
 
เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของเฟิงหลินชัดๆ พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้
 
แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินว่ามีสมาชิกใหม่เข้าร่วมสมาคมการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าสมาชิกใหม่จะเป็นเฟิงหลินอันดับสูงสุดของการจัดอันดับดวงดาว
 
แต่พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้น พวกเขากลับรู้สึกกังวลแทนหลังจากรู้เรื่องนี้
 
ด้วยเหตุผลบางอย่างชายหนุ่มผอมแห้งที่ยืนอยู่ด้านข้างของจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์จ้องมองไปที่เฟิงหลินอย่างเป็นปรปักษ์ เขาดูไม่สุภาพเลย เขาพูดว่า “ ประธานทําไมคุณถึงเชิญเฟิงหลินมา? คุณก็รู้ว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เต็มไปด้วยอันตราย! หากเราประมาทเพียงเล็กน้อย เราจะบาดเจ็บหนักและอาจถึงตายได้ แม้ว่าเฟิงหลินจะถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่นักศึกษา แต่เขาจะสามารถทําอะไรได้ด้วยฐานการบ่มเพาะเพียงแค่นี้? แม้แต่เราเองก็ยากที่จะปกป้องตัวเอง หากเรานําภาระไปด้วยมันจะไม่ทําให้ทุกคนตกอยู่ในอันตรายงั้นหรอ?”
 
“ใช่! แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ทําให้แกนพลังงานของยักษ์จักรกลระเบิด แต่ตอนนี้เรากําลังเผชิญหน้ากับกองทัพวิญญาณ!”
 
“ ประธานคุณต้องคิดอีกครั้ง!”
 
สิ่งนี้ทําให้เกิดความยากลําบากในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มตั้งคําถามทันที โดยไม่สนใจว่ามีเพิงหลินอยู่ตรงนี้
 
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็หยุดตัวเอง เธอต้องการอธิบายสิ่งต่างๆ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะเปิดเผยความลับของเฟิงหลิน เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเขา
 
เฟิงหลินเดาได้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อยบ่งบอกว่าไม่เป็นไรถ้าเธอต้องการเปิดเผยข้อมูล
 
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์เข้าใจเจตนาของเขา จากนั้นเธอก็พูดขึ้น“ เฟิงหลินเป็นนักพันธุศาสตร์และเป็นคนคิดค้นตะกั่วแดงกลั่นเข้มที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในสนามรบ ตอนนี้เขาคิดค้นรุ่นปรับปรุงแล้วซึ่งมีชื่อว่าดินปืนทอง ด้วยอาวุธที่ได้รับการปรับปรุงในมือ พลังที่เขาสามารถปลดปล่อยในสนามรบจะไม่มีอ่อนแอไปกว่าสุดยอดผู้ใช้ยืน เขาเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดําเนินงานของเราและจะไม่เป็นภาระ”
 
รุ่นปรับปรุงของตะกั่วแดงกลั่นเข้ม!
 
สมาชิกของมาคมการต่อสู้มองหน้ากัน พวกเขาทุกคนนึกถึงดาวตกสีทองที่พวกเขาเคยเห็น ตอนที่เตาพลังงานแสงอาทิตย์ของยักษ์จักรกลระเบิด
 
ตะกั่วแดงกลั่นเข้มเป็นสารพิษของเผ่าพันธุ์วิญญาณ มันมีพลังมากพอ
 
ตอนนี้มีแม้กระทั่งรุ่นปรับปรุงแล้ว มันอาจจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
 
ในฐานะประธานของชมรม จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์จะไม่โกหกเรื่องสําคัญเช่นนี้ คนส่วนใหญ่ไม่พูดอะไรต่อ
 
มีเพียงชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมแห้งเท่านั้นที่ยังรู้สึกไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้ เขายิ้มอย่างเย็นชา “ แม้ว่าเขาจะมีรุ่นปรับปรุงแล้วไง? แม้ว่าของชิ้นนั้นอาจจะทรงพลังมาก แต่เราจะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าหรอหากมันถูกส่งมาให้เรา? สุดยอดผู้บ่มเพาะเพียงคนเดียวจะรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะปกป้องตัวเองในสนามรบ เขาอาจไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริงของตะกั่วแดงกลั่นเข้มนี้ได้”
 
เมื่อเห็นชายคนนี้เต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์อย่างไม่มีเหตุผล เฟิงหลินก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ
 
แต่ตอนนี้เมื่อเขาสังเกตเห็นท่าที่ประหม่าของจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ เขาก็เข้าใจทันที
 
ทิ้ง?
 
ชายคนนี้ชอบจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์; ดังนั้นเขาจึงมองเขาด้วยความเป็นปรปักษ์เพราะจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ ไปเชิญเขาเข้าร่วมชมรมเป็นการส่วนตัวหรือเปล่านะ?
 
เฟิงหลินไม่กังวลกับคําพูดกับเขา ร่างกายของเขาสั่นขณะที่เขาปล่อยกลิ่นอายออกมา
 
กลิ่นอายของเขาหนาและแรงกดดันคล้ายกับภูเขาขนาดยักษ์ก็ทุบลงมาใส่ทุกคน ทําให้ผู้คนที่นี่รู้สึกอึดอัด
 
สถานะพลังมากกว่า 10,000!
 
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์และสมาชิกคนอื่น ๆ ของชมรมการต่อสู้ล้วนมากประสบการณ์ เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่แสดงออกจากกลิ่นอายของเขา การแสดงออกของทุกคนก็เปลี่ยนไป
 
นี่เป็นสถานะพลังชีวิตระดับผู้ใช้ยืน เขามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน
 
พวกเขาไม่มีอะไรจะมาปฏิเสธได้อีก
 
สิ่งที่ทําให้พวกเขาตกใจมากขึ้นคือพวกเขาสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของสุดยอดผู้บ่มเพาะจากเฟิงหลินด้วย เขาข้ามระดับและบรรลุค่าพลังของผู้ใช้ยืนได้ยังไง?
 
แต่นี่เป็นความลับของเฟิงหลินและไม่สมควรที่จะถาม
 
ความผันผวนที่แท้จริงของสถานะพลังของเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนต่อหน้าทุกคน ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาเท่ากับอาณาจักรผู้ใช้ยืนแล้ว แม้แต่ชายหนุ่มร่างผมที่ขัดเขาก่อนหน้านี้ก็ยังพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้
 
ความจริงอยู่เหนือกว่าข้อโต้แย้งทั้งหมด
 
เฟิงหลินเก็บกลิ่นอายของเขาเมื่อเห็นว่าเขาบรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว เขายืนอยู่ข้างๆ จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสนามรบอย่างเงียบ ๆ
 
ตอนนี้การต่อสู้ในสนามรบยังคงดําเนินต่อไป
 
ร่างสีเงินจํานวนมากพุ่งผ่านอวกาศราวกับสายฟ้า ทําให้รู้สึกถึงความอยู่ยงคงกระพัน เนื่องจากปริมาณพลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาผ่านการเคลื่อนไหวนั้นยิ่งใหญ่มาก
 
สัตว์จักรกลที่อยู่ในกําแพงพลังงานถูกลบล้างทั้งหมด กลายเป็นซากปรักหักพังลอยอยู่บนท้องฟ้า
 
สําหรับสนามรบนอกกําแพงพลังงาน ปืนใหญ่อนุภาคจํานวนมากระเบิดออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ปืนใหญ่ยิ่งทําให้เกิดแสงจ้าที่ส่องสว่างไปทั่วพื้นที่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันมืดมิด
 
อสูรวิญญาณได้รับการโจมตีทุกรูปแบบ และการบาดเจ็บเหล่านี้ทําให้คลื่นวิญญาณกระเพื่อมไม่หยุดยั้ง
 
แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่ไร้รูปแบบอย่างเผ่าพันธุ์วิญญาณ พวกมันก็ยังสลายตัวภายใต้การโจมตีดังกล่าว
 
ป้อมปราการดาวแห่งมหาลัยสุดยอดกําแพงร่วมกับปืนใหญ่ยิงสอดประสาน สร้างเครือข่ายขนาดมหึมาจํานวนมากที่คล้ายกับตาข่ายสวรรค์ล้อมรอบทุกสิ่ง ไม่มีช่องว่างใด ๆ เลย ทําให้เผ่าวิญญาณไม่สามารถรุกคืบมาได้
 
และตอนนี้การต่อสู้นอกกําแพงพลังงานก็ใกล้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า
 
ต่อหน้าอาวุธสูงสุดของมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง สัตว์จักรกลเหล่านั้นไม่สามารถทําอะไรได้ พวกมันถูกบดขยีอย่างง่ายดายเหมือนหุ่นไม้
 
คลื่นวิญญาณหนาแน่นค่อยๆเบาบาง เห็นได้ชัดว่ามนุษยชาติเข้าใกล้ชัยชนะมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
ทุกคนกลั้นหายใจ สายตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน
 
แม้ว่าคลื่นกองทัพวิญญาณสีดําจะน่ากลัว แต่ความจริงที่ว่าชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ทําให้พวกเขามีความมั่นใจอย่างมาก พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการรีบไปที่สนามรบเพื่อกําจัดอสูรวิญญาณเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป
 
ทันใดนั้นเสียงน่าหวาดกลัวก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
 
จู่ๆนายพลดวงดาวก็ก้าวออกมา เขาเปิดใช้งานการฉายภาพโฮโลแกรม
 
ในอวกาศที่มืดมิด มีวัตถุขนาดมหึมาที่เปล่งแสงสีขาวไร้ขอบเขตลอยอยู่ในอวกาศ มันปล่อยสสารและพลังงานออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีทรงกลมมีดสี่ดวงหมุนรอบมันอย่างไม่หยุดยั้ง กลืนกินพลังงานและสสารทั้งหมดจากจักรวาล
 
“ นี่คือหลุมขาว ซึ่งเป็นดาวเคราะห์แม่ของเผ่าพันธุ์วิญญาณ อันเป็นที่ตั้งของรังเผ่าพันธุ์วิญญาณ จากการสืบสวนพบว่าขณะนี้มันกําลังถอยกลับด้วยความเร็วสูง และภารกิจปัจจุบันของเรา สําหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายคือการฝ่าอุปสรรคอันหนักหน่วงของคลื่นกองทัพวิญญาณ กําจัดพวกมันให้หมดไปจากนอกมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง!”
 
“ ใครที่กล้าบุกมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงจะต้องถูกทําลายไม่ว่าพวกมันจะอยู่ไกลแค่ไหน!”
 

Legend of the Mythological Genes

Legend of the Mythological Genes

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคดวงดาว การบ่มเพาะโบราณได้ส่องประกายสู่ชีวิตใหม่ ยีนดำรงอยู่ในตัวคุณ!ประโยคเดียวที่แสดงถึงความหมายแท้จริงของการบ่มเพาะ ตำนานไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ มันมียีนในตำนานอยู่จริง ยีนของห่าวยี่ช่วยให้ยิงลูกศรได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลูกศรนัดเดียวสามารถทำลายโดมแห่งสวรรค์ ยีนกัวฟู่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ไล่ตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ยีนมังกรเทวะจะช่วยให้พุ่งทะยานเหนือหมู่เมฆ แหวกว่ายรอบห้วงอวกาศ … เกือบหมื่นปีได้ผ่านไป เฟิงหลินมาจากศตวรรษที่21สู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ ตามความเข้าใจเข้าถึงตำนานของยุคโลกโบราณ เขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะยีนสุดพิเศษ ยีนลิง+ยีนหิน = ยีนลิงหิน ยีนลิงหิน+??? = ยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินวิญญาณ+??? = ยีนราชาลิงสุดหล่อ ยีนราชาลิงสุดหล่อ+??? = ยีนซุนหงอคง ยีนซุนหงอคง+??? = ยีนมหาเทพเทียมฟ้า Every myth and legend is a path to Godhood! When humans enter the interstellar era, ancient cultivation techniques shone with new life. Your genes exist with you! A single sentence showing the true meaning of cultivation. Myths and legends are not a fantasy, there are ancient mythological genes in the bodies of everyone. The Hou Yi Gene allows you to shoot a hundred miles, using a single arrow to break down the dome of heaven. The Kuafu Gene allows you to run with flying speed, chasing after the sun and moon. The Divine Dragon Gene allows you to soar among the clouds, roaming around the starry space. …. Almost ten thousand years have passed. Feng Lin came from the 21st century to this majestic era that surged forth with great momentum. Based on his understanding on the myths and legends of the ancient earth era, he embarked upon a unique genetic cultivation path. Monkey Gene + Stonebirth Gene = Stone Monkey Gene Stone Monkey Gene + ??? = Spiritual Stone Monkey Gene Spiritual Stone Monkey Gene + ??? = Handsome Monkey King Gene Handsome Monkey King Gene + ??? = Sun Wukong Gene Sun Wukong Gene + ??? = Great Sage Equal to Heavens Gene

Options

not work with dark mode
Reset