Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 914 : เสียงเรียกจากส่วนลึกของอนุสาวรีย์บรรจุศพ

ราชันเร้นลับ 914 : เสียงเรียกจากส่วนลึกของอนุสาวรีย์บรรจุศพ
“…” เมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ ไคลน์พลันมีสีหน้าแบบเดียวกับลูกเรือคนเป็นของ ‘ทิวลิปดำ’ แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

ในตอนแรก มันจินตนาการไว้สองฉาก

ภาพแรก ลูเธอร์ไวล์ได้ขอความช่วยเหลือจากครึ่งเทพแห่งนิกายวิญญาณไว้ล่วงหน้า ดักซุ่มโจมตีเกอร์มัน·สแปร์โรว์และผู้แข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลัง สิ่งนี้สามารถเป็นไปได้เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเคยผ่านลำดับ 7 ผู้สื่อวิญญาณมาก่อน ย่อมทราบถึงภัยอันตรายที่กำลังมาเยือน

ภาพที่สอง พลเรือเอกขุมนรกมิได้เตรียมตัวล่วงหน้า หลังจากฝืนรับมือมิสเตอร์อะซิกสักพัก มันก็พ่ายแพ้

แผนของไคลน์คือ หากเป็นกรณีแรก มันจะบอกให้มิสเตอร์อะซิกช่วยรับมือกับครึ่งเทพ ส่วนตนจะล่าพลเรือเอกขุมนรกด้วยตัวเองไปพร้อมๆ กับการทำหุ่นเชิดตัวที่สอง หากเป็นกรณีที่สอง มันจะขอร้องมิสเตอร์อะซิกว่า ตนขอดวลกับลูเธอร์ไวล์ตามลำพังด้วยหุ่นเชิดที่สวมยุบพองหิวโหย ส่วนร่างต้นจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อให้โอสถหุ่นเชิดย่อยได้เร็วขึ้น

ใครจะไปคิดว่า พลเรือเอกขุมนรกมิได้ต่อต้านแม้แต่น้อย กลับกัน มันรีบหมอบกราบและจุมพิตดาดฟ้าทันทีที่เห็นอีกฝ่าย ราวกับเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของอะซิก

แล้วแบบนี้จะซัดกันยังไง? … ไคลน์มองตรงด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ทราบว่าตนควรตอบสนองอย่างไร

และเรือทั้งลำ บรรยากาศเงียบสงัดกำลังเข้าครอบงำ

อะซิกยกมือขึ้นมากดหมวกผ้าไหมบนศีรษะ ก่อนจะเดินไปทางลูเธอร์ไวล์ที่กำลังหมอบกราบอย่างไม่รีบร้อน

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว อะซิกหยุดยืนหน้า ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์และกล่าวเสียงต่ำ

“โครงการมรณาเทียมของกลุ่มนิกายวิญญาณมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”

ในสภาพหน้าผากแนบติดพื้น ลูเธอร์ไวล์ตอบกลับด้วยเสียงแหบแห้ง

“เทพมรณาที่สร้างขึ้นสามารถส่งอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อผู้วิเศษลำดับสูงที่ล้มเหลวในการเลื่อนลำดับ แต่ยังไม่สามารถตอบสนองต่อคำสวดวิงวอนและพิธีกรรม”

อธิบายจบ มันยกร่างกายท่อนบนขึ้นเล็กน้อย ถอดแหวนสี่เหลี่ยมสีดำในมือขวาออกและยื่นไปข้างหน้า

แหวนวงดังกล่าวคล้ายกับถูกดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนหยิบไปอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือของอะซิก

อะซิกศึกษาแหวนสองสามวินาทีก่อนจะสวมไว้ที่นิ้วชี้มือซ้าย

เพียงพริบตา ความรู้สึกสยอง ล้ำลึกสุดพรรณนา และสูงส่งเสียดฟ้าพลันแผ่ออกจากร่างกายอะซิก ซอมบี้และโครงกระดูกที่มีชีวิตโดยรอบ ไม่ว่าจะเปลือยเปล่าหรือสวมชุดเกราะหนังขาดๆ ต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับก้มหน้า ประหนึ่งกล้ามองเพียงปลายเท้าตัวเอง เหล่าภูตผีและเงาดำที่ลอยในอากาศต่างร่อนลงพื้นดาดฟ้าหัวเรือ ไม่มีใครกล้าโบยบินในอากาศ

โจรสลัดคนอื่นๆ ต่างพากันทยอยคุกเข่าพร้อมกับก้มหน้าแนบพื้นดาดฟ้า ไม่มีใครกล้าเงยขึ้น

ไคลน์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองดูแผ่นหลังของมิสเตอร์อะซิกพร้อมกับฉากหลังที่โล่งโปร่ง พะงาบปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

อะซิกก้าวไปข้างหน้าและหยุดยืนด้านข้างลำตัวพลเรือเอกขุมนรก จากนั้นก็กลับมาหาไคลน์ พูดกับลูเธอร์ไวล์

“เจ้าต้องเป็นหุ่นเชิดให้เขาหนึ่งปี เมื่อครบกำหนด เจ้าสามารถกลับสู่โลกวิญญาณได้โลกวิญญาณ”

อะซิกกล่าวประโยคเมื่อครู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ประหนึ่งไม่แยแสชีวิต ความตาย และอนาคตของพลเรือเอกขุมนรกแม้แต่น้อย ราวกับสำหรับมัน สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องสนใจอารมณ์และความคิดของผู้ถูกสั่ง

ร่างกายลูเธอร์ไวล์สั่นระริกรุนแรง คล้ายกับกำลังโกรธ คล้ายกับไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวคำใด ยังก้มหน้าแนบชิดกับพื้นดาดฟ้าเรือเช่นเคย

“ขอรับ ท่านมหากงสุลมรณะ”

ทันทีกล่าวจบ สัญลักษณ์ลึกลับที่มีสีซีดและสีเขียวเข้มพลันสว่างไสวอย่างเข้มข้น ก่อตัวกลายเป็นประตูทองแดงมายา

ประตูทองแดงหดตัวลงอย่างรวดเร็วและผังลงบนหน้าผากของพลเรือเอกขุมนรก

ไคลน์เผยสีหน้าประหลาดใจเจือสับสน จนกระทั่งอะซิกพยักหน้าพร้อมกับชี้ไปยังพลเรือเอกขุมนรก ชายหนุ่มได้สติกลับมาและรีบก้าวไปข้างหน้า เข้าสู่ระยะสิบเมตรเพื่อควบคุมด้วยวิญญาณของลูเธอร์ไวล์

ลึกๆ ภายในใจ พลเรือโจรสลัดอยากจะลุกพรวดขึ้นมาเหวี่ยงกำปั้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ได้แค่คิด เพียงไม่นาน สติของมันค่อยๆ ทวีความเฉื่อยชา แม้ในใจต้องการขัดขืนก็ตาม

ผ่านสักพัก ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ที่สวมหน้ากากสีเงินลุกขึ้นยืน ก้มศีรษะและเดินมายืนข้างไคลน์ขนาบซ้ายขวากับเอ็นโซ

อะซิกเฝ้ามองอย่างเงียบงัน ท้ายที่สุดก็กล่าวเชื่องช้า

“สำหรับเส้นทางมรณา ตัวตนระดับสูงสามารถสยบผู้ที่มีพลังต่ำกว่าได้ง่ายดาย”

แค่เห็นก็พอจะเดาได้… ในตอนที่ผมเป่านกหวีดของคุณ กระทั่งพลเรือเอกขุมนรกที่เป็นถึงลำดับ 5 ก็ยังมิอาจควบคุมอันเดดของตัวเอง… ไคลน์พยักหน้ารีบเล็กน้อย บ่งบอกว่าจะจำเรื่องนี้ไว้

ถัดมา ซอมบี้เน่าเปื่อยที่กระจายตัวรอบเรือต่างค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ตัวหนึ่งถือกระดุมข้อมือสีน้ำเงินเดินมาหาไคลน์

กระดุมข้อมือเมอร์ล็อคที่หล่นหาย!

แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์กับเราในตอนนี้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็กลับมาหาเจ้าของ… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ เอื้อมมือไปหยิบสมบัติที่เป็นของตัวเอง

จากนั้น มันเห็นอะซิกเดินกลับมา เหยียดแขนจับไหล่

ไคลน์รีบเอื้อมมือออกไปคว้าไหล่หุ่นเชิดเอ็นโซและลูเธอร์ไวล์

สีสันรอบตัวทวีความฉูดฉาดและซ้อนทับอีกครั้ง ไคลน์ตระหนักว่าตนกำลังเข้าสู่โลกแห่งวิญญาณ หันไปถามอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“มิสเตอร์อะซิก คุณกำลังจะไปไหน?”

“ทะเลคลั่ง” อะซิกตอบเยือกเย็น

มันเว้นวรรคก่อนจะเสริม

“ส่งนกหวีดทองแดงให้ผม”

“…ครับ” ไคลน์บังคับให้เอ็นโซล้วงหยิบกล่องบุหรี่เหล็กและนำนกหวีดทองแดงด้านในออกมา

อะซิกเอื้อมมือหยิบพลางกล่าวเสียงต่ำ

“สัญชาตญาณบอกกับผมว่า แหวนวงนี้เป็นมรดกของเทพมรณาร่วมกับนกหวีดทองแดงและตัวผม หากประกอบทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ผมสามารถตามหาตำแหน่งที่เทพมรณาตกลงไปในทะเลคลั่งได้”

ไคลน์กล่าวจากจิตใต้สำนึก

“ความฝันบอกกับผมว่า ที่นั่นอันตรายมาก… ผมคิดเราควรตามหาสมาชิกของนิกายวิญญาณที่เป็นแกนหลักในโครงการมรณาเทียมให้พบ หลังจากตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากพวกมัน จึงค่อยตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง”

อะซิกเงียบไปสองสามวินาที

“เสียงจากที่นั่นกำลังเรียกหาผม…”

ไคลน์รีบหันหน้าไปมองอะซิก พบว่าสุภาพบุรุษที่มีใบหน้าอ่อนโยนและดวงตาลุ่มลึกราวนี้ คิ้วทั้งสองข้างกำลังย่นเข้าหากัน มุมปากปราศจากรอยยิ้มยกโค้ง

สีแล้วสีเล่าแล่นผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว อะซิกพาไคลน์เข้าไปในเขตทะเลคลั่งที่เต็มไปด้วยพายุมืดและสายฟ้าสีดำ

ทันใดนั้น แหวนสี่เหลี่ยมที่มืดมิดและนกหวีดทองแดงต่างเปล่งแสงระยิบระยับพร้อมกัน ฉาบใบหน้าอะซิกจนสว่างไสว

‘กงสุลมรณะ’ ผู้รอดชีวิตจากยุคสมัยที่สี่หลับตาลงทันที เงียบฟังเสียงร้องจากที่ใดสักแห่ง จนกระทั่งมือขวาของมันสั่นระริกรุนแรง

ทัศนียภาพของโลกวิญญาณโดยรอบพลันพังทลายลงและแปรสภาพกลายเป็นกระแสน้ำวนสีดำไร้ก้นบึ้ง

กระแสน้ำวนขยายขนาดอย่างรวดเร็ว กลืนกินอะซิก ไคลน์ และหุ่นเชิดอีกสองตัวโดยสมบูรณ์

ไคลน์รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างฉับพลัน แทบอาเจียนในทันที

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ร่างกายเริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นปรกติ ไคลน์พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอนุสาวรีย์บรรจุศพที่มืดมิดและเย็นยะเยือก รายล้อมด้วยโลงศพที่ฝาเปิดอยู่ ด้านในโลงศพมีศพนอนนิ่ง แผ่นหลังของศพเต็มไปด้วยขนนกสีขาว

ทั้งที่เราเตือนเขาแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังจะมา… ไคลน์ผงะไปครู่ใหญ่ ความจนปัญญาที่ไร้ทางออกกำลังครอบงำจิตใจ

มันมองไปข้างๆ และเห็นมิสเตอร์อะซิกยืนไม่ห่าง อีกฝ่ายกำลังจ้องไปยังบันไดที่นำพาไปสู่ส่วนลึกของสุสาน

ณ ที่นั่น มวลอากาศสีดำอันเข้มข้นกำลังหมุนวนอย่างเชื่องช้า

“เทพมรณาเทียมอาจอยู่ที่นั่น” ไคลน์อดไม่ได้ที่จะตักเตือน

คิ้วบนใบหน้าอะซิกมิได้ขมวดชนกันเหมือนเมื่อครู่ มันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและกล่าว

“การหลับใหลคราวก่อนทำให้ผมได้รับความทรงจำกลับมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้เห็นภาพตัวเองบัลลังก์กะโหลก เห็นคนธรรมดาและผู้วิเศษเสียชีวิตตายไปต่อหน้าบัลลังก์ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทั้งหมดต้องตายกะทันหันโดยที่ศพค่อยๆ ลุกขึ้นมาในฐานะอันเดดที่ภักดีต่อผม… ผมจ้องมองเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยสายตาเย็นชา ปราศจากอารมณ์แปรปรวนทุกชนิด ผมปล่อยให้หายนะแบบเดียวกันลุกลามไปในเขตชนบทและแพร่กระจายสู่เมือง… ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด แต่เมื่อลองไตร่ตรองดูให้ดี นั่นอาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของผมก็ได้”

‘กงสุลมรณะ’ แห่งจักรวรรดิไบลัมจากยุคสมัยที่สี่? ไคลน์พะงาบปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ปิดสนิท

อะซิกยกมือขึ้นลูบหน้าผาก กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งโดยปราศจากอาการสั่นไหว

“ผมรู้สึกว่า… ตัวเองกำลังย้อนกลับไปยังอดีตในจุดนั้น”

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset