Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 910 : เส้นทาง “สัตว์ประหลาด”

ราชันเร้นลับ 910 : เส้นทาง “สัตว์ประหลาด”
ไม่กี่นาทีถัดมา ดาลีย์·ซิโมเน่และเลียวนาร์ด·มิเชลที่ตัดสินใจผิดพลาดอย่างต่อเนื่องระหว่างการสืบสวน ในที่สุดก็มาถึงขั้นบันไดสูงชัน

ทั้งสองค่อยๆ เดินทางลงทีละก้าวอย่างไม่รีบร้อน ตื่นตัวจากการโจมตีที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา พร้อมต่อสู้ทุกเมื่อ

ทว่า เมื่อเดินมาถึงด้านล่าง ทั้งสองกลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดเลย ไม่พบแม้แต่ร่องรอยหรือเบาะแสที่เป็นประโยชน์

ดาลีย์ตัดสินใจยกมือแนบหู ตั้งใจฟังเสียงของสายลม

ไม่กี่วินาทีถัดมา เธอมองไปรอบๆ และพูด

“มีการยิงกัน… อาวุธปืนตกลงบนพื้นตรงหัวมุมถนนด้านหน้า… ชายที่ชื่อเอ็นโซเสียชีวิตแล้ว…”

“ฝีมือใคร?” เลียวนาร์ดถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ในความคิดของมัน เนื่องจากเหยี่ยวราตรีประสบความโชคร้ายในการสืบสวนหลายครั้ง เอ็นโซจึงมีเวลาหลบหนีเหลือเฟือ ไม่น่าจะถูกโรงเรียนกุหลาบฆ่าปิดปากได้

เช่นนั้นแล้ว แล้วใครเป็นคนลงมือฆ่าผู้วิเศษที่น่าจะอยู่ในลำดับ 6 หรือไม่ก็ 5 รายนี้?

ต้องไม่ลืมว่า ปฏิบัติการของถุงมือแดงในคืนนี้มีการใช้สมบัติปิดผนึกเพื่อต่อต้านการทำนายล่วงหน้า จึงไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าพวกตนจะลงมือ ไม่ควรมีใครดักรอเอ็นโซที่อาจจะหนีมาในทิศทางนี้

ดาลีย์ส่ายหัว

“เด็กๆ พวกนั้นไม่เห็นว่าเป็นฝีมือของใคร น่าจะเป็นผู้วิเศษที่มีพลังต่อต้านการทำนายในระดับสูง… อาจเป็นศัตรูส่วนตัวของเอ็นโซที่บังเอิญคิดจะลงมือในคืนนี้พอดี”

หลังจากเสนอข้อสันนิษฐานของตัวเอง ดาลีย์และเลียวนาร์ดต่างแยกย้ายกันค้นหาในละแวกใกล้เคียง ดูว่าพอจะมีเบาะแสอย่างอื่นอีกหรือไม่

ฉวยโอกาสดังกล่าว เลียวนาร์ดเดินไปแถวๆ รั้วกั้นสุดเส้นถนน จากนั้นก็ลดเสียงลงและพูด

“ตาแก่ พบอะไรบ้างไหม?”

พาลีส·โซโรอาสเตอร์ ตอบกลับหลังจากผ่านไปสองสามวินาที

“เจ้าเองก็น่าจะได้ยินเสียงกรีดร้อง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสืบสวน… เสียงดังกล่าวเป็นของเอ็นโซ คล้ายกับได้เห็นในสิ่งที่น่ากลัวและยากจะอธิบาย สิ่งที่สามารถก่อสร้างการกัดกร่อนทางร่างกายและจิตใจได้โดยตรง”

เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อย รูม่านตาหดลีบ ทวนคำเสียงต่ำ

“สิ่งที่น่ากลัวและยากจะอธิบาย…”

ในห้องพักโรงแรม ไคลน์ ‘เทเลพอร์ต’ กลับมาพร้อมกับหุ่นเชิด ตัวใหม่

มันบังคับให้หุ่นเชิดยืนอยู่ด้านข้าง ส่วนตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้พลางถอนหายใจและจ้องสำรวจ

ผู้วิเศษเส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ … แต่ยังดีไม่เท่าเซนอล ซ่อนตัวบนผิวเหรียญทองไม่ได้ ต้องคอยเดินตามข้างๆ …

พิจารณาจากเส้นทางพลังพิเศษ มันคงไม่ใช่สมาชิกหลักของ โรงเรียนกุหลาบ แต่ลำดับกลับค่อนข้างสูง มีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งใหญ่โตในองค์กร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเราไม่ปลอมตัวให้มิดชิด คงง่ายที่จะตกเป็นเป้าการไล่ล่าจากโรงเรียนกุหลาบ…

แต่คิดในมุมกลับ เราสามารถใช้เจ้านี่เป็นเหยื่อล่อเพื่อจับ ‘วิญญาณอาฆาต’ มาทำหุ่นเชิดตัวใหม่ ถึงตอนนั้น เราจะปล่อยให้มันเดินคนเดียวโดยที่ร่างต้นซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปสองร้อยเมตร รอให้เหยื่อเข้ามาติดเบ็ด…

ไม่สิ ไม่ดีแน่ อย่าปล่อยให้ความโลภครอบงำ ทวีปใต้เป็นแหล่งกบดานของโรงเรียนกุหลาบ หากเราเปิดเผยตำแหน่งของตัวเองเมื่อใด ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ จะส่งคนมาไล่ล่า และคราวนี้อาจไม่ใช่แค่นักบุญ แต่เป็นเทวทูตทั้งหมดขององค์กร!

อา… คงต้องปลอมตัวให้หุ่นเชิดตัวนี้ไปก่อน… ในฐานะ ‘ผู้ไร้หน้า’ เทคนิคการปลอมตัวของเราค่อนข้างดี… ตอนนี้คงต้องใช้พลังพิเศษตามหาหุ่นเชิดตัวที่สอง รอจนกว่าเดนิสจะสืบสวนเกี่ยวกับไบลัมตะวันตกเสร็จ รอจนกว่ามิสเตอร์อะซิกจะแวะมาหาเรา…

ไคลน์รีบวางแผนอนาคต จากนั้นก็ใช้หลากหลายวิธีการเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับหุ่นเชิดตัวใหม่ของตน

ชื่อของโอสถคือ ‘ผู้ชนะ’ เป็นลำดับ 5 แห่งเส้นทางโชคชะตา!

จากบรรดาทุกโอสถทางผ่าน ‘สัตว์ประหลาด’ ลำดับ 9 จะมีสัมผัสวิญญาณรุนแรง มักจะได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน ได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น สามารถมองเห็นอนาคตเป็นครั้งคราว คล้ายกับนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลก

ผู้วิเศษในลำดับนี้มักจะตกอยู่ในอาการเหม่อลอยบ่อยครั้ง พึมพำถ้อยคำที่คนอื่นไม่เข้าใจ เป็นสาเหตุให้ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด

ลำดับ 8 มีชื่อว่า ‘เครื่องจักร’ ผู้วิเศษในลำดับนี้จะมีพลังการประมวลผลที่น่าทึ่งและการควบคุมที่แม่นยำ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพร่างกายจะถูกยกระดับอย่างมีนัยสำคัญ กลายเป็นผู้เก่งกาจในด้านการต่อสู้ ยิงปืน และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในทำนองเดียวกัน พวกมันยังเก่งกาจด้านการทำนายและต่อต้านการทำนาย

ลำดับ 7 มีชื่อว่า ‘ผู้โชคดี’ หรือ ‘คนดวงดี’ ผู้วิเศษลำดับนี้มักจะเผชิญโชคดีในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น การเก็บเงินหล่นได้ระหว่างทาง ศัตรูมักยิงพลาดเป้า ทอยลูกเต๋าได้เลขตามที่หวัง และชอบผู้หญิงที่ชอบตน เป็นต้น แต่พลังชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้ ความโชคดีจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและไม่ตายตัว บางครั้งรุนแรงมาก บางครั้งก็ไม่ต่างจากปรกติ จึงหวังพึ่งพาไม่ได้ ต้องคอยเตือนตัวเองก่อนจะลงมือทำอะไรเสมอ

ลำดับ 6 คือ ‘นักบวชวินาศ’ ในแง่หนึ่ง ผู้วิเศษลำดับนี้สามารถข้ามผ่าน ‘ความฉิบหาย’ ได้ดีกว่าคนอื่น เนื่องจากหยั่งรู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองล่วงหน้า จึงเตรียมวิธีรับมือหรือวิธีบรรเทาความรุนแรงของเหตุการณ์ลง ในอีกแง่หนึ่ง พวกมันยังสามารถเป็นฝ่ายริเริ่มสร้าง ‘ความฉิบหาย’ แก่ศัตรู โดยตัวเองจะอาศัย ‘ความพิเศษ’ ในแง่ของโชคชะตาเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายส่วนใหญ่ จากนั้นอาศัยความโกลาหลเพื่อชิงลงมือจู่โจมศัตรู หรือกล่าวได้ว่า ‘นักบวชวินาศ’ สามารถดึงคู่ต่อสู้เข้าสู่สภาพแวดล้อมที่พวกมันสามารถใช้จุดแข็งได้ดีที่สุด

แน่นอน นักบวชวินาศหลายๆ คนมักมีวิธีเบี่ยงเบนให้ความฉิบหายที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเล่นงานศัตรูโดยตรง

นอกจากนั้น นักบวชวินาศยังสามารถสร้าง ‘พายุวิญญาณ’ พวกมันจะอาศัยพลังวิญญาณที่เข้มแข็งกว่าคนอื่น สร้างอิทธิพลโดยตรงต่อร่างวิญญาณของศัตรู ส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือเหม่อลอยไปพักหนึ่ง หากศัตรูของ ‘นักบวชวินาศ’ เข้าสู่สถานะหลัง เป็นเรื่องง่ายมากที่จะก่อความผิดพลาดขึ้น ปล่อยให้ความฉิบหายลุกลามจนกระทั่งกลืนกินตัวเอง

ลำดับ5 ‘ผู้ชนะ’ ผู้วิเศษลำดับนี้สามารถควบคุมโชคของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง สามารถใช้ความ ‘อดกลั้น’ เพื่อสะสม ‘โชค’ ไว้เป็นจำนวนมาก และใช้โชคเหล่านั้นข้ามผ่านสถานการณ์วิกฤติในรูปแบบต่างๆ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้พบเจอเหตุการณ์ ‘บุญหล่นทับ’ ในอัตราที่ต่ำมาก ยกตัวอย่างเช่น การได้รับมรดกอย่างกะทันหันจากบุคคลที่ไม่คาดคิด ท่าเดินตลกๆ อาจดึงดูดให้เพศตรงข้ามหันมาสนใจ และการทำให้ศัตรูที่กำลังไล่ล่าเกิดหลงทางหรือตัดสินใจผิดๆ อย่างโง่เขลา

เมื่ออยู่ในลำดับนี้ สัมผัสวิญญาณของผู้วิเศษบนเส้นทาง ‘โชคชะตา’ จะถูกยกระดับจนแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำนายหรือต่อต้านการทำนาย พวกมันเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนั้นยังมีพลังในการทำให้ศัตรูได้รับโชคร้ายในระดับหนึ่ง เปลี่ยนดวงชะตาของเป้าหมายให้อับโชคกะทันหัน

ผู้วิเศษเส้นทางสัตว์ประหลาดจะสุดโต่งเกินไปแล้ว… นอกจากพลังวิญญาณอันท่วมท้นและโชคชะตาที่แข็งแกร่ง พวกมันแทบไม่มีพลังพิเศษในด้านใดเลย แม้แต่สมรรถภาพร่างกายและความสามารถในการคิดคำนวณจากลำดับ ‘เครื่องจักร’ ก็ยังพัฒนาขึ้นไม่มากในลำดับหลังๆ … นี่มัน ‘นักต้มตุ๋น’ ในอุดมคติของเรา ไม่ต้องมีพลังพิเศษสำหรับโจมตีหรือป้องกัน ต้องเอาชีวิตรอดด้วยสัญชาตญาณและโชคชะตา…

ว่ากันตามตรง เส้นทางสัตว์ประหลาดค่อนข้างพิเศษจากบรรดาทั้งหมดยี่สิบสองเส้นทาง… เราเดาไม่ออกเลยว่า เส้นทางใดใกล้เคียงกับเส้นทางสัตว์ประหลาด… หรือว่าเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับโชคชะตา จำเป็นต้องถูกทิ้งไว้ตามลำพังอย่างเลี่ยงไม่ได้? ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน ก่อนจะผุดแนวคิดในการใช้หุ่นเชิดตัวใหม่

แน่นอน มันยังต้องทำนายบนมิติเหนือหมอกสีเทาเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่า พลังติดตัวอย่าง ‘โชค’ และ ‘ความฉิบหาย’ จะยังมีผลกับผู้วิเศษที่เสียชีวิตไปแล้วหรือไม่

หากยังมีผลอยู่ ไคลน์อาจต้องถูก ‘ความฉิบหาย’ ทดสอบเป็นครั้งคราว

เมื่อเทียบกันแล้ว หุ่นเชิด ‘พลเรือเอกโลหิต’ ดีกว่าหลายเท่า… เฮ้อ… มนุษย์จะเห็นคุณค่าที่แท้จริงก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป… ไคลน์จิกกัดตัวเองพลางส่ายหน้า เริ่มพิจารณาพลังพิเศษของเส้นทางสัตว์ประหลาด คิดหาวิธีต่อสู้กับเส้นทางนี้ในลำดับกลางถึงล่าง

วิธีแรกก็คือ หลอกให้พวกมัน ‘จ้อง’ ทีเผลอ และทันทีที่สัตว์ประหลาดมองเห็นสายหมอกสีเทาหรือภาพในทำนองเดียวกัน ดวงวิญญาณของพวกมันจะเจ็บปวดอย่างทุรนทุรายทันที มีแนวโน้มสูงที่จะคลุ้มคลั่งคาที่

วิธีที่สองก็คือ โยนวัตถุพิเศษไปหาอีกฝ่าย ทำให้ ‘สัตว์ประหลาด’ มองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยิน โดยในกรณีของไคลน์ มันมีผลึกเลือดจากปีศาจระดับสูงที่สามารถสร้างอิทธิพลเดียวกับ ‘ออร่าของผู้ละเมอ’

วิธีที่สาม หลอกล่อให้อีกฝ่ายนำพาความโชคร้ายมาสู่ตน จากนั้นก็แสร้งทำเป็นโชคร้ายและมองหาโอกาสโต้กลับ โดยที่ในความเป็นจริง ตนจะไม่ได้รับอิทธิพลใดๆ จากโชคชะตา

ท่ามกลางความคิดมากมาย ไคลน์สั่งให้หุ่นเชิดล้วงกระเป๋าสตางค์พร้อมกับหยิบเงินจำนวนสามสิบห้าปอนด์ สิบซูล และเจ็ดเพนนีออกมา

ผิวของกระเป๋าสตางค์ถูกปักลวดลายดอกไม้พร้อมกับชื่อ ดูเหมือนจะเป็นงานฝีมือประเภทหนึ่ง

เอ็นโซ… ไม่ว่านี่จะเป็นชื่อของนายหรือไม่ นับแต่นี้ไป นายคือเอ็นโซ… ไคลน์ชำเลืองไปทางหุ่นเชิดที่อยู่ด้านข้าง ก้มลงหน้าลงและหยุดมองแหวนทองคำเลี่ยมมรกตที่มือขวา

หลังจากใช้พลัง ‘ทำนาย’ มันทราบทันทีว่าแหวนวงนี้ชื่อ ‘ดอกไม้เขียว’ คุณสมบัติไม่ซับซ้อน สามารถรักษาโรคและอาการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรงจนเกินไป

เนื่องจากพลังพิเศษมิได้เลิศหรู ผลกระทบด้านลบจึงมีไม่มาก แค่ดึงดูดยุงได้ดีกว่าปรกติ

โชคดีที่คนสวมไม่ใช่เรา… อา… ผู้วิเศษเส้นทางสัตว์ประหลาดมักไม่ค่อยพกพาสมบัติวิเศษ หรือต่อให้มี อย่างมากก็พกเพียงวัตถุระดับต่ำหนึ่งถึงสองชิ้น… นี่เป็นข้อกำหนดของโชคชะตา? ไคลน์นึกทบทวนด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองหุ่นเชิดเอ็นโซที่เอาแต่จ้องเข้าหากำแพง ภายในใจเกิดความ ‘อยาก’ กระทำบางสิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

มันต้องการมองตัวเองผ่านสายตาของหุ่นเชิดสัตว์ประหลาด เนื่องจากอยากทราบว่า อีกฝ่ายมองเห็นความพิเศษอะไรในตัวมันกันแน่!

จะอันตรายมากไหม… ถึงจะแค่มองตัวเอง แต่เราก็มีสิทธิ์คลุ้มคลั่งคาที่? ไม่สิ… มองโลกในแง่ร้ายเกินไป ย้อนกลับไปสมัยอยู่เมืองทิงเก็น ‘สัตว์ประหลาด’ อาเดมิทอร์เคยจ้องเราทั้งที่ยังไม่ได้เป็นลำดับ 9 ด้วยซ้ำ ผลลัพธ์มีเพียง เลือดไหลออกจากดวงตาและเผชิญความเจ็บปวดสักพัก

ถึงเราจะพัฒนาขึ้นจากตอนนั้นมาก แต่พิจารณาจากตอนที่ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซเห็นเราเมื่อครู่ มันยังไม่คลุ้มคลั่งคาที่ แต่มีอาการคล้ายกับปฏิกิริยาตอนที่เราเห็นร่างสัตว์ในตำนานบางส่วนของ ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทีย

ลองทำนายเหนือมิติหมอกสีเทา? นั่นคงไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหมอกโดยตรง ผลลัพธ์คงถูกแทรกแซง… ลองพึ่งพาพลังทำนายของตัวเองบนโลกความจริง? ไคลน์หยิบเหรียญทองด้วยสีหน้าครุ่นคิด ควงเหรียญเล่นให้กระโดดไปมาระหว่างนิ้ว

ผ่านไปสักพัก เหรียญทองถูกดีดขึ้นกลางอากาศและร่วงหล่น ตกลงบนฝ่ามือไคลน์

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset