Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 813 : ทรราช

ราชันเร้นลับ 813 : ทรราช

นอกจากการโจมตีด้วย ‘ระเบิดโทสะ’ อัลเจอร์เชื่อว่าไม่มีท่าโจมตีใดของตนที่สามารถทะลวงผ่านร่างกายการ์กอยล์หกปีกที่ต้านทานสายฟ้าได้

แน่นอน การร้องเพลงเพื่อเจาะทะลวงเข้าไปในจิตใจของศัตรูโดยตรงคือวิธีที่ดีและได้ผลมากที่สุด หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อื่น มันจะฉวยโอกาสจากความเชื่องช้าของการ์กอยล์หกปีก อ้อมไปรอบๆ ศัตรูพลางร้องเพลงและใช้ลมเฉือนโจมตีซ้ำๆ ในจุดเดิม ล้มเหยื่อด้วยความเสียหายสะสมในจุดเดียว

แต่ปัจจุบัน มันกำลังอยู่ในห้องเก็บศพ เนื่องด้วยขีดจำกัดทางด้านสภาพแวดล้อม การหลบหลีกอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ตกเป็นเป้าถูกโจมตีแทน การ์กอยล์หกปีกสามารถอาศัยจังหวะดังกล่าว ใช้ง้าวหินยาวเจ็ดแปดเมตรฟันใส่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก่อนที่อีกฝ่ายจะจัดการกับศพทั้งสามเสร็จ นอกจากนั้น อัลเจอร์ยังเชื่อว่า เสียงร้องของตนจะส่งผลกระทบต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์มากกว่าการ์กอยล์หกปีก

โครม!

ง้าวหินกระแทกพื้นห้องอย่างหนักหน่วงจนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ ห้องเก็บศพสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว สำหรับอัลเจอร์ มันไม่โง่พอจะรับแรงปะทะตรงๆ แต่อาศัยสายลมเร่งความเร็วไปทางขวาและกระโดดขึ้น หลบหลีกการโจมตีของการ์กอยล์ด้วยความคล่องแคล่วพร้อมกับพุ่งไปที่หัวศัตรู

ทันใดนั้น มันพบว่าดวงตาสีเทาอ่อนของอีกฝ่ายกำลังมีเปลวไฟลุกโชน

ความคิดอัลเจอร์ชะงักทันที ร่างกายแข็งทื่อพร้อมกับเกิดความรู้สึกถูกสาปเป็นหิน แต่บนผิวหนังยังไม่ปกคลุมไปด้วยสีเทาอ่อน

อาศัยแรงเฉื่อยตกค้าง อัลเจอร์ยังคงพุ่งตรงไปในทิศทางเดิม แต่มิอาจขยับแขนแทงมีดสั้นใส่ศัตรูได้ทันเวลา ร่างกายจึงกระแทกเข้ากับศีรษะของการ์กอยล์หกปีกอย่างจังจนกระเด็น

ง้าวหินสีเทาปรากฏในมุมสายตาอัลเจอร์อีกครั้ง แต่ด้วยความคิดที่กำลังเชื่องช้า เป็นเรื่องยากจะที่รับมือกับการโจมตีถัดไป

ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับไหล่ของมันพร้อมกับกระชากไปด้านข้าง

โครม!

เศษหินกระจัดกระจายพร้อมกับสะเก็ดไฟ ง้าวหินยักษ์ของการ์กอยล์กระแทกพื้นจนเกิดรู้โหว่ขนาดมหึมาอีกครั้ง

การมองเห็นของอัลเจอร์เริ่มกลับมาคมชัด สตินึกคิดค่อยๆ กลับมาเป็นปรกติ

ราวกับตื่นจากฝันร้ายที่มิอาจหลุดพ้นได้ด้วยตัวเอง อัลเจอร์ได้รับสิทธิ์การควบคุมร่างกายคืน

มันพบว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังยืนอยู่ข้างตน โดยตรงมุมห้องในจุดที่ศพทั้งสามยืนอยู่ ยังคงมีประกายสายฟ้าหลงเหลือ

“ห้ามสบตากับมัน เล็งโจมตีที่หน้าอก” หลังจากประสบความสำเร็จในการดึงอัลเจอร์ให้พ้นจากง้าวหิน ไคลน์มอบคำแนะนำ

อัลเจอร์เคยผ่านการต่อสู้มามาก ไม่ต้องให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์อธิบายเพิ่มเติมก็ทราบทันทีว่าประโยคหลังหมายถึงสิ่งใด จึงตั้งสติและเริ่มวนไปรอบๆ การ์กอยล์หกปีก

กึก! กึก! กึก!

อัลเจอร์วิ่งเข้าหาศัตรูและรอให้ง้าวหินฟันกวาดเข้ามา จากนั้นก็ใช้สายลมเร่งความเร็วเพื่อกระโดดหลบ

ฟ้าว!

ลมเฉือนอันคมกริบถูกยิงใส่หน้าอกของการ์กอยล์หกปีก

ระหว่างนั้น อัลเจอร์หลับตาลง ง้างกำปั้นขวาไปด้านหลัง กล้ามเนื้อท่อนแทนเริ่มขยายตัวจนมองเห็นด้วยตาเปล่า

อาศัยความแม่นยำในการกะระยะของนักเดินเรือ มันเหวี่ยงหมัดข้างที่ถือมีดสั้นสุดแรง

ในวินาทีนี้ กำปั้นกำลังถูกห่อหุ้มด้วยเกลียวสายลมและเกลียวสายฟ้า

เปรี้ยง!

หมัดขวาของอัลเจอร์ปะทะกับหน้าอกการ์กอยล์และเกิดระเบิด ส่งผลให้ผิวหนังการ์กอยล์หินเริ่มปริแตก อสรพิษสายฟ้าที่กระจัดกระจายไปรอบๆ เปลี่ยนให้รอยร้าวยุบตัวลงและกลายเป็นหลุมลึก!

แต่ขณะเดียวกัน มีดสั้นในมืออัลเจอร์ส่งเสียงปริแตก ตามด้วยการระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อย

แรงระเบิดส่งร่างอัลเจอร์กระเด็นไปในอากาศ มันชำเลืองด้วยหางตาและพบว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังอ้อมไปด้านหน้าการ์กอยล์พร้อมกับง้างนกปืนลูกโม่

เสี้ยววินาทีถัดมา นักผจญภัยเลือดเย็นยกมือขึ้นและใช้ปากกระบอกสีดำเล็งใส่การ์กอยล์

ปัง!

ท่ามกลางเสียงกึกก้อง กระสุนพุ่งเข้าไปในหลุมลึกกึ่งกลางหน้าออกการ์กอยล์

สิ้นเสียงสนั่นหวั่นไหว การ์กอยล์หินสีเทาอ่อนชักกระตุกแผ่วเบา ดวงตาที่มีเปลวไฟลุกโชนพลันดับมอด

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างของมันเริ่มพังถล่มลงมาจนแผ่นดินสั่นสะเทือน

ลางมรณะทำการยิง ‘โจมตีหนักหน่วง’ เข้าใส่จุดอ่อน!

วินาทีเดียวกัน อัลเจอร์ที่สามารถรักษาสมดุลร่างกายกลางอากาศ ร่อนลงพื้นด้วยความช่วยเหลือจากสายลม

ไคลน์มิได้หันไปคุยกับอัลเจอร์หรือมองหาสิ่งของมีค่าที่ตกอยู่ แต่รีบมุ่งหน้าไปยังพื้นไหม้เกรียมที่มีนกหวีดทองแดงอะซิกวางอยู่

ศพหนวดปลาหมึกซึ่งมีเกล็ดปลาปกคลุม ค่อยๆ พยุงตัวยืนด้วยร่างกายที่หายไปกว่าครึ่ง ประกายสายฟ้ายังคงแล่นไปทั่วศพจนทำให้เกิดอาการกระตุก

ไม่ใช่ใครนอกจากศพที่แผ่บรรยากาศองอาจ บ้าคลั่ง และทรราช สวมแจ็คเก็ตสีน้ำตาลและหมวกสามเหลี่ยม แขนซ้ายกับขาขวาหายไป ศีรษะเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ตามลำตัวมีรอยไหม้หลายจุด

แต่ถึงอย่างนั้น มันยังไม่ยอมพักผ่อนอย่างสงบ พยายามผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเศษเนื้อโดยรอบเพื่อกระตุ้นความแข็งแกร่ง

ต้องไม่ลืมว่า การโจมตีที่ไคลน์ใช้เมื่อครู่คือ ‘พายุสายฟ้า’ จากคทาเทพสมุทร แม้ขั้นตอนการบันทึกจะทำให้ประสิทธิภาพลดทอนลงหลายส่วน แต่ระดับความรุนแรงก็ยังอยู่ในขอบเขตครึ่งเทพ การที่อีกสองศพตายคาที่โดยไม่ส่งเสียงร้อง ก็มากพอจะอธิบายพลังทำลายล้างได้เห็นภาพ

เจ้านี่คือตัวปัญหาสินะ… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง พลางบังคับให้หุ่นเชิดเซนอลกระโดดเข้าไปในผิวเรียบของนกหวีดทองแดง จากนั้นก็พยายามกระโดดเข้าไปในผิวมันเลื่อมของเกล็ดบนหนวด

ทว่า จากความรู้สึกของ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล ไคลน์สัมผัสถึงแรงต่อต้านอันเกรี้ยวกราดจาก ‘ระดับตัวตนที่สูงกว่า’ ส่งผลให้วิญญาณอาฆาตไม่สามารถเข้าสิงร่างได้!

ร่างเซนอลถูกดีดกลับพร้อมกับสูญเสียสถานะล่องหน

เห็นฉากดังกล่าว อัลเจอร์ไม่มัวเสียเวลาไต่ถาม รีบสร้างลมหมุนรอบตัวศพหมายตรึงการเคลื่อนไหว แต่สายลมกลับไม่ยอมพัดเข้าไปหาอีกฝ่าย คล้ายกับหวาดกลัวบางสิ่ง ทำเพียงกระจัดกระจายไปทุกทิศ

ข่าวดีเรื่องเดียวในสถานการณ์เช่นนี้ก็คือ ศพดังกล่าวไม่คิดโจมตีใส่คนทั้งสอง แต่กระโดดไปทางซ้ายและก้มตัวลง เล็งหยิบนกหวีดทองแดงของอะซิก

ไคลน์ขยับข้อมืออย่างชำนาญ พลิกเปิดสมุดเวทมนตร์ไปที่หน้า ‘ตรวนนรก’

นี่คือพลังที่เอ็มลินบันทึกลงไป เป็นความสามารถของลำดับ 7 แวมไพร์

หลังจากไคลน์ใช้มือขวาข้างที่ถือลางมรณะลูบลงบนหน้ากระดาษ เงาสีดำรอบๆ ศพเริ่มก่อตัวเป็นโซ่ตรวน พันธนาการเป้าหมายให้ติดกับพื้น

อาศัยจังหวะชะงักชั่วครู่ของศัตรู ไคลน์ยกลูกโม่ขึ้นด้วยสีหน้าดำมืด

สีสันที่แตกต่างกัน ทั้งแดง เขียว และขาว ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัย

ชายหนุ่มเล็งไปยังจุดสีขาวพร้อมกับเหนี่ยวไก

ปัง!

ลำแสงสีทองสว่างพุ่งเป็นเส้นตรงใส่ศีรษะของศพ เกิดเป็นน้ำพุเลือดสาดกระเซ็น โดยขณะเดียวกัน กระสุนชำระล้างได้แผ่แสงสีทองอร่ามราวกับแสงแดด อาบร่างของเป้าหมายทุกซอกมุม

ในท่างอตัว ศพเริ่มละลายคล้ายเทียนไข ก่อนจะล้มลงพื้นด้านข้างนกหวีดทองแดงอะซิก

สัตว์ประหลาดไร้สติปัญญารับมือง่ายกว่าผู้วิเศษในระดับเดียวกันมาก… ชักเริ่มรู้สึกผิดกับนกหวีดทองแดงแล้วสิ… นับตั้งแต่มาอยู่กับเรา มันต้องเผชิญกับหลายสิ่ง ทั้งระเบิด สายฟ้า แสงชำระล้าง… สมบุกสมบันมาก… ไคลน์รำพันในใจ ก่อนจะสั่งให้วิญญาณอาฆาตลอยไปหยิบนกหวีดทองแดงขึ้นมายัดใส่ร่างกาย

ชายหนุ่มไม่เดินเข้าไปเอง ด้วยเกรงว่าศพที่เหลืออาจตื่นขึ้น เพียงบังคับให้เซนอลสำรวจศพที่สามารถต้านทานพลังการสิงร่าง

ไคลน์เชื่อว่า ศพนี้ต้องพกพาของมีค่าไว้กับตัวแน่!

เพียงไม่นาน เซนอลในร่างปรกติล้วงบางสิ่งออกมา

เป็นไพ่!

ชายบนหน้าไพ่กำลังสวมมงกุฎหรูหราคล้ายกับของสันตะปาปา สองมือประสานกันระดับอก ด้านหน้าชายคนดังกล่าวมีสาวกเคร่งศาสนาจำนวนมากกำลังหมอบกราบ ฉากหลังประกอบด้วยเมฆดำ สายฟ้า พายุ และคลื่น!

ไคลน์รู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นอีกฝ่ายในเครื่องแต่งกายรูปแบบอื่น

จักรพรรดิโรซายล์!

และบนมุมซ้ายบนถัดจากโรซายล์ที่สวมเครื่องแต่งกายสันตะปาปา แสงระยิบระยับเรียงตัวกันเป็นข้อความหนึ่งบรรทัด

ลำดับ 0 : ทรราช!

ไพ่เย้ยเทพเส้นทางวายุสลาตัน? ไพ่ทรราช? ไคลน์หวนนึกถึง ‘พระนาม’ ที่โบสถ์เทพปัญญาความรู้ใช้เรียกเทพวายุสลาตัน

ทรราช!

ในวินาทีที่อัลเจอร์เห็นไพ่ ดวงตาของมันลุกวาวทันที อัดแน่นไปด้วยความหิวกระหาย

อัลเจอร์สูดลมหายใจเข้าลึก รีบเบือนหน้าไปทางอื่นและกล่าว

“การต่อสู้เมื่อครู่สร้างความวุ่นวายไม่น้อย อาจไปปลุกให้ตัวตนลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวตื่นขึ้น พวกเราควรรีบเก็บของและรีบหนี”

มิสเตอร์แฮงแมน คิดว่าคนอย่างฉันจะไม่กังวลถึงเรื่องนั้นเลยหรือ? ไม่เห็นจะต้องเตือน ก็พวกเราเคยตกลงกันแล้วนี่? หึหึ… เข้าใจแล้ว ไพ่เย้ยเทพใบนี้คง ‘กระตุ้น’ นายไม่มากก็น้อย ทำให้สงบจิตใจได้ยาก กลายเป็นคนพูดมากโดยไม่จำเป็น… ไคลน์สั่งให้เซนอลก้มเก็บไพ่ทรราชมายัดใส่ตัว ตามด้วยการไล่เข้าสิงศพเพื่อเร่งการควบแน่นของตะกอนพลัง จากนั้นก็หันมากล่าวเสียงเย็น

“คุณเสียเวลาไปแล้วห้าวินาที”

อัลเจอร์ผงะ รีบหันหลังกลับและเดินไปทางศพการ์กอยล์หกปีก ควักลูกตาสีส่องแสงสีแดงออกมา อดทนรอสักพัก ก่อนจะนำมือล้วงเข้าไปในทรวงอกที่ถูกทำลายเป็นหลุมลึก หยิบผลึกสีเทาอ่อนออกมา

ในมุมหนึ่งของห้อง วิญญาณอาฆาตกำลังเร่งปฏิกิริยาของศพที่มีหนองเหลืองปกคลุม จนกระทั่งเกิดเป็นก้อน ‘ดิน’ สีน้ำตาลซึ่งมีรากและ ‘เส้นเลือด’ ซ่อนอยู่ภายใน นับเป็นวัตถุที่พิสดารมาก

โดยไม่มัวคาดเดาลำดับและเส้นทางของโอสถ ไคลน์บังคับให้เซนอลเก็บตะกอนพลังเข้าไปในตัว วกกลับไปหาศพที่หนวดปลาหมึกยังคงสั่นกระตุก เข้าสิงร่างและเร่งความเร็วการตกตะกอน

ขณะรอให้วัตถุคล้ายแมงกะพรุนสีครามก่อตัวเป็นรูปร่าง ไคลน์และอัลเจอร์ได้ยินเสียงหนึ่งลากยาว

“เฮ่อ…”

เสียงถอนหายใจดังมาจากส่วนลึกของวิหาร มอบความรู้สึกเก่าแก่และน่าเกรงขามเหนือพรรณนา

………………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset