Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1041 : บุตรสาวกษัตริย์

ชารอนผู้ไม่ชอบชื่อเล่น? เธอรู้ได้ยังไง? เคยพูดคุยกับมาดามชารอน? ได้ยินตอบของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไคลน์ผงะเล็กน้อย ภายในใจผุดความสงสัย

ตามความเห็นของมัน ภายใต้สถานการณ์ปรกติ ย่อมไม่มีการสื่อสารระหว่างผู้ส่งสารและคนรับ กระบวนการมีเพียง ฝ่ายหนึ่งส่งจดหมาย ส่วนอีกฝ่ายก็แค่รับไว้

นอกจากนั้น มิสผู้ส่งสารจำเป็นต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่ายเพื่อตั้งชื่อเล่นด้วยหรือ? แล้วแฟรงค์·ลีกับแพทริค·เบรนไปยินยอมตอนไหน?

ผ่านไปไม่กี่วินาที ไคลน์เริ่มคาดเดาบางสิ่ง นั่นก็คือ ต้องมีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างมิสผู้ส่งสารกับมาดามชารอน และไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ก็ไม่พยายามปิดบังมันมากนัก

สลัดความคิดดังกล่าว ไคลน์เปิดซองจดหมาย อ่านเนื้อหาภาพรวมอย่างรวดเร็ว:

“ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ไว้คุยรายละเอียดกันที่ผับวีรบุรุษ…”

เทียบกับในอดีต มาดามชารอนไม่หวงคำพูดเหมือนเมื่อก่อน… เป็นผลพวงจากการเลื่อนลำดับเป็นครึ่งเทพ? ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก เดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบปากกาเขียนลงบนกระดาษ

“ให้ผมไปหาตอนไหน?”

วางปากกาลง ชำเลืองไปทางไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ยังคงไม่ไปไหน ราวกับคาดหวังจดหมายตอบกลับ ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์รู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อย

จากนั้น ชายหนุ่มพับกระดาษจดหมาย ยื่นให้อีกฝ่ายและกล่าวอย่างเป็นกันเอง

“ถึงชารอน”

ขณะหนึ่งในศีรษะของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์งับจดหมาย อีกสามหัวพูดเรียงกัน:

“เจ้า…” “ยัง…” “ไม่ได้จ่าย…”

“ไม่รับ…” “เก็บเงิน…” “ปลายทาง…”

ไคลน์กระแอมในลำคอ หยิบเหรียญทองออกมายื่นให้มิสผู้ส่งสาร

เฝ้ามองไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หายตัวไป ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย เดินไปทางเก้าอี้เอนหลังและนั่งลง รอคอยคำตอบอย่างอดทน

ไม่ถึงหนึ่งนาทีถัดมา มิสผู้ส่งสารที่สวมเดรสสีเข้มเดินออกจากความว่างเปล่าอีกครั้ง ปากหนึ่งงับกระดาษจดหมายแผ่นเดิม

ไคลน์ไม่ได้ถามว่าจากใคร เพียงรับไว้และเปิดอ่าน

“ถ้าคุณไม่ติดขัด คืนนี้เลยยิ่งดี”

คืนนี้… ไคลน์พยักหน้าตรึกตรอง สะบัดข้อมือแผ่วเบา เสกให้เปลวไฟสีแดงลุกไหม้กระดาษจดหมายอย่างรวดเร็ว

เมื่อเปลวไฟลุกลาม จดหมายก็กลายเป็นซากเถ้าถ่าน

รอจนกระทั่งไฟมอด ร่างของไคลน์หายไปจากเก้าอี้เอนหลัง ส่วนเศษเถ้าถ่านเล็กๆ ที่กำลังโปรยปราย พวกมันถูกสายลมที่มองไม่เห็น พัดตกลงไปในถังขยะใกล้ๆ

กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด ย่านสะพานเบ็คลันด์ ภายในบ้านที่ติดเขตเหนือ แสงจากโคมไฟแก๊สติดผนังบรรจงสว่างขึ้นทีละหนึ่งดวง ก่อนจะกลับไปดับมืดตามเดิม

เพียงไม่นาน ไคลน์ปรากฏตัวในห้องพักรอบนอกเขตตะวันออกที่เช่าไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมแว่นตากรอบทอง ออกจากห้องในรูปลักษณ์ของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้จนกระทั่งถึงผับวีรบุรุษ

ในคราวนี้ ชายหนุ่มไม่ตามหาเอียนซึ่งกำลังเล่นเกมกระดานกับคนกลุ่มหนึ่งในห้องเล่นไพ่ แต่เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจสักพัก จนกระทั่งเอื้อมมือออกไปเปิดประตูห้องบิลเลียด

ทันทีที่ลงกลอนตามหลัง มันเห็นเงาสองจุดถูกวาดขึ้นจากพื้นทางฝั่งซ้ายและขวาตามลำดับ

คนฝั่งซ้ายนั่งบนเก้าอี้สูง สวมหมวกอ่อน ชุดหรูหราประหนึ่งชาววัง ผมสีทองอ่อน ไม่ใช่ใครนอกจากชารอนผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีฟ้า เมื่อเทียบกับสมัยก่อน ใบหน้าของเธอมิได้ซีดเซียวอีกต่อไป ดูซีดกว่าปรกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่วยให้ภาพลักษณ์ของเธอเปลี่ยนจาก ‘ผีผู้หญิง’ กลายเป็น ‘ตุ๊กตา’ มากขึ้น

มาริคยืนอยู่ทางฝั่งขวา ชายผู้ชอบเล่นไพ่กับซอมบี้รายนี้เริ่มมีใบหน้าซีดเซียว จิตสังหารที่เคยต้องเก็บซ่อนอย่างยากลำบาก ปัจจุบันบรรเทาลงมาก เปลี่ยนไปได้บรรยากาศเย็นเยียบและหดหู่แทน

“สายัณห์สวัสดิ์” ไคลน์ยิ้มและถอดหมวกทักทาย

“สายัณห์สวัสดิ์ คุณนักสืบ” ร่างกายของชารอนที่ดูล่องลอยราวกับไม่มีน้ำหนัก โค้งคำนับอย่างจริงใจพร้อมกับมาริค

ในวินาทีนี้ บรรยากาศภายในห้องบิลเลียดพลันหลอนหูหลอนตาอย่างบอกไม่ถูก

ไคลน์ดึงเก้าอี้สูงออกมานั่ง หัวเราะในลำคอและกล่าว

“คราวนี้มีอะไรหรือ”

“ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณอีกครั้ง” ชารอนคำนับซ้ำ

มาริคเป็นฝ่ายพูด:

“เราบรรลุข้อตกลงกับผีดูดเลือดแล้ว เป้าหมายคือการกำจัดสมาชิกคนสำคัญของโรงเรียนกุหลาบภายในกรุงเบ็คลันด์… มีหลายเรื่องที่พวกเราต้องทำด้วยตัวเอง เช่นการหลอกล่อศัตรูออกมา รวมถึงการวางแผนซุ่มโจมตี พวกเราอยากให้คุณช่วยเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ จากวงนอก และยื่นมือช่วยเหลือในการหลบเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน… คุณต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน สองเสนอมาได้”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราเป็นหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน… แล้วเราจะทำยังไงถ้าเอ็มลินขอให้ ‘เดอะเวิร์ล’ แอบช่วยเหลืออย่างลับๆ เช่นกัน? เมื่อถึงตอนนั้น แผนของพวกเขาคือการมีครึ่งเทพสองคนเป็นหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน… อึก… อาจจะทำได้ก็ได้… ฝั่งหนึ่งเราเล่นเป็นตัวเอง เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ส่วนอีกฝั่งก็ให้โจนาสโจนาส·โคลเกอร์รับบทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก ไม่ตอบมาริคโดยตรง แต่หันไปกล่าวกับชารอน

“ขอฟังรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน”

มาริคเหลือบมองชารอนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและตอบ

“ตกลง”

ไคลน์จ้องชารอนบนเก้าอี้สูงที่ดูราวกับเป็นตุ๊กตา:

“มัมมี่ตูตันส์ที่สองที่ชิงมาได้ก่อนหน้านี้ คือวัตถุดิบในการเลื่อนเป็นลำดับ 4 ‘หุ่นกระบอก’ และคุณก็ประสบความสำเร็จในการเป็นครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว?”

นี่คือข้อมูลที่มันได้ทราบจากบทสนทนาก่อนหน้าและจดหมาย ไคลน์ถามเพื่อยืนยันให้มั่นใจ จะได้ไปต่อที่หัวข้ออื่น

ชารอนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเงียบงัน ก่อนจะเปล่งเสียงอันล่องลอยจนฟังดูไม่เหมือนกับมนุษย์:

“ใช่”

ไคลน์พยักหน้ารับ ถามอย่างตรงไปตรงมา:

“ความสัมพันธ์ของคุณกับไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์คืออะไร”

ดวงตาสีฟ้าของชารอนขยับเล็กๆ :

“ท่านเป็นอาจารย์ของฉัน”

อาจารย์… ท่าน… แม้ว่าไคลน์จะเดาได้สักพักแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดหายใจ กรามกระทบกันแน่น

เพียงพริบตา แม้ว่าสีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่ภายในใจเต็มไปด้วยฟองความคิด

…มิสผู้ส่งสาร แท้จริงแล้วเป็นเทวทูต?

เรากำลังใช้เทวทูตเป็นผู้ส่งสาร… ไม่หรูหราเกินตัวไปหน่อยหรือ?

แถมยังเป็นอาจารย์ของมิสชารอน… ดูเหมือนว่า การที่เธอสมัครใจมาเป็นผู้ส่งสารให้เรา คงไม่ใช่เพราะเหตุผลง่ายๆ อย่างที่เคยเข้าใจ!

มองจากภายนอก เธอคงอยู่คนละฝั่งกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… เธอยอมเป็นผู้ส่งสารให้เราเพราะมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายต้องการตัวเรา? ไม่สิ เพราะเรามีชะตากรรมต้องกลายเป็นศัตรูกับทางนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้?

เข้าใจแล้วว่าทำไมมาดามชารอนถึงหาสูตรโอสถ ‘หุ่นกระบอก’ และวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องได้ง่ายนัก…

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ตัดสินใจถามให้ลึกลงไป จุดประสงค์เพื่อใช้คำตอบจากชารอนหรือมาริคช่วยบรรเทาอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน

มันไตร่ตรองสักพักก่อนจะพูด

“ขอฟังสถานการณ์เพิ่มเติม”

คราวนี้ชารอนเป็นฝ่ายตอบ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกับวัตถุไร้ชีวิตชีวา มากยิ่งกว่าหุ่นกลของฮารามิคเสียอีก

“ในช่วงต้นยุคสมัยที่ห้า เมื่อครั้งเทพมรณาถึงคราวร่วงหล่น ทวีปใต้เกิดการจลาจลเพื่อต่อต้านปกครองของจักรวรรดิไบลัมขึ้นทุกหัวระแหง ไม่ว่าจะเป็นที่ราบสูงดวงดาวหรือหุบเขาเพิร์ธ… ระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว เทพผู้ถูกล่ามปรากฏตัวขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโรงเรียนกุหลาบ… เดิมที อาจารย์ของฉันเป็นบุตรสาวของผู้ปกครองที่ราบสูง แต่ในภายหลัง ท่านกลายมาเป็นข้ารับใช้ของเทพผู้ถูกล่าม จึงช่วยบิดาก่อตั้งอาณาจักรที่ราบสูงสำเร็จ… หลังจากนั้น ท่านกลายเป็นเทวทูตลำดับ 2 กลายเป็นหนึ่งในผู้นำของโรงเรียนกุหลาบ ท่านอยู่ฝ่ายฝักใฝ่การระงับแรงปรารถนา ต้องคอยต่อสู้กับความบ้าคลั่งอย่างยากลำบาก… แต่เมื่อราว 922 ปีก่อน ‘บุตรแห่งเทพ’ เซียอาได้ถือกำเนิดขึ้น ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไปนับแต่นั้น ฝ่ายฝักใฝ่แรงกระหายและการสังเวยเลือดเริ่มได้รับความนิยม… ในตอนแรก อาจารย์สามารถรับมือไหว ช่วยให้ฝ่ายฝักใฝ่การระงับแรงปรารถนาไม่ได้รับผลกระทบมากนัก สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้… ทว่า เมื่ออิทธิพลของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเพิ่มขึ้น เซียอาประสบความสำเร็จในการเลื่อนลำดับ กลายเป็น ‘เทพหายนะ’ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา… จนกระทั่งสงครามภายในปะทุขึ้นอย่างรุนแรง อาจารย์ตัดสินใจช่วยพวกเราหลบหนีออกจากที่ราบสูง และฉันต้องเห็นท่านตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมเซียอาและผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ … แต่ท่านมิได้ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์เนื่องจากมีการเตรียมตัวล่วงหน้า จึงคืนชีพในสภาพพิเศษภายในโลกวิญญาณ ปัจจุบันกำลังทวงคืนร่างกายที่สมบูรณ์”

อย่างนี้นี่เอง… กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้มิสผู้ส่งสารมีคุณสมบัติของเทวทูต แต่ปราศจากอำนาจในขอบเขตที่สอดคล้องกัน… อยู่ในสภาพอ่อนแอสินะ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงจัดการกับครึ่งเทพแจ็คส์แห่งโรงเรียนกุหลาบได้ไม่ง่ายนัก… อา… แม้จะมีเทวทูตจำนวนมากที่คอยช่วยเรา แต่เกือบทั้งหมดล้วนไม่สมบูรณ์หรือไม่ก็อ่อนแอ… หากไม่นับมาดามอาเรียนน่า ทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด ไม่ว่าจะมิสเตอร์อะซิก พาลีส·โซโรอาสเตอร์ วิล·อัสติน มิสผู้ส่งสาร… มีอะไรผิดปรกติเกี่ยวกับสมญานาม ‘เดอะฟูล’ รึเปล่า? หรือว่าพวกเขาเหล่านี้กำลังรอให้เราใช้พลังของ ‘ปราชญ์โบราณ’ ? ไคลน์ผงะเล็กน้อย เต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย

มันไม่ได้ถามว่าทำไมไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ถึงยังต้องการเงิน เพียงคิดสักพักก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“มาดามชารอน โรงเรียนกุหลาบไม่น่าจะขาดแคลนสูตรโอสถ ‘หุ่นกระบอก’ หลังจากที่คุณได้รับมัมมี่ตูตันส์ที่สอง พวกมันย่อมทราบคุณเป็นครึ่งเทพ นอกจากนั้น มาดามไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เคยปรากฏตัวต่อหน้าครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบมาแล้ว ถึงขั้นต่อสู้กัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง โรงเรียนกุหลาบทราบว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ย่อมเตรียมวิธีรับมือล่วงหน้า รวมไปถึงความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์… ในสถานการณ์เช่นนี้ แผนการที่คุณคิดจะใช้ตัวเองกับมาริคเป็นเหยื่อล่อเพื่อกำจัดสมาชิกคนสำคัญของโรงเรียนกุหลาบในกรุงเบ็คลันด์ ไม่ฟังดูตื้นเขินไปหน่อยหรือ? คิดว่าพวกมันจะส่งครึ่งเทพแค่ตนสองตนมาจัดการกับคุณ? ตระกูลผีดูดเลือดจะช่วยได้มากสักแค่ไหนเชียว? นอกจากนั้น ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกำลังไล่ล่าบางตัวตนของผมอยู่ ถึงขั้นให้ ‘เทพหายนะ’ เซียอาลงมือเองโดยตรง นอกจากนั้น เรื่องที่อาจารย์ของคุณกับผมร่วมมือกัน พวกมันก็ทราบเป็นอย่างดี… หลังจากผนวกทุกสิ่งเข้าด้วยกัน หากคุณปรากฏตัวขึ้น จะถูกรุมโจมตีด้วยสารพัดวิธีแบบใดบ้าง คงเดาได้ไม่ยากกระมัง”

กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าไคลน์มืดมนลง:

“พวกคุณคิดจะให้กรุงเบ็คลันด์เกิดเหตุการณ์ ‘เทพเสด็จเยือน’ หรือ…?”

ทันใดนั้น บรรยากาศเงียบสงัดพลันปกคลุมห้องบิลเลียด แต่สีหน้าของชารอนยังคงไม่แปรเปลี่ยน

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset