Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1040 : ผิวทะเลที่เงียบสงบ

ไม่เลว ‘ผู้ชม’ ยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีเหมือนเดิม… ไคลน์ชมเชยเงียบๆ พลางเหลือบมองไปทางสุนัขขนทองตัวใหญ่ที่เบาะหลังจักรยาน นอกจากนั้นยังสังเกตว่าจักรยานคันนี้ไม่เหมือนกับจักรยานปรกติตามท้องถนน จึงถามอย่างเป็นกันเอง

“จักรยานโฉมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ?”

“หมายความว่ายังไงที่บอกว่า ออกแบบมาสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ? ถ้าคุณอยากขี่ก็ขี่ได้เหมือนกัน” ออเดรย์ยิ้มตอบ “ฉันแค่ให้คำแนะนำกับคนของบริษัทจักรยาน บอกให้พวกเขาช่วยพิจารณากลุ่มที่มีความต้องการต่างกัน และนี่คือผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดซึ่งยังไม่เข้าโรงงาน พวกเขาส่งมาให้ฉันทดลองปั่นและแสดงความคิดเห็น”

“เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก” ไคลน์ชมเชยพลางยิ้ม ครุ่นคิดสักพักจึงถามต่อ “คุณรู้จักเจ้าของบริษัทเบ็คลันด์จักรยานด้วยหรือ?”

ออเดรย์หรี่ตาตอบ:

“แน่นอน ดิฉันคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่… ลืมเสียสนิท… เป็นเธอเองสินะ… คล้ายกับไคลน์เข้าใจบางสิ่ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยการส่ายหัวเล็กๆ

“เข้าใจแล้ว… จินตนาการของผมยังไม่สูงพอ… แล้วเป็นยังไงบ้าง คุณรู้สึกยังไงหลังจากทดลองขับ?”

ออเดรย์ในท่ากำ ‘แฮนด์’ จักรยาน ทำหน้านึกสักพักก่อนจะตอบหลังจากจำได้:

“ยอดเยี่ยมมาก เหมาะสำหรับสุภาพสตรีจริงๆ”

คุณหนู… เมื่อสักครู่ไม่ได้คุณพูดแบบนี้… ไคลน์เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้ขัดจังหวะคำพูดของสตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ออเดรย์ยังคงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม

“สำหรับดิฉัน มันช่วยปรับอารมณ์ได้ดี ช่วยปลดปล่อยความเครียดเหมือนกับการขี่ม้า แต่การขี่ม้าต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าพิเศษสำหรับขี่ ต้องเดินทางไปยังสนามแข่งม้าหรือแถบชานเมือง เพราะไม่ว่าจะที่บ้านหรือบนถนน ม้าก็ไม่มีทางวิ่งได้อย่างสมบูรณ์ ขาดกลิ่นอายบางอย่างไป… ทว่า กับจักรยานนั้นไม่มีปัญหาดังกล่าว และยังสามารถปั่นเข้าไปในตรอกที่รถม้าไม่สามารถเข้าได้ ช่วยให้เห็นวิวทิวทัศน์มากมาย… ย้อนกลับไปในตอนที่ปั่นจักรยานแถวบ้าน ดิฉันเห็นดอกไม้สองสามดอกกำลังเบ่งบานอยู่ในสวน นั่นทำให้มีความสุขมาก… อา… และในตอนที่เจอนักปั่นคนอื่น ทุกคนก็กำลังอารมณ์ดี แม้พวกเขาเหล่านั้นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงชีวิต แม้จะยุ่งวุ่นวายและเร่งรีบ แต่สีหน้ากลับยังสดใส… อา… อย่าหัวเราะเยาะเชียวนะคะ… ดิฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร กำลังจะบอกว่า คนที่มีเงินซื้อจักรยานย่อมไม่ใช่จุดต่ำสุดของสังคม… ฉันเองก็เข้าใจ แต่การได้เห็นพวกเขามีความสุข ก็พลอยทำให้ฉันมีความสุขไปด้วย… หวังว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะมีโอกาสปั่นจักรยานไปตามถนนทุกสายในเบ็คลันด์”

หลังจากยืนฟังอย่างเงียบงัน อารมณ์ของไคลน์ดีขึ้นเล็กน้อย

ด้วยคำบรรยายของมิสจัสติส คล้ายกับฉากที่เกี่ยวข้องปรากฏขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม และต้องไม่ลืมว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ไคลน์เป็นคนนำมาสู่โลกใบนี้

มันยิ้ม:

“ผิดแล้ว… ผมไม่มีความคิดที่จะหัวเราะเยาะ เพราะนั่นฟังดูน่าสนใจมาก และเป็นภาพที่ผมหวังว่าจะได้เห็นมากยิ่งขึ้นในกรุงเบ็คลันด์… ในตอนแรก ผมเองก็ยังกังขา ตอนนี้ไม่แล้ว”

กล่าวจบ มันชี้ไปทางประตูอาคารหมายเลข 22 ถนนเฟลป์ ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’

“เข้าไปข้างในกันเถอะ ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก”

“ตกลงค่ะ ดิฉันขอตัวไปเก็บจักรยานก่อน” ออเดรย์ลงจากจักรยาน เดินจูงยานพาหนะสองล้อชนิดนี้พร้อมกับสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ไปทางด้านหลังตึก

ฝั่งประตูหลังของอาคารมีจุดจอดจักรยานโดยเฉพาะ เป็นเขตภายในตัวตึก ไม่จำเป็นต้องกลัวฝน สำหรับองค์กรอย่าง ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ พนักงานซึ่งมีเหตุให้ต้องออกไปข้างนอกบ่อยครั้ง ปัจจุบันหันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครกล้านำยานพาหนะประเภทนี้เข้าไปในเขตตะวันออก เพราะสำหรับที่นั่น ทุกสิ่งสามารถถูกขโมยได้

ขณะเดินเข้าใกล้ประตูหลัง ซูซี่ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ กระโดดลงจากจักรยาน มองย้อนกลับไปจุดที่พวกตนเดินผ่านมา ถามด้วยสีหน้างุนงงเล็กๆ

“ออเดรย์ ในตอนที่มิสเตอร์ดันเตสได้ยินว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจักรยาน อารมณ์ของค่อนข้างซับซ้อน แต่ฉันแปลความหมายไม่ออก”

ออเดรย์เม้มริมฝีปาก หัวเราะในลำคอ:

“ฉันเคยได้ยินมาว่า มิสเตอร์ดันเตสคือหนึ่งในผู้แข่งประมูลหุ้นบริษัทจักรยานกับพี่ฮิบเบิร์ต”

“เข้าใจแล้ว!” ซูซี่เผยรอยยิ้ม ราวกับกำลังพึงพอใจที่ตัวเองสังเกตเห็นความผิดปรกติได้แม่นยำ

ภายใน ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ ไคลน์รออย่างใจเย็นจนกระทั่งมิสออเดรย์เดินกลับมาพร้อมกับสุนัขแสนรู้ของเธอ ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นไปยังชั้นสอง

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายและกล่าวกับออเดรย์

“มิสผู้อำนวยการ… อธิการบดีพอร์ตแลนด์·โมมงต์แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเบ็คลันด์กำลังรอคุณอยู่ที่ห้องรับแขก”

“ท่านอธิการบดีโมมงต์มาทำอะไร?” ออเดรย์ถามด้วยสีหน้าเจือความประหลาดใจ

เจ้าหน้าที่หันมาทักทายกับผู้อำนวยการดอน·ดันเตส ก่อนจะหันกลับไปตอบ

“เขาไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ…”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ พอร์ตแลนด์·โมมงต์ที่มีใบหน้าแดงก่ำ สางเส้นผมสีขาวของมันให้ตรงพลางเดินออกมาจากห้องรับแขก

พอร์ตแลนนำมือทาบหน้าอก กล่าวทักทาย:

“มิสออเดรย์ผู้สูงศักดิ์ ผมต้องขออภัยด้วยที่มาหาอย่างกะทันหัน”

ตามธรรมเนียมโลเอ็น หลังจากได้รู้จักกัน สุภาพสตรีมีอายุจะถูกเรียกด้วยชื่อตระกูล ส่วนหญิงสาวจะถูกเรียกด้วยชื่อจริง

“ถือเป็นเกียรติของดิฉันค่ะ” ออเดรย์ตอบอย่างสุภาพ

พอร์ตแลนด์·โมมงต์เป็นอธิการบดีที่ถนัดในด้านวิชาการมากกว่า จึงไม่มัวมากพิธี ยิ้มและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา:

“เรื่องมีอยู่ว่า ผมต้องการเพิ่มห้องปฏิบัติการเครื่องกลที่มหาวิทยาลัย จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวัน จึงอยากทราบว่า คุณหนูสนใจจะร่วมบริจาคหรือลงทุนบ้างไหม? หึหึ… ดอน… คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? อยากร่วมมือกันไหม? และมั่นใจได้เลย ผมจะขอทุนสนับสนุนจากคณะกรรมการอุดมศึกษาด้วยเช่นกัน”

เป็นความคิดที่ดี… แต่ทั่วทั้งกรุงเบ็คลันด์ ทั่วทั้งอาณาจักรโลเอ็น อาจถูกปกคลุมด้วยวังวนพายุลูกใหญ่หลังจากนี้… ได้ยินคำพูดของอธิการบดีโมมงต์ ไคลน์เหม่อลอยไปสักพัก

ออเดรย์พยักหน้ารับ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฟังดูน่าสนใจ แต่ดิฉันต้องพิจารณาข้อมูลประกอบ นี่คือความรับผิดชอบของตัวดิฉันเอง และยังเป็นความรับผิดชอบต่อคุณ”

“ผมก็คิดแบบเดียวกัน” ไคลน์ลอกคำตอบ

พอร์ตแลนด์·โมมงต์ยิ้มกว้าง:

“ไม่มีปัญหา ผมจะเขียนรายงานส่งหลังจากกลับมหาวิทยาลัย”

ภายในทะเลหมอก บน ‘ฝันทองคำ’

เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นห่วงอาการของแอนเดอร์สัน… นอกจากนั้น หมายความว่ายังไงที่บอกให้รวบรวมวัตถุที่เกี่ยวข้องกับ ‘พลเรือโทโรคภัย’ ? มีโจรสลัดมากมายพยายามทำแบบนั้น แต่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ… เดนิสซึ่งได้รับข้อความจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ อดไม่ได้ที่จะฉงน

แต่ตรงข้ามกับความมึนงง มันไม่ลืมที่จะขอบคุณมิสเตอร์ฟูลอย่างเป็นการเป็นงาน

จากนั้น เดนิสวางคันเบ็ดลง หมุนตัวกลับและเดินเข้าไปในเขตห้องโดยสาร จนถึงห้องพักของแอนเดอร์สัน

มันเคาะประตูและเปิดพรวดเข้าไป จากนั้นในท่ายืนกอดอกที่ประตู เดนิสพูดกับแอนเดอร์สันซึ่งกำลังวาดภาพสีน้ำมัน:

“อาการเป็นยังไงบ้าง? วัตถุในท้องเริ่มย่อยบ้างหรือยัง?”

แอนเดอร์สันวางพู่กันลง ชำเลืองมาทางเดนิส ก่อนจะตอบด้วยเสียงหนักแน่น

“มันเริ่มเรียกฉันว่าพ่อแล้ว”

“…” เดนิสผงะถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว

แอนเดอร์สันเผยสีหน้าผ่อนคลาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ล้อเล่นน่ะ… ก็ไม่เลว กัปตันของนายพยายามค้นหาวิธีแก้และทดลองไปบางส่วน แต่ปัญหาก็คือ พวกเราประสบความล้มเหลวมากเกินไป… แต่เรื่องดีก็คือ… วัตถุในท้องถูกกีดกันจากร่างกายแล้ว มันจะส่งอิทธิพลกับฉันอีก”

แอนเดอร์สันลูบท้องขณะตอบ

เดนิสเลิกคิ้ว ถามด้วยความสงสัย

“ตอนแรกมันเคยมีผลอิทธิพล?”

แอนเดอร์สันมองเดนิสหัวจรดเท้าสองสามครั้ง:

“นายน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง… ไม่ว่าจะเป็นตะกอนพลังหรือโอสถ หากสัมผัสกับวัตถุใดเป็นเวลานาน พวกมันจะแทรกซึมเข้าไปและเปลี่ยนวัตถุนั้นให้กลายเป็นสมบัติปิดผนึกที่ยากต่อการใช้งาน เพียงแต่ร่างกายมนุษย์เป็น ‘วัตถุ’ ที่ค่อนข้างพิเศษ… ในบางครั้งฉันเองก็นึกสงสัย บางทีนายคงได้รับพลังพิเศษจากการสัมผัสกับโอสถ ไม่ใช่การดื่มเข้าไป สมองของนายถึงได้ถูกกัดกินไปมากขนาดนี้”

หากเป็นเมื่อก่อน เดนิสคงโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปัจจุบัน มันทำเพียงพ่นลมหายใจ:

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าพวกมันไม่ถูกกีดกันออกจากร่างกาย ตะกอนพลังเหล่านั้นจะค่อยๆ แทรกซึมและเปลี่ยนแปลงอวัยวะในท้องของนาย จนกระทั่งลามไปถึงสมอง?”

แอนเดอร์สันพลันประหลาดใจ

“ทำได้ไม่เลว… พยายามเข้า นายคงใกล้เป็นลำดับ 6 เต็มทีแล้ว… หึหึ… ทักษะในการสุมไฟของนายพัฒนาได้ดีทีเดียว”

เดนิสตอบท่าทีรังเกียจ:

“ฉันยังขาดวัตถุดิบ”

เมื่อหวนนึกถึงคำสั่งของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เดนิสลังเลสักพักก่อนจะถาม:

“ในเมื่อกีดกันพวกมันสำเร็จแล้ว… นายจะทำยังไงต่อ?”

แอนเดอร์สันลูบกระดุมเม็ดแรกของเสื้อ ยิ้มพลางหัวเราะ

“สองทางเลือก… หนึ่งคือการมองหาความช่วยเหลือของครึ่งเทพเช่น ‘ผู้เจิดจรัส’ ให้พวกเขาช่วยสกัดมันออกมาบางส่วน สำหรับเรื่องนี้ กัปตันของนายอาจมีคนรู้จักที่พอจะทำได้ แต่ปัญหาก็คือ หากควบคุมได้ไม่ดี ตะกอนพลังจะถูกสกัดออกมามากเกินไป ลำดับของฉันอาจย้อนกลับ หรือในกรณีเลวร้ายจะกลายเป็นคนธรรมดา… วิธีที่สอง หาสูตรโอสถ ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ เตรียมพิธีกรรมและวัตถุดิบเสริม จากนั้นก็มองหาวิธี ‘ปรองดอง’ กับวัตถุดังกล่าวเพื่อใช้มันก้าวไปเป็นครึ่งเทพ”

“ฟังดูอันตรายชะมัด…” เดนิสวิเคราะห์วิธีหลังอย่างไม่ลำเอียง

แอนเดอร์สันยิ้มกว้างขึ้นขึ้นเล็กน้อย:

“ถูกต้อง… มันฟังดูอันตราย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสำเร็จไหม… แต่นายไม่คิดหรือว่ามันทั้งท้าทายและน่าสนใจมาก? อย่างน้อยก็สอดคล้องกับรสนิยมและสุนทรีย์ของฉันมากกว่าวิธีแรก”

เดนิสส่ายหน้าขึงขัง

“ไม่เลย”

จากนั้นมันถามกึ่งยียวนกึ่งหยั่งเชิง

“ถ้าจำไม่ผิด นายมีมรดก… เอ่อ… ทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ใช่ไหม? ฉันช่วยเอาเถ้ากระดูกไปฝังพร้อมกับพวกมันได้นะ”

แอนเดอร์สันมิได้โกรธ เพียงพยักหน้าขึงขัง

“เมื่อถึงตอนนั้น นายจะลองกินเถ้ากระดูกของฉันดูก็ได้นะ”

ทำไมหมอนี่ถึงมีภูมิคุ้มกันการยั่วยุสูงนัก… มุมปากของเดนิสพลันกระตุกอย่างมิอาจหักห้าม ตัดสินใจยกธงขาวและเดินไปหากัปตัน ถามถึงวิธีที่จะรวบรวมวัตถุซึ่งเกี่ยวข้องกับ ‘พลเรือโทโรคภัย’

กลางดึกสงัด ภายในบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ขณะไคลน์กำลังจะผล็อยหลับ มันเห็นมิสผู้ส่งสารเดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับสี่หัวทองตาแดง หนึ่งในนั้นกำลังงับซองจดหมายแผ่นบาง

“จากใคร?” ไคลน์ถามตามความเคยชิน พลางเอื้อมมือไปหยิบ

หัวทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เปิดปากพูดเรียงกัน:

“ชารอน…” “ผู้…” “ไม่ชอบ…” “ชื่อเล่น…”

…………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset