Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 771 : โจรปล้นดวง

ราชันเร้นลับ 771 : โจรปล้นดวง

‘อสรพิษ’ แห่งชะตาต้องการสิ่งตอบแทนแบบไหน? ไคลน์ครุ่นคิดพลางลุกขึ้นนั่ง นำหมอนมาหนุนแผ่นหลัง

ชายหนุ่มใช้สมองสักพัก ก่อนจะตัดสินใจยังไม่ด่วนสรุป เพราะอย่างน้อยก็ยังมีเวลาอีกกว่าหนึ่งเดือนก่อนที่วิล·อัสตินจะคลอด ตนสามารถโยนคำถามดังกล่าวไปให้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาหรือ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตที่อยู่เบื้องหลังคิดแทน

แน่นอน ไคลน์ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในเรื่องที่วิล·อัสตินจะคลอดก่อนกำหนด

ชายหนุ่มค่อยๆ หันมาสนใจเรื่องการสร้างยันต์จากหนอนกาลเวลา ตามข้อมูลที่อสรพิษแห่งชะตาบอกเล่า ตนบรรลุเงื่อนไขเกือบทั้งหมดแล้ว ขาดเพียงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง

สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล อาศัยพลังของมิติลึกลับเหนือสายหมอก… เราไม่แน่ใจว่าสัญลักษณ์ของเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ จะใช้ได้ผลไหม… แต่ถึงจะใช้ได้ เราก็ยังไม่เคยเห็นสัญลักษณ์นั่นอยู่ดี เว้นเสียแต่จะดึงผู้วิเศษเส้นทางนักจารกรรมเข้ามาในมิติหมอกจนสัญลักษณ์ปรากฏขึ้นหลังเก้าอี้… ขณะไคลน์ไตร่ตรอง มันผุดไอเดียใหม่กะทันหัน

ถ้าอย่างนั้น… ทำไมไม่ลองใช้สัญลักษณ์จากเก้าอี้เดอะฟูล?

สัญลักษณ์ดังกล่าวประกอบด้วย ‘เนตรไร้รูม่านตา’ ที่หมายถึงความลับ และ ‘เส้นเกลียว’ ที่หมายถึงความเปลี่ยนแปลง!

ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ไหม… การทำนายก็ไม่สามารถยืนยันผลลัพธ์ แต่ก็พอจะคาดเดาความสำเร็จได้คร่าวๆ … และถึงจะล้มเหลว ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหามากมายอะไร เพราะนี่เป็นการสวดวิงวอนถึงตัวเอง ต่อให้วัสดุหายไปในการทดลอง ปลายทางก็ยังเป็นมิติหมอก ไม่ได้หายไปไหน… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เริ่มตื่นเต้น อดไม่ได้ที่ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อ ‘ทดลอง’ ทันที!

‘หนอนกาลเวลา’ คือวัสดุที่อยู่บนเส้นทางนักจารกรรม เกิดจากฝีมือครึ่งเทพในระดับเดียวกับอามุนด์ ถึงตัวหนอนจะตายไปแล้ว แต่แก่นสารของมันยังอยู่ ระดับตัวตนยังคงเท่าเดิม หากนำไปสร้างเป็นยันต์ แม้พลังจะไม่ทัดเทียมเทวทูตด้วยหลายๆ เหตุผล แต่ก็หนีกันไม่มากนัก ระดับใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของนักบุญ หากไคลน์ผลิตขึ้นมาได้ จะเท่ากับมีไพ่ตายเพิ่มอีกหนึ่งใบ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน นั่นไม่ต่างอะไรกับการมีชีวิตเพิ่มอีกหนึ่งชีวิต แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้น ไม่ให้คาดหวังได้อย่างไร?

เนื่องจากเรายังใช้พลังของมิติหมอกได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ระดับของยันต์หนอนกาลเวลาคงลดลงเล็กน้อย… แต่ถึงอย่างนั้นก็คงดีกว่ายันต์ ‘กฎหมายที่เก้า’ ของพลเรือเอกอมิรุส… ถ้าเราใช้ ‘ออร่าของผู้ละเมอ’ เพื่อสร้างเป็นยันต์ขั้นสูงในขอบเขต ‘ปีศาจ’ ระดับคงทัดเทียมกับกฎหมายที่เก้า แต่น่าเสียดาย เราไม่กล้าสวดวิงวอนถึงด้านมืดของเอกภพ… ไคลน์ในสภาพสวมชุดนอน ฝ่าเท้าเปลือยเปล่า เดินถอยหลังสี่ก้าวบนพรมหนานุ่ม สวดวิงวอนเสียงต่ำ ส่งตัวเองเข้ามิติหมอก

หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาวของเดอะฟูล ชายหนุ่มเสกปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มและกระดาษหนังสีน้ำตาล เขียนประโยคทำนาย

“ยันต์ที่เรากำลังจะสร้าง ผลลัพธ์ออกมาราบรื่น”

คลายลูกตุ้มออกจากข้อมือ ไคลน์ถือโซ่เงินด้วยมือซ้าย เริ่มเข้าฌาน

หลังจากทวนประโยคทำนายซ้ำเจ็ดครั้ง ชายหนุ่มลืมตาขึ้น มองตรงไปข้างหน้า เห็นจี้บุษราคัมหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วค่อนข้างช้า วงในการแกว่งปรกติ

ราบรื่น… แต่คำถามคือ ราบรื่นเพราะสัญลักษณ์ดังกล่าวใช้งานได้ หรือราบรื่นเพราะล้มเหลวแต่ปลอดภัย? ไคลน์ นักทำนายมากประสบการณ์ พยายามตีความวิวรณ์ แต่ก็ไม่พบคำตอบที่แน่ชัด

สำหรับเรื่องนี้ มันไม่มีทางเลือกนอกจากทดลองด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถสรุปผล

ถัดมา ไคลน์เขียนประโยคทำนายใหม่

“การลอบสังหารมิสเตอร์ X ในวันศุกร์ของสัปดาห์นี้ ถือเป็นเรื่องอันตราย”

ท่องครบเจ็ดครั้ง จี้บุษราคัมยังคงหมุนตามเข็มนาฬิกา แต่เร็วกว่าและกว้างกว่าเดิมพอสมควร

มีอันตราย แต่ไม่มาก ยังไม่ถึงจุดที่เข้าไปพัวพันกับครึ่งเทพ ไม่ต้องพูดถึงราชาเทวทูต… หากมีบุคคลระดับดังกล่าวเข้ามาพัวพันจริง การทำนายของเราต้องได้ผลลัพธ์ล้มเหลวเนื่องจากถูกกีดขวาง… ดูเหมือนว่า ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุส ใกล้จะถูกล่อลวงออกจากเบ็คลันด์แล้ว… หมายความว่า อันตรายจากการทำนายหมายถึงมิสเตอร์ X และสมุนของมันเป็นหลัก… ยังอยู่ในขอบเขตที่เราสามารถรับมือได้… ตราบใดที่เราไม่พลาดเอง โอกาสสำเร็จจะสูงมาก… เมื่อตัดสินใจได้ ไคลน์วางปากกาลง ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับที่มักสร้างยันต์ขึ้นเอง ชายหนุ่มมีวัสดุเพียบพร้อม เทียนไขถูกหยิบออกมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือและจุดไฟ มอบแสงสลัวคล้ายยามพลบค่ำ เกิดเป็นแท่นบูชาเรียบง่าย จากนั้นก็ใช้มีดแกะสลักวาดสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของ ‘เดอะฟูล’ ลงบนผิวแผ่นเงิน

เนื่องจากไคลน์ไม่ทราบว่า ‘เดอะฟูล’ สอดคล้องกับตัวเลขใด สัญลักษณ์แบบไหน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากสลักทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้เหมือนกัน สิ่งนี้เป็นไปตามหลักการที่เขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับยันต์ แต่ก็จะสูญเสียพลังไปบางส่วน และโอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้น เพราะตัวตนลึกลับที่สวดวิงวอนถึง อาจมองว่าผู้สลักยันต์ไม่ได้ศรัทธาตนมากพอ ทว่า สำหรับไคลน์ เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะมันไม่มีทางไม่ชอบตัวเอง

หลังจากกรีดร่องบนผิวเงินเสร็จ ไคลน์หยิบขวดโลหะ ใช้พลังวิญญาณเพื่อถ่ายเทปรอทในขวด เติมเต็มร่องบนผิวเงินที่สลักไว้

แต่ครั้งนี้ ชายหนุ่มทำแค่ด้านเดียว จากนั้นก็ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองทันที ตอบสนองตัวเอง นำหนอนกาลเวลาที่มีวงแหวนมายาสิบสองวงกลับไปยังห้องนอนใหญ่ วางหนอนทาบลงบนแผ่นเงินแท้

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์ตั้งแท่นบูชา ถอยหลังสองก้าว เปล่งเสียงเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”

ทำตามขั้นตอนครบถ้วน ชายหนุ่มเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้ามิติหมอก หลังจากห่อหุ้มร่างกายด้วยไพ่จักรพรรดิมืด มันใช้พลังวิญญาณขับเคลื่อนพลังส่วนเล็กๆ ของมิติหมอกเพื่อตอบสนองพิธีกรรม

ขณะเห็นพลังอันพลุ่งพล่านหลั่งไหลเข้าไปในวงกลมแสง ไคลน์รีบกลับสู่โลกความจริง มองเห็นแท่นบูชาที่มืดมนราวกับซ่อนความลับไว้นับไม่ถ้วน มองเห็นแผ่นเงินลอยขึ้นไปในอากาศ หลอมรวมเข้ากับซากศพของหนอนกาลเวลา

ไคลน์เดินเข้าไปสองก้าว พลิกแผ่นเงิน เติมเต็มร่องที่สลักสัญลักษณ์เดอะฟูลด้วยปรอท

เมื่อเส้นสัญลักษณ์เริ่มสว่างขึ้น แสงดังกล่าวค่อยๆ กลายเป็นสีเทาเจิดจ้า

ไคลน์รีบชักมือกลับ เฝ้ามองแสงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ เริ่มห่อหุ้มแผ่นเงินไปพร้อมกับซากศพของหนอนกาลเวลา

ทันใดนั้น มืดมิดอันดำมืดรอบแท่นบูชาพลันบิดเบี้ยว คล้ายกับสภาพแวดล้อมโดยรอบกำลังเผชิญความผิดปรกติ

แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็จบลงอย่างรวดเร็ว ยันต์ซึ่งเต็มไปด้วยลวดลายพิสดารค่อยๆ ร่อนลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ ปัจจุบันกลายเป็นแผ่นผลึกสีดำโปร่ง รูปทรงคล้ายไพ่ขนาดเล็ก ดูราวกับเป็นดวงตาของใครสักคนที่กำลังเฝ้ามองโลก

สำเร็จ! เจ๋งเป้ง! ไคลน์มีความสุขสุดขีด รีบก้าวไปข้างหน้าและหยิบยันต์ขึ้น สัมผัสถึงความเย็นยะเยียบ คล้ายกับใช้มือเปล่าจับเกล็ดหิมะ

ไม่ว่าจะมีพลังมากน้อยเพียงใด แต่ในเมื่อก่อตัวเป็นรูปทรงยันต์อย่างชัดเจน สิ่งนี้หมายถึงการประสบความสำเร็จ!

เป็นอีกครั้งที่ไคลน์ได้ครอบครองยันต์ระดับครึ่งเทพ!

ชายหนุ่มรีบนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าไปในมิติหมอก ใช้พลัง ‘ทำนายฝัน’ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติอย่างคร่าว

ยันต์ที่คล้ายกับผลึกสีดำแผ่นนี้มีพลังเพียงหนึ่งชนิด แต่ก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ – มันจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถขโมยชะตากรรมของเป้าหมาย ไม่สิ ระบุให้ชัดก็คือ ชะตากรรมของเป้าหมายและผู้ใช้งานจะสลับกัน!

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ… ขณะศัตรูกำลังจะฆ่าเรา ยันต์แผ่นนี้จะทำการโอนถ่ายชะตาของอีกฝ่ายมาเป็นของเรา ช่วยให้เรารอดชีวิต และชะตากรรมที่ต้องตายของเราจะถูกย้ายไปอยู่กับเป้าหมายแทน จากนั้น เมื่ออีกฝ่ายลงมือเสร็จ มันจะพบว่าเป็นตัวเองที่ต้องตาย ไม่ใช่เรา… สอดคล้องกับพลังพิเศษของเส้นทางนักจารกรรม ทั้งชั่วร้ายและน่าพรั่นพรึง… เปลี่ยนจากการขโมยเงินเป็นขโมยโชคชะตา… หากหนอนกาลเวลายังมีชีวิตอยู่ และหากเราสามารถใช้พลังของมิติสายหมอกได้เต็มประสิทธิภาพ ยันต์แผ่นนี้อาจมีพลังไปถึงขอบเขตของกาลเวลา… ไคลน์ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ภายในใจรู้สึกหวาดหวั่นเล็กๆ

หากมันไม่มีความช่วยเหลือจากมิติหมอกเพื่อ ‘ฆ่าเชื้อโรค’ หากปราศจากพลังในการกีดขวางอันตราย ต่อหน้าหนอนกาลเวลา มันไม่มีหนทางเอาตัวรอดแม้แต่น้อย!

ฟู่ว… แต่ตอนนี้ ยันต์เป็นของเราแล้ว… ไม่ควรเรียกว่าหนอนกาลเวลาอีก คงต้องเรียกมันว่า ‘โจรปล้นดวง’ … ไคลน์เริ่มดำเนินกระบวนการส่งยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ กลับสู่โลกความจริง

จัดการพิธีกรรมเสร็จ ชายหนุ่มบรรจุยันต์ลงในกล่องบุหรี่เหล็กอย่างระมัดระวัง วางไว้ข้างนกหวีดทองแดงอะซิกและเหรียญทองของเซนอล ปิดทับอีกชั้นด้วยกำแพงวิญญาณ

ไคลน์ที่กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งหลังจากห่างหายไปพักใหญ่ ออกแรงดึงผ้าม่านจนมีช่องว่างให้แสงจันทร์ลอดผ่าน มอบความสว่างแก่ห้องนอนอันเงียบสงบ

ขณะชื่นชมทัศนียภาพ มันเหลือบไปเห็นร่างของคนผู้หนึ่งกำลังย่องออกจากบ้านส.ส. มัคท์ เดินหลบไปตามเงามืด ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้บ้านของตน

ไม่ใช่ใครนอกจากเฮเซล·มัคท์ เธอเดินมายังฝาท่อระบายน้ำอีกครั้ง เปิดฝาออก ปืนลงไปและปิดจากด้านใน

ทำไมถึงเอาแต่เข้าไปในท่อระบายน้ำ? ไม่ไปเล่นบทฮีโร่ในพื้นที่อื่นบ้าง? การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ… เว้นเสียจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือยืนยันว่าภายในท่อระบายน้ำมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ การเดินหาอย่างส่งเดชไม่มีทางได้พบอะไร… ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมเช่นนี้รังแต่จะทำให้หน่วยพิเศษของทางการตรวจพบความผิดปรกติ… ผนวกกับภาพเหตุการณ์ที่เราเห็นจาก ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส คล้ายกับเธอกำลังค้นหาบางอย่าง… เฮ่อ… ไม่รู้หรือไงว่าในท่อระบายน้ำของเมืองหลวงเต็มไปด้วยอันตราย? ไคลน์ยืนที่อยู่ด้านหลังช่องว่างผ้าม่าน เฝ้ามองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนอันเงียบสงัด

ชายหนุ่มไม่ได้พยายามตักเตือนเฮเซล ไม่ได้ใช้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เข้าสิงร่างโดยตรงเพื่อให้อีกฝ่ายตระหนักถึงความน่ากลัวของโลกผู้วิเศษ ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่แน่ใจว่า การที่เฮเซลประมาทเช่นนี้ เพราะยังไม่รู้จักโลกของศาสตร์เร้นลับดีพอ หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง ชายหนุ่มยังไม่ทราบว่าเฮเซลได้รับโอสถหรือสมบัติวิเศษมาจากใคร การตักเตือนด้วยความหวังดี อาจดึงดูดอันตรายเข้ามาหาโดยไม่จำเป็น

หลังจากดื่มด่ำไปกับค่ำคืนแสนสงบสุข ไคลน์กลับไปนอนบนเตียง หลับยาวจนกระทั่งรุ่งสาง

ก่อนที่ริชาร์ดสันจะเข้ามา มันแปลงโฉมเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล

“ผมรับงานนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ผมต้องการยืมกำไลข้อมือของคุณและหินภายในนั้น รวมถึงสิทธิ์ในการยืมใช้งานหนังสือเวทมนตร์ของคุณเป็นระยะเวลาหนึ่ง… ถ้าสำเร็จ ทรัพย์สินของเหยื่อจะตกเป็นของผมทั้งหมด คุณจะได้แค่ศีรษะของเป้าหมาย… และในกรณีที่จำเป็น คุณต้องยื่นมือช่วยเหลือ”

………………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset