Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 693 : ลงมือ

ราชันเร้นลับ 693 : ลงมือ

วางปากกาในมือลง ไคลน์ถอดลูกตุ้มวิญญาณออกจากข้อมือซ้ายและถือไว้ด้วยมือขวา นำปลายจี้บุษราคัมจ่อกับกระดาษเขียนประโยคทำนายในสภาพเกือบสัมผัส

“เอ็ดวิน่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้” ไคลน์หลับตาลงพร้อมกับพึมพำประโยคทำนายเสียงแผ่ว

ครบเจ็ดครั้ง ชายหนุ่มลืมตา จ้องจี้บุษราคัมที่กำลังหมุนตามเข็มนาฬิกา

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คำตอบออกมาเป็น ‘ใช่’ พลเรือโทธารน้ำแข็งอยู่ในหนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ !

เป็นโลกภายในหนังสือจริงด้วย… นอกจากนั้นยังเป็นโลกซึ่งมีสภาพแวดล้อมพิเศษ หากไม่มีคนใหม่เข้าร่วม เนื้อหาก็จะไม่คืบหน้า… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย ม้วนจี้บุษราคัมกลับที่เก่า หยิบปากกาหมึกซึมสีแดงจากด้านข้างขึ้นมาเขียนประโยคทำนายใหม่

“วิธีเข้าไปใน ‘การเดินทางของกรอซาย’ ”

คราวนี้เป็นเทคนิคทำนายฝัน ท่ามกลางโลกมายาสีเทา ชายหนุ่มมองเห็นร่างของกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง

บ้างมีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร บ้างผอมบาง จุดที่เหมือนกันก็คือ ทุกคนล้วนถือหนังสือเล่มเล็กซึ่งปกทำมาจากกระดาษหนังสีน้ำตาล

ฉากถัดไปเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันสองแบบ แบบแรกคือกลุ่มที่ถือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ไว้กับตัวและอันตรธานหายไปอย่างเงียบงัน อีกแบบหนึ่งคือกลุ่มที่วางหนังสือไว้ด้านข้างและหายตัวไปอย่างกะทันหันเมื่อเลือดของตนบังเอิญหยดใส่ปก!

ฉากความฝันแตกละเอียด ไคลน์ลืมตาขึ้นพลางมองไปบนโต๊ะทองแดงยาวซึ่งมีร่องรอยเก่าแก่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับเริ่มถอดรหัสความฝัน

หากต้องการเข้าไปใน ‘การเดินทางของกรอซาย’ จำเป็นต้องสัมผัสกับหนังสือเป็นเวลานาน หรือไม่ก็หยดเลือดของตัวเองลงบนปก?

แบบนี้ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ… ไม่สิ มันคงไม่ซับซ้อนอะไรนัก ทหารโลเอ็นในเรื่องเคยเป็นแค่คนธรรมดามาก่อน ไม่เคยมีความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพวกพ้อง เขาค่อย ๆ พัฒนาตัวเองจนกระทั่งกลายเป็น ‘อัศวินวินัย’ … หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง วิธีการเข้าไปในหนังสือต้องไม่ซับซ้อน เพราะแม้แต่คนธรรมดาก็ยังทำได้…

สำหรับกลุ่มคนที่พยายามค้นคว้าก่อนหน้านี้ รวมถึงพลเรือโทธารน้ำแข็ง พวกเขาล้วนมีความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับกว้างขวาง ย่อมตระหนักว่ามิอาจใช้เลือดของตนทดสอบส่งเดช เพราะนั่นไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย เฉกเช่นพิธีกรรมทำนายด้วยกระจกวิเศษซึ่งจะไปกระตุ้นความสนใจของตัวตนลึกลับและทรงพลังเข้า… เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่เกิดความผิดปรกติกับกลุ่มคนที่พยายามตรวจสอบมัน…

นอกจากนั้น ในกรณีของเอ็ดวิน่า เธอเก็บรักษา ‘การเดินทางของกรอซาย’ ไว้ในห้องของสะสมตลอดเวลา สัมผัสโดยตรงไม่บ่อยครั้ง… จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอตัดสินใจนำมันออกมาค้นคว้าบางสิ่ง จึงเกิดการสัมผัสอย่างยาวนานจนเข้าเงื่อนไขของหนังสือ?

ไม่ผิดแน่… แม้กระทั่งกระจกวิเศษอาโรเดสก็ยังมองว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ธรรมดา อดีตเจ้าของหายสาบสูญเป็นจำนวนมาก แถมยังสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับตระกูลมังกรและ ‘เลฟซิด’ เมืองแห่งปาฏิหาริย์… เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกกระตุ้นให้ทำงาน มันสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ในระดับหนึ่ง ลบร่องรอยที่เกี่ยวข้องทิ้งไปจนหมด ส่งผลให้เจ้าของคนก่อน ๆ ไม่พบความผิดปรกติในตัวหนังสือ จึงไม่เกิดความคิดที่จะตรวจสอบ…

อดีตเจ้าของที่หายสาบสูญอาจมีจำนวนมากกว่าตัวละครภายในเรื่อง แต่เกิดเสียชีวิตระหว่างทางจากอุปสรรค จึงมิอาจสลักชื่อไว้ในการเดินทาง…

ไคลน์สลัดความคิดปัจจุบันทิ้ง ลงมือทำนายเพื่อค้นหาวิธีออกจาก ‘การเดินทางของกรอซาย’

ในคราวนี้ ท่ามกลางโลกมายาสีเทา ชายหนุ่มมองเห็นพายุหิมะเกรี้ยวกราดและร่างหนึ่งซึ่งกำลังยืนบนยอดภูเขาน้ำแข็ง

ร่างดังกล่าวคือมังกรตัวใส สูงเกือบห้าเมตรในท่ายืนสี่ขา รูปร่างใกล้เคียงกิ้งก่า ใบหน้าอัปลักษณ์ ดวงตาสีฟ้าซีด หางหนาและใหญ่ แผ่นหลังมีปีกขนาดมหึมาคู่หนึ่งที่ราวกับจะปกคลุมท้องฟ้าหากสยายออกจนสุด

เกล็ดตามลำตัวคล้ายกับทำจากน้ำแข็ง ส่องแสงระยิบระยับ เป็นส่วนที่งดงามที่สุดบนร่างกาย

ทันใดนั้น มังกรที่ดูเหมือนกับก้อนน้ำแข็งยักษ์ชูคอพร้อมกับยกตัวขึ้น แผดเสียงคำรามดังทะลุผ่านพายุหิมะหนาแน่น

ในสภาพยืนสองขา มังกรตัวใสมีส่วนสูงกว่าสิบสองเมตร

ราชาแห่งแดนเหนือ… มังกรน้ำแข็ง… ไคลน์ออกจากความฝัน ใช้ปลายนิ้วเคาะที่วางแขน

ฉากในความฝันชวนให้ตีความได้ว่า :

กุญแจสำคัญในการออกจาก ‘การเดินทางของกรอซาย’ อยู่ที่ราชาแห่งแดนเหนือ!

สมมติฐานแรกของไคลน์ มังกรน้ำแข็งตัวดังกล่าวต้องถูกโค่น เป้าหมายของตัวเอกนามว่า ‘กรอซาย’ จึงจะลุล่วง และเมื่อเนื้อเรื่อง ‘จบบริบูรณ์’ ตัวละครทั้งหมดก็จะถูกส่งออกจากหนังสือ

ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่เป็นไปได้… พลังของเราก็อาจทำลาย ‘กำแพง’ ซึ่งกีดขวางระหว่างโลกในหนังสือและโลกความจริง… อาศัยประสบการณ์อันโชกโชน ไคลน์ผุดไอเดียหนึ่งสำหรับการทดลอง

ก่อนอื่น ชายหนุ่มหยิบไพ่จักรพรรดิมืดทางขวามือขึ้น ผสานเข้ากับร่างวิญญาณของตัวเอง

เพียงพริบตา ร่างกายไคลน์ถูกปกคลุมด้วยชุดเกราะสีดำ เหนือศีรษะสวมมงกุฎหนัก บรรยากาศรอบตัวสง่างามน่าเกรงขาม มอบความรู้สึกยิ่งใหญ่จนคนทั่วไปไม่กล้าสบตา

ถัดมา ชายหนุ่มกระตุ้นพลังภายในมิติลึกลับเหนือสายหมอกเทาจนถึงขีดสุด ควบคุมพวกมันให้เคลื่อนไหวตามใจนึก

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ไคลน์ไม่ลังเลที่จะกวักมือเรียก ‘คทาเทพสมุทร’ จากกองขยะ แผ่พลังวิญญาณเข้าไป

อัญมณีสีน้ำเงินบนหัวคทากระดูกค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละเม็ด ส่องแสงพราวพรายระยิบระยับ

สายฟ้าสีเงินจำนวนมากผุดขึ้นจากความว่างเปล่า ปกคลุมพระราชวังเหนือสายหมอกอันโอ่อ่าและสง่างาม ประหนึ่งท้องทะเลแห่งสายฟ้าคำราม

ท้ายที่สุด ไคลน์อาศัยคุณลักษณะในเชิง ‘สะกด’ และ ‘สมดุล’ ของพลังจักรพรรดิมืด ควบคุมมวลพลังของมิติหมอกซึ่งกำลังไหลเวียน ถ่ายเทพวกมันเข้าไปในพายุสายฟ้า

ครืน!

กลุ่มสายฟ้าเส้นหนาเริ่มมารวมตัวเหนือสายหมอก ก่อนที่แต่ละเส้นจะพุ่งผ่าลงมายัง ‘การเดินทางของกรอซาย’ ในรูปแบบหลากหลาย บ้างโจมตีพร้อมเพรียง บ้างเรียงรายตามติด

แสงสว่างอันเจิดจ้าปกคลุมพระราชวังสง่างามจนชวนให้แสบตา กินเวลานานไม่ต่ำกว่ายี่สิบวินาที

รอจนกระทั่งเหตุการณ์สงบ ไคลน์มองไปทางเป้าหมาย พบร่องรอยความเสียหายบนโต๊ะทองแดงยาวหลายจุด แต่หนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ กลับปราศจากรอยขีดข่วน มีเพียงรอยยับตรงมุมเล็กน้อย

ทรงพลังกว่าที่คิด… นั่นสินะ วัตถุที่สามารถสร้างโลกอีกใบย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว… การลงทุนซื้อเจ้านี่ในราคาแปดพันปอนด์ไม่ใช่เรื่องขาดทุนเลยสักนิด เราสามารถใช้เป็นโล่สำหรับป้องกันการโจมตีจากตัวตนระดับ ‘นักบุญ’ ได้เป็นอย่างน้อย ข้อเสียเดียวก็คือ ขนาดของมันเล็กเกินไป มิอาจปกปิดร่างกายได้มิดชิด… ขณะกระแสความคิดแล่นผ่านสมองไคลน์ โต๊ะทองแดงยาวกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อมิอาจฝืนใช้พลังทำลาย ‘กำแพง’ ที่ขวางกั้นระหว่างโลกในหนังสือและโลกความจริง ทางเลือกเดียวของไคลน์คือการเข้าไปด้วยวิธีการปรกติ

คงต้องกรีดเลือดออกมาจำนวนหนึ่ง นำขึ้นมาที่นี่และป้ายลงบนปก จากนั้นก็เข้าไปด้วยร่างวิญญาณพร้อมกับ ‘ไพ่จักรพรรดิมืด’ และ ‘คทาเทพสมุทร’ … คราวนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกนาสต์ ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร ตรวจพบพลังจักรพรรดิมืด หมอนั่นคงมิอาจหยั่งถึงสิ่งที่อยู่ภายในโลกของหนังสือได้ และไม่น่าจะบุกเข้าไปได้เช่นกัน… แต่ปัญหาคือ หากช่วยชีวิตพลเรือโทธารน้ำแข็งสำเร็จ เธอจะทราบทันทีว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด…

ไม่สิ ยังมีปัญหาที่สำคัญกว่านั้น… หากเข้าไปด้วยร่างวิญญาณ ร่างเนื้อของเราจะยังค้างอยู่ในห้องกัปตันของฝันทองคำ… เรายังไม่รู้ว่าเวลาในโลกหนังสือเดินไปเร็วแค่ไหน หลายวันอาจผ่านไปโดยไม่รู้ตัว หากเป็นเช่นนั้นจริง อาจเกิดอันตรายกับร่างเนื้อได้ทุกเมื่อ… คงตลกไม่น้อยถ้าเราช่วยเอ็ดวิน่าสำเร็จ แต่ร่างจริงของตัวเองกลับหายไปแทน… ไคลน์ปัดตกแนวคิดที่จะนำร่างวิญญาณเข้าไป

ชายหนุ่มยังไม่ไว้ใจลูกเรือฝันทองคำขนาดนั้น เช่นเดียวกันกับแอนเดอร์สัน นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด

หลังจากลองทำนายถึงโอกาสสำเร็จหากเข้าไปช่วยเอ็ดวิน่า ไคลน์พบว่าพลังทำนายของตนล้มเหลว จึงนั่งครุ่นคิดสักพักก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง นำ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ตามออกมาด้วยขั้นตอนไม่ซับซ้อน ลบร่องรอยพิธีกรรมทิ้งอย่างหมดจด

มองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ไคลน์เดินไปทางประตูห้องกัปตัน ปลดกลอนและเปิดประตู

‘นักชิม’ บลู·โวลส์ ‘นักร้อง’ ออร์ฟิอุส และคนที่เหลือต่างกำลังยืนรอด้วยสีหน้าคาดหวัง ไม่ขาดใครไปแม้แต่คนเดียว กระทั่งลูกเรือธรรมดาก็ยังแอบชะโงกหน้ามองจากบันได

“ได้เบาะแสบ้างไหม” บลู·โวลส์โพล่งถาม แต่มันไม่ได้ยินเสียงตัวเอง เพราะทุกคนด้านนอกต่างถามในสิ่งเดียวกัน

ไคลน์ชำเลืองสายตา พยักหน้ารับเล็กน้อย

เพียงพริบตา ชายหนุ่มได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังมาจากทุกจุด บรรยากาศเป็นไปอย่างตื่นเต้นและชื่นมื่น

ถ้าวันหนึ่งเราหายตัวไป จะมีคนคอยเป็นห่วงแบบนี้บ้างไหม… ไคลน์เรียบเรียงคำพูดและหันไปกล่าวกับเดนิส

“ฉันต้องการผู้ช่วย”

กล่าวจบ ชายหนุ่มเดินกลับเข้าห้อง ตรงไปทางโต๊ะอ่านหนังสือ

“ตกลง!” เดนิสรีบเดินตาม ลงกลอนประตูอย่างชำนาญ

“ให้ฉันทำอะไรบ้าง” เพลิงพิโรธถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ราวกับกำลังจินตนาการถึงฉากที่ตนช่วยชีวิตกัปตันสำเร็จ

ไคลน์ที่ยืนข้างโต๊ะอ่านหนังสือ กล่าวเสียงขึงขัง

“หลังจากนี้จะมีแต่อันตราย… อันตรายอย่างมาก”

“อันตรายอย่างมาก…” เดนิสเคี้ยวคำ

“นายอาจหายไปตลอดกาล หรือไม่ก็ตายโดยไม่รู้ตัว” ไคลน์เล่าผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น

ได้เห็นชายเสียสติอย่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำหน้าจริงจัง เดนิสเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ทันที จิตใจพลันดำดิ่งและสับสน

“อันตรายที่ว่า… เกี่ยวกับความปลอดภัยของกัปตันไหม?”

“เกี่ยวข้องโดยตรง” ไคลน์ตอบกระชับ

เดนิสเงียบงันสักพัก สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน

“ถ้าไม่ทำ… จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“กัปตันของนายอาจติดอยู่ที่นั่นตลอดไป หรือไม่ก็ตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า” ไคลน์เล่าความจริงทั้งหมด

เดนิสพะงาบปากขึ้นลง แต่มิได้กล่าวคำใด

สายตาเพลิงพิโรธเหม่อลอยราวสองสามวินาที ก่อนจะหันกลับมาทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์และกัดฟันพูด

“มาเริ่มกันเลย… แม่เย็*!” เดนิสสบถกับตัวเองเสียงค่อย

ไคลน์หยิบกระดาษและปากกาบนโต๊ะ เขียนโน้ตบางอย่างลงไปและพับกระดาษเป็นสี่เหลี่ยม ยื่นให้เดนิส

“เก็บสิ่งนี้ไว้ในกระเป๋า ค่อยเปิดอ่านหลังจากเข้าไป”

“เข้าไป?” เดนิสถามด้วยน้ำเสียงฉงน

ขณะซักถาม มันใช้มือรับกระดาษโน้ตตามจิตใต้สำนึก สอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง

ไคลน์ไม่ตอบ เพียงชี้ไปทาง ‘การเดินทางของกรอซาย’ บนโต๊ะอ่านหนังสือและกล่าว

“นำเลือดของตัวเองป้ายลงบนปก”

นี่มัน… เดนิสซึ่งเริ่มคาดเดาบางสิ่งได้ เอื้อมมือไปหยิบกริชทองแดงด้านข้างพร้อมกับพยักหน้า

“ตกลง!”

………………………………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset