Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 691 : พบหน้า

ราชันเร้นลับ 691 : พบหน้า

ไม่ต้องรอให้นายบอก ฉันก็พอจะเดาได้จากเหตุการณ์เมื่อครู่… เมื่อได้ยินคำถามของแอนเดอร์สัน ไคลน์สวมสีหน้าเคร่งขรึม

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งได้พบไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ในโลกวิญญาณ ขณะได้เห็นร่างจริงขนาดมหึมาและปราสาทเก่าแก่สไตล์โกธิก ไคลน์เชื่อว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่ตัวตนธรรมดา ดังนั้น การได้เห็นมาดามผู้ส่งสารเกือบจะเชือดนักล่าอันดับหนึ่งทิ้งอย่างง่ายดาย ไคลน์ไม่เคลือบแคลงอีกต่อไปว่าหล่อนคือครึ่งเทพผู้มีลำดับไม่ต่ำกว่า 4!

ครึ่งเทพยอมส่งจดหมายให้เราเพื่อแลกกับหนึ่งเหรียญทอง? ต่อให้คิดด้วยนิ้วเท้าก็ยังรู้ว่าไม่ปรกติ มาดามผู้ส่งสารคงมีความต้องการอย่างอื่นแอบแฝง… จริงอยู่ที่เรามักพบเจอเหตุการณ์ประหลาดบ่อยครั้ง แต่ในกรณีของมาดามผู้ส่งสาร เธออาจสนใจบางอย่างใจตัวเราและกำลังว่างอยู่พอดี…

สถานการณ์คล้ายกับท่าทีอันเป็นมิตรของ ‘กระจกวิเศษอาโรเดส’ และ ‘อสรพิษปรอท’ วิล·อัสติน… แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามประมาท ไม่ควรลดการป้องกันตัวลง… ดังนั้น หากยังไม่มีการตกลงให้แน่ชัด เราห้ามเป่าฮาร์โมนิก้าส่งเดชเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจถูกมาดามผู้ส่งสารฉีกร่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย… ไคลน์ขบคิดหลายสิ่งในเวลาอันสั้นด้วยสีหน้าภายนอกเรียบเฉย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แอนเดอร์สันผู้กำลังตื่นตระหนก

“ไม่เกี่ยวกับนาย”

“…” หมอนี่ลึกลับชะมัด! มีผู้ส่งสารเป็นถึงสัตว์วิญญาณระดับครึ่งเทพ! แถมยังรู้จักครึ่งเทพของโรงเรียนชีวิต… ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมราชาอมตะถึงไม่กล้าโจมตีทั้งที่คนสนิทถูกฆ่าตาย… ไม่แม้แต่จะโผล่หัว! หลังจากฉุกคิดบางสิ่ง แอนเดอร์สันแอบชำเลืองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“หืม…?” ไคลน์มองตอบอย่างไร้อารมณ์

แอนเดอร์สันรีบกลอกตาหนี หัวเราะแห้งสองสามหน

“ฉันแค่คิดว่า… นายเหมาะกับการเป็นนายแบบภาพวาด… ภาพประเภทพื้นหลังมืดมน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เข้ากับบุคลิกของนาย… คิดว่ายังไงบ้าง อยากได้สักรูปไหม? ฉันยินดีวาดให้ เชื่อเมื่อเถอะน่า! ถ้าเป็นของแบบนี้ ฉันถนัดมาก!”

ไคลน์ไม่แยแสถ้อยคำไร้สาระ หยิบนาฬิกาพกเรือนทองขึ้นมาเปิดฝา

“กลับไปที่ห้องของนาย อีกห้านาทีฉันจะไปหา”

“ตกลง” แอนเดอร์สันตอบพลางยิ้ม

รอจนกระทั่งนักล่าอันดับหนึ่งกลับไป ไคลน์หยิบนกหวีดทองแดงอะซิกและนกกระเรียนกระดาษของวิล·อัสติน กลับตัวเดินเข้าห้องน้ำ ลงมือประกอบแท่นบูชา

เมื่อนำต่างหูไข่มุกของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า เข้าไปในมิติเหนือสายหมอกเทาสำเร็จ ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาว เสกปากกาและกระดาษ เขียนประโยคทำนายเรียบง่าย

“เบาะแสของเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด”

ในสภาพถือกระดาษและต่างหู ไคลน์เอนหลังพิงพนัก พำพึมประโยคทำนายเสียงแผ่วพร้อมกับเข้าฌานให้หลับ

ในตอนแรก ภาพการมองเห็นของชายหนุ่มมีเพียงโลกมายาสีเทา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทุ่งหิมะสีขาวโพลน

เสียงโหยหวนของพายุหิมะดังกลบทุกสิ่ง รอบตัวมีเพียงหมอกหนาทึบรายล้อม มองยังไงก็ไม่เหมือนกับโลกแห่งความจริง

เพียงไม่นาน ไคลน์เห็นเอ็ดวิน่า หญิงสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลมัดรวบ กำลังผจญภัยท่ามกลางพายุหิมะอันเกรี้ยวกราด

หญิงสาวสวมเชิ้ตเอวลอยสีขาว ปกเสื้อและปลายแขนเต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อน กางเกงขายาวสีเข้ม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมตรงหน้า มองยังไงก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด

เอ็ดวิน่าสวมรองเท้าบูตหนังเดินไปบนหิมะอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นรอยเท้าทางยาวหนึ่งแถว อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำ รอยเท้าจางหายไปในเวลาไม่นาน

ทัศนียภาพของชายหนุ่มค่อย ๆ แตกกระจัดกระจาย ไคลน์ลืมตาขึ้นพร้อมกับตระหนักว่า จากความฝันเมื่อครู่ ตนไม่สามารถตีความตำแหน่งปัจจุบันของพลเรือโทธารน้ำแข็ง

“ขั้วโลก? ทุ่งรัตติกาลนิรันดร์? ไม่มีทางยืนยันได้ว่าเป็นที่ไหน… นอกจากพายุหิมะก็มองไม่เห็นอะไรอีก…” ไคลน์นั่งหลังตรง วางต่างหูไข่มุกและกระดาษเขียนประโยคทำนายลง

หลังจากใคร่ครวญสองสามวินาที ชายหนุ่มเพียงยืนยันได้ว่า เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดหายตัวไปจาก ‘ฝันทองคำ’ อย่างแน่นอน หรือก็คือ จดหมายจากเดนิสไม่ใช่กับดัก

ไคลน์ทำนายยืนยันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และพบว่าบนฝันทองคำไม่มีกับดักรอตนอยู่

ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์ออกจากห้วงมิติเหนือหมอกเทา นำต่างหูไข่มุกกลับไปยังโลกจริงด้วยขั้นตอนซับซ้อน

นั่งจินตนาการแผนที่ท้องทะเลแถบเกาะโอลาวีสักพัก ผนวกเข้ากับตำแหน่งปัจจุบันของฝันทองคำ ไคลน์เลือกจุดนัดพบเป็นเกาะร้างแห่งหนึ่งซึ่งชาวประมงมักแวะหลบฝน โดยเขียนลงไปในจดหมายว่า ให้เดนิสนำฝันทองคำไปจอดใกล้กับเกาะดังกล่าว

เก็บกระดาษและปากกา เป่าฮาร์โมนิก้า พบกับผู้ส่งสารสี่หัวอีกครั้ง

ขณะยื่นจดหมาย ไคลน์กระแอมเล็กน้อยพลางซักถาม

“ยังระบุตำแหน่งของเดนิสได้ใช่ไหม”

หนึ่งในศีรษะของไรเน็ตต์พยักหน้า ส่วนที่เหลือขยับปากพูด

“ได้…” “ขอแค่…” “ยังอยู่ในระยะ…”

หลังจากรอสักพักและพบว่ามาดามผู้ส่งสารยังลอยตัวอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้าโลกวิญญาณ ไคลน์ยืนมองพลางกล่าว

“เดนิสจะเป็นคนจ่ายเหรียญทอง”

“ตกลง…” ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจยาว เริ่มลงมือเตรียมการขั้นสุดท้ายอย่างรอบคอบและเก็บกวาดแท่นบูชาให้เรียบร้อย เก็บของใส่กระเป๋า เดินออกจากห้องตัวเองไปเคาะประตูห้องแอนเดอร์สัน

“พวกเรามีที่ที่ต้องแวะก่อนไปบายัม” ไคลน์เล่าการตัดสินใจของตนให้นักล่าอันดับหนึ่งฟังอย่างใจเย็น “นายมีสองทางเลือก ไปรอฉันที่บายัม หรือไปด้วยกัน”

แอนเดอร์สันเผยรอยยิ้ม

“เลือดนักผจญภัยของฉันกำลังเดือดพล่าน! เคยสงสัยมาตลอดว่าผู้ส่งสารครึ่งเทพตนนั้นนำข่าวแบบไหนมาแจ้ง… คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นฝ่ายออกปากชวนด้วยตัวเอง!”

ฉันเปล่าชวน ก็แค่บอกให้เลือก… ไคลน์เบือนหน้าหนีอย่างเย็นชา เดินไปทางบันไดโรงแรม แอนเดอร์สันเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่เพิ่งซื้อ รีบสืบเท้าตามหลังไปอย่างรวดเร็ว

ออกจากโรงแรม ไคลน์นั่งรถม้าเช่าออกจากเขตท่าเรือ ต่อด้วยการเดินเท้าไปยังริมหน้าผาร้างแห่งหนึ่งบนภูเขานักบุญเดรโก้

ขณะยืนจ้องคลื่นกระทบภูเขาด้านล่าง แอนเดอร์สันเผยสีหน้าประหลาดใจ

“ที่นี่คือจุดหมาย?”

ไคลน์ไม่สนใจคำถาม หยิบเครื่องรางดีบุกพร้อมกับกระซิบว่า “พายุ”

ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป ชายหนุ่มแบ่งพลังในยันต์ออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งให้ตัวเอง อีกครึ่งหนึ่งให้แอนเดอร์สัน จากนั้นก็โยนยันต์ลงไปใต้หน้าผา

“หายใจใต้น้ำ… เยื่อเคลือบร่างกายสำหรับทะเลลึก…” เมื่อทราบว่าพลังพิเศษที่ปกคลุมร่างตนคืออะไร แอนเดอร์สันประหลาดใจเล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังมาจากใต้หน้าผา เป็นสัตว์รูปร่างคล้ายวาฬตัวใหญ่โผล่ขึ้นจากผิวน้ำ

ร่างกายสีน้ำเงินเข้มทุกส่วน ปากอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันซี่ขาวซึ่งมีเศษเนื้อและคราบเลือดติดอยู่

ไคลน์เดินไปริมผาและกระโดด อาศัยพลังเวทร่อนลงอย่างนุ่มนวล เข้าไปในปากของสัตว์ทะเลขนาดมหึมา

แอนเดอร์สันยืนมองด้วยสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบกระโดดตามลงไปอย่างประหม่า ลงจอดด้านข้างไคลน์

สัตว์ทะเลปิดปากจนทัศนียภาพของทั้งคู่มืดสนิท

จากนั้น มันดำลงใต้น้ำ ว่ายไปยังจุดหมายปลายทาง

ภายในปากสัตว์ทะเล ดวงตาไคลน์กำลังส่องแสงคล้ายสายฟ้า สอดส่องมองหาในความมืดสักพัก พบฟันซี่หนึ่งซึ่งเหมาะแก่การเอนตัวพิง

เนื่องจากมี ‘เยื่อเคลือบทะเลลึก’ ชายหนุ่มไม่กังวลความสกปรก

“ฟู่ว… เจ๋งชะมัด…” แอนเดอร์สันมองไปรอบตัว ซักถามด้วยน้ำเสียงเจือความฉงน “นายคิดวิธีนี้ได้ยังไง? แล้วทำได้ยังไง?”

ไม่เห็นยาก ก็แค่สวดวิงวอนถึงตัวเองและใช้คทาเทพสมุทรเรียกสัตว์ทะเลที่เหมาะสมเข้ามาใกล้… ไคลน์ไม่ตอบคำถาม หรี่ตาลงครึ่งหนึ่งคล้ายกับต้องการพักผ่อน

“อึดอัดแฮะ…” แอนเดอร์สันหยิบซองบุหรี่และก้านไม้ขีดออกจากกระเป๋าเสื้อ “สูบได้ไหม?”

“ลองถามมันดูสิ” ไคลน์ตอบโดยไม่ลืมตา

แอนเดอร์สันหัวเราะแห้ง เก็บไม้ขีดและบุหรี่กลับ

“เจ้านี่ไม่น่าจะชอบกลิ่นบุหรี่”

ท่ามกลางท้องทะเลอันมืดมิดและเงียบสงบ สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาเคลื่อนตัวใต้น้ำอย่างรวดเร็ว มีการใช้อวัยวะพิเศษเป็นครั้งคราวเพื่อดึงออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ สัตว์ทะเลโผล่ขึ้นเหนือน้ำโดยมีด้านหน้าเป็นเกาะร้าง

หลังจากใช้ยันต์ร่อนลงบนเกาะ ไคลน์หันกลับมามองสิ่งมีชีวิตร่างใหญ่พลางถอดหมวก โค้งศีรษะให้เล็กน้อย

“สุภาพจังนะ…” แอนเดอร์สันผู้เห็นฉากดังกล่าว พูดติดตลก

“ฉันไม่เคยไม่สุภาพ กระทั่งในยามเผชิญหน้ากับเหยื่อ” ไคลน์ชำเลืองไปทางอีกฝ่าย คล้ายกับกำลังบอกเป็นนัยว่า ‘นายก็หนึ่งในนั้น’

แอนเดอร์สันหัวเราะแห้ง ชี้ไปทางฟากหนึ่งของเกาะร้าง

“ตรงนั้นมีเรือ… หือ… ฝันทองคำ!”

พร้อมกันนั้น ไคลน์มองเห็นเรือลำใหญ่ซึ่งมีความยาวหลายสิบเมตร รอบลำเรือสะอาดสะอ้าน ปืนใหญ่กระบอกหลักซึ่งดูไม่เข้ากับขนาดเรือยังคงมีลวดลายซับซ้อนและแสงสว่างหมุนวนอยู่เช่นเคย

ชายหนุ่มถือกระเป๋าเดินทาง ย่างกรายไปยังเรือลำดังกล่าว ใช้เวลาไม่นานก็เข้าประชิดฝันทองคำซึ่งกำลังทอดสมอ

จากนั้น ไคลน์เห็นเดนิสกระโดดลงจากดาดฟ้า รีบวิ่งข้ามน้ำตรงมา

เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เดนิสพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่บังเอิญหันไปเห็นอีกหนึ่งบุคคลที่คุ้นเคยเสียก่อน

“แอนเดอร์สัน·ฮู้ด!” เดนิสชี้หน้านักล่าอันดับหนึ่ง ตะโกนเสียงดัง

แอนเดอร์สันหัวเราะในลำคอ

“คาดไม่ถึงสินะ?”

แม้จะยังไม่ทราบว่าทำไมฝันทองคำถึงจอดที่นี่ แต่นั่นก็มิได้ทำให้แอนเดอร์สันเลิกคิดเรื่องการใช้กำลังเข้ายึดเรือ

พวกนายรู้จักกันมาก่อน? ไคลน์ชำเลืองเดนิสด้วยสีหน้าเฉยเมย

เดนิสสะดุ้งจากจิตใต้สำนึก ยิ้มแห้งและกล่าว

“หมอนี่ไม่ใช่คนดี! มันชอบไล่ล่ากลุ่มโจรสลัดบนทะเลหมอก! หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ถูกเปลี่ยนเป็นเงินค่าหัว! เกอร์มัน นายอาจไม่ทราบ ชายคนนี้เคยเติบโตมากับโบสถ์ปัญญาความรู้ แต่หลังจากสอบตกหนแล้วหนเล่าก็ถูกไล่ออก! นี่คือสิ่งที่กัปตันเล่าให้ฟัง ทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน!”

สีหน้าเดนิสบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังดูแคลนสติปัญญาของแอนเดอร์สัน เช่นเดียวกับ ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สันและคนอื่น ๆ บนเรือ

แอนเดอร์สันกวาดตามอง จ้องหน้าทุกคนพลางส่ายหัว

“นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักสักหน่อย… สาเหตุที่แท้จริงก็คือ เป็นเพราะฉันไปกระชากผมกัปตันของพวกนายต่างหาก!”

บรรยากาศเงียบสงัดโดยพลัน สีหน้าเดนิสบิดเบี้ยวอย่างมิอาจควบคุม

………………………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset