Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 672 : ผู้สังเกตการณ์

ราชันเร้นลับ 672 : ผู้สังเกตการณ์

เมื่อชำเลืองไปทางแคทลียาที่เงียบงัน ไคลน์พลันกระอักกระอ่วน

ชายหนุ่มไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหันหลังกระโดดลงจากหินใหญ่ เดินเข้าไปในอารามสีดำผ่านประตูที่เปิดแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง

ท่ามกลางลานจัตุรัสที่รายล้อมด้วยหอคอยและอาคารบรรยากาศหม่นหมอง เศษเปลวไฟจากสงครามยังคงหลงเหลือไว้ให้เห็น รวมไปถึงลูกศรขนาดใหญ่ที่หัวปักลงดิน ปลายหางโยกเอนเล็กน้อยตามแรงลม

แฟรงค์·ลียังคงขุดและปลูกบางสิ่ง เพียงแต่สิ่งที่วางข้างปลายเท้ามิใช่อาหารเหมือนคราวก่อน หากแต่เป็นบ่อเลือดเนื้อเหนียวข้น

“นายคิดจะทดลองพวกมันแบบไหน?” ขณะเดินผ่าน ไคลน์อดไม่ได้ที่จะถาม

แฟรงค์ยิ้มอย่างตื่นเต้น

“หลายวิธีเลยล่ะ! ยกตัวอย่างเช่น วัวหนึ่งตัวสามารถเป็นอาหารให้กับคนได้ทั้งเรือ หลังจากเฉือนเนื้อบางส่วนออก เนื้อที่หายไปก็งอกกลับขึ้นมาใหม่!”

ทำไมถึงเป็นวัวอีกแล้ว? ไคลน์ถึงกับตอบสนองไม่ถูก ทำได้เพียงวาดจันทร์แดงในใจอย่างเงียบงัน

ต้นหนอ็อตโตลอฟนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับหนังสือ นีน่าทำท่าทางคล้ายกับมีกิจวัตรเป็นการเปลื้องผ้า และฮีธ·ดอยล์ที่คอยหลบในมุมมืดอย่างเงียบงัน ไคลน์เดินผ่านทั้งหมดจนมาถึงโถงที่เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง

บนเก้าอี้เอนหลังที่ไม่มีใครทราบว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร แอนเดอร์สัน·ฮู้ดกำลังนอนแผ่หลาอย่างสบายใจ พลางชื่นชมภาพวาดอันศักดิ์สิทธิ์บนโดมหลังคา

“เฮ่อ… ในที่สุดก็จะได้ออกจากทะเลบัดซบนี่สักที คงไม่เกินอีกสักสองสามกลางวันกลางคืน!” เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินเข้าใกล้ นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดถอนหายใจยาว “ขอเพียงออกจากที่นี่ได้อย่างราบรื่น ฉันก็ไม่ต้องกังวลปัญหาที่จะตามมา”

เดิมที ไคลน์อยากเดินเข้าไปหุบปากอีกฝ่ายให้เงียบสนิท แต่เมื่อพิจารณาว่าแอนเดอร์สันพูดสาปแช่งแค่ตัวเอง ไม่เกี่ยวกับทุกคนบนเรือ ชายหนุ่มจึงไม่อยากเปลืองแรงจัดการ เพียงตั้งถามหยั่งเชิง

“นายมาจากอินทิสใช่ไหม?”

“เกือบใช่ พ่อฉันเป็นคนอินทิส แม่เป็นคนเซกัล” แอนเดอร์สันตอบด้วยสีหน้าอยากชวนคุย

ไคลน์เดินต่อไปอีกสองสามก้าว

“ถ้าอย่างนั้น นายนับถือสุริยันเจิดจรัส เทพจักรกลไอน้ำ หรือเทพปัญญาความรู้?”

สีหน้าแอนเดอร์สันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เดิมทีฉันนับถือเทพปัญญาความรู้ แต่นักบวชของที่นั่นมีแต่พวกน่ารังเกียจเพียงเพราะคะแนนสอบของฉันไม่ผ่านเกณฑ์ พวกมันกลับมองข้ามใบหน้าอันหล่อเหลา และเหยียดหยันราวกับฉันเป็นแค่ไอ้งั่งคนหนึ่ง เฮ่อะ! ฉันถนัดด้านอื่นต่างหาก! สติปัญญาของฉันไม่ได้ต่ำกว่าเกณฑ์สักหน่อย! คะแนนของฉันยอดเยี่ยมเสมอถ้าเป็นการวาดภาพและความรู้เชิงศิลป์! หึหึ ก่อนจะมาเป็นนักล่า ความฝันของฉันคือการเป็นจิตรกร… แน่นอน หลังจากออกทะเล ความศรัทธาของฉันถูกแบ่งมาให้เทพวายุสลาตันไม่มากก็น้อย”

ได้ยินคำอธิบายของแอนเดอร์สัน มุกตลกหนึ่งพลันผุดในหัวไคลน์ บางทีนักบวชของเทพปัญญาความรู้อาจกล่าวว่า : “สอบตก? เด็กคนนี้ไม่มีอนาคต เอาไปฝัง!”

ขณะชายหนุ่มเตรียมชักนำบทสนทนาไปยังช่วงชีวิตของแอนเดอร์สันหลังจากเป็นนักล่า เพราะเหนือสิ่งอื่นใด บนดินแดนความฝันแห่งนี้ นอกจากราชินีเงื่อนงำ แอนเดอร์สันเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ไคลน์สามารถสนทนาได้ตามปรกติ แต่ทันใดนั้น เสียงเปิดประตูพลันดังขึ้นข้างหู

ณ ส่วนลึกของโถงจิตรกรรม มีเสียงเปิดประตูดังปัง!

เมื่อครู่แอนเดอร์สันเพิ่งพูดว่า ขอเพียงตนออกจากที่นี่ได้อย่างราบรื่น… ไคลน์เกิดอาการคันฟันอย่างเหนือคำบรรยาย สายตาชำเลืองไปยังตำแหน่งต้นเสียง

มันเห็นชายสวมชุดลินินสั้นวิ่งออกจากส่วนลึกของห้องโถงด้วยความเร็วสูง ตรงมาทางตน

ผมสีดำขลับ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย คล้ายกับผ่านความทุกข์ยากมามากมาย

นักบุญมืด เลโอมาสต์! เลโอมาสต์ด้านดี! ขณะไคลน์จำหน้าอีกฝ่ายได้ ชายร่างใหญ่ก็โผล่ออกจากส่วนลึกของโถงจิตรกรรม

สวมเกราะหนักสีดำเข้มหัวจรดเท้า เบ้าตาทั้งสองข้างมีดวงไฟสีแดงสว่าง

ในมือถือดาบขนาดมหึมา ไล่กวดเลโอมาสต์อย่างบ้าคลั่ง

ตึง! ตึง! ตึง!

รองเท้าโลหะกระแทกพื้นหลายหน เกิดเสียงตึงตังอย่างเร่งร้อน

เลโอมาสต์ร่างจริง! จิตใต้สำนึกหลักของนักบุญมืด! ไคลน์ยืนจ้องร่างคนทั้งสองค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ทีละนิด ก่อนจะรีบหมุนตัวไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ เผ่นหนีด้วยความเร็วสูง

ชายหนุ่มกระโดดเกาะผนังด้านหนึ่งของโถงจิตรกรรม ขณะเดียวกันก็พบว่า แอนเดอร์สันที่ตนไม่ทราบว่ากระโดดออกจากเก้าอี้เอนหลังตั้งแต่เมื่อไร กำลังแนบตัวอยู่บนผนังห้องโถงอีกฝั่งเช่นกัน

เมื่อสัมผัสถึงสายตาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แอนเดอร์สันยกมุมปาก ตามด้วยการส่งรอยยิ้มแฝงความนัยกลับมาว่า ‘นายเองก็ได้ไม่ต่างจากฉันสักเท่าไร’

ฉันแตกต่างจากนาย! ฉันไม่ได้ทำแบบนี้เพราะขี้ขลาด หากไม่มีนาย ป่านนี้ก็คงหยิบคทาเทพสมุทรออกมาและดวลกับนักบุญมืดไปแล้วแปดร้อยยก! ฉันแค่กำลังคิดว่า หากช่วยเลโอมาสต์ด้านดีฆ่านักบุญมืดที่นี่ จะสร้างส่งผลกระทบต่อโลกความจริงได้บ้างหรือไม่…

อา… ด้านนอกห้องโถงมีลูกเรือคนสำคัญของอนาคตกาลหลายคน หากเลโอมาสต์อาละวาด ราชินีเงื่อนงำคงไม่ปล่อยผ่านไปแน่…

แต่บางที… สาเหตุที่ทั้งสองออกจากความฝันของตัวเองมาหาเราได้ อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ… เป็นเพราะตำแหน่งบนโลกความจริงใกล้กับพวกเรา? หรือมีใครบางคนนำทางเลโอมาสต์มาที่นี่? ราชินีเงื่อนงำ? กระแสความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์

หากเลโอมาสต์ที่สวมชุดลินินมองเห็นชายหนุ่มทั้งสอง คงไม่แคล้วแหกปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไคลน์กับแอนเดอร์สันกลับหายตัวในพริบตา ส่งผลให้เลโอมาสต์มองไม่เห็น หรืออาจจะมองเห็น แต่ไม่อยากดึงให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว

“…” เลโอมาสต์ชุดลินินวิ่งสุดกำลัง มุ่งหน้าออกจากโถงจิตรกรรม

เลโอมาสต์ในชุดเกราะอัศวินสีดำ เจ้าของดวงตาสีแดงเข้มยิ่งกว่าเก่า วิ่งกวดตามออกไปโดยไม่สนใจไคลน์กับแอนเดอร์สันที่แนบตัวอยู่กับผนังภาพวาดทั้งสองฝั่ง

รอจนกระทั่งทั้งสองออกจากโถง ไคลน์ที่มีสมมติฐานอยู่ในใจ ชิงลงมือโดยปราศจากความลังเล วิ่งพรวดตามออกไปประหนึ่งเสือชีตาห์

“…” แอนเดอร์สันทำได้เพียงยกมือขวาขึ้น คว้าลมสองหน ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเปล่งเสียงห้ามเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“ชายที่เยือกเย็นจนกระทั่งเมื่อครู่ เหตุใดถึงเกิดเป็นบ้าขึ้นมากะทันหัน? หมอนั่นบังเอิญรู้อะไรเข้า? น่าสงสัยชะมัด!” แอนเดอร์สันมองออกไปยังลานจัตุรัสด้านนอก ลังเลสักพัก สุดท้ายก็เลือกที่จะตามไคลน์ไป

การวิ่งไล่กวดยังดำเนินต่อไปจนสุดเขตอารามสีดำ ถึงจุดที่พลเรือเอกดวงดาวนั่งกอดเข่า ไคลน์พบว่าเลโอมาสต์ในเสื้อลินิกำลังวิ่งวนรอบหินก้อนใหญ่เพื่อหลบหนีร่างต้น ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้โอกาสสำคัญหลุดมือ ชำเลืองสายตาไปทาง ‘บรมมหาราชวังราชาคนยักษ์’ บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ท่องคาถาเสียงต่ำด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ

“ข้าแต่พระองค์ผู้รังสรรค์ทุกสรรพสิ่ง… พระองค์ผู้ปราดเปรื่องและปรีชา…”

บทแล้วบทเล่า เลโอมาสต์ท่องต่อจนจบ

“พระองค์ผู้เป็นรากเหง้าของทุกความยิ่งใหญ่ เป็นผู้เริ่มต้น ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ปิดฉาก”

“พระองค์ผู้เป็นเทพเหนือเทพ พระองค์ผู้ปกครองดินแดนมหาดาราอันกว้างใหญ่!”

เมื่อสิ้นสุดพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ ทะเลเมฆาที่ขวางกั้นยอดเขาทั้งสองลูกพลันกระเพื่อมอย่างรุนแรง ค่อย ๆ แยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวาทีละนิด เผยให้เห็นหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นก้น

ทันใดนั้น วังราชาคนยักษ์แบบจำลองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พลันดูดกลืนแสงสนธยาซึ่งสาดค้างจากท้องฟ้าในจุดห่างไกลเข้าไปจนหมด!

ทว่า เหตุการณ์จบลงเพียงเท่านี้

คล้ายกับไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งได้ รีบหันศีรษะครึ่งรอบ จ้องไปทางอาคารหลังหนึ่งซึ่งใกล้กับประตูอารามสีดำ ชายหนุ่มพบหน้าต่างกระจ่างใส สูงจากพื้นจรดเพดาน และพบแบร์นาแดต ราชินีเงื่อนงำผู้เลอโฉมจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ด้านล่างอย่างเงียบงัน

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เธอจงใจปล่อยให้เลโอมาสต์ด้านดีหลุดจากความฝัน ตรงมายังที่นี่… ในเมื่อแม้แต่ ‘ผู้สดับ’ ของชุมนุมแสงเหนือยังพาตัว ‘แจ็ค’ ไปที่ดินแดนเทพทอดทิ้งได้ ระดับนักบุญมืดเองก็น่าจะทำได้เช่นกัน! หากหนีมาถึงทางตันและเลโอมาสต์เห็นแบบจำลองวังราชาคนยักษ์เข้า ถึงจะเป็นบุคลิกด้านดี แต่จิตใต้สำนึกก็คงพยายามหลบหนีแน่ ส่งผลให้เขา ‘เผย’ วิธีเข้าสู่ดินแดนเทพทอดทิ้งต่อหน้าผู้สังเกตการณ์… ไคลน์ถอนสายตาออกอย่างมั่นใจ

ส่วนเหตุผลที่ทำให้เลโอมาสต์ด้านดีล้มเหลวก็คือ :

จุดประกอบพิธีกรรมยังไม่ถูกต้อง!

บนโลกจริง ต้องเข้าไปในทะเลที่ลึกกว่านี้ ค้นหาสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายและพิสดาร จากนั้นก็เอ่ยพระนามเต็มของพระผู้สร้างแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ขณะอยู่ในดินแดนความฝัน เพื่อเปิดทางเดินลับที่นำไปสู่วังราชาคนยักษ์แบบจำลอง? จากนั้นก็อาศัยความพิเศษของยามค่ำคืน ขยับร่างกายนำเรือแล่นผ่านทะเลหมอกที่มีทั้งความจริงและภาพลวงตาผสมผสาน จนกระทั่งเข้าสู่เขตชายหาดของดินแดนเทพทอดทิ้ง? ไคลน์คาดเดา

สำหรับชายหนุ่ม วิธีการเข้าสู่ดินแดนเทพทอดทิ้งยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะถ้ากลายเป็นลำดับ 4 และครอบครองเศษเสี้ยวพลังแห่งเทพเมื่อไร แค่ให้เดอะซันน้อยประกอบพิธีกรรม ตนก็จะเข้าไปเหยียบแผ่นดินได้ทันที!

แต่ในทางกลับกัน หากถอดรหัสย้อนหลังและใช้วิธีดังกล่าวหลบหนีออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง ข้อมูลเมื่อครู่นับว่ามีมูลค่ามหาศาลต่อชาวเมืองเงินพิสุทธิ์มาก!

กล่าวอีกนัยนึ่ง กุญแจสำคัญสำหรับเดินทางออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งคือวังราชาคนยักษ์ แต่จะเป็นอะไรนั้น ตอนนี้ยังไม่มีทางเดาได้… ขณะความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์ เถาวัลย์ด้านข้างพลันเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนลานโล่งนอกอารามสีดำให้กลายเป็นผืนป่าเขียวชอุ่ม และนั่งทำให้เลโอมาสต์ร่างดีถูกจับแยกออกจากนักบุญมืด

ทันใดนั้น ไคลน์มองผ่านรอยแยกของเถาวัลย์ เห็นพลเรือเอกดวงดาวกำลังยืนอยู่บนก้อนหิน มิได้นั่งกอดเข่าเหมือนกับทุกที

ฉ่า!

เดอร์ริคกลิ้งตัวเป็นอันดับแรก ก่อนจะกระโดดฟาดขวานใส่ท่อนขาขนาดมหึมาที่มีขนดกดำปกคลุม สายฟ้าสีเงินพรั่งพรูออกจากอากาศว่างเปล่า สัตว์ประหลาดตาเดียวพลันสั่นเทิ้มโดยมิอาจขยับเขยื้อน

เดอร์ริคไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย เหยียดแขนออกทันที

แสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างไสวและบริสุทธิ์ผุดผ่องสาดทอลงมาจากด้านบน ปกคลุมร่างสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ขนาดยักษ์อย่างท่วมท้น

ท่ามกลางแสงสว่างแผดเผา ร่างของสัตว์ประหลาดทรุดลงพลางกรีดร้อง หมอกสีดำเริ่มผุดขึ้นตามลำตัว

หลังจากผ่านการต่อสู้มาพักใหญ่ เดอร์ริคพบว่าสัตว์ประหลาดที่บุกรุกหมู่บ้านยามบ่ายพิสดารล้วนหวาดกลัวต่อแสง ไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด

ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้มันหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ และยังทำให้เพื่อนร่วมทีมรอดชีวิต

ผ่านไปไม่นาน เมื่อนักล่าปีศาจโคลินปราบสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดลงได้ หมู่บ้านยามบ่ายพลันกลับสู่ความเงียบสงัด เทียนไขที่ถูกจุดล้วนดับมอด

ผู้นำแห่งหกสภาอาวุโสกวาดตามอง ถอนหายใจยาว

“พักกันก่อน… หลังจากนั้นค่อยตั้งค่าย”

ปัจจุบัน ทีมสำรวจที่รวมกลุ่มกัน สูญเสียสมาชิกไปมากจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม

เหลือแค่หกคนเท่านั้น!

เป้าหมายที่แท้จริงของโคลิน·อีเลียดคือวังราชาคนยักษ์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านยามบ่ายทำให้มันไม่กล้าบุ่มบ่าม เหตุเพราะวังราชาคนยักษ์อาจซุกซ่อนความลับของเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ และเต็มไปด้วยอันตรายเหนือจินตนาการ อาจต้องใช้เวลาสำรวจยืนยันให้แน่ใจราวครึ่งปี หนึ่งปี หรือแม้กระทั่งสองปี ก่อนจะเริ่มลงมือตรวจสอบด้านในวังราชาคนยักษ์

……………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset