Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 610 : ทอยเต๋า

ราชันเร้นลับ 610 : ทอยเต๋า

ได้ยินคำเชื้อเชิญของเลียวนาร์ด เอ็มลินมิได้เผยความเกรงกลัว เพียงถือหมวกผ้าไหมด้วยรอยยิ้มไม่ยินดียินร้าย ย่างกรายเข้าไปในบ้านอย่างใจเย็น

มันมิได้ถอดโค้ท เนื่องจาก ‘ศาสตราจารย์โอสถ’ ต้องพกพาอุปกรณ์ช่วยเหลือมากมายตลอดเวลา คงเป็นภาพที่ไม่งามนักหากต้องเผยให้คนอื่นเห็น

เอ็มลินในชุดทักซิโด้นั่งลง เอนหลังพิงพนัก กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

“เข้าเรื่องกันดีกว่า หากคุณมีสิ่งที่ผมต้องการ เชิญแจ้งราคามาได้เลย แต่ถ้าไม่ ก็แค่บอกตามตรง …แต่ผมมั่นใจว่าคุณมี”

มันหัวเราะในลำคอ กระจกตาสีแดงกำลังสะท้อนภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเลียวนาร์ด

การได้อยู่ในสถานะ ‘ฉันรู้ความลับของนาย แต่นายไม่รู้ความลับของฉัน’ ทำให้เอ็มลินมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับกำลังเป็นฝ่ายคุมเกม

เลียวนาร์ดสางผมสีเข้มด้วยมือข้างหนึ่ง ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่กดดัน มุมปากเผยรอยยิ้มที่ปราศจากความตื่นตระหนก

“ผู้ซื้อเป็นใคร”

“อาจเป็นผม หรืออาจเป็นเพื่อนของผม”

เอ็มลินเชิดคาง เผยรอยยิ้มสง่างาม

เลียวนาร์ดหรี่ตาลง เอียงคอเล็กน้อย ประหนึ่งกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง

ในที่สุด มันหัวเราะในลำคอ

“เข้าใจแล้ว… ในเมื่อคุณมาพร้อมเข็มกลัดนั่น ผมจะยอมตอบตามความเป็นจริง อย่างที่คุณทราบ ผมมีสมบัติวิเศษที่สามารถขโมยพลังพิเศษจากคนอื่นได้ แต่ก็มีในครอบครองแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น หากคุณต้องการมัน ผมยินดีขายให้ในราคาเจ็ดพันปอนด์ ขอปฏิเสธการต่อรองทุกกรณี”

เจ็ดพันปอนด์… สมบัติวิเศษที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษมีราคาสูงขนาดนั้นเชียว?

แม้เอ็มลินจะไม่ต้องจ่ายด้วยเงินตัวเอง แต่ราคาก็มากพอจะทำให้ผีดูดเลือดผู้สูงส่งเกือบเสียอาการ

ภายในสมอง เอ็มลินรีบแปลงค่าเงินเป็นจำนวนตุ๊กตาและเสื้อผ้าตามสัญชาตญาณ

ผ่านไปสองวินาทีอย่างเงียบงัน ผีดูดเลือดหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ขอคิดดูก่อน จะให้คำตอบในอีกสองวัน”

“ตกลง” เลียวนาร์ดยกมุมปาก

เอ็มลินเดินออกจากบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์โดยทำตัวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งรถม้าไปลงสถานีรถไฟใต้ดินประจำเขตเหนือ และเดินทางต่อไปยังย่านทิศใต้ของสะพานด้วยรถม้าเช่าอีกทอด

ถอดหมวกออก หันหลังกลับไปมองรถม้าแล่นออกจากถนน เอ็มลินหัวเราะในลำคอพร้อมกับเดินเข้าไปในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว

ในเวลาเดียวกัน ณ จุดระหว่างต้นไม้และเสาโคมไฟแก๊สสีดำ เงาดำร่างหนึ่งลอยขึ้นจากพื้นอย่างเงียบงัน ไม่ใช่ใครนอกจากเลียวนาร์ด·มิเชลเจ้าของเส้นผมสีดำดวงตาสีเขียว

การปรากฏตัวของมันไม่โดดเด่นสะดุดตา ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่มีใครหันมาสนใจ

คนของโบสถ์พระแม่ธรณี…

เลียวนาร์ดขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเอง

มันยืนนิ่งสักพัก ก่อนจะหายตัวไปจากถนนกุหลาบอย่างไร้ร่องรอย

“เจ็ดพันปอนด์…? ถ้านายร้อนเงินขนาดนั้น ไปปล้นธนาคารง่ายกว่าไหม”

บนมิติหมอก ไคลน์ส่งเสียงอุทานหลังจากได้ยินคำตอบจากเอ็มลิน

ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นชีวิตนักผจญภัย ชายหนุ่มเคยให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์พูดในทำนองเดียวกันก็จริง แต่บริบทและจำนวนเงินแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

จากข้อมูลของ ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สัน ผู้ช่วยรองกัปตันแห่งฝันทองคำ ไคลน์ประเมินว่าสมบัติวิเศษในลักษณะดังกล่าวคงมีราคาประมาณห้าพันปอนด์ อย่างมากไม่เกินหกพันปอนด์ในกรณีรีบร้อน จึงคาดไม่ถึงว่าเลียวนาร์ดจะโขกไปถึงเจ็ดพันปอนด์ถ้วน!

หรือจะเป็นสมบัติวิเศษที่เกิดจากผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทาง ทำให้มีพลังหลายชนิดอยู่ในชิ้นเดียว และหนึ่งในนั้นคือการขโมยพลัง?

ไม่น่าใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ราคาต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์แน่นอน… นักกวีเพื่อนรัก ทำไมนายถึงได้หน้าเงินแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเคยทำตัวเฉื่อยชาและไม่เห็นความสำคัญของเงินมาตลอดหรอกหรือ?

ไคลน์ถอนหายใจห่อเหี่ยว

ปัจจุบัน ในเมื่อมันพบวิธีครอบครองสมบัติวิเศษตามที่ต้องการ และเป็นการแก้ปัญหาด้วยเงินทองเพียงอย่างเดียว มันตัดสินใจไม่เสียเวลาคิดหาหนทางอื่นเพิ่มเติม เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาไปในตัว

ไคลน์ลองนั่งคำนวณมูลค่าทรัพย์สินปัจจุบันของตนในใจ และพบว่าราคาดังกล่าวอยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้

“เมื่อนับรวมค่าจ้างสามร้อยปอนด์จากนักปรุงยาอ้วน เงินค่าหัวของ ‘นักเจรจา’ อีกห้าพันสี่ร้อยปอนด์ เงินจากศพอีกจำนวนหนึ่ง ถึงจะหักเป็นค่าจ้างมิสเมจิกเชี่ยนอีกสองร้อยปอนด์ เราก็ยังมีทรัพย์สินทั้งหมด 12,767 ปอนด์กับอีกห้าเหรียญทอง รวมถึงเศษเงินอีกสามซูลแปดเพนนี ไม่เพียงเท่านั้น ภายในสัปดาห์ มิสจัสติสจะคืนเงินสองพันปอนด์ให้ข้ารับใช้ของเดอะฟูล และอีกหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์เป็นค่าตะกอนพลังนักจิตบำบัด… จะว่าไป เราเองก็ร่ำรวยพอตัว แม้จะอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ก็ยังถือว่าเป็นเศรษฐี”

ไคลน์สูดลมหายใจเข้า เสกปึกธนบัตรออกจากกองขยะโดยปราศจากความลังเล สั่งให้พวกมันลอยลงมาวางบนโต๊ะทองแดงยาว

มันบรรจงนับเงินสดแยกออกมาเจ็ดพันห้าร้อยปอนด์ โดยห้าร้อยปอนด์ถูกแบ่งให้เอ็มลินเป็นค่าเสียเวลาและ ‘เสี่ยงภัย’

เฮ่อ… ทำงานแทบตายกว่าจะได้หมื่นปอนด์ แต่กลับต้องเสียเกินกว่าครึ่งในพริบตา…

ไคลน์เสกเดอะเวิร์ลขึ้นมาและควบคุมให้ก้มหน้าสวดวิงวอน เป็นการตอบกลับไปยังเอ็มลิน แจ้งว่าตนไม่มีปัญหากับราคา และพิธีกรรมจะจัดขึ้นในอีกสิบห้านาที ให้รอรับเงินจากเดอะฟูล

นอกจากนี้ ไคลน์ยังให้เดอะเวิร์ลกำชับกับเดอะมูน·เอ็มลินว่า อย่าได้เร่งนำเงินไปจ่ายให้อีกฝ่ายเร็วนัก รอให้ถึงพรุ่งนี้เสียก่อน

เหตุผลไม่ซับซ้อน ชายหนุ่มกังวลว่า เทวทูตตระกูลโซโรอาสเตอร์ในตัวเลียวนาร์ดจะสัมผัสถึงออร่าสายหมอก จึงอยากให้ ‘ตาก’ เงินสดไว้ก่อนหนึ่งวัน เป็นเทคนิคเดียวกับที่ไคลน์ทำก่อนจะมอบเข็มกลัดผู้สันโดษแห่งชะตาให้เอ็มลิน

สิบห้านาทีถัดมา ไคลน์เหลือบมองไปยังธนบัตรทองปอนด์ที่เหลือไม่ถึงครึ่งจากของเดิม ลมหายใจถูกพ่นออกอย่างห่อเหี่ยว ก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงด้วยอารมณ์หม่นหมอง

ตอนนี้เป็นเวลา 10:40 น. ของวันศุกร์ เหลืออีกเพียงแปดชั่วโมงก่อนที่เรือโดยสารจะแล่นไปถึงเกาะโอลาวี

ถึงเวลาข่มขู่ลูกเต๋าความน่าจะเป็นอีกครั้ง…

ไคลน์พึมพำพลางประกอบพิธีกรรม นำกล่องบุหรี่โลหะที่บรรจุ ‘ดวงตาดำล้วน’ จากมิติหมอกลงมายังโลกจริง

ด้วยเกรงว่าดัควีลล์จะเกิดความสงสัย ไคลน์นำลูกเต๋าเข้าไปจัดการในห้องน้ำตามเดิม

หลังจากเห็นลูกเต๋าความน่าจะเป็นกลับมาเชื่องอีกรอบ ชายหนุ่มรีบเก็บดวงตาดำล้วนและกล่องบุหรี่โลหะกลับขึ้นมิติหมอก พ่นลมหายใจด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ภายในใจคำนวณบวกลบเวลาอย่างคร่าว

เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้ดัควีลล์นำลูกเต๋าไปส่งถึงปลายทาง ไม่จำเป็นต้องข่มขู่เพิ่มเติม…

คิดมาถึงจุดนี้ ไคลน์เป็นกังวลกับปัญหาใหม่

ในเมื่อดวงตาดำล้วนถูกปนเปื้อนด้วยจิตกัดกร่อนของพระผู้สร้างแท้จริง การนำออกมายังโลกจริงทุก ๆ หลายชั่วโมงอาจทำให้อีกฝ่ายสัมผัสถึง หากทางนั้นเกิดความสนใจ ก็อาจส่งบุคคลระดับสูงมาตรวจสอบโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ในการข่มขู่แต่ละครั้ง เรานำดวงตาออกมาแค่หนึ่งถึงสองนาทีเท่านั้น แม้จะอีกฝ่ายจะสัมผัสได้ แต่ก็คงมิอาจระบุตำแหน่งอย่างแม่นยำ อย่างมากก็เป็นสถานที่กว้าง ๆ …

เฮ่อ… ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระผู้สร้างแท้จริง เราไม่เคยทำนายหาผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยสักครั้ง ทำได้แค่เพิ่มความระมัดระวังให้มากที่สุด… แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อีกแค่แปดชั่วโมงก็จะไปถึงไปเกาะโอลาวี…

บ้าจริง… เราปักเดธแฟล็กให้ตัวเองทำไม! ถุด! ถุด! ถุด! เราไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น!

ไคลน์หยิบลูกเต๋าความน่าจะเป็นเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น ภาพที่เห็นคือนักปรุงยาร่างท้วมกำลังนั่งหมดสภาพบนเก้าอี้นอน แต่ทางนกฮูกอ้วนกลับยังมีดวงตาเปล่งปลั่ง คล้ายกับไม่ต้องการการพักผ่อน

นี่คือความแตกต่างหลังจากสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดดื่มโอสถเข้าไป? อย่างน้อยเราก็ไม่เคยได้ยินมิสจัสติสพูดว่า เธอตื่นตัวตลอดทั้งวันโดยไม่มีความจำเป็นต้องนอน… เป็นเพราะโครงสร้างทางธรรมชาติของนกฮูก? เฮ่อ… เราไม่มีข้อมูลเชิงลึกในด้านนี้ สมแล้วที่เป็นแค่นักรบคีย์บอร์ดผู้รอบรู้ทุกเรื่องอย่างละนิด…

ไคลน์นั่งบนโซฟาพร้อมกับวางลูกเต๋าสีขาวนมสดในกล่องแหวนลง อดทนรอให้ถึงช่วงเย็นด้วยใจจดจ่อ เพราะนั่นจะเป็นเวลาที่เรือจอดเทียบท่าเกาะโอลาวี

ผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที แสงแดดอันร้อนแรงด้านบนเริ่มคล้อยไปทางทิศตะวันตก ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งลดต่ำใกล้กับเส้นขอบฟ้า

ทันใดนั้นเอง ไคลน์ที่กำลังหลับตาเอนหลังด้วยสมาธิเต็มเปี่ยม พลันตระหนักถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงชนิดที่ทำให้ร่างกายเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง!

ไม่เพียงเท่านั้น ความรู้สึกนี้มิได้มาจากสัมผัสวิญญาณของนักทำนายหรือนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลก แต่มาจากหมอกสีเทาล่องหนที่กำลังกระเพื่อมรอบตัวชายหนุ่มอย่างแปลกประหลาด

ศัตรู! เป็นใครกัน… ผู้กลืนหาง·โอโรเลอุส หรือนักบุญคนอื่นจากชุมนุมแสงเหนือ?

ดวงตาไคลน์กำลังเบิกกว้าง สีหน้าเผยความตึงเครียดถึงขีดสุด สมาธิทั้งหมดถูกทุ่มไปกับการคิดหาวิธีรับมือ

ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากลงมือผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย มันเชื่อว่าตนควรวางแผนชีวิตหลังเกิดใหม่เตรียมรอไว้ได้เลย

ในส่วนของนักปรุงยาอ้วนกับนกฮูก พวกมันจะถูกเชือดทิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย

ย้อนกลับไปตอนแรก ไคลน์เชื่อว่าอีกฝ่ายคงสัมผัสถึงดวงตาดำล้วนได้อย่างคร่าวเท่านั้น ไม่น่าจะระบุตำแหน่งของตนหรือลูกเต๋าความน่าจะเป็นได้อย่างชัดเจน

แต่เมื่อลองไตร่ตรองอย่างละเอียด ถึงจะเป็นสถานที่กว้าง ๆ แต่บริเวณดังกล่าวมีเพียงท้องทะเลและเรือเดินสมุทร การเลือกตรวจสอบไปทีละจุดก็ไม่ใช่เรื่องเกินกำลังแต่อย่างใด!

ทันใดนั้นเอง ณ ท้องฟ้าเหนือเรือเดินสมุทร ห้วงมิติถูกฉีกขาดด้วยฝีมือของใครบางคน ประตูมายาลวดลายซับซ้อนบานหนึ่งปรากฏขึ้น

สองมือที่มีผิวพรรณขาวซีดโผล่ออกจากประตูพร้อมกับคว้าขอบทั้งสองฝั่ง ตามด้วยการดึงกลับเพื่อลากร่างกายด้านในตามออกมา

ชายลึกลับสวมชุดคลุมและหมวกใบเล็กสีดำที่ได้รับความนิยมในอดีต เมื่อพิจารณาจากใบหน้า ประเมินว่าอายุคงยังไม่ถึงสี่สิบ เส้นผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย รอบตัวแผ่บรรยากาศคุกคามเข้มข้นจนชวนให้อึดอัด

ภายในดวงตาสีเข้มคล้ายกับมีเงาดำอาศัยอยู่นับไม่ถ้วน ประหนึ่งเป็นอีกโลกที่วุ่นวายและโกลาหล

สัญชาตญาณรับรู้อันตรายของไคลน์ถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ลำพังอารมณ์ตึงเครียดทางสีหน้าของชายหนุ่ม ก็มากพอจะทำให้ดัควีลล์และนกฮูกแฮร์รี่ผงะจนตัวแข็งทื่อฉับพลัน

มันไม่ลังเลอีกต่อไป รีบทำตามแผนที่เคยคิดเตรียมไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่างกายโน้มลงไปหยิบลูกเต๋าความน่าจะเป็น

“จงควบคุมผลลัพธ์การตัดสินใจของผู้บุกรุกที่มีเจตนาร้าย… ฉันต้องการหนึ่งแต้ม!” ไคลน์ทอยเต๋าพลางกระซิบ ภายในใจสวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาล อธิษฐานให้ลูกเต๋าที่เพิ่งถูกข่มขู่ยอมร่วมมือแต่โดยดี

ขณะเดียวกัน มันยังคงทำตัวสุขุม ด้วยเกรงว่าหากลูกเต๋าสัมผัสถึงความสั่นคลอนทางจิตใจ อาจฉกฉวยโอกาสสร้างความฉิบหายให้แก่ตน

ท่ามกลางเสียงดังกระทบหลายหน ลูกเต๋าความน่าจะเป็นหมุนรอบตัวสองสามครั้ง ก่อนจะหงายออกมาเป็นหนึ่งแต้มสีแดงฉานราวกับเลือด

เหนือเรือเดินสมุทร ภาพของเรือทั้งลำกำลังปรากฏในการมองเห็นของชายสวมชุดคลุมสีดำผู้มีอายุไม่ถึงสี่สิบ

มันแผ่ขยายพลังวิญญาณพลางกวาดตามองไปรอบลำเรือ ก่อนจะเหยียดแขนเข้าไปในห้วงมิติว่างเปล่าตรงหน้า ง้างเปิดบานประตูมายาที่แทบไม่มีใครมองเห็น

บุคคลลึกลับและทรงพลังแทรกตัวเข้าไปในช่องว่างห้วงมิติ หายตัวไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อไคลน์ในห้องพักเฟิร์สคลาสตระหนักว่าอันตรายผ่านพ้น มันรีบหายใจทั่วท้องด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

ชายหนุ่มจ้องไปยังลูกเต๋าความน่าจะเป็นบนโต๊ะกาแฟ ในใจส่งเสียงรำพัน :

หากเจ้านี่ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง สามารถใช้ประโยชน์ด้านบวกได้อย่างเต็มที่ มันจะกลายเป็นอาวุธสงครามที่ไร้ผู้ต่อต้าน!

สมกับเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 0 สมกับเป็นเส้นทางสัตว์ประหลาด…

“ก…เกิดอะไรขึ้นหรือ” ดัควีลล์รวบรวมความกล้าหาญที่มีอยู่น้อยนิด ซักถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ไคลน์รักษามาด ตอบกลับเสียงนิ่ง

“นายไม่จำเป็นต้องรู้”

“ข…เข้าใจแล้ว! ตกลง! ยิ่งฉันรู้มากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นอันตรายสินะ” ดัควีลล์ปาดเหงื่อเย็นเฉียบกึ่งกลางหน้าผาก

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรค เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าโดยสมบูรณ์ เมื่อผืนนภามีเพียงสีดำสนิทไร้สิ่งเจือปน ไคลน์เริ่มเห็นประภาคารสำหรับนำทางให้เรือแล่นเข้าไปจอดเทียบท่า

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset