Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 599 : มังกรข่มขวัญ

ราชันเร้นลับ 599 : มังกรข่มขวัญ

ปัง!

กระสุนทองเหลืองพุ่งแหวกอากาศเป็นระยะทางครึ่งผับ เป้าหมายคือร่างของมีซอร์·คิงอีกมุมหนึ่งของร้าน

แต่ก่อนจะพุ่งปะทะสังขาร ดวงตาสีน้ำตาลของมีซอร์พลันดำเข้ม

หัวกระสุนเกิดการหักเห บิดหมุนขึ้นด้านบนเล็กน้อย ส่งผลให้พุ่งกระทบกับแก้วที่เต็มไปด้วยเบียร์สีทองแทนผิวหนังมนุษย์

ท่ามกลางเสียงหวีดแหลม แก้วเบียร์แตกกระจายกลายเป็นเศษแหลม ของเหลวด้านในสาดกระเซ็นไปทุกทิศ

ในเวลาเดียวกัน มีซอร์คว้าแก้วเบียร์ของแขกคนอื่นที่อยู่ใกล้มือ ง้างไปด้านหลัง เหวี่ยงท่อนแขนขว้างไปทางไคลน์

ทำเพื่อ…?

ไคลน์เพียงขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อย หลบหลีกแก้วดังกล่าวได้ง่ายดาย ปล่อยให้มันปะทะกับผนังร้านจนกลายเป็นเศษผลึกแหลมคม

อาศัยโอกาสดังกล่าว นักเจรจา·มีซอร์ม้วนตัวกลิ้งอีกครั้ง ตรงไปยังประตูเข้าสู่บันไดห้องใต้ดิน หวังหลบหนีด้วยช่องทางลับของที่นั่น

มันปักใจเชื่อว่านักผจญภัยพิสดารและเสียสติรายนี้คือนักลอบสังหารที่ปลอมตัวเป็นเอลเลนผมแดง ลอบจู่โจมกัปตันของตนบนกาฬมรณะ

และปฏิบัติการที่เกือบสำเร็จของอีกฝ่ายทำให้มีซอร์เชื่อว่าตนหมดสิทธิ์เอาชนะในการดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่งโดยสิ้นเชิง!

เป็นฝีมือระดับพลเรือโจรสลัด!

กึก. กึก. กึก!

ไคลน์วิ่งไล่นักเจรจา·มีซอร์ด้วยความเร็วสูง

การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว ท่ามกลางผับแสนวุ่นวาย ชายหนุ่มมิได้เหยียบใส่ใครแม้แต่คนเดียว

เมื่อเห็นคนคุมผับเดินขึ้นมาจากห้องใต้ดินพร้อมกับปืน เมื่อเห็นมีซอร์กำลังจะพุ่งตัวผ่านประตูลงบันไดห้องใต้ดิน เมื่อเห็นคนคุมผับรอบร้านกำลังตรงมาทางตน ไคลน์ไม่ลังเลอีกต่อไป หมัดซ้ายถูกกำจนแน่น

ถุงมือสีดำถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองเข้มชั่วคราว ดวงตาดำน้ำตาลเข้มเริ่มกลายเป็นสีอ่อน รูม่านตาแปรเปลี่ยนเป็นทรงรีแนวตั้ง

และทันใดนั้น คลื่นล่องหนพลันกระจายออกไปรอบตัวโดยมีไคลน์เป็นจุดศูนย์กลาง

ทุกที่ที่คลื่นพัดผ่าน ขี้เมาที่กำลังนั่งยองพร้อมกับกุมศีรษะพลันเป็นอัมพาตด้วยร่างกายสั่นเทา เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของกองทัพ ออส·เคนท์ พลันสมองขาวโพลน ประหนึ่งกำลังเห็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต อยากจะรีบวิ่งออกจากร้านไปโดยเร็ว

เช่นเดียวกันกับคนคุมผับที่กำลังกรูเข้ามาล้อมไว้ทุกทิศ ความหวาดกลัวปริมาณมหาศาลรุกรานจิตใจกะทันหัน หลายคนวิ่งพล่านอย่างไร้จุดหมาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย

กุกกัก!

คนคุมผับบ้างทำปืนหล่นพื้น บ้างวิ่งหนีไปหลบมุมห้องและกอดกันกลมเกลียวอย่างหวาดกลัว บ้างยืนนิ่งอยู่กับที่ เป้ากางเกงเปียกซึมจนมองเห็นด้วยตาเปล่า

นักเจรจา·มีซอร์เองก็เกิดความรู้สึกคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาดผ่า หวาดกลัวจนวิ่งวนอย่างส่งเดชภายในทางเดินลงห้องใต้ดิน

นี่คือ ‘ข่มขวัญ’ ของ ‘นักจิตบำบัด’ มักถูกเรียกว่าพลัง ‘มังกรข่มขวัญ’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘โกลาหลหมู่’

ถือเป็นทักษะควบคุมรัศมีกว้างเพียงชนิดเดียวที่ไคลน์มี

การไล่ล่าด้วยความเร็วสูงของไคลน์ยังไม่จบ เพียงไม่กี่ก้าว มันก็เข้าประชิดตัวมีซอร์สำเร็จ

แต่ทันในนั้น ฉากหนึ่งพลันปรากฏในสมอง : มีซอร์ที่ดูคล้ายกำลังหวาดกลัว หันมาสบตากับไคลน์ บิดเอวและเหวี่ยงแขนเต็มแรง กำปั้นขวาถูกประเคนด้วยความเร็วสูงโดยเล็งใส่ศีรษะของชายหนุ่ม

ไคลน์ไม่คิดมาก เชื่อมั่นในนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกโดยไม่เคลือบแคลง รีบเอนตัวเฉียงไปยังด้านหลังเป็นแนวทแยง

แทบจะในเวลาเดียวกัน นักเจรจา·มีซอร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาน้ำตาลเข้มปราศจากความสับสน ไม่หลงเหลือร่องรอยการถูกครอบงำ

หลุดจากมังกรข่มขวัญได้ยังไง…

ไคลน์ค่อนข้างผิดคาด

ปึด!

กล้ามเนื้อท่อนแขนของมีซอร์เริ่มบวมพอง แผ่นหลังและเอวถูกบิดหมุน สาดเหวี่ยงกำปั้นใส่ไคลน์อย่างดุดันประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่

แต่มันกลับชกโดนเพียงอากาศเปล่า หมัดพุ่งกระทบกำแพงจนเกิดเสียงดังสนั่น

เปรี้ยง!

ในจุดที่กำปั้นสัมผัส อิฐและหินร่วงกราวพร้อมกับเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ กึ่งกลางแรงปะทะกลายเป็นรูโหว่ รายล้อมด้วยลวดลายคล้ายใยแมงมุมกระจายออกทุกทิศ โครงสร้างอาคารของผับเริ่มสั่นสะเทือน

พลังทำลายรุนแรงยิ่งกว่ากระสุนลูกโม่!

ในเวลาเดียวกัน ไคลน์ที่เคลื่อนตัวไปหลบด้านหลังมีซอร์ล่วงหน้า เหยียดหลังตั้งตรง สีของถุงมือเริ่มถูกย้อมด้วยทองคำ

ภายในดวงตาสีน้ำตาลของไคลน์ปรากฏสายฟ้าสีเงินสองเส้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายในลักษณะคล้ายกระสุน

‘ทะลวงจิต’ ของ ‘นักสอบสวน’ !

“อ๊ากกก!”

มีซอร์·คิงส่งเสียงโหยหวน แต่มันกลับไม่ล้มลงไปนอนบนพื้นอย่างที่ควร กัดฟันทนต่อความเจ็บปวดพลางกระโจนม้วนหน้า สองมือถูกยกขึ้นมาปกป้องศีรษะ

อย่างไรก็ตาม แม้จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดทางจิตได้เร็วกว่าปรกติ แต่หน้าผากก็ยังเจ็บแปลบประหนึ่งถูกแท่งเหล็กฟาดใส่

พร้อมกันนั้น มุมสายตามีซอร์เหลือบไปเห็นนักผจญภัยเลือดเย็นกำลังเหนี่ยวไกปืน

ด้วยระยะประชิดแบบนี้ แม้ทะลวงจิตจะแสดงผลได้เพียงวินาทีเดียว แต่ก็มากพอที่จะให้ไคลน์ยกมือขวาขึ้น เล็งลูกโม่ดัดแปลงไปยังศีรษะอีกฝ่ายโดยไม่พลาดเป้า

ปัง!

มีซอร์·คิงที่ต้องการร้องขอชีวิตทำได้เพียงอ้าปากค้างไว้ครึ่งหนึ่ง กำแพงทางเดินด้านหลังศีรษะถูกย้อนด้วยของเหลวสีแดงและขาวขุ่น เป็นภาพที่ทั้งน่าเศร้า เปรอะเปื้อน ขัดแย้ง และงดงามในเวลาเดียวกัน

ประกายในแววตามีซอร์ดับวูบ สังขารล้มเอนพิงผนังโดยปราศจากแรงขัดขืน ก่อนจะไถลดิ่งลงไปตามแรงโน้มถ่วงอย่างเชื่องช้า

เที่ยงตรงของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 1350

นักเจรจา·มีซอร์·คิง ถูกล่า

ไคลน์มองกลับไปผับที่ยังคงวุ่นวายด้านหลัง ใช้มือเลือนปิดประตูทางเข้าบันได มัดโซ่เหล็กกับกลอนอย่างแน่นหนาเพื่อปิดตายมิให้คนคุมผับภายในร้านตามลงมา

ชายหนุ่มโน้มตัวลง ลากศพมีซอร์·คิงเดินลงบันไดต่ออีกสองสามก้าว แต่ยังไม่เข้าเขตห้องใต้ดินทันที

สายตาจ้องไปทางประตูห้องใต้ดินโดยคอยระวังว่าอาจมีศัตรูกรูออกมาจู่โจม แขนซ้ายเหยียดออกในลักษณ์คว่ำฝ่ามือ เล็งไปทางร่างกายของมีซอร์

สำหรับการ ‘เขมือบ’ ผู้ช่วยรองกัปตันแห่งกาฬมรณะ ไคลน์ไม่รู้สึกลังเลแม้แต่น้อย เชื่อว่าโจรสลัดโฉดรายนี้คงทำบาปมานับไม่ถ้วน เพราะครั้งหนึ่งมีซอร์เคยเป็นลูกน้องของพลเรือโทวายุ และในอดีต คีลิงเกอร์เคยฆ่าคนหมดทั้งลำเรืออย่างโหดเหี้ยม เป็นพฤติกรรมสุดอำมหิตเกินกว่าจะได้รับการอภัย ไคลน์ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวจาก ‘ฝันร้าย’ ถุงมือแดงที่เคยถูกขังอยู่ในยุบพองหิวโหย หลังจากนั้น มีซอร์ก็ยังทำงานรับใช้พลเรือโทโรคภัย เทรซี่ ถือเป็นการทำงานให้นิกายแม่มดทางอ้อม ไม่อยากจินตนาการว่าชายคนนี้เคยมีส่วนร่วมในคดีค้ามนุษย์มากเพียงใด

ยุบพองหิวโหยกลับคืนรูปลักษณ์หนังมนุษย์ บริเวณฝ่ามือเกิดรอยแยกเป็นทางยาว ดวงตาสีแดงก่ำปรากฏขึ้นสองดวง

เพียงพริบตา สายลมเย็นยะเยือกก่อตัวขึ้นท่ามกลางทางเดินลงชั้นใต้ดิน ปกคลุมร่างนักเจรจา·มีซอร์อย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน

จุดแสงสีดำสว่างและร่างวิญญาณถูกดูดออกจากสังขารเหยื่อพร้อมกัน ปลายทางคือนิ้วบนถุงมือข้างหนึ่งที่ยังว่าง จากนั้นก็เริ่มทำปฏิกิริยากับสภาพแวดล้อมทีละนิด

ยุบพองหิวโหยกลับเป็นสีดำครู่หนึ่ง มอบความรู้สึกชั่วร้ายและสูงส่ง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นหนังมนุษย์เช่นเดิม แผ่กลิ่นอายความหิวกระหายเลือดเนื้อและวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม

ไคลน์เงียบงันสักพัก รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าพลังใหม่ในคราวนี้ค่อนข้างมีประโยชน์ แม้จะสุ่มได้เพียงสองชนิด แต่กลับคุ้มค่ายิ่งกว่าสามชนิดที่ได้จากการเขมือบซอมบี้

มันเพิ่งจะได้ทราบเมื่อครู่ว่ามีซอร์คือลำดับ 6 ของเส้นทางนักกฎหมาย ‘บารอนแห่งการเน่าเปื่อย’ และหนึ่งในสองพลังพิเศษที่สุ่มได้ก็มาจากโอสถชนิดนี้ ส่วนอีกหนึ่งพลังเป็นของลำดับ 7 ‘นักติดสินบน’

พลังชนิดแรกคือ ‘บิดเบือน’ อาศัยการบิดเบือนคำพูด การกระทำ และเจตนาของเป้าหมาย ไคลน์สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์กับตัวเองได้ ขณะเดียวกันก็นำไปใช้จำกัดพฤติกรรมของเป้าหมายได้ด้วย

ชนิดที่สองคือ ‘ติดสินบน’ เป็นหนึ่งในพลังอันมากมายของนักติดสินบน โดยพลังที่ไคลน์ได้รับมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ติดสินบนให้อ่อนแอ’

เงื่อนไขการใช้พลังคือต้องมอบสิ่งของให้กับเป้าหมาย หลังจากนั้น พลังโจมตี พลังป้องกัน และพลังควบคุมของเป้าหมายจะถูกลดทอนประสิทธิภาพลงหลายส่วนเป็นระยะเวลาหนึ่ง

มอบสิ่งของให้เป้าหมาย… การขว้างแก้วเบียร์ใส่เราตอนนั้นคือการติดสินบน?

สมกับเป็นเส้นทางจักรพรรดิมืด อาศัยช่องโหว่ของคำสั่งสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง…

เข้าใจแล้วว่าทำไม ‘มังกรข่มขวัญ’ และ ‘ทะลวงจิต’ ของเราถึงส่งผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แม้กระทั่งความรุนแรงของกระสุนก็ยังเบาลงจากเดิมมาก มันควรจะเป่าหายไปทั้งกะโหลกด้วยซ้ำ…

ไคลน์ถึงคราวกระจ่าง

ขณะเดียวกัน มันหายสงสัยเสียทีว่าทำไมร่างวิญญาณของตนถึงลอยไปหาเรือจักรพรรดิมืด ไปหานาสต์ ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร นั่นเพราะอีกฝ่ายบิดเบือนเจตนาที่ต้องการพุ่งไปข้างหน้าให้ทวีความรุนแรงขึ้น

ไม่เลว…

ไคลน์ก้มมองศพมีซอร์ เดินลงไปยังห้องใต้ดิน

มันเตรียมจัดอาหารมื้อใหญ่ให้ยุบพองหิวโหย

อาจเป็นเพราะถูกโยนเข้าไปในมิติสายหมอกบ่อยครั้ง ยุบพองหิวโหยในตอนนี้มิได้อาละวาดอย่างไร้มารยาทเหมือนทุกที เป็นท่าทางคล้ายกับกำลังอดทนอย่างใจเย็น

ไคลน์เห็นดังนั้นจึงไม่รีบร้อนหาอาหาร บรรจงก้าวลงไปอย่างระมัดระวัง คอยสอดส่องอันตรายรอบตัว

ไม่กี่ก้าวถัดจากนั้น มันเห็นชายฉกรรจ์·โอซิลเดินนำลูกน้องขึ้นมาจากห้องใต้ดิน โดยอีกฝ่ายถือปืนครบทุกคน แถมมีจำนวนมากกว่า

มากกว่าหลายเท่าตัว!

ไคลน์ไม่เปลี่ยนสีหน้า ถุงมือสีดำเริ่มปกคลุมด้วยเกล็ดทองคำอีกครั้ง

ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีอ่อน รูม่านตากลายเป็นทรงรีแนวตั้ง คลื่นที่มองไม่เห็นพุ่งออกไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว

มังกรข่มขวัญของนักจิตบำบัด!

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset