Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 580 : นักเจรจา

ราชันเร้นลับ 580 : นักเจรจา

ไคลน์ค่อยๆ หันไปจ้องเดนิส

ทันใดนั้น โจรสลัดชื่อดังเจ้าของค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์ พลันหุบยิ้มและรีบเบือนหน้าหนี แสร้งว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

เมื่อยืนยันว่าเอลเลนขึ้นเรือโดยสวัสดิภาพ ชายหนุ่มหมุนตัวกลับหลังและซักถามเดนิส

“นายได้ยินบทสนทนาแล้วใช่ไหม”

“ไม่… เอ่อ… ก็นิดหน่อย” เดนิสยิ้มแห้งพร้อมกับส่ายศีรษะ

ไคลน์พยักหน้ารับ

“นายควรจดจำรายละเอียดให้ครบถ้วน ไม่อย่างนั้นความจะแตกเอาได้”

“ความแตก… ฉัน?” เดนิสเลื่อนมือขึ้นมาชี้ปลายจมูกตัวเองด้วยสีหน้ามึนงง

ไคลน์อธิบายหน้านิ่ง

“เธอเป็นคนของตระกูลเซารอน มีทักษะต่อต้านการแกะรอย เมื่อผนวกเข้ากับการเคลื่อนไหวขณะอยู่บนรถ ฉันมั่นใจว่าเธอคือลำดับ 7 นักวางเพลิง… เหมือนกับนาย ฉะนั้น ไม่มีใครเหมาะจะปลอมเป็นเธอเท่ากับนายแล้ว”

“ฉัน? ไม่มีทาง! ฉันปลอมตัวไม่เก่ง! แค่มองจากร้อยเมตรก็ยังรู้ว่าเป็นตัวปลอม!” เดนิสยืนกรานเสียงสั่น

ไคลน์หัวเราะ

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้ยืมยุบพองหิวโหย”

“ไม่! ฉ…ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน! ต้องถูกลูกน้องของพลเรือโทโรคภัยจับได้แน่!” เดนิสยังคงหาข้ออ้าง

ในสายตามัน ภารกิจนี้ทั้งน่าอับอายและเต็มไปด้วยความแม่เย็* มีเพียงคนโรคจิตเท่านั้นที่กระทำได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

ไคลน์พยักหน้าโดยไม่เปลี่ยนอารมณ์

“ไม่เอาไหนจริง ๆ”

เดนิสยิ้มแห้ง

“ช…ใช่! ฉันมันไม่เอาไหน…”

ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงเดินผ่านเดนิสกลับมายังประตูห้องโดยสารรถม้า

เพลิงพิโรธชำเลืองมองตามปรกติ แล้วก็ต้องพบว่า เส้นผมของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เริ่มกลายเป็นสีแดง

มันกะพริบตาถี่ด้วยสีหน้าตกตะลึง ระหว่างนั้นก็สำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียด เดนิสมองเห็นดวงตาสีเขียวมรกต ริมฝีปากที่ถูกเม้มอย่างอ่อนโยน บรรยากาศรอบตัวคล้ายกับกระต่ายอ่อนแอ

ปัจจัยทั้งหมดส่งเสริมให้ใบหน้าของอีกฝ่ายงดงามจนโดดเด่น เหมือนกับเอลเลนหน้าสดราวกับแกะ

เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินขึ้นห้องโดยสารรถม้า เดนิสเบือนหน้ากลับ มุมปากเริ่มสั่นกระตุกสองสามหน

มันนั่งเงียบงันสักพัก ระหว่างนั้นก็รำพัน :

สมกับเป็นคนบ้า! นึกจะแปลงโฉมเป็นผู้หญิงก็ทำทันทีโดยปราศจากความลังเล!

แต่ว่า เอลเลนหน้าสดสวยชะมัด…

จะว่าไป พลังแปลงโฉมช่างสะดวกสบาย… ถ้าเรามีบ้าง คงพยายามค้นหาผู้ชายในอุดมคติของกัปตัน แปลงโฉมให้คล้ายกัน และเดินเข้าไปจีบเธอ…

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น คนที่เธอรักก็ไม่ใช่เรา…

ขณะเดนิสกำลังดำดิ่งในห้วงแห่งปรัชญา เสียงกระแอมเยือกเย็นพลันดังมาจากด้านหลัง

เมื่อถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ มันรีบขับรถม้าออกจากเขตท่าเรือ วางแผนขับอ้อมและวกกลับเข้าท่าเรือด้วยเส้นทางหลัก

ภายในห้องโดยสาร ไคลน์มิได้ใจเย็นเหมือนภายนอก แม้จะอยู่ในเครื่องแต่งกายของผู้ชาย ซึ่งช่วยกลบเกลื่อนความอับอายได้บางส่วน แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้มันชินกับใบหน้าผู้หญิง อีกทั้ง ยังมีความอึดอัดที่เกิดจากการโกยเนื้อมารวมกันตรงหน้าอก สภาพในปัจจุบันทำเอาชายหนุ่มรู้สึกกระสับกระส่ายและอับอาย

เฮ่อ… สำหรับผู้ไร้หน้า การแปลงโฉมให้เหมือนใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก จุดยากคือการทำใจยอมรับสภาพ… แต่ถ้าต้องการย่อยโอสถให้เสร็จโดยเร็ว ก็มีแต่ต้องพังกำแพงทางจิตใจและอาศัยทางลัด… หากมัวแต่ตั้งเงื่อนไขให้ตัวเอง กว่าจะย่อยโอสถด้วยวิธีการปรกติคงต้องใช้เวลานานหลายปี หรือถ้าเร่งรีบ ก็ต้องปลอมตัวเป็นใครสักคนจนญาติสนิทและคนใกล้ตัวแยกไม่ออก สวมรอยเป็นบุคคลดังกล่าวสักครึ่งปี… แต่นั่นก็ยังนานเกินไปสำหรับเรา…

การท้าทายขีดจำกัดของตัวเองจะทำให้มนุษย์พัฒนาขึ้น แม้อาจต้องอดทนต่อความบิดเบี้ยวและบ้าคลั่งมากกว่าปรกติก็ตาม…

ทางลัดย่อมมีขวากหนามเสมอ…

ไคลน์ดึงกระเป๋าเดินทางจากใต้เบาะนั่งและหยิบเศษผ้ากับเครื่องแต่งกายผู้ชายชุดใหม่ออกมาสวม ตามด้วยการลงเครื่องสำอางให้เหมือนกับเอลเลน

อันที่จริง อีกหนึ่งแผนของไคลน์คือ ขอยืมสมบัติวิเศษที่มีพลังแปลงโฉมจากมิสจัสติสสักสองสามวัน จากนั้นก็ให้เดนิสปลอมเป็นเอลเลนแทนตน

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้เดนิสเผชิญหน้ากับเทรซี่ตามลำพัง และเนื่องจากไม่มีพลังควบคุมสีหน้าของตัวตลก เดนิสคงถูกพลเรือโทโรคภัยพบความผิดปรกติได้ไม่ยาก จนอาจนำพาไปสู่ความตาย

ไคลน์จะไม่ยอมให้ผู้ใดเสี่ยงชีวิตเพราะปัญหาส่วนตัวเด็ดขาด จึงลงเอยด้วย มันตัดสินใจปลอมตัวเป็นเอลเลนเอง

เมื่อแต่งหน้าเสร็จ ไคลน์ในร่างเอลเลนเริ่มเผยเสน่ห์แบบไม่แบ่งแยกเพศ เป็นความสง่างามแบบหญิงก็ได้ชายก็ดี ดวงตาสีเขียวภายใต้หมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงกำลังส่องประกายคล้ายอัญมณี

ไคลน์อาศัยพลังตัวตลก สำรวจร่างกายตัวเองในมุมมองบุคคลที่สาม

ก็ไม่เท่าไร ไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น… ถ้าเราไม่ต้องแต่งหญิง ความรู้สึกก็จะคล้ายกับตอนที่ปลอมตัวเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หรือเดนิส เพียงแค่มีใบหน้าสวยขึ้น และอึดอัดหน้าอกเพิ่มจากเดิมเล็กน้อย… ถ้าเป็นโลกเก่า ด้วยหน้าตาแบบนี้ เราคงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีแฟน…

ไคลน์พยายามติดตลกเพื่อให้ตัวเองคลายความกังวล

อย่างไรก็ตาม อุปนิสัยชอบรำพันติดตลกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ยามนี้กลับเจือความหดหู่และขื่นขมเหนือพรรณนา

บัดซบ…!

ไคลน์สบถ พยายามปรับอารมณ์ให้คงที่

จนกระทั่งเวลาผ่านไป ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสว่า จิตใจของตนเริ่มปรับตัวให้เข้ากับสภาพปัจจุบันทีละนิด แรงต่อต้านทางใจบรรเทาลง หัวสมองเริ่มผ่อนคลาย และตระหนักถึงพัฒนาของโอสถได้เล็กน้อย

ทฤษฎีของเราถูกต้อง… ทางลัดมีอยู่จริง…

ไคลน์พึมพำ ระหว่างนั้นก็ลุกยืน เดินถอยหลังสี่ก้าวทวนเข็มนาฬิกา ส่งจิตเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเพื่อยืนยันระดับความอันตรายของปฏิบัติการ

เมื่อกลับมายังโลกจริง ไคลน์พูดกับเดนิสด้วยเสียงของเอลเลน

“ไปท่าเรือที่หก”

เดนิสไม่ได้คิดอะไรมากในตอนแรก จนกระทั่งมันหักเลี้ยวรถม้า จึงนึกขึ้นได้เมื่อสาย

เชี่ย…! จะเหมือนจริงเกินไปแล้ว! หากวันใดหมอนี่ปลอมตัวเป็นกัปตันมาหลอกเรา ก็คงไม่มีทางจับได้เลย…

ผ่านอีกไปสักพัก รถม้าแล่นมาถึงท่าจอดเรือลำที่เอลเลนมีกำหนดต้องไปขึ้น แต่เดนิสมิได้ขับเข้าใกล้ เลือกหักเลี้ยวเข้าไปในโกดังในบริเวณใกล้เคียงแทน

เพลิงพิโรธกระโดดลงจากม้า เดินไปเคาะประตูโกดังตามสัญญาณที่นัดแนะ

คนงานท่าเรือกลุ่มหนึ่งที่เป็นชนพื้นเมือง เดินออกมาล้อมเดนิสไว้ทุกด้าน

เมื่อยืนยันว่าไม่พบความผิดปรกติ ไครัทเข็นวีลแชร์ตามออกมา

“เธออยู่ไหน” มันจ้องเดนิส

สืบเนื่องจากภารกิจตามหาตัวเอลเลน เดนิสจึงกลายเป็นผู้ประสานงานกับกลุ่มต่อต้านอย่างเป็นทางการ

เดนิสหัวเราะ

“ในรถม้า เธอดื่มยาอ่อนแรงเข้าไป ฤทธิ์ยาจะอยู่ได้นานสิบชั่วโมง แต่ห้ามลืมเด็ดขาด เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินรางวัลจะต้องเป็นของฉัน”

ไครัทยกมือขวาโบก ทันใดนั้น ชนพื้นเมืองจำนวนสองคนเดินเข้าไปตรวจสอบรถม้า

“ถูกตัวครับบอส” พวกมันชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง ตะโกนเป็นภาษานักเลงท้องถิ่น

“พาเธอลงมา หน้าที่ของเราคือคุ้มครอง”

ไครัทย้ำเตือน

กลุ่มต่อต้านทั้งสองพยายามพยุงเอลเลนในเครื่องแต่งกายผู้ชายลงจากรถม้า

ไคลน์อาศัยพลังตัวตลก ควบคุมกล้ามเนื้อให้อ่อนแรงในลักษณะสมจริง

จากนั้น ชายหนุ่มถูกพาตัวไปยังห้องแห่งหนึ่งในละแวกชุมชนของเมืองบายัม โดยระหว่างนั้น ไครัทสั่งให้ลูกน้องที่เป็นสาวกเทพสมุทร ตามหาตัว ‘ชายฉกรรจ์’ โอซิลและแจ้งว่าพวกตนพบเป้าหมายแล้ว รวมถึงกำชับให้เตรียมเงินหนึ่งพันปอนด์มาจ่ายทันที ในส่วนของเดนิส มันกลับไปยังโรงแรมเพื่อรอฟังข่าวดี

ยามเที่ยงตรง โอซิลส่งข้อความถึงไครัทว่า พวกมันยังไม่มั่นใจว่าเป็นเอลเลนตัวจริง จึงขอส่งคนมาตรวจสอบก่อน

ไครัทไม่ปฏิเสธ

จนกระทั่งใกล้ตกเย็น บุคคลผู้หนึ่งปรากฏตัวหน้าบ้านหลังที่เอลเลนถูกกักตัว

สวมกางเกงขาบานสีขาว แจ็คเก็ตสีน้ำตาล ลักษณะคล้ายชาวโลเอ็นที่แต่งกายเป็นชนพื้นเมือง ขนคิ้วสั้นราวครึ่งหนึ่งของคนปรกติ เบ้าตาจมลึก ดวงตาสีน้ำตาล กรามแหลมชัด

ไครัทเข็นวีลแชร์ไปยังหน้าประตูและสำรวจผู้มาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้า ตามด้วยคำถาม

“มีซอร์·คิง?”

“โฮ่… รู้จักด้วยหรือ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ชายลึกลับเผยรอยยิ้ม

มีซอร์คืออดีตกัปตันเรือย่อยของพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์ แต่หลังจากถูกพลเรือโทโรคภัยฮุบกลืนกลุ่มโจรสลัด มีซอร์ เจ้าของฉายา ‘นักเจรจา’ ค่าหัวห้าพันสี่ร้อยปอนด์ ได้กลายเป็นผู้ช่วยรองกัปตันแห่งเรือหลัก กาฬมรณะ

ไครัทไม่ตอบ เพียงขยับวีลแชร์หลบ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามาข้างใน

กลุ่มต่อต้านเดินนำทางมีซอร์ไปยังห้องหนึ่ง จนกระทั่งมันพบเอลเลนในเครื่องแต่งกายผู้ชายกำลังนั่งบนขอบเตียง สายตาจ้องมองกลับมาอย่างดุร้าย ฟันกัดกรอด เผยให้เห็นถึงโทสะและความไม่พอใจ

“ก็ดูเหมือนจะใช่ แต่ในสภาพแต่งหน้าจัดเต็มแบบนี้คงยืนยันไม่ได้ พวกนายต้องล้างเครื่องสำอางออกก่อน… ว่าแต่ ทำไมถึงไม่ใส่กุญแจมือ? ไม่รู้หรือว่าหล่อนอันตรายมากแค่ไหน!”

หลังจากตรวจสอบเบื้องต้น มีซอร์ผงะถอยหลังอย่างหวาดระแวง

“เธอถูกมอมยาจนแทบไม่มีแรง… แต่ในเมื่อนายต้องการแบบนั้น” ไครัทเชิดคางออกคำสั่งกับลูกน้อง

กลุ่มต่อต้านแยกย้ายไปหากุญแจมือจนพบ และเดินกลับมาใส่กุญแจมือไคลน์

ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นขัดขืนอย่างเต็มกำลังในสภาพปราศจากเรี่ยวแรง

ถัดมาไม่นาน กลุ่มต่อต้านคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้าชุบน้ำสะอาด และใช้ลบเครื่องสำอางออกจากใบหน้าเอลเลน

โชคยังดีที่เครื่องสำอางยุคนี้สามารถล้างออกด้วยน้ำเปล่า… ไคลน์ปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดด้วยผ้าสะอาด จนกระทั่งความคมชัดของอวัยวะบนใบหน้าเริ่มเลือนราง

มีซอร์เริ่มเห็นหน้าสดของเอลเลนชัดเจน มันพบว่าความงามของหญิงสาวเข้าขั้นน่าหลงใหล ดวงตาสีเขียวเจือความสับสนและโกรธแค้นของหล่อนช่วยกระตุ้นให้มันเกิดอารมณ์

น่าเสียดาย หล่อนเป็นของกัปตัน… มีซอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่

ในฐานะโจรสลัด ในฐานะชายคนหนึ่ง มีซอร์ย่อมเคยจินตนาการว่า ทั้งพลเรือโทโรคภัยและเอลเลนผมแดงกำลังนอนเปลือยกายในอ้อมแขนของตน ซึ่งแน่นอน มันทำได้เพียงจินตนาการ

สายตาน่าขยะแขยงฉิบหาย… ไคลน์แทบอ้วก

จริงอยู่ ชายหนุ่มย่อมทราบว่าสายตาดังกล่าวกำลังมองเอลเลนผมแดง ไม่ใช่ไคลน์·โมเร็ตติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากจะปรับอารมณ์ได้ทัน

ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น นั่นก็คือ มันจะไม่อดทนกับสิ่งที่ขัดแย้งต่อจิตใต้สำนึกอย่างรุนแรงเด็ดขาด

“ตัวจริง” มีซอร์หันไปทางไครัท “รางวัลตอบแทน”

มันโยนถุงเงินในมือให้อีกฝ่าย

ไครัทรับไปตรวจสอบจนแน่ใจ ก่อนจะโยนต่อไปให้ลูกน้อง และกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“เราอาจต้องพึ่งพาพวกนายอีกหลายเรื่อง”

“ไม่มีปัญหา ติดต่อผ่านทางโอซิลได้ทุกเมื่อ” มีซอร์ชี้ไปทางเอลเลนผมแดง “ฉันพาตัวหล่อนไปได้เลยใช่ไหม”

“อา” ไครัทขยับเปิดทางอีกครั้ง

ไคลน์ไม่ต้องการให้มีซอร์พยุงตัว จึงทำทีว่าได้รับเรี่ยวแรงกลับมาบางส่วน

เนื่องจากมีซอร์หวาดกลัวเทรซี่ มันจึงไม่กล้าล่วงเกินเอลเลนมากนัก ทำได้เพียงจับไหล่ประคอง และเดินนำไปยังรถม้าด้านนอก

รถม้าแล่นเป็นเวลานานจนกระทั่งถึงท่าเรือส่วนตัวแห่งหนึ่ง จากนั้น มีซอร์เดินนำทางไคลน์ ผู้แปลงโฉมเป็นเอลเลน ขึ้นเรือประมงที่เตรียมไว้ล่วงหน้า และแล่นออกจากท่าโดยอาศัยความมืดมิดยามค่ำคืนอำพรางตัว

ผ่านไปราวสองชั่วโมง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นเรือลำใหญ่กำลังจอดหลบในเงามืดของหน้าผา เหนือลำเรือมีธงผืนใหญ่โบกสะบัด ลายบนธงเป็นสัญลักษณ์กระดูกสีขาว

กาฬมรณะ!

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset