Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 528 : เลี้ยงแกะ

ราชันเร้นลับ 528 : เลี้ยงแกะ

ยามเช้าตรู่ ท้องฟ้ากำลังสว่าง

ณ ตรอกที่เงียบและค่อนข้างมืด

ด้วยความช่วยเหลือจากผ้าคลุมของเดนิส ไคลน์ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงา และเคลื่อนย้ายตำแหน่งลัดเลาะผ่านตรอกแล้วตรอกเล่า

ท่ามกลางภาพการมองเห็นสีเทาโปร่งใส ฉากรอบตัวค่อนข้างพร่ามัวไม่คมชัด ทุกสรรพเสียงคล้ายกับห่างไกลออกไป รวมกับตนมิได้กำลังอยู่บนโลกมนุษย์

จนกระทั่งหนีมาไกลจากถนนไม้หอมค่อนข้างมาก ชายหนุ่มจึงระบุตำแหน่งสำหรับ ‘งอก’ ออกจากเงาสีดำ และโผล่ตัวขึ้นในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกรวดและอิฐหัก

ไคลน์สะบัดข้อมือ โยนพรมหางนกยูงสีน้ำเงินพร้อมด้วยศพ ‘เหล็กกล้า’ ลงบนพื้นตรงหน้า เตรียมรีบ ‘ต้อนแกะ’ ก่อนวิญญาณของอีกฝ่ายจะสลายไปอย่างสมบูรณ์

ชายหนุ่มขยับพรมวิเศษหลบไปทางอื่น ตามด้วยการคุกเข่าข้างศพแม็ควิตี้ และเหยียดแขนซ้ายวางลงบนศพซึ่งยังอุ่นๆ

‘ยุบพองหิวโหย’ เผยรูปลักษณ์เดิมของมัน—ถุงมือหนังมนุษย์แผ่นบาง

กึ่งกลางฝ่ามือมีดวงตาปรากฏขึ้นสองข้าง แต่ละข้างมีสีแดงก่ำคล้ายเลือดสด

ฟ้าว!

สายลมกระโชกอันเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง เริ่มหมุนวนอย่างเกรี้ยวกราดภายในตรอกแคบ ก่อนจะหดตัวลงและบีบเข้ามาโอบล้อมศพ ‘เหล็กกล้า’

ทันใดนั้น ร่างมนุษย์โปร่งใสเริ่มถูกดึงออกจากศพแม็ควิตี้ ร่างมายาดังกล่าวมีริมฝีปากหนาและเส้นผมหงิกงอจนคล้ายลูกเหล็ก

แม็ควิตี้เผยสีหน้าทุกข์ทรมาน มันพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอำนาจดึงดูดของ ‘ยุบพองหิวโหย’ อย่างสุดกำลัง แต่ก็ไร้ผล แสงออร่าสีดำสลับเขียว ส่องประกายระยิบระยับคลายอวกาศ ได้ถูกดูดออกจากศพและผสมเข้ากับร่างมายาโปร่งใสของแม็ควิตี้

“ไม่!”

‘เหล็กกล้า’ แหกปากกรีดร้อง แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด เกรงว่าคงสายเกินไปหากจะร้องขอความเมตตาจากไคลน์ในตอนนี้ ชะตากรรมเดียวของมันคือการถูกถุงมือกลืนกิน

ดวงวิญญาณแม็ควิตี้ลอยเข้าไปสิงในนิ้วหนึ่งซึ่งยังว่างอยู่ ส่วนตะกอนพลังของมันพยายามสร้างการเชื่อมต่อระหว่างดวงวิญญาณและตัวถุงมือ

การเชื่อมต่อดังกล่าวเป็นตัวกำหนดว่า ชายหนุ่มจะได้รับพลังใดจาก ‘เหล็กกล้า’ ไปบ้าง บางทีอาจหนึ่งชนิด สองชนิด แต่ไม่มากไปกว่าสาม และจะคงอยู่เช่นนั้นไปตลอดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นแบบสุ่ม ไคลน์ไม่มีสิทธิ์เลือก

สีผิวยุบพองหิวโหยเริ่มซีดจาง ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปยังรูปลักษณ์จำแลง—ถุงมือหนังสีดำธรรมดา

ไคลน์หลับตาลงสักพัก ก่อนจะทำสีหน้าผ่อนคลายและถอนหายใจ

สำหรับครั้งนี้ ดวงของมันไม่เลวร้ายนัก แต่ก็ไม่ได้ดีมากเช่นกัน

มันอาจได้รับพลังสามชนิดจากแม็ควิตี้ แต่ก็ไม่รับความสามารถซึ่งตนปรารถนาเป็นอันดับหนึ่ง พลังในการทนไฟ ทนระเบิด และทนกระสุน—พลัง ‘กายาเหล็ก’

พลังชนิดแรกเป็นของ ‘ซอมบี้’ ช่วยให้โจมตีใส่เป้าหมายได้อย่างรุนแรง ชดเชยข้อบกพร่องของเราซึ่งเน้นความปราดเปรียวเป็นหลักมาตลอด… พลังถัดมาคือ ‘น้ำแข็ง’ อาจไม่ทรงพลังเท่าน้ำแข็งของแม่มด ไม่สามารถสร้างหอกน้ำแข็งและปาใส่ศัตรูโดยตรง แต่ก็สามารถฉาบพื้นดินรอบๆ ให้มีน้ำแข็งเกาะได้ สามารถลดอุณหภูมิรอบตัว ลดความเร็วฝ่ายตรงข้ามลง หรือถ้าศัตรูสัมผัสกับน้ำแข็งโดยตรง อวัยวะบริเวณดังกล่าวก็มีโอกาสถูกแช่แข็งได้เช่นกัน… พลังถัดมาคือ ‘บงการซอมบี้’ … ฮะฮะ! ในอนาคต เราไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีซอมบี้คอยเล่นไพ่เป็นเพื่อนแล้ว…

ไคลน์รำพันติดตลก ก่อนจะก้มสำรวจข้าวของเครื่องใช้ของแม็ควิตี้

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ชายหนุ่มพบเงินสดยี่สิบหกปอนด์ สิบเอ็ดซูล แปดเพนนี และยังมีอุปกรณ์พิสดารอีกหลายชนิด เช่นเทียนไข โซ่เหล็ก แส้หนาม กุญแจมือ และอื่นๆ

เมื่อเริ่มตระหนักว่า ‘เหล็กกล้า’ เป็นสมาชิกของโรงเรียนกุหลาบ และยังอยู่ฝ่าย ‘ไม่ระงับแรงปรารถนา’ ไคลน์เข้าใจทันทีว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีไว้เพื่อสิ่งใด

บัดซบ… มันแทบอาเจียน ก่อนจะเลือกหยิบเฉพาะเงินสดขึ้นมา

‘มนุษย์หมาป่า’ สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว และ ‘ซอมบี้’ มีร่างกายทนทานเป็นทุนเดิม แม็ควิตี้จึงแทบไม่พกยารักษาหรือสิ่งของในทำนองดังกล่าว… และยังสอดคล้องกับการประเมินของเดนิส แม็ควิตี้มิได้พกพาสมบัติวิเศษแม้แต่ชิ้นเดียว…

ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร สมบัติวิเศษส่วนใหญ่มักไม่ช่วยอะไรมากนัก แถมยังมีผลข้างเคียงรุนแรง ถึงจะอยากครอบครอง แต่ก็หาถูกใจและตรงสายพลังได้ยาก ถ้าต้องพกแบบผิดสาย สู้ไม่พกเลยยังดีเสียกว่า…

ถ้าจำไม่ผิด หลังจากเราช่วยชารอนกำจัด ‘วิญญาณอาฆาต’ สตีฟและ ‘ซอมบี้’ เจสัน พวกมันพกพาสมบัติวิเศษมาแค่สองชิ้นเท่านั้น หนึ่งคือมงกุฎจันทร์ชาด และอีกหนึ่งคือขวดพิษชีวภาพ โดยทั้งสองชนิดคือสมบัติส่วนตัวของลำดับ 5 สตีฟ…

ไคลน์พยักหน้ารับ พลางดึงกระดาษพับแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ

มันบรรจงคลี่กระดาษแผ่นสีเหลืองออก วางไว้บนศพ ‘เหล็กกล้า’ โดยจงใจให้ปกคลุมใบหน้า

สิ่งนี้คือใบปลิวค่าหัว ด้านบนมีภาพเสมือนจริงของแม็ควิตี้ถูกวาดขึ้นจากพิธีกรรม และจำนวนรางวัลนำจับซึ่งถูกเขียนไว้ตัวใหญ่ :

“หกพันปอนด์!”

ไคลน์ลุกยืน ก้าวถอยหลังกลับไปหยิบพรมหางนกยูงสีฟ้า โดยมืออีกข้างล้วงกระดาษรูปคนออกมาถือ

พรึบ!

มันสะบัดข้อมือพร้อมกับโยนกระดาษทิ้ง พลางยืนจ้องเศษกระดาษอันกำลังลุกไหม้และกลายเป็นซากขี้เถ้า

สิ่งนี้ทำไปเพื่อมิให้ถูกแกะรอย

จากนั้น มันผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงาอีกครั้งด้วยผ้าคลุมของเดนิส ก่อนจะหายตัวไปจากตรอกอย่างไร้ร่องรอย

ถัดมาประมาณสามนาที คอร์โดบา·รอยย์รีบรุดมายังศพของแม็ควิตี้พร้อมกับหน่วยทูตพิพากษาจำนวนหนึ่ง แต่กลับได้เห็นเพียงสายลมกระโชกผัดผ่าน รวมถึงศพเนื้อของ ‘เหล็กกล้า’ ในสภาพผิวหนังละลาย บนใบหน้ามีแผ่นใบค่าหัวปิดอยู่

ฟ้าว—

ใบค่าหัวลอยปลิวและตกลงบนพื้น โดยยังคงหงายใบหน้าขึ้นพร้อมกับจำนวนตัวเลข

เมื่อคอร์โดบาและสมาชิกคนอื่นในทีมจนปัญญาจะสืบหาเบาะแสจากจุดพบศพแม็ควิตี้ พวกมันตัดสินใจกลับไปยังจุดปะทะอีกครั้ง

ขณะสายตาเพ่งไปยังสมาชิกคนหนึ่งในทีม อาวุโสคอร์โดบาพยายามข่มความหงุดหงิดและซักถามเสียงฉุนเฉียว

“สาวกสุริยัน?”

สำหรับมัน และสำหรับมุขมณฑล สิ่งนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญและต้องการคำยืนยันโดยด่วน

ในฐานะหน่วยสืบสวน ทูตพิพากษาคนดังกล่าวซึ่งพยายามใช้พลังวิเศษค้นหาความจริง ย่อมไม่ได้อยู่ในเส้นทางใช้อารมณ์เหนือเหตุผลอย่าง ‘วายุสลาตัน’ แต่เป็นลำดับ 7 แห่งเส้นทางนักอ่าน ‘ผู้พิทักษ์ข้อมูล’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือลำดับ ‘นักสืบ’

มันไม่รีบร้อนมอบคำตอบ เพียงเดินมาใกล้และก้มตรวจสอบศพแม็ควิตี้อย่างใจเย็น

ผ่านไปสักพัก มันเงยหน้ามอบคำตอบ

“ไม่ใช่สาวกสุริยัน น่าจะเป็นพลังจากสมบัติวิเศษมากกว่า”

“เหตุผล?” คอร์โดบาซักถามหน้าบูดบึ้ง

ทูตพิพากษาคนเดิมตอบ

“ศพนี้เต็มไปด้วยออร่าความชั่วร้าย ส่วนศพก่อนหน้าถูกเขมือบจนเหลือเพียงเศษเนื้อและตะกอนพลัง สาวกสุริยันจะไม่ทำอะไรแบบนี้แน่ ต่อให้เป็นการใช้สมบัติวิเศษก็ตาม พวกมันถือว่าทุกสิ่งเกี่ยวกับ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เป็นของสกปรก จะต้องถูกขจัดปัดเป่าหรือชำระล้างในทันที ไม่มีการหยิบยืมพลังนั้นมาใช้แน่”

คอร์โดบาครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพบว่าสมมติฐานดังกล่าวค่อนข้างฟังขึ้น จึงถามต่อ

“คนของชุมนุมแสงเหนือ?”

“ไม่ใช่อีกเช่นกัน ‘นักบวชกุหลาบ’ หรือ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ตัวจริงจะไม่ลงมือหยาบแบบนี้ พวกมันสามารถห่อศพเข้าไปในตัวได้ และหนีไปพร้อมศพอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นค่อยคายออกมาตรวจสอบหาสิ่งของมีค่าภายหลัง แต่กรณีนี้กลับรีบร้อน ‘เขมือบศพ’ คล้ายกับเป็นผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษ” ผู้พิทักษ์ข้อมูลตอบเสียงขรึม

“สามารถใช้พลังในขอบเขตของสุริยันและผู้วิงวอนความลับได้พร้อมกัน? หรือจะเป็นพลังของคนเลี้ยงแกะ…? เบิร์ก คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

ในฐานะอาวุโสแห่งมุขมณฑลใหญ่ คอร์โดบาย่อมมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลและพลังพิเศษของ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ส่วน ‘ผู้พิทักษ์ข้อมูล’ เบิร์ก มันทราบเรื่องนี้เพราะต้องทำงานด้านสืบสวนแกะรอย ทูตพิพากษาคนอื่นจึงไม่เข้าใจบทสนทนาของคนทั้งสอง

‘ผู้พิทักษ์ข้อมูล’ เบิร์ก ลุกขึ้นยืน :

“นั่นก็เป็นไปได้”

“สงสัยใครเป็นพิเศษบ้างไหม” คอร์โดบาซักถามเสียงต่ำ

เบิร์กส่ายหน้า

“ไม่เลย… แต่มีหนึ่งสิ่งสามารถยืนยันได้ พุ่มหนามสีเลือดถูกฆ่าโดยเพลิงพิโรธอย่างแน่นอน ฉะนั้น อีกคนหนึ่งก็น่าจะเป็นผู้ช่วยของเดนิส และต้องเป็นบุคคลทรงพลังระดับน่าหวั่นเกรง ไม่ด้อยไปกว่าพลเรือโจรสลัด”

“บุคคลทรงพลัง…”

คอร์โดบาทวนคำหน้าเครียด จากนั้น มันเริ่มฉุกคิดบางสิ่ง

“จะเป็นเอ็ดวิน่ารึเปล่า? หล่อนมีพลังในการจำลองพลังพิเศษใดก็ได้ หากเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง!”

‘ผู้พิทักษ์ข้อมูล’ เบิร์ก :

“นั่นก็เป็นไปได้ แต่หน่วยข่าวกรองของเรายืนยันในระดับน่าเชื่อถือได้ว่า เธออยู่ใกล้กับเกาะโซเนียเมื่อไม่กี่วันก่อน เว้นเสียแต่ว่า เธอจะจำลองพลังของนักท่องเที่ยวหรือทำนองนั้น และเดินทางข้ามโลกวิญญาณมายังหมู่เกาะรอสต์ภายในชั่วข้ามคืน”

คอร์โดบาเดินวนไปมา สายตามองรอบตัว

“จัดการเก็บกวาดจุดเกิดเหตุให้เรียบร้อย ห้ามมิใช่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงพบร่องรอยโดยเด็ดขาด ผมจะส่งรายการภารกิจไปยังเบื้องบน ได้แต่หวังว่าจะมีข้อมูลน่าสนใจเพิ่มเติมโดยเร็ว”

คดีนี้เกี่ยวพันกับบุคคลทรงพลัง ผู้ต้องสงสัยว่าจะมีฝีมือการรบเทียบเท่าลำดับ 5 ฉะนั้น แม้จะฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดสักเพียงใด แต่มันก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวและตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

ในบ้านเฒ่าควินน์ ณ ห้องใต้ดินซึ่งมีประตูหินบานใหญ่ปิดตายหน้าทางเข้า

อัลเจอร์ผู้กำลังนั่งบนปลายฟูกและจ้องมองแสงเทียนไขอย่างเงียบงัน พลันเห็นหมอกมายากระจัดกระจายไปรอบตัว โดยมีบุคคลผู้หนึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูงท่ามกลางทะเลสาบหมอกไร้จุดจบ

ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘เดอะฟูล’ ผู้คอยจับตามองทุกสรรพสิ่ง

ฉากพร่ามัวปรากฏขึ้นด้านล่างเดอะฟูล เป็นชายคนหนึ่งกำลังประสานมือไว้ด้านหน้าและวิงวอนด้วยน้ำเสียงเปี่ยมศรัทธา

“ถึงท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ปฏิบัติการของผมจบลงแล้วอย่างราบรื่น”

จบลงอย่างราบรื่น…?

อีกฝ่ายมีทั้ง ‘เหล็กกล้า’ และผู้วิเศษอีกจำนวนหนึ่งเชียวนะ… เดอะเวิร์ลช่างจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝีมือสูงกว่าความคาดหมายเราพอสมควร สมกับเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล… หึหึ สำหรับชุมนุมทาโรต์สัปดาห์ถัดไป เขาคงมีอะไรมาขายอีกแล้ว…

หืม… น่าสนใจมาก ชายคนนั้นรอดพ้นจากอิทธิพลของ 2-37 ด้วยวิธีใด หรือจะเป็นความพิเศษของข้ารับใช้เดอะฟูล?

อัลเจอร์ใช้ความคิดเรื่อยเปื่อย พลางแสดงความเคารพต่อเดอะฟูลจากจิตใต้สำนึก

ถัดมา มันหยิบขวดโลหะออกมาเปิดฝา ก่อนจะทาสารสกัดสะระแหน่ลงบนปลายจมูก

เมื่อกลิ่นฉุนอันเข้มข้นซึมซาบเข้าไปในสมอง สติของอัลเจอร์พลันแจ่มชัดทันใด

ไม่มีใครเห็นว่ามันควักหน้ากากผ้าสีขาวออกมาถือตอนไหน แต่อัลเจอร์ได้เทน้ำมันสกัดของดวงจันทร์ลงไปจนชุ่ม

มันสวมหน้ากากอย่างถูกวิธี ก่อนจะขึ้นยืนและค่อยๆ เดินไปทางประตูหินด้วยอากัปกิริยาระมัดระวัง

ถัดมา มันล้วงเข้าไปในเสื้อเพื่อหยิบโหลโลหะอย่างใจเย็น หมุนกลไกเปิด และดึงท่อสายยางออกมาถือ

จากนั้น อัลเจอร์สอดปลายท่อเข้าไปในช่องว่างข้างขอบประตูหิน

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด แก๊สในโหลเริ่มกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

นี่คือแก๊สสลบของผีดูดเลือดซึ่ง ‘เดอะมูน’ เอ็มลินช่วยจัดหามาให้

มีฤทธิ์ทำให้คนธรรมดาและผู้วิเศษลำดับ 9 หมดสติในพริบตา ในส่วนของผู้มีระดับเหนือกว่านั้น ความต้านทานจะลดหลั่นกันลงไป แต่อย่างน้อยก็ยังตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ!

แม้ว่าเฒ่าควินน์จะทนไหว แต่มันก็ต้องได้รับผลกระทบสักอย่างสองอย่าง ส่วนบรรดาลูกน้องของมัน… หึหึ…

อัลเจอร์ยืนพิงประตูหิน รอยคอยผลลัพธ์อย่างอดทน

เมื่อแก๊สถูกปล่อยออกจากโหลไปเกือบหนึ่งส่วนสาม มันเก็บท่อและปิดกลไกโหลทันที

กัปตันเรือผีสิงแนบหูกับประตูหิน จนกระทั่งเริ่มได้ยินเสียงอันน่าพึงพอใจดังมาจากภายนอก

อัลเจอร์ยิ้ม สูดลมหายใจเข้าลึก พลางควบแน่นพลังวิญญาณค้างไว้เป็นเวลานาน

ทันใดนั้น มัดกล้ามเนื้อท่อนแขนข้างขวาพลันขยายใหญ่ พร้อมกับการเหวี่ยงกำปั้นไปข้างหน้าเต็มแรง

‘ระเบิดโทสะ’ ของ ‘ลูกเรือ!’

เปรี้ยง!

กลอนขัดของประตูหินถูกทำลายในพริบตา บานประตูสะบัดเปิดออกโดยอัตโนมัติ

อัลเจอร์ชักกำปั้นกลับ ย่างสามขุมออกไป พร้อมกับใช้สายตาเพ่งมองคนนอนหมดสติด้านนอก

จากผู้แต่ง : พลัง ‘เลี้ยงแกะ’ ของยุบพองหิวโหยจะมีสองโหมดคือ ‘ต้อนแกะ’ และ ‘เขมือบ’ อย่างแรกจะได้รับตะกอนพลังและดวงวิญญาณเข้าไปในสิงในนิ้ว ส่วนอย่างหลังจะเป็นการกลืนกินวิญญาณและเนื้อหนังเพื่อระงับความหิวของถุงมือ

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset