Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 515 : ต่างคนต่างโต

ราชันเร้นลับ 515 : ต่างคนต่างโต

ด้วยความสัตย์จริง แม้แฮงแมน·อัลเจอร์พอจะเดาได้ว่ามิสจัสติสคงไม่ต่อราคา และมูลค่าของสมบัติวิเศษชิ้นดังกล่าวก็ประมาณห้าพันห้าร้อยปอนด์หรือต่ำกว่าถูกต้องแล้ว แต่มันกลับเกิดความไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น

สืบเนื่องมาจาก การทำงานอย่างหนักจนได้รับกำไรก้อนโตสำหรับมัน กลับเทียบไม่ได้เลยกับเศษเสี้ยวเงินค่าขนมของใครบางคน

เราได้ค่านายหน้าจากเดอะเวิร์ลเป็นเงินหกร้อยเจ็ดสิบห้าปอนด์ และในความเป็นจริง ต้นทุนของช่างฝีมือก็มีราคาเพียงหกร้อยปอนด์เท่านั้น เราจึงทำกำไรได้มากถึงหนึ่งพันเจ็ดสิบห้าปอนด์ในการแลกเปลี่ยนครั้งเดียว…

แต่ว่ากันตามตรง เรายังขูดรีดจากเดอะเวิร์ลได้อีกเล็กน้อย ด้วยการโกหกว่าขายตะกอนพลังไปทั้งสิ้นสี่พันปอนด์ และเป็นค่าช่างฝีมืออีกหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ แต่อีกฝ่ายมิใช่บุคคลธรรมดา สามารถรวบรวมตะกอนพลังและสูตรโอสถมาขายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์สำคัญบ่อยครั้ง การผิดใจกับเขาเพียงเพราะเงินไม่กี่ร้อยปอนด์จึงไม่ใช่เรื่องฉลาด… แฮงแมนรำพันด้วยอารมณ์เสียดายเล็กน้อย

ขณะเดอะฟูลกำลังยินดีปรีดาเมื่อตนใกล้จะได้รับเงิน 3,825 ปอนด์ เดอะซัน·เดอร์ริค มองไปทางหญิงสาวฝั่งตรงข้ามและกล่าวอย่างสุภาพ

“มิสเมจิกเชี่ยน ถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณของคุณพร้อมจัดส่งแล้ว”

“เยี่ยม!” ฟอร์สถอนหายใจด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “ทางนี้ก็พร้อมจ่ายเงินสามร้อยปอนด์ให้มิสเตอร์แฮงแมนทันทีเช่นกัน”

แฮงแมน·อัลเจอร์ เผยสีหน้าตื่นเต้น มันรีบหันไปทางเดอะฟูลมุมโต๊ะทองแดงยาว พร้อมกับขออนุญาตเขียนสูตรโอสถลงบนกระดาษ

ไม่กี่วินาทีถัดมา มัน ‘เขียน’ สูตรโอสถ ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ ลงบนกระดาษหนังสีน้ำตาลเบื้องหน้าจนเสร็จ

วัตถุดิบหลัก :

– หงอนไก่รุ่นอรุณตัวผู้

– ผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสง

วัตถุดิบเสริม :

– เลือดไก่รุ่งอรุณตัวผู้หนึ่งร้อยมิลลิลิตร

– น้ำมันสกัดสุริยันสิบหยด

– ผงส้มมือสีทองแปดกรัม

– ก้อนลาวาแข็งตัวห้ากรัม

จริงอยู่ ไคลน์อาจไม่มีเจตนาแอบมองสูตรผลิตโอสถ แต่รายละเอียดบนแผ่นกระดาษได้ประทับลงในสมองอย่างมิอาจลบเลือน

แม้จะได้เห็นแค่ครั้งเดียวแบบผ่านๆ ตา แต่ถ้าชายหนุ่มใช้พลังทำนายฝันเพื่อเรียกคืนความทรงจำตัวเอง มันก็จะเข้าถึงสูตรโอสถข้ารับใช้สุริยันได้ตลอดเวลา

ชายหนุ่มแอบถอนหายใจ

การได้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มมันดีแบบนี้นี่เอง…

หลังจากนั้น เดอะซัน·เดอร์ริค คลี่ม้วนกระดาษออกมาอ่านด้วยสีหน้าเบิกบาน

ถัดมา มันเขียนรายชื่อของสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์อย่างละเอียดให้แฮงแมนอ่าน อีกฝ่ายจะได้เลือกวัตถุดิบวิเศษสำหรับชดเชยส่วนต่างการแลกเปลี่ยน

แฮงแมน·อัลเจอร์เพ่งมองอย่างตั้งใจ พลางพิจารณาสภาพการณ์ของเมืองเงินพิสุทธิ์ภายในสมอง ก่อนจะเลือกวัตถุดิบวิเศษสามชนิดซึ่งมั่นใจว่ามีคนรอซื้อแน่นอน

เราจะปล่อยพวกมันออกภายในสองวัน เมื่อนำไปรวมกับเงินสามร้อยปอนด์จากมิสเมจิกเชี่ยน และเงินหนึ่งพันเจ็ดสิบห้าปอนด์จากการขายสมบัติวิเศษ เราก็จะมีเงินสดเพียงพอสำหรับซื้อดวงตาอินทรีทะเลตามังกรพอดี…

อัลเจอร์เริ่มอ่อนเพลียจากการคำนวณ ก่อนจะหันหน้าไปทางฟอร์สและกล่าว

“ลำดับ 7 : ข้ารับใช้สุริยัน มิสเมจิกเชี่ยน คุณเตรียมติดต่อขอซื้อดวงตาของอินทรีทะเลตามังกรได้เลย”

ว่ากันตามตรง แฮงแมน·อัลเจอร์มีเงินสดพกติดตัวในปัจจุบันไม่ถึงสิบสองปอนด์ด้วยซ้ำ แม้แต่เงินค่าช่างฝีมือก็ยังหยิบยืมคนอื่นมาจ่ายไปก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นธุรกิจในคราวนี้ เงินสดของมันจะเพิ่มพูนเป็น 2,375 ปอนด์ในคราวเดียว เพียงพอสำหรับใช้จ่ายสองพันปอนด์เพื่อซื่อวัตถุดิบหลักโอสถของตน

เมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส พลันนึกถึงการเสียท่าให้แฮงแมนเมื่อสัปดาห์ก่อน จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเจือความขุ่นเคือง

“ตกลง”

สำหรับเธอ กำไรสุดท้ายจะถูกกำหนดจากอาจารย์ของตน โดเรียน·เกรย์ อีกทอดหนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายจะใจดีมอบให้เท่าไรนั้น ก็สุดแท้แต่โชคชะตาจะนำพา

ในช่วงหลังของการค้าขาย ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลให้ประกาศหาซื้อเศษเสี้ยวของวิญญาณอาฆาตโบราณ และดวงตาการ์กอยล์หกปีกอีกครั้ง

ในส่วนของตะกอนพลังเมอร์ล็อก ไคลน์มิได้ประกาศขายในชุมนุมทาโรต์หรือตามหาช่างฝีมือสำหรับสร้างเป็นสมบัติวิเศษ เพราะมันคิดจะใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางในการเข้าแวดวงผู้วิเศษทางทะเลให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์

หลังจากชุมนุมทาโรต์วันนี้จบลง โอสถ ‘นักจิตบำบัด’ ของมิสจัสติสก็จะพร้อมปรุงดื่มทันที และโอสถ ‘นักตุกติก’ ของมิสเมจิกเชี่ยนก็คงไม่ต่างกัน… เดอะซันน้อยก็ได้สูตรโอสถ ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ ไปแล้ว โอกาสในการเลื่อนเป็นลำดับ 7 ค่อนข้างสดใส และเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว ก็จะมีสิทธิ์อ่านเอกสารเพื่อหาวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังให้เรา…

มิสเตอร์แฮงแมนกำลังจะได้รับหนึ่งในวัตถุดิบหลักของโอสถ ‘ผู้รับใช้วายุ’ ของตน หมายความว่า เขาจะเหลืออุปสรรคสำคัญอีกแค่จุดเดียวในการพัฒนาไปเป็นลำดับ 6…

หมายความว่า จะเหลือเพียงเอ็มลิน ผู้ยังไม่มีทีท่าว่าจะพัฒนาลำดับของตัวเองได้ในอนาคตอันใกล้…

เดอะฟูล·ไคลน์ มองไปรอบๆ พลางยิ้ม

“เชิญแลกเปลี่ยนข้อมูล”

ใจจริง จัสติส·ออเดรย์ต้องการเปิดประเด็นเล่าเรื่องใกล้ตัวตามนิสัยปรกติ แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก หญิงสาวกลับพบว่า ตนไม่มีอะไรจะแบ่งปันในสัปดาห์นี้

นอกเหนือจากการเข้าร่วมงานเลี้ยงปีใหม่หนแล้วหนเล่า และเข้าเรียนวิชาจิตวิทยาอีกสองสามคาบ ชีวิตประจำวันของเราก็ไม่มีอะไรเลยสักนิด… จริงอยู่ อาจมีเรื่องเกี่ยวกับแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกให้เล่าบ้าง แต่นั่นคงไม่จำเป็นสักเท่าไร…

หญิงสาวนั่งเม้มปากอย่างเงียบงัน

เมจิกเชี่ยน·ฟอร์สกำลังอยู่ในภาวะสันหลังยาวเนื่องจากเทศกาลหยุดปีใหม่ หัวสมองของจึงว่างเปล่า และกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย

“กรุงเบ็คลันด์ยังคงตกอยู่ในสถานการณ์คุมเข้ม หากไม่ใช่ผู้วิเศษทางการ ก็ไม่ควรเพ่นพ่านหรือทำตัวเป็นจุดสนใจในเวลานี้”

อย่างนั้นหรือ…

เดอะมูน·เอ็มลินขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน

แวมไพร์ผู้เคยชินกับชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ มาตลอดอย่างมัน ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อทราบว่า ชุมนุมลับเกือบทั้งหมดรอบตัวจะหยุดพักกิจกรรมชั่วคราว

แฮงแมนครุ่นคิดเล็กน้อย และหันไปกล่าวกับเดอะซัน

“อย่าได้ประมาทเด็ดขาด ก่อนประกอบพิธีกรรมสังเวย คุณควรยืนยันให้แน่ใจเสียก่อนว่า หัวหน้าทีมสำรวจคราวก่อนไม่ได้อยู่ในเมืองเงินพิสุทธิ์ หรืออย่างน้อยก็ต้องยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่น”

“มิสเตอร์แฮงแมน คุณกำลังสงสัยว่า ท่านประมุขสามารถตระหนักถึงความผิดปรกติของวังวนกระแสเวลาได้?” เดอะซัน·เดอร์ริคซักถามด้วยสีหน้าตกใจ

แฮงแมนตอบขึงขัง

“ยังตัดความน่าจะเป็นนั้นออกไปไม่ได้ ผมยืนยันอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลของเมืองเงินพิสุทธิ์สักเท่าไร”

เมื่อพูดจบ มันหุบยิ้มและทำหน้าจริงจัง

เดอะซัน·เดอร์ริคกล่าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน

“ผมเองก็ไม่ทราบเช่นกัน…”

ชิ! แฮงแมน·อัลเจอร์ถอนหายใจผิดหวัง

“แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน การระมัดระวังตัวจะช่วยให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวกว่าเดิม”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” เดอะซันน้อยตอบสนองอย่างใจจริง

แฮงแมนเบือนหน้ากลับมาพลางอมยิ้ม

“ท้องทะเลสงบมากในช่วงหลัง”

ผิดแล้วสหาย คุณคิดไปเอง…

ไคลน์จิกกัด พลางบังคับเดอะเวิร์ลให้เปล่งเสียงแหบพร่า

“ผมเพิ่งได้ยินเรื่องน่าสนใจในทะเลมา”

โดยไม่รอให้แฮงแมนถาม ชายหนุ่มมองไปทางสองสาว จัสติสและเมจิกเชี่ยน

“คุณสุภาพสตรีทั้งสอง รบกวนช่วยหาซื้ออุปกรณ์รับส่งวิทยุให้ผมสักเครื่องจะได้ไหม”

“ไว้ฉัน… จะลองดูให้” เมจิกเชี่ยน·ฟอร์สตอบลากเสียงอย่างมิได้ใส่ใจนัก

ส่วนอีกคนหนึ่ง เนื่องจากกำลังจะออกจากเบ็คลันด์ จัสติสจึงพูดได้เพียง ‘ขอโทษค่ะ’

หลังจากไหว้วานเสร็จ เดอะเวิร์ลกระแอมในลำคอหนึ่งหน

“สำหรับข่าวทางทะเลของผม มีส่วนเกี่ยวข้องกับโบสถ์วายุสลาตันด้วย”

เกี่ยวข้องกับโบสถ์? แล้วทำไมเราถึงไม่ได้รับแจ้งข้อมูล? หรือเพราะยังเป็นบุคคลสำคัญไม่มากพอ จึงไม่มีสิทธิ์ทราบข่าว?

แฮงแมนทำได้เพียงขมวดคิ้ว รอคอยคำอธิบายจากเดอะเวิร์ลอย่างอดทน

ขณะเดียวกัน เดอะเวิร์ลต้องการชำเลืองแฮงแมนด้วยสายตาเย้ยหยัน แต่เนื่องจากการควบคุมสีหน้าของหุ่นเชิดยังทำได้ยาก ไคลน์จึงยิ้มแห้งอย่างไร้ชั้นเชิงกลับไป

“ประเพณีเก่าแก่ของเมืองท่าแบนชีถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ชาวเมืองบางส่วนกลายเป็นสมาชิกลัทธิ แม้แต่บิชอปก็ยังเสื่อมทราม แต่ผมได้ยินมาว่า ปัญญาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างนั้นก็มีผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก”

เมืองท่าแบนชี…

แฮงแมน·อัลเจอร์ทำหน้านึกทบทวน ก่อนจะหันไปอธิบายมิสจัสติสผู้ยังตามไม่ทันฟัง

“เมืองท่าดังกล่าวมีธรรมเนียมโบราณเป็นการสังเวยมนุษย์ เป้าหมายคือวิญญาณมารซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็น ‘เทพสภาพอากาศ’ ไม่ว่าจะท้องทะเลหรือทวีปใต้ ก็ยังคงมีวิญญาณมารในลักษณะนี้แฝงตัวอยู่อีกมาก หากไม่มีข้อมูลอย่างละเอียดก็คงเข้าใจว่าพวกมันถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย วิญญาณมารยังคงหลบซ่อนอยู่ในสถานะไม่ปรกติรอบโลก มีผู้คนมากมายต้องล้มตายโดยมีพวกมันเป็นต้นตอ และสาเหตุการตายไม่จำกัดว่าต้องเป็นอาการป่วยไข้เท่านั้น หากพวกคุณมีโอกาสได้ออกทะเล ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด”

อัลเจอร์พยายามอธิบายเรื่องราวอย่างง่ายๆ ให้ทุกคนเข้าใจว่า เหตุการณ์บนท่าเรือแบนชีเป็นไปในลักษณะใด

ทันใดนั้น มันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ

เสียงหัวเรามาจากตำแหน่งมุมโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ!

มิสเตอร์ฟูล…! แฮงแมนรีบก้มศีรษะต่ำ

มิสเตอร์ฟูล! หมายความว่า เรื่องราวมิได้ง่ายดายเหมือนภายนอกสินะ!

ออเดรย์หันไปมองเดอะฟูลบนเก้าอี้พนักสูง

เมื่อเห็นสมาชิกต่างพากันสงสัย อยากรู้อยากเห็น หรือตื่นเต้น ไคลน์หัวเราะในลำคอซ้ำพลางทำท่านึกทบทวน

“ทำเอานึกถึงราชาเทวทูตตนหนึ่งขึ้นมา”

ราชาเทวทูต! เรื่องราวของเมืองท่าแบนชีเกี่ยวข้องกับราชาเทวทูต…!

ดวงตาออเดรย์พลันเบิกโพลง เธอกำลังคาดหวังคำอธิบายเพิ่มเติมจากเดอะฟูล

“ราชาเทวทูต…” ฟอร์สสูดลมหายใจเข้าออกเต็มปอด สีหน้าเผยความขื่นขม

ทำไมชุมนุมทาโรต์ถึงเอาแต่พูดเรื่องการมาเยือนของพระผู้สร้างแท้จริง การคืนชีพของแม่มดบรรพกาล และราชาเทวทูตวนเวียนไปมาอยู่นั่น! เรายังอยู่แค่ลำดับ 9 เท่านั้น!

ฟอร์สอยากจะแหงนมองท้องฟ้าและถอนหายใจเสียงดังอย่างเหนื่อยหน่าย

เดอะมูน·เอ็มลิน แอบตื่นเต้นในใจ มันเริ่มกระจ่างว่า เพราะเหตุใดต้นตระกูลผีดูดเลือดจึงต้องการให้ตนสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล

ไม่ผิดแน่ นี่คือการรวมตัวของกลุ่มคนพิเศษ ผู้ถูกเลือกให้มีชะตากรรมคอยปกป้องตระกูลหรือฝ่ายของตัวเองอย่างลับๆ ในเงามืด! ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนชั่วร้ายเช่นราชาเทวทูต แม่มดบรรพกาล และพระผู้สร้างแท้จริงเป็นระยะ!

คิดได้เช่นนั้น เอ็มลินเกิดแรงกระตุ้นอยากจะตอบรับข้อเสนอตะกอนพลังบารอนผีดูดเลือดจากแฮงแมนทันที เพียงแต่ว่า ความยากจนได้กระชากให้มันกลับสู่ความจริง

จะเป็นราชาเทวทูตตนใดกัน…

เดอะซัน·เดอร์ริค ถือโอกาสมีส่วนร่วมในบทสนทนา ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ราชาเทวทูต… เมืองท่าแบนชีซ่อนความลับใดไว้กันแน่? แฮงแมนตั้งตารอคำตอบจากเดอะฟูลอย่างใจเย็น

ขณะเดียวกัน เมื่อออเดรย์เห็นว่ามิสเตอร์ฟูลไม่มีเจตนาเล่าต่อ หญิงสาวจึงรีบซักถามอย่างหมดความอดทน

“มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ราชาเทวทูตในคราวนี้เป็นใครกันหรือคะ?”

ไคลน์เอนหลังและหัวเราะ ‘หึหึ’

“เมดีซี ผู้ก่อตั้งกุหลาบไถ่บาป ทายาทของมันอาศัยอยู่ในเมืองบินซี่”

กุหลาบไถ่บาป! หมายความว่า ราชาเทวทูตตนนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับพระผู้สร้างแท้จริง?

ออเดรย์คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะซ้อนทับกันจนวุ่นวายและทวีความเข้มข้น ขณะเดียวกันก็โพล่งถามประเด็นน่าสงสัยตามความเคยชิน

“เมืองบินซี่?”

“ชื่อเก่าของแบนชี” แฮงแมน·อัลเจอร์มอบคำตอบพลางกำมือแน่น

มันจินตนาการไม่ออกเลยว่า เมืองท่าแบนชีเก็บซ่อนความลับใดไว้ แต่ค่อนข้างมั่นใจอยู่หลายส่วน ว่าปัญหาในเมืองท่าแบนซีซึ่งทุกคนเคยเข้าใจว่าจบลงแล้ว ความจริงคือมันยังไม่จบ! อันตรายใหญ่หลวงกำลังเร้นกายอยู่ภายในความมืด!

มันไม่มีข้อมูลของกุหลาบไถ่บาปมากนัก ทราบเพียงว่า มีความเกี่ยวพันกับพระผู้สร้างแท้จริงและ ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุส

สรุปก็คือ เรื่องนี้อยู่เกินเอื้อมจินตนาการของเราไปเรียบร้อยแล้ว…

อัลเจอร์มองไล่ไปตามโต๊ะทองแดงยาวลายโบราณ พลางตระหนักว่ามิสเตอร์ฟูลของตนมีข้อมูลขอราชาเทวทูตทั้งแปดอยู่ไม่น้อย

ทันใดนั้น มันฉุกคิดได้หนึ่งเรื่อง

เมื่อสัปดาห์ก่อน มิสจัสติสเคยถามเกี่ยวกับราชาเทวทูตตนอื่นๆ แต่มิสเตอร์ฟูลกลับตอบเพียงว่า อีกประเดี๋ยว พวกเราทุกคนก็จะได้พวกมันรู้จักเอง…

และหนึ่งสัปดาห์ถัดมา พวกเราก็ได้ยินชื่อของราชาเทวทูตตนใหม่ทันที!

ท่านเดอะฟูลมองเห็นอนาคตนี้!

รูม่านตาอัลเจอร์พลันหดเกร็งด้วยอากัปกิริยาหวาดผวา

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset