Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 496 : ทะเลอันเปี่ยมด้วยความฝันของผู้คน

ราชันเร้นลับ 496 : ทะเลอันเปี่ยมด้วยความฝันของผู้คน

“น้ำพุไม่แก่เฒ่า? ถ้าดื่มเข้าไป เราจะอยู่ในร่างหนุ่มสาวไปตลอดกาลหรือคะ?” ดอนน่าซักถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย

แต่เธอมิได้ปรารถนาจะดื่มมัน เนื่องจากตนยังมีอายุน้อยมาก

ไอร์แลนด์ยังไม่ตอบทันที เพียงใช้ส้อมจิ้มเนื้อติดซี่โครงเมอร์ล็อกทอด แบ่งกินสองคำ และตบท้ายด้วยการจิบไวน์เลือดโซเนีย

รสชาติหวานละมุนลิ้นของไวน์ ช่วยกลบความเลี่ยนจากน้ำมันได้เป็นอย่างดี… กัปตันเรือหลับตาลงพลางทำหน้าครุ่นคิดประหนึ่งตนคือนักชิมอาหาร

ผ่านไปหลายวินาที ไอร์แลนด์หันไปตอบกับดอนน่าอย่างไม่รีบร้อน

“ฉันไม่รู้ว่ามีน้ำพุดังกล่าวอยู่จริงไหม และไม่ทราบว่าราชาอมตะ อาการิธ ดื่มมันเข้าไปจริงรึเปล่า… แต่หนึ่งสิ่งแน่ชัดคือ ฉันเคยได้ยินตำนานของราชาโจรสลัดคนนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก เฉกเช่นราชาโจรสลัด นาสต์ ราวกับพวกเขามีชีวิตอันเป็นนิรันดร์”

“เคราของพวกเขาต้องยาวถึงหน้าอกแน่นอน!” แดนตันแสดงความเห็น

“ผิดแล้ว ราชาห้าห้วงสมุทร นาสต์ มีเครายาวเลยปลายคางลงมาเพียงไม่มาก เขานั่งบนบัลลังก์ดาดฟ้าเรืออย่างองอาจ สวมชุดคลุมยาวสีดำสลับแถบสีเงิน สวมมงกุฎสูงกว่าศีรษะประมาณสองเท่า สายตาจ้องมองทุกสิ่งราวกับตนคือเทพ…” เสียงของไอร์แลนด์แผ่วลงขณะเรียกคืนความทรงจำสมัยอดีต

“คุณลุงกัปตันเคยพบราชาห้าห้วงสมุทรด้วยหรือคะ?” ดอนน่าซักไซ้อย่างตื่นเต้น

นาสต์คือโจรสลัดในตำนาน ชื่อเสียงโด่งดังทั่วทุกหนแห่งบนผืนทะเล แม้แต่เด็กเล็กบนเกาะหรือเมืองท่าก็ยังต้องเคยได้ยินชื่อ

คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเติบโตมาพร้อมการได้ฟังตำนานของนาสต์!

ในทางสามัญสำนึก คนส่วนใหญ่คงเข้าใจว่านาสต์คือราชาโจรสลัดตัวจริง…

หืม… ถ้าเราจำไม่ผิด หนึ่งในเงื่อนไขเพื่อจะเลื่อนลำดับเป็นจักรพรรดิมืดคือ ต้องสลักความเป็น ‘จักรพรรดิ’ ลงในจิตใต้สำนึกของผู้คนจำนวนมาก… หรือนาสต์กำลังวางรากฐานะเพื่อสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิในอนาคต หลังจากได้เป็นลำดับ 1?

ชักอยากรู้แล้วว่า ปัจจุบันราชาห้าห้วงสมุทรกำลังอยู่ในลำดับเท่าไร…

แม้ว่าภายนอก ท่าทีของไคลน์อาจคล้ายกับกำลังพิจารณารสชาติเนื้อเมอร์ล็อกทอดอย่างเอร็ดอร่อย แต่ภายในใจกำลังตรึกตรองถ้อยคำของกัปตันเรือมากประสบการณ์

หลังจากได้ยินคำถามของดอนน่า ไอร์แลนด์ถอนหายใจแผ่ว

“ในตอนนั้น ฉันยังเด็กมากและทำงานอยู่บนเรือ ‘วิลเลียมที่ห้า’ ขณะกำลังแล่นผ่านช่องแคบภัยพิบัติในทะเลคลั่ง เรือของพวกเราได้พบกับเรือจักรพรรดิมืดเข้าโดยบังเอิญ ภายในไม่กี่วินาที ทุกคนบนเรือ ไม่เว้นแม้แต่กัปตัน ต่างสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง แต่ยังเคราะห์ดี นาสต์มิได้สั่งให้ลูกเรือบุกโจมตีเข้ามา”

“เท่ชะมัด!” เด็กชายแดนตันกล่าวชื่นชมด้วยดวงตาเปล่งปลั่ง

ไอร์แลนด์ไม่ลงลึกรายละเอียดมากกว่านี้ เพียงอมยิ้มและวกกลับเข้าเรื่องเก่า

“ในส่วนของราชาอมตะ อาการิธ ฉันไม่เคยพบตัวจริงของเขามาก่อน เคยเห็นจากใบประกาศจับพร้อมค่าหัวเท่านั้น เขาเป็นชายวัยกลางคนผิวพรรณขาวซีด หากจะถามว่าซีดแค่ไหน ให้จินตนาการถึงศพมนุษย์เพิ่งตายได้ไม่นานและเริ่มเน่าเปื่อย”

เมื่อได้ยินการเปรียบเปรย ดอนน่าและแดนตันรีบหันไปมองศพเมอร์ล็อกด้านข้างพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่คนละคำ

“อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญมิได้อยู่ตรงใบหน้าของเขา แต่เป็นจำนวนเงินค่าหัว ลำพังอาณาจักรโลเอ็นแห่งเดียว ค่าหัวของอาการิธก็สูงถึงหนึ่งแสนปอนด์แล้ว แถมยังเป็นค่าหัวต่ำสุดจากบรรดาราชาโจรสลัดทั้งสี่” ไอร์แลนด์เล่าต่อ “กลับมายังเรื่องของสมบัติ อันดับสามคือมรดกของจักรวรรดิโซโลมอน กล่าวกันว่า ในยุคสมัยที่สี่ ขณะจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ใกล้ถึงคราวล่มสลาย บรรดาขุนนางได้นำสมบัติมูลค่ามหาศาลชนิดแม้แต่ทวยเทพยังปรารถนาใส่ไว้ในเรือลำใหญ่ และแล่นมุ่งหน้าไปยังทะเลหมอก รอคอยโอกาสฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโซโลมอนกลับมาอีกครั้ง

“แต่ไม่ว่าจะผ่านไปห้าร้อย หนึ่งพัน หรือหนึ่งพันห้าร้อยปี เรื่องดังกล่าวก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย”

“ดิฉันได้ยินว่า ราชาห้าห้วงสมุทร นาสต์ ได้สืบทอดมรดกบางส่วนมาจากจักรพรรดิโซโลมอน แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเขาคือทายาทของจักรพรรดิมืดตัวจริง” เซซิลกล่าวเสริมด้วยสีหน้าสนใจ

“ทะเลหมอก? ทะเลฝั่งตะวันตกของทวีปเหนือหรือคะ?” ดอนน่าซักถามหลังจากทบทวนความรู้วิชาภูมิศาสตร์

“ถูกต้อง” คลีฟส์ช่วยตอบ

หากนับทวีปเหนือเป็นศูนย์กลาง ฝั่งตะวันออกคือทะเลโซเนีย ฝั่งตะวันตกคือทะเลหมอก ทางทิศใต้คือทะเลคลั่ง และทางทิศเหนือคือทะเลเหนือ

ทางฝั่งทวีปใต้ก็ไม่ต่างกันนัก ตะวันออกและตะวันตกยังคงเป็นทะเลโซเนียและทะเลหมอก ส่วนทางใต้ลงไปเป็นทะเลขั้วโลก

ทะเลทั้งห้าถูกเรียกรวมเป็นห้าห้วงสมุทร

ชายฝั่งทิศตะวันตกของอาณาจักรโลเอ็นมีเทือกเขาโฮนาซิสขวางกั้น แถบด้านบนเป็นแคว้นเลียบทะเล ฝั่งตะวันออกติดกับทะเลโซเนีย และทางทิศใต้เป็นอ่าวเดซีย์ โดยบริเวณดังกล่าวสามารถแล่นเรือผ่านไปยังทะเลคลั่งได้

แต่ไม่มีจุดใดของโลเอ็นใกล้เคียงกับทะเลหมอกเลย

“อย่างนี้นี่เอง…” ดอนน่าไม่สนใจสมบัติไกลตัวสักเท่าไร จึงเปลี่ยนเรื่องซักถาม “แล้วสมบัติลำดับถัดไปคืออะไรคะ?”

“เป็นสมบัติของจักรวรรดิสุดท้ายแห่งยุคสมัยที่สี่ ทรันซอสต์ มีข่าวลือว่า พวกเขาสร้างเรือขนาดเท่าเมืองขึ้นและนำสมบัติทั้งหมดไปเก็บไว้บนเรือ แต่ช่างน่าขัน พวกเขาหลบหนีไม่สำเร็จ แม้ว่าผู้โดยสารทุกคนจะเดินทางมาขึ้นเรือได้ทันเวลา แต่กลับไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตาม เรือลำดังกล่าวได้หายไปอย่างเป็นปริศนา จนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้คนมักอ้างว่ามองเห็นเรือลำใหญ่เท่าเมืองแล่นผ่านไปในค่ำคืนหมอกหนา เรือลำดังกล่าวจึงถูกขนานนามว่า ‘จักรวรรดิผีสิง’ โดยมักปรากฏตัวบ่อยครั้งในเขตน่านน้ำทะเลโซเนีย หึหึ… นั่นคือบทสรุปของเรื่องราว”

ไอร์แลนด์แหงนหน้ามองจันทร์แดงบนท้องฟ้าโดยไม่เก็บซ่อนความปรารถนาในสมบัติมูลค่ามหาศาล

บางที พวกเราอาจได้กับพบเรือฝีสิงในคืนวันพรุ่งนี้ ไม่สิ… คืนนี้วันเลย! ดอนน่าแสดงสีหน้าคาดหวัง

หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยง ไคลน์ทำเพียงนั่งจิบชาดำพลางฟังเรื่องราวน่าสนใจจากปากไอร์แลนด์

“ตำนานสมบัติลำดับที่ห้าคือเมืองสาบสูญ ‘เนวินส์’ มีคนกล่าวไว้ว่า บริเวณก้นทะเลหมอกเคยมีอารยธรรมโบราณของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาอาศัยอยู่ เหล่านักผจญภัยและนักเดินเรือต่างเคยพบหลักฐานการมีตัวตนของอารยธรรมดังกล่าวบ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีใครเคยเห็นเมืองจริงๆ ด้านล่างแม้แต่คนเดียว ราวกับมันได้สาบสูญจากโลกนี้ไปนานแล้ว” ไอร์แลนด์กระดกไวน์เลือดโซเนียในแก้วจนหมดและเล่าต่อ “กล่าวกันว่า หากมรดกของอารยธรรมดังกล่าวยังคงอยู่ มูลค่าของมันจะมหาศาลจนมิอาจประเมินเป็นตัวเลขได้”

หลังจากเว้นวรรคสองวินาที ไอร์แลนด์ยิ้ม

“อย่างไรก็ตาม สมบัติในฝันของฉันเป็นสิ่งจับต้องได้มากกว่าตำนานจอมปลอมเหล่านี้ ชื่อของมันคือ ‘ลอเรลอับปาง’ เมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน เรือลำดังกล่าวได้บรรทุกทองแท่ง เครื่องเพชร และสมบัติมีค่าอีกหลายชนิดของอาณาจักรโลเอ็นกลับจากไบลัมตะวันออก แต่หลังจากแล่นพ้นเขตน่านน้ำปลอดภัย มันจมลงอย่างเป็นปริศนาโดยไม่มีใครทราบตำแหน่งแน่ชัด รู้แต่เพียงว่า จมอยู่สักแห่งระหว่างทะเลคลั่งกับทะเลโซเนีย และยังไม่มีใครค้นพบซากหรือร่องรอยมาจนถึงทุกวันนี้ ทรัพย์สินบนเรือถูกประเมินให้มีมูลค่ากว่าหลายล้านปอนด์!”

“หลายล้านปอนด์…?” เงินจำนวนมหาศาลทำให้ดอนน่าอุทานเสียงหลง

ในฐานะบุตรสาวผู้มีการศึกษาของพ่อค้ามั่งคั่ง เธอพอจะทราบคร่าวๆ ว่าเงินจำนวนดังกล่าวมีค่ามากเท่าใด

นับเฉพาะอาณาจักรโลเอ็น เศรษฐีหลักหลายล้านปอนด์จะถือเป็นอภิมหาคนรวยอย่างแท้จริง! มีอำนาจเป็นรองเพียงตระกูลขุนนางใหญ่และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น!

หลายล้านปอนด์…? มาดามแมรีผู้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโคอิม และยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติ ก็ยังมีทรัพย์สินรวมเพียงไม่กี่แสนปอนด์เท่านั้น

ไคลน์หาเป้าหมายในการเปรียบเทียบ

ไอร์แลนด์ถอนหายใจสั้น

“แต่เธอกลับถูกมองว่าเป็นคนใหญ่คนโตในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองหลวง หลังจากหย่าร้างกับสามี เธอก็ถูกหมายตาจากเหล่าสุภาพบุรุษน้อยใหญ่ทั่วกรุงเบ็คลันด์ทันที แม้กระทั่งบุตรชายของทายาทตระกูลดังก็ยังมาขอหมั้นหมาย… หากผมพบ ‘ลอเรลอับปาง’ เมื่อไร คงตัดสินใจลาออกจากการเป็นกัปตันเรือถาวร จากนั้นก็กลับไปยังกรุงเบ็คลันด์และทำตัวเป็นเศรษฐีใจบุญ ซื้อดินแดนและมอบเงินบริจาคให้พรรคการเมืองจนกระทั่งได้นับตำแหน่งขุนนางแบบสืบสายเลือด!”

ถ้าจำไม่ผิด ทาลิมเคยเล่าให้ฟังว่า บรรดาศักดิ์บาโรเน็ตแบบสืบสายเลือดต้องใช้เงินราวสามแสนปอนด์ และบารอนต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าแปดแสนปอนด์… หากกู้สมบัติดังกล่าวขึ้นมาได้จริง โอกาสได้รับบรรดาศักดิ์ไวเคาต์หรือเอิร์ลก็ไม่ไกลเกินเอื้อม…

เงินหลายล้านปอนด์เชียวนะ!

ไคลน์ช่วยวางแผนอนาคตให้ไอร์แลนด์

“ถ้าเป็นฉันคงไม่ทำแบบนั้นแน่ ขอแค่ซื้อคฤหาสน์สักหลังก็พอแล้ว” เซซิลเริ่มจินตนาการความฝันหลังจากตนได้พบสมบัติ “ฉันจะจ้างคนรับใช้จำนวนมาก ปลูกทุ่งข้าวสาลีขนาดใหญ่ ทำไร่องุ่น และทำห้องบ่มไวน์องุ่นเป็นของตัวเอง… นอกจากนั้นยังจะสร้างห้องสำหรับอาบแดด ล้อมรอบไปด้วยฝูงวัว แกะ และม้า รวมถึงผลิตขนมปังในโรงสีข้าวของตัวเอง นั่นคือวิถีชีวิตในฝัน…”

ไอร์แลนด์หัวเราะเสียงดัง

“ฮะฮะ! มาดาม คุณทราบหรือไม่ว่าคฤหาสน์หลังหนึ่งมีราคาเท่าไร”

“ไม่ทราบค่ะ” เซซิลส่ายหน้า

“แค่ไม่กี่พันปอนด์เท่านั้น!! หากคุณหาลอเรลอับปางพบ ก็จะซื้อคฤหาสน์ในฝันได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหลัง!” ไอร์แลนด์ใช้ตัวเลขขยายให้เซซิลเห็นภาพชัด

คฤหาสน์นับพันหลัง? เซซิลครุ่นคิดพลางยกถ้วยชาดำขึ้นมาจิบ

แต่ไหนแต่ไร เธอทราบว่าเงินจำนวนหลายล้านปอนด์คือจำนวนมหาศาล แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมากมายถึงเพียงนี้!

เพื่อบรรเทาความตกตะลึงในใจ หญิงสาวรีบหันไปทางคลีฟส์และซักถาม

“หัวหน้า ถ้าคุณได้พบลอเรลอับปาง จะนำเงินหลายล้านปอนด์ไปทำอะไรบ้าง? ไม่สิ…คุณต้องการมีชีวิตแบบไหนหลังจากนั้น”

คลีฟส์เงียบงันสักพัก

“กลับบ้านไปกอดภรรยาและลูกๆ พร้อมกับบอกทุกคนว่า พ่อไม่จำเป็นต้องออกไปผจญภัยในทะเลอีกแล้ว”

เป็นคนดีผิดคาดแฮะ… ไคลน์พยักหน้าหงึก

ดอนน่าหันมาทางชายหนุ่ม

“แล้วคุณลุงนักผจญภัยล่ะคะ?”

ไคลน์ตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้าเย็นชา

“บอกกับตัวเองให้รีบตื่น และเลิกฝันกลางวันสักที”

พรวด…!

ดอนน่าบ้วนชาเย็นในปากลงบนจานอาหารตรงหน้า แต่โชคยังดีว่า เนื้อเมอร์ล็อกทอดถูกจัดการไปจนหมดแล้ว

ขณะเดียวกัน ไคลน์ถอนหายใจยาว

ถึงสมบัติจะมีอยู่จริง แต่ก็แทบไม่มีทางตกถึงมือคนธรรมดาอย่างเราแน่ เพราะเจ็ดโบสถ์หลักไม่น่าจะปล่อยให้สมบัติมูลค่ามหาศาลหลุดรอดมาถึงปัจจุบันได้…

แต่ลำพังการได้พูดคุยเกี่ยวกับสมบัติ ก็มากพอจะทำให้หัวใจสูบฉีดเต้นระรัว นี่คือเสน่ห์ของตำนานสินะ… ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเหล่านักผจญภัยถึงได้หลงใหลในสมบัติกันนัก!

ดอนน่ารีบเช็ดปากและนั่งด้วยกิริยาสง่างาม ราวกับเมื่อครู่มิได้บ้วนอะไรออกไปทั้งสิ้น

เด็กชายแดนตันซักถามกระตือรือร้น

“ยังมีตำนานสมบัติอื่นอีกไหมครับ”

ไอร์แลนด์ไปมองทางคลีฟส์ บอกเป็นนัยว่าให้ชายคนนี้ช่วยมอบคำตอบ

คลีฟส์จิบชาดำอย่างใจเย็น ก่อนจะวางถ้วยลงและเริ่มเล่าจากประสบการณ์ตัวเอง

“ในทะเลมีสมบัติอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดินแดนลึกลับของเอลฟ์ เรือโจรสลัดซึ่งหายไปอย่างเป็นปริศนาในส่วนลึกสุดของทะเลหมอก เมืองใต้น้ำอันเต็มไปด้วยสัตว์น้ำดุร้ายและทรงพลัง ขุมทรัพย์สุดท้ายของจักรพรรดิโรซายล์ และอื่นๆ อีกมาก”

หือ…? แม้แต่จักรพรรดิก็มีตำนานขุมทรัพย์กับเขาด้วยหรือ…ถ้าเป็นเรื่องจริง ภายในนั้นจะมีไพ่เย้ยเทพอยู่รึเปล่า และมีทั้งหมดกี่ใบ…

ไม่เพียงเท่านั้น ตำนานกุญแจเทพมรณาอาจช่วยให้มิสเตอร์อะซิกฟื้นฟูความทรงจำบางส่วนกลับคืนมา…

ไคลน์ไตร่ตรองด้วยสีหน้าคาดหวัง

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset