Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 491 : เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในรายงานการสืบสวน

ราชันเร้นลับ 491 : เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในรายงานการสืบสวน

เลียวนาร์ด?

ไคลน์เกิดความคิดชั่วครู่ว่าตนอาจตาฝาด

แต่เนื่องจากแสงออร่าซึ่งปกคลุมลำตัวอีกฝ่ายไม่เข้มข้นมากนัก อีกทั้งตนยังเคยสนิทกับเลียวนาร์ด จึงยืนยันได้อย่างมั่นใจว่าไม่ผิดคน

ผ่านไปหนึ่งลมหายใจ เลียวนาร์ดเลือนหายไปพร้อมกับแสงจ้า

คนแล้วคนเล่า สมาชิกชุมนุมลับหายไปจากลำธารหุบเขาโดยเหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงันของสภาพอากาศใจกลางฤดูหนาว

ความฝันไคลน์แตกละเอียดละจบลง

ชายหนุ่มลืมตาขึ้น วางเข็มกลัดซึ่งได้จากศพลาเนวุสไว้บนโต๊ะทองแดงยาว

บุคคลในนิมิตเป็นเลียวนาร์ดตัวจริง หรือผู้ไร้หน้าจำแลงกายเป็นเลียวนาร์ดกันแน่?

ไคลน์ตัดสินใจโยนเหรียญหาคำตอบ

พลังวิญญาณได้มอบคำตอบผ่านตัวกลางกลับมาว่า บุคคลดังกล่าวคือเลียวนาร์ด·มิเชลตัวจริงเสียงจริง อดีตเพื่อนรักจากเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น

…เขาเป็น ‘สายสืบ’ ซึ่งเหยี่ยวราตรีส่งมาสืบข่าวในชุมนุม หรือแอบเสี่ยงชีวิตเข้าร่วมชุมนุมลับโดยไม่บอกใคร? เลียวนาร์ดกำลังหวังพัฒนาฝีมือและรอวันแก้แค้น โดยยังคงทำงานแฝงตัวอยู่กับเหยี่ยวราตรีเพื่อรอให้โอกาสเหมาะสมมาถึง?

ไคลน์ตั้งคำถามกับตัวเองด้วยสีหน้าไตร่ตรอง แต่เมื่อมิอาจหาข้อสรุปได้ จึงตัดสินใจทำนายถามเพิ่มเติม

และไม่ผิดคาด เป็นเพราะมีข้อมูลในมือน้อยเกิดไป การทำนายทั้งหมดจึงล้มเหลว

หลังจากเงียบงันสักพัก ไคลน์เผยรอยยิ้มซีดจางพลางวาดวงกลมจันทร์แดงกึ่งกลางหน้าอก

“ขอให้เขาโชคดี… ขอให้เทพธิดาอวยพร”

ไคลน์ไม่นำเรื่องของเลียวนาร์ดเก็บไปคิดนานนัก โดยหันมาสนใจจุดประสงค์ของการชุมนุมมากกว่า เพื่อจะได้วิเคราะห์หาข้อสรุปให้ชัดเจนว่า ในอนาคต ตนควรเข้าร่วมชุมนุมดังกล่าวดีไหม หรือควรแอบเตือนให้เลียวนาร์ดระวังอันตราย

กรุงเบ็คลันด์ ภายในห้องลับใต้มหาวิหารแห่งไอน้ำ

ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวแรกจากฝั่งซ้ายสุดของโต๊ะประชุมยาว ไอคานส์ถอดหมวกพลางใช้มือขวาจัดแต่งทรงผมแข็งกระด้างของตน

ถัดมา มันหยิบกระจกเงาสีเงินทรงโบราณ ‘อาโรเดส’ ออกจากช่องกระเป๋าลับสั่งทำพิเศษและวางไว้บนโต๊ะด้านหน้า

ไม่ว่าจะฝั่งขวามือ ฝั่งตรงข้าม หรือในแนวทแยงล้วนรายล้อมไปด้วยอาวุโสและหัวหน้าหน่วยจิตแห่งจักรกลจำนวนมากประจำกรุงเบ็คลันด์ ทั้งหมดถูกเรียกประชุมเป็นการด่วนโดยหนึ่งในสมาชิกสภาศักดิ์สิทธิ์ อาร์ชบิชอปแห่งเบ็คลันด์ ฮารามิค·ไฮเดิน

อาร์ชบิชอปในชุดคลุมยาวสีขาว ผู้มีกลิ่นอายคล้ายกับชายชรามาดสุขุมตามปรกติ กำลังนั่งอย่างสงบนิ่งบนเก้าอี้ประธาน

เมื่อเห็นทุกคนมากันครบ มันมองไปรอบโต๊ะประชุมและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เริ่มจากไอคานส์ เชิญรายงานความคืบหน้าการสืบสวนทั้งหมดได้”

ไอคานส์เบอร์นาร์ด ในสภาพมือข้างหนึ่งจัดแต่งทรงผม ส่วนอีกข้างกำลังพลิกเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้า มันเริ่มรายงานข้อมูลอย่างกระชับและฉะฉาน

“เจ้าคุณท่าน หน่วยของผมได้รับมอบหมายให้สืบสวนเกี่ยวกับเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ จากการสืบสวนอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ร่วมด้วยกระบวนการพิเศษ พวกเราสามารถยืนยันได้ว่า เชอร์ล็อกถูกดึงให้เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์โดยบังเอิญ และจากหลักฐานแวดล้อม ผมเชื่อว่าเขาไม่ทราบความลับเบื้องหลังองค์ชายเอ็ดซัค เชอร์ล็อกและทาลิม·ดูมงต์ ผู้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาภายในสโมสรครักซ์ เป็นเพื่อนสนิทกัน เชอร์ล็อกรับงานบางอย่างจากองค์ชายเอ็ดซัคผ่านทาลิม อย่างไรก็ตาม เขามิได้ลงมือสืบสวนอย่างจริงจังเท่าไรนัก แต่กลับเบิกค่าแรงและค่าชดเชยเกินจริงไปมาก”

เล่ามาถึงจุดนี้ ไอคานส์เริ่มเกิดความกังวล เพราะนักสืบเชอร์ล็อกเองก็เป็นสายข่าวคนหนึ่งของจิตแห่งจักรกล และมีการประวัติการเบิกเงินชดเชยเป็นบางคราว มันเกรงว่า ทั้งหมดอาจเป็นการเบิกเกินงบจริงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเชอร์ล็อก·โมเรียตี้นับว่าสำคัญต่อพวกเรามาก แถมยังเพิ่งเป็นสายข่าวให้กับโบสถ์ได้ไม่นาน…

ยิ่งไปกว่านั้น เงินตอบแทนส่วนใหญ่ก็ยังมาจากค่านายหน้า มิใช่การเบิกค่าชดเชย…

ไอคานส์ถอนหายใจแผ่ว จึงค่อยเล่าต่อ

“หน่วยของผมลงความเห็นกันว่า เขาเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ และมิได้รับผลประโยชน์ใดจากเหตุการณ์ จริงอยู่ เขาอาจตระหนักถึงอันตรายจากคฤหาสน์กุหลาบแดงได้เร็ว แต่นั่นคือตัวอย่างของความเป็นอัจฉริยะด้านอนุมานและสรุปผลของเชอร์ล็อก ไอเซนการ์ด·สแตนธอนสามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้ หลังจากทำงานให้องค์ชายเอ็ดซัคได้ระยะหนึ่ง เชอร์ล็อกเริ่มเอะใจว่าตนอาจตกอยู่ในวงล้อมความขัดแย้งท่ามกลางเชื้อพระวงศ์ จึงตัดสินใจชะลอการสืบสวนและหาโอกาสตีตัวออกหาก โดยในภายหลัง เขาได้เขียนจดหมายอธิบายเรื่องราวให้พวกเราทราบด้วย แต่โชคชะตาได้เล่นตลก เขามิอาจหนีจากเรื่องราวอันซับซ้อนและยุ่งเหยิงพ้น อย่างไรก็ตาม ในความโชคร้ายยังมีโชคดี เชอร์ล็อกเล่าว่า ในวินาทีฝนอุกกาบาตพุ่งถล่มเขตป่าใกล้กับคฤหาสน์กุหลาบแดง ทายาทแห่งเทพมรณา อะซิก·อายเกส ได้ปรากฏตัวออกมาช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา หากได้เห็นสภาพแวดล้อมในจุดดังกล่าวหลังจากเหตุการณ์จบลง ทุกท่านคงเข้าใจได้ทันทีว่าการโจมตีดังกล่าวมีอำนาจทำลายล้างรุนแรงและเป็นวงกว้างมากเพียงใด โดยนี่อาจเป็นผลจากพลังของ 0-08”

ไคลน์เล่าถึงอินซ์·แซงวิลล์และ 0-08 ในจดหมายของตน โดยไม่อธิบายว่าตนรู้จักอดีตอาร์ชบิชอปแห่งเหยี่ยวราตรีและสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ได้อย่างไร

เนื่องจากมีพยานรู้เห็นมากมายระบุว่า ตนอยู่กับอะซิก·อายเกสเป็นเวลานาน ข้อมูลดังกล่าวจึงมีแน้วโน้มจะมาจากคำบอกเล่าของทายาทแห่งมรณา

และเป็นไปตามคาด จิตแห่งจักรกลต่างลงความเห็นว่าเรื่องราวน่าจะเป็นไปในทิศทางดังกล่าว

ในส่วนของสมบัติวิเศษระดับ 0 และ 1 ทุกโบสถ์จะมีการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันอย่างตอเนื่องอยู่แล้ว ถึงขั้นใช้รหัสปิดผนึกไม่ซ้ำกันเพื่อป้องกันการสับสน ไคลน์จึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายลงลึกรายละเอียด 0-08

“…อย่างไรก็ตาม พวกเรายังไม่กระจ่างในสามประเด็น หนึ่ง 2-111 ระบุว่าขณะเชอร์ล็อก·โมเรียตี้หนีเข้าไปในป่า เขาไม่รีบเคลื่อนย้ายตัวเองออกห่างจากอันตราย แต่กลับสวดวิงวอนถึงใครบางคน สอง ทางเรายังไม่ทราบว่าเขารู้จักกับอะซิก·อายเกสได้อย่างไร สาม ทางเรายังไม่ทราบว่าเขาหลบหนีออกจากอาคารใต้ดินลับด้วยวิธีใด หากประเมินจากสถานการณ์ การหลบหนีด้วยพลังพิเศษของเขาเพียงอย่างเดียวค่อนข้างเป็นเรื่องยาก… อีกทั้ง ระหว่างการหลบหนี นักสืบเชอร์ล็อกได้ทำลายพิธีกรรมลับของชุมนุมแสงเหนือ โดยสันนิษฐานว่าจะเป็นพิธีกรรมอัญเชิญพระผู้สร้างแท้จริงลงมาจุติ”

ไอคานส์สรุปผลการสืบสวน

2-111 หมายถึงกระจกวิเศษอาโรเดส

ฮารามิคเผยรอยยิ้ม ก่อนจะพึมพำ

“เบิกค่าใช้จ่ายเกินจริงไปมาก…”

ตามด้วยการกระแอมในลำคอ

“แฮ่ม… แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักสืบเชอร์ล็อกคือวีรบุรุษตัวจริงของกรุงเบ็คลันด์ หากเขาทำลายพิธีกรรมไม่ทันเวลา หรือเลือกจะหนีอย่างคนขลาด เกรงว่าพวกเราอาจจะไม่ได้มานั่งคุยกันตรงนี้ เหนือสิ่งอื่นใด เขาศรัทธาในพระองค์เหมือนกับพวกเรา และมีท่าทีเป็นมิตรกับเรา ฉะนั้น หากปัญหามิได้ร้ายแรงจนเกินไปนัก พวกเราสามารถมองข้ามข้อกังขาเล็กน้อยได้”

“เจ้าคุณท่าน ผมก็คิดเช่นนั้น” ไอคานส์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย “หน่วยของผมประเมินว่า การสวดวิงวอนในป่ารวมถึงพฤติกรรมเป่านกหวีดทองแดง เป็นขั้นตอนสำหรับใช้ติดต่อกับอะซิก·อายเกส แต่ทั้งผลลัพธ์และความเร็วแตกต่างจากคำวิงวอนตามปรกติพอสมควร

“อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ความเป็นความตาย พฤติกรรมของเขาไม่น่าจะแฝงเจตนาร้าย แต่ทำไปเพื่อดิ้นรนให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป นั่นคือข้อสรุปของการสืบสวน”

“หึหึ… นอกจากการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ส่วนหนึ่งอาจกำลังเขียนจดหมายลาตายก็ได้นะครับ” อาวุโสจิตแห่งจักรกลคนหนึ่งกล่าวติดตลก ตามด้วยการรายงานเนื้อหาในส่วนของตน

“…พวกเราไม่พบอาคารใต้ดินตามคำอธิบายของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ นอกจากนั้น แม้จะมีความช่วยเหลือจาก 2-111 ร่วมด้วย แต่พวกเราก็ยังไม่ทราบตัวจริงของผู้วิเศษครึ่งเทพจากราชวงศ์”

“….ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า โบสถ์รัตติกาลทราบข่าวความโกลาหลเป็นฝ่ายแรก ข้อมูลถูกส่งมาจากเครือข่ายพิเศษของเอิร์ลฮอลล์ รายละเอียดมากกว่านี้ยังเป็นปริศนา”

“…กองกำลังส่วนใหญ่ของชุมนุมแสงเหนือในกรุงเบ็คลันด์ถูกพวกเรา เหยี่ยวราตรี และทูตพิพากษาบุกทลายจนเกือบหมด แต่ผมยังเชื่อว่า พวกมันน่าจะยังเหลือเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่ในเงามืด…”

“…ขณะเกิดเหตุ เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ระบุว่าทริสซี่ได้ย้อนกลับเข้าไปในกรุงเบ็คลันด์ แต่ไม่มีใครพบเบาะแสของเธออีกเลยหลังจากนั้น และจากคำบอกเล่าของเชอร์ล็อกเช่นเดิม ทริสซีคือกุญแจสำคัญของเหตุการณ์คราวนี้ โดยเธอถูกเปลี่ยนชื่อเป็นทริสซี่·ชีค”

“…ปัจจุบันยังไม่อาจทราบได้ว่า โบสถ์รัตติกาลใช้วิธีใดจับกุมตัวแม่มดสิ้นหวังและพ่อบ้านชรา ฟังเกล แต่ผลการทำนายยืนยันแน่ชัดว่าทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ และหลบหนีไม่สำเร็จ”

ขณะอาวุโสและหัวหน้าหน่วยจิตแห่งจักรกลรายงานความคืบหน้าทีละคน อาร์ชบิชอปฮารามิคหรี่ตาลงพลางทำหน้าครุ่นคิด

บรรยากาศห้องประชุมเงียบงันไปสักพัก จนกระทั่งฮารามิค·ไฮเดินลืมตาขึ้นพร้อมกับมอบคำสั่ง

“ถ้าหากยืนยันได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ให้ระดมกำลังตามล่าตัวทริสซี·ชีคอย่างสุดฝีมือ จงรวบรวมทุกการทำนายล้มเหลวในอดีตและส่งรายละเอียดมาให้ผม โบสถ์ของเรามีนักบุญเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง จริงอยู่ ประสิทธิภาพอาจไม่สูงไปกว่า 2-111 สักเท่าไร แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ในส่วนของการสืบหาตัวครึ่งเทพฝ่ายราชวงศ์ เรื่องนี้พักไว้เอาก่อน ทางนั้นคงทราบความเคลื่อนไหวของเราแล้ว และนั่นไม่ต่างอะไรกับคำเตือน พวกเขาคงไม่กล้าเคลื่อนไหวไปอีกสักพัก การแบ่งกำลังคนไปสืบสวนมีแต่จะเหนื่อยเปล่า พยายามค้นหาอาคารใต้ดินปริศนาโดยแบ่งปันข้อมูลกับโบสถ์รัตติกาลและวายุสลาตัน ไอคานส์ จงถาม 2-111 ว่าเชอร์ล็อก·โมเรียตี้หลบหนีออกจากอาคารใต้ดินด้วยวิธีใด และรู้จักกับอะซิก·อายเกสตอนไหน”

ไอคานส์จ้องหน้าอาร์ชบิชอปฮารามิคนานหลายวินาที ก่อนจะชำเลืองไปยังพวกพ้องรอบโต๊ะและตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายกัดฟัน

“ขอรับ เจ้าคุณท่าน”

มันพลันหดหู่เมื่อตำนานของตนจะไม่เป็นความลับเฉพาะหน่วยอีกต่อไป แต่จะถูกเผยแพร่ไปยังจิตแห่งจักรกลทั่วทั้งกรุงเบ็คลันด์อย่างเท่าเทียม

หลังจากดำเนินขั้นตอนพื้นฐาน ไอคานส์ขยับปากเปล่งเสียง

“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ คำถามของกระผมคือ ‘เชอร์ล็อก·โมเรียตี้รู้จักกับอะซิกอายเกสตอนไหน’ ”

ทันใดนั้น กระจกวิเศษสีเงินซึ่งมีอัญมณีประดับสองเม็ดจนคล้ายดวงตา เริ่มแผ่แสงมายากระเพื่อมในลักษณะคลื่นน้ำ ตามด้วยการเผยฉากเหตุการณ์ :

เชอร์ล็อก·โมเรียตี้กำลังยืนอยู่ในห้องหนึ่ง สายตาเพ่งมองหนูสีเทาท้องแตกและเผยให้เห็นอวัยวะภายใน หนูตัวดังกล่าวกำลังเกาะอยู่บนกำแพง ด้านหลังเป็นเฒ่าโคห์เลอร์และเจ้าของโรงแรมราคาถูก

“สายข่าวของเชอร์ล็อกคงรายงานเกี่ยวกับค่าหัวของอะซิก·อายเกสให้ฟัง เขาจึงสนใจและเดินทางไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ค่าหัวของอะซิกมาจาก MI9 เนื่องจากทั้งสองฝั่งเกิดความขัดแย้งกัน”

ไอคานส์พยายามตีความ

และตามธรรมเนียมปฏิบัติ อาวุโสจิตแห่งจักรกลเลือกตอบคำถาม พลางสูดลมหายใจยาวเต็มปอด เตรียมรับแรงกระแทกจากคำถามสุดน่าอับอาย

และไม่ผิดคาด ตัวหนังสือสีแดงปรากฏขึ้นบนผิวกระจก :

“การพยายามเอาชนะใจใครสักคน แต่สุดท้ายกลับถูกเขาทอดทิ้ง… เจ้าเข้าใจความรู้สึกนี้หรือไม่”

ป…แปลก!

คำถามของอาโรเดสแปลกไปจากทุกที…

ไอคานส์พลันโล่งอกเมื่อตระหนักว่า ตัวอักษรสีเลือดบนกระจกมิได้แฝงความฉิบหายไว้เหมือนกับทุกครั้ง ท่าทีของกระจกวิเศษอาโรเดสห่อเหี่ยวอย่างไร้เหตุผล

แต่มันไม่กล้าสงสัยนานนัก รีบตอบกลับไปตามความรู้สึกตัวเอง

“เข้าใจขอรับ”

“ยินดีด้วย… เจ้าตอบถูก” ข้อความสีซีดเซียวปรากฏขึ้นบนผิวกระจกเงิน

5 มกราคม เก้าโมงเช้า

แต่งกายด้วยผ้าพันคอสีเทาอ่อน ไคลน์เดินทางมายังท่าเทียบเรือกุหลาบพร้อมกับกระเป๋าเดินทางและไม้ค้ำ

โมราขาวกำลังจอดรอผู้โดยสาร ขนาดของมันใหญ่มหึมา โดยเฉพาะยิ่งเมื่อนำมาเทียบกับขนาดของมนุษย์ กล่าวกันว่าสามารถรองรับผู้โดยสารได้หลายร้อยคนเลยทีเดียว

รูปลักษณ์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคสมัยแห่งไอน้ำ มีทั้งปล่องควันขนาดใหญ่ ใบเรือ และปืนใหญ่สิบสองกระบอกรอบลำ เพียงพอต่อการปกป้องกันตัวเองจากโจรสลัดและกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีอื่นๆ

ภายใต้การนำของกัปตันไอร์แลนด์·คักส์ เหล่ากะลาสีและลูกเรือร่างกายกำยำซึ่งถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี กำลังยืนเรียงรายอย่างเป็นระดับสองฝั่งขั้นบันได รอต้อนรับผู้โดยสารขึ้นเรืออย่างอบอุ่น กะลาสีบางคนจงใจเผยให้เห็นอาวุธถูกกฎหมายหลายชนิด เช่นลูกโม่ดัดแปลง ไรเฟิล และมีดยาว

ภาพอันน่าเกรงขามทำให้บรรดาผู้โดยสารเกิดความรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย ความหวาดกลัวเริ่มบรรเทาลงหลายส่วน โดยทุกคนเชื่อมั่นว่าการเดินทางอันยาวนานเก้าวันเต็มของตนจะไปถึงจุดหมายอย่างราบรื่น

ไคลน์ยืนด้านล่างพลางแหงนมองขึ้นไป ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดและพยุงตัวเดินอย่างระมัดระวัง

ใต้ช่องว่างระหว่างขั้นบันไดเป็นภาพของน้ำทะเลสีฟ้าครามส่องแสงระยิบระยับ

การเดินทางของเรา… เริ่มขึ้นแล้วสินะ…

ชายหนุ่มเยื้องย่างอย่างมั่นคง

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset