Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1009 : ของขวัญที่ได้รับ ย่อมต้องมีค่าตอบแทน

หลังจากได้ยินคำพูดชายชรา เลียวนาร์ดรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที

มันกลับมาให้ความสนใจสงครามระดับเทวทูตที่เกิดขึ้นตอนบ่าย ซักถามด้วยความสงสัย

“ปีศาจงูยักษ์ตัวนั้นเป็นของเส้นทางใด?”

พาลีส·โซโรอาสเตอร์เงียบไปสักพัก ถอนหายใจและตอบ

“อสรพิษแห่งชะตา ประธานสภาแห่งชะตาของโรงเรียนกุหลาบ เทวทูตลำดับ 1… ข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าเจ้านั่นจะเข้าร่วมกับฝ่ายนี้…”

ประธานสภาแห่งชะตาของโรงเรียนกุหลาบ? ขณะเดียวกันก็เป็นข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูล? หรือว่าไพ่ทาโรต์ของเขาจะเป็น ‘วีลล์ออฟฟอร์จูน’ ? ดวงตาเลียวนาร์ดขยายขึ้นเล็กๆ ภายในใจเริ่มรู้สึกว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้น้อยหน้าเจ็ดเทพจารีตเลยสักนิด ลึกเกินกว่าจะหยั่งถึง

กงสุลมรณะ… อสรพิษแห่งชะตา… ผู้ส่งสารที่ไม่สมบูรณ์… ตอนนี้มีเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลสามตนที่ถูกเผยตัวออกมาแล้ว… ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไคลน์ถึงกลายเป็นครึ่งเทพได้เร็วนัก… เราเพิ่งเข้าร่วมได้ไม่นาน แต่กลับมีโอกาสได้เข้าร่วมในสงครามครึ่งเทพ… อนาคตหลังจากนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเดาได้เลย… เลียวนาร์ดถือกระดาษจดหมายเดินไปนั่งบนโซฟา ภายในใจเกิดแรงกระตุ้นที่จะย่อยโอสถ ‘นักปลอบวิญญาณ’ ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

ในระยะหลัง มันมัวแต่ยุ่งอยู่กับการปลอบวิญญาณในเบ็คลันด์ และด้วยปริมาณงาน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เสร็จโดยเร็ว ยากจะหาโอกาสแวะไปยังเมืองทิงเก็นและขโมยหยดเลือดของเทพสุริยันเจิดจรัส แถมร่างโคลนของอามุนด์ก็ยังปรากฏตัวเร็วกว่าที่คาดไว้

ย่านทิศใต้ของสะพานเบ็คลันด์ ถนนกุหลาบ ภายในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว

เอ็มลิน·ไวท์ในเครื่องแบบนักบวชสีน้ำตาล กำลังยืนข้างโต๊ะยาวที่มีเชิงเทียน สายตาจ้องไปทางเออร์เนส·โบยาร์ที่กำลังเช็ดแท่นบูชา ทันใดนั้น มันยกมือขวาขึ้นชี้พร้อมกับกล่าว

“ด้านข้าง… ฝั่งซ้าย… ตรงนั้นยังไม่สะอาด”

เออร์เนส·โบยาร์ที่กำลังสวมชุดนักบวชของโบสถ์พระแม่ธรณี หันไปทองเอ็มลินด้วยสายตาโกรธจัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำตามคำสั่ง เช็ดซ้ำบริเวณที่ยังไม่สะอาด

“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ แต่ก็เหมือนกับตอนที่ข้าโกรธเรื่องปราสาทที่เจ้าปกปิดข้อมูลสำคัญ” เอ็มลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่แยแสสีหน้าของอีกฝ่าย “นอกจากนั้น ข้าลืมบอกไป เมื่อสัปดาห์ก่อน ข้าได้เป็นไวเคาต์แล้ว”

สำหรับพิธีกรรมเลื่อนเป็นไวเคาต์ผีดูดเลือด หรือ ‘ปราชญ์สีชาด’ ลำดับ 5 แห่งเส้นทางจันทรา หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญก็คือ ต้องอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์เต็มดวง นอกจากนั้นยังต้องรวบรวมโลหะ อัญมณี และเลือดของสัตว์วิเศษที่แตกต่างกันซึ่งแสดงถึงดวงจันทร์ในแต่ละสถานะ เป็นงานที่ไม่ง่ายเลย

อย่างไรก็ตาม เอ็มลินได้รับคำสัญญาจากเบื้องบนของผีดูดเลือดมานานแล้ว ว่าจะช่วยประกอบพิธีกรรมเลื่อนเป็นไวเคาต์ให้ สิ่งที่ต้องทำจึงมีเพียงรอให้ถึงคืนจันทร์เต็มดวง

สำหรับการย่อยโอสถ ‘ปรมาจารย์โอสถ’ เอ็มลินแทบไม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ สิ่งนี้ประสบความสำเร็จตามธรรมชาติอย่างราบรื่น เพราะมันมักสอนการปรุงยาจากสมุนไพรให้กับสาวกของวิหารฤดูเก็บเกี่ยว หรือแม้แต่การนำยาวิเศษมาจับคู่กัน หากไม่นับงานอดิเรกอย่างการสะสมตุ๊กตา ศึกษาประวัติศาสตร์ และเป็นอาสาสมัครให้กับโบสถ์พระแม่ธรณี เอ็มลินชอบใช้เวลาว่างคิดเกี่ยวกับยาวิเศษ เพื่อให้ใช้งานได้เกิดประโยชน์สูงสุดในการต่อสู้

“…เจ้าเป็นไวเคาต์แล้ว?” เออร์เนส·โบยาร์ทำหน้าประหลาดใจ

ในตระกูลผีดูดเลือด เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ที่อายุยืนยาว จำนวนของสมาชิกจึงมีมาก แต่ตะกอนพลังนั้นมีจำกัด จำนวนคนที่เลื่อนลำดับสามารถนับหัวได้ไม่ยาก ต้องรอคิวนานมาก บางคนอาจต้องรอทั้งชีวิต แต่เอ็มลิน·ไวท์กลับไต่เต้าจากบารอนมาเป็นไวเคาต์ได้ภายในครึ่งปี!

เออร์เนสยังคงจำแม่น จากบารอนมาถึงไวเคาต์ มันต้องใช้เวลาหกสิบปีเต็ม และนั่นเป็นเพราะบิดาของมันถูกแวมไพร์เทียมโจมตีจนเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร เหลือทิ้งมรดกไว้ให้ทายาท

“แน่นอน” เอ็มลินฉีกยิ้มกว้างขึ้น แต่ยังคงสงวนกิริยา “ข้าได้ตะกอนพลังของลำดับ 5 มาจากแวมไพร์เทียม”

เออร์เนส·โบยาร์เอาแต่จ้องหน้าเอ็มลิน ไม่กล่าวคำใดเป็นเวลานาน คล้ายกับผลกระทบที่ได้รับ หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการต้องมาเป็นอาสาสมัครที่วิหารฤดูเก็บเกี่ยว

“สีหน้าดูไม่ได้เลยนะ” เอ็มลินหัวเราะในลำคอ “อาจมีสักวันที่เจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านเอิร์ล”

“โอหังนักนะ!” เออร์เนสโพล่งขึ้น

นี่ถือว่าถ่อมตัวแล้ว ฉันไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าจะเป็นดยุค หรือกระทั่งเจ้าชาย… หึหึ… คนที่เป็นผู้กอบกู้ของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด อย่างน้อยๆ ก็ต้องระดับเทวทูตไม่ใช่หรือ? และในชุมนุมของเรา มิสเตอร์เวิร์ลกลายเป็นครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว ส่วนมาดามเฮอร์มิทก็อีกไม่นาน… ในอนาคต ชุมนุมทาโรต์จะเต็มไปด้วยครึ่งเทพ… เอ็มลินอมยิ้ม มิได้โต้ตอบเออร์เนสเหมือนทุกครั้ง เพียงวางท่าราวกับเป็นผู้เหนือกว่า

แต่แน่นอน มันย่อมตระหนักว่า เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดจะสูญเสียความได้เปรียบที่เคยมีเหนือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นหลังจากโอสถ ‘ปราชญ์สีชาด’ เป็นต้นไป ความยากลำบากในการเลื่อนเป็นเอิร์ล ไม่น้อยไปกว่าการที่แวมไพร์เทียมดิ้นรนที่จะเป็น ‘ราชาหมอผี’

การย่อยโอสถปราชญ์สีชาดไม่ใช่เรื่องยาก แค่การศรัทธาในดวงจันทร์ให้เหมือนกับศาสนา กราบไหว้ดวงจันทร์ ศึกษาดวงจันทร์ เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว ผีดูดเลือดตนอื่นๆ ก็ทำตามนี้ทั้งนั้น… แต่ส่วนที่ยากก็คือ พิธีกรรมเลื่อนลำดับตกอยู่ในมือของครึ่งเทพ หากไม่ได้รับอนุญาต เราก็คงจนปัญญา… ต่อให้เดอะซันหาตะกอนพลังมาได้ แต่เราก็ไม่สามารถเลื่อนเป็นเอิร์ลด้วยตัวเอง… แม้เอ็มลินจะหยิ่งทระนง แต่มันก็ตระหนักอย่างชัดเจนว่าหนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก

ปราชญ์สีชาดมีพลังหลักๆ อยู่สองข้อ ประการแรก สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง หากศัตรูไม่ชำนาญการใช้พลังวิญญาณหรือโลกวิญญาณ มันสามารถผลของ ‘จันทร์เต็มดวง’ ขึ้นมาได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าศัตรูเป็นประเภทตรงกันข้าม มันก็จะทำให้ดวงจันทร์หายไป ประการที่สอง ท่ามกลางแสงจันทร์ มันจะมีพลังเคลื่อนย้ายพริบตาและร่างวิญญาณแบบพิเศษ หรือต่อให้ถูกศัตรูจัดการจนแหลกละเอียด ก็ยังมีโอกาสคืนชีพกลับมาใหม่ภายใต้แสงจันทร์

ความสามารถเหล่านี้จะยิ่งแข็งแกร่ง ถ้าปราชญ์สีชาดศึกษาดวงจันทร์อย่างถ่องแท้และลึกซึ้ง

ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพให้มนต์ดำ เพิ่มคุณภาพของยาวิเศษ และเพิ่มความสามารถในการต้านทานฝันร้าย สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ของแถม

เออร์เนสหงุดหงิดหัวทัศนคติของเอ็มลินมาก เตรียมพูดจาถากถาง แต่ทันใดนั้น มันบังเอิญเหลือบไปเห็นร่างครึ่งซีกของบิชอปยูทรอฟสกี้ที่เดินออกมาจากด้านหลังวิหาร

มันรีบก้มศีรษะลง ตั้งใจทำความสะอาดต่อ

เอ็มลิน·ไวท์หยิบผ้าขี้ริ้วและเชิงเทียนขึ้น เช็ดผิวโลหะอย่างชำนาญ

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ มันนึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง นั่นก็คือ หากออกจากวิหารฤดูเก็บเกี่ยวตอนนี้ เบื้องบนของผีดูดเลือดจะบีบบังคับให้ตนคืนสมบัติวิเศษของเออร์เนสหรือไม่?

แย่ล่ะสิ… ถ้าพวกท่านออกปาก เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ เพราะสมบัติบางชิ้นก็ไม่ใช่ของเออร์เนส… หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจัง เอ็มลินตัดสินใจใช้โอกาสที่ตนกลับห้องพักหลังจากนี้ ประกอบพิธีกรรมสังเวยสมบัติวิเศษให้มิสเตอร์ฟูล จากนั้นก็แบ่งกันระหว่างจัสติส เดอะสตาร์ และคนที่เหลือ

อา… สำหรับแหวน ‘คำสาบานแห่งกุหลาบ’ คงไม่ต้องสังเวย เพราะเรามีเพียงวงเดียว หากใครได้ไปและสวมใส่ คนคนนั้นจะถูกค้นพบโดยผู้สวมแหวนอีกวง… คงต้องนับเป็นรางวัลในส่วนของเรา เมื่อตกเย็น เราจะนำไปคืนลอร์ดนีบาสและแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่น… สำหรับชิ้นที่เหลือ เราไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่ง… เพียงไม่นาน เอ็มลินวางแผนอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับเรื่องที่ว่า ตนจะถูกเบื้องบนของผีดูดเลือดโกรธหรือไม่ เอ็มลินไม่เป็นกังวล เพราะในตอนที่คืนแหวนคำสาบานแห่งกุหลาบ มันจะเล่าแถมไปว่า คนของโรงเรียนกุหลาบฝ่ายระงับแรงปรารถนาต้องการร่วมมือกับผีดูดเลือด

ผลของการเจรจาลุล่วงมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ขณะประชุมย่อยกับชาวทาโรต์ แฮงแมนได้เสนอว่า ควรรอให้จบปฏิบัติการสั่งสอนเสียก่อน เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตน และเพื่อบรรเทาความโกรธและขุ่นเคืองของเหล่าเบื้องบน

ตบหัวแล้วลูบหลัง? จู่ๆ เอ็มลินก็นึกถึงภาษิตที่สอดคล้องกันขึ้นมา

บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในห้องนอนของดอน·ดันเตส

ส่วนแบ่งในคราวนี้ค่อนข้างดี หนึ่งเป็นเข็มกลัดเพชรที่เพิ่มพลังใจ และสามารถต้านทานการโจมตีทางจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สองคือกระดาษคนตัวแทนที่ป้องกันอาการบาดเจ็บร้ายแรง สามคือเข็มขัดที่ช่วยบรรเทาความเสียหายจากการโจมตีประเภทแสงแดดและฟ้าผ่า สี่คือกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดบรรจุอยู่มากกว่าสามร้อยปอนด์… ไคลน์ที่ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง ถอนหายใจเงียบงันพลางนำหนอนโปร่งใสออกมา

ทันทีที่เห็นหนอนตัวนี้ มันรู้สึกวิงเวียนศีรษะทันที หวนนึกถึงความเจ็บปวดที่ราวกับร่างกายและจิตใจแตกสลาย

นี่คือ ‘หนอนวิญญาณ’ ที่ไคลน์แบ่งออกจากตัวเองเพื่อเป็นรางวัลตอบแทน ‘อสรพิษแห่งชะตา’ วิล·อัสติน

สำหรับวัตถุที่ช่วยฟื้นฟูความแข็งแกร่งของผู้ใช้งานได้ชั่วคราว ไคลน์ผุดแนวคิดที่น่าสนใจ นั่นคือการใช้หนอนวิญญาณเป็นภาชนะ สลักสัญลักษณ์ที่เคยคัดลอกไว้และกระตุ้นด้วยพลังของมิติลึกลับเหนือสายหมอกสีเทา

ผลการทำนายสรุปออกมาว่า: สิ่งต่างๆ จะผ่านไปอย่างราบรื่น

แก่นแท้ของวัตถุดังกล่าว แท้จริงแล้วเป็นพลังของลำดับ 3 ‘ปราชญ์โบราณ’ เป็นการดึงตัวเองจากประวัติศาสตร์ ตัวเองในอดีต ออกมาใช้งานชั่วคราว การตอบสนองด้วยพลังของเดอะฟูลย่อมไม่สร้างปัญหา…

ปัญหาก็คือ สัญลักษณ์ดังกล่าวทั้งเป็นไปในเชิงสามมิติ ลึกลับซับซ้อน และแฝงไว้ด้วยอันตราย ไม่สามารถสลักลงบนแผ่นโลหะได้ส่งเดช… ตามคำแนะนำของวิล·อัสติน เราต้องเพ่งสมาธิอย่างมากและใช้เทคนิคการสลักด้วยพลังวิญญาณ บนลงร่างของหนอนวิญญาณ…

ถ้าวิธีนี้ประสบความสำเร็จ เราจะสร้างให้ตัวเองหนึ่งชิ้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรหากใช้กับตัวเอง จะกลับไปเป็นไคลน์·โมเร็ตติวัยเด็ก หรือรังไหมที่ห้อยอยู่บนประตูแห่งแสง… หากเป็นอย่างหลัง อย่างน้อยก็อาจได้รู้ว่าเราถูกแขวนไว้กี่ปี… ไคลน์เข้าฌานด้วยสมาธิจดจ่อสุดขีด ร่างภาพสัญลักษณ์ดังกล่าวภายในใจ เพื่อให้พลังวิญญาณภายนอกสลักลงบนตัวหนอนวิญญาณ

เป็นงานที่ซับซ้อนและมีความยาก หากพลาดเพียงนิดเดียวจะล้มเหลวทันที

ขณะสัญลักษณ์ล่องหนค่อยๆ ถูกวางบนตัวหนอนวิญญาณ ร่างกายไคลน์เกิดขยับเล็กน้อย ส่งผลให้หนอนวิญญาณถูกแผดเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา

มองดูฝ่ามือที่ว่างเปล่า ศีรษะไคลน์ปวดแปลบขึ้นมาทันที เกิดความเงียบเป็นเวลานาน จนกระทั่งมันพึมพำกับตัวเอง

ทำไมชีวิตมันถึงได้ยากแบบนี้…

…………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset