Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 484 : ไม่สมมาตร

ราชันเร้นลับ 484 : ไม่สมมาตร

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอะมูน เอ็มลิน เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวและเข้าใจว่าหญิงสาวกิริยามารยาทสง่างามฝั่งตรงข้าม กำลังพูดถึงโศกนาฏกรรมหมอกพิษและโรคระบาดภายในกรุงเบ็คลันด์เมื่อไม่กี่วันก่อน

แต่เราได้ยินมาว่า นั่นเกิดจากฝีมือของแม่มดสิ้นหวังผู้ต้องการเลื่อนลำดับ…

ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะโบสถ์วายุสลาตันตอบสนองได้รวดเร็ว หมอกควันส่วนใหญ่จึงถูกพัดพาออกไปนอกเมือง แล้วเหตุใดถึงกล่าวอ้างว่าเดอะฟูลได้ช่วยเบ็คลันด์ไว้…

เอ็มลินมีตระกูลผีดูดเลือดคอยหนุนหลัง ข่าวสารรอบตัวจึงมาถึงเร็วกว่ามนุษย์ปรกติ เมื่อลองชั่งน้ำหนักในใจสักพัก มันยังคงเกิดความสับสนและเคลือบแคลง

แม้เอ็มลินจะไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนอันยิ่งใหญ่ซึ่งมันต้องใช้สรรพนามเรียกนำหน้าว่า ‘ท่าน’ เอ็มลินย่อมรู้จักกาลเทศะ จึงมิกล้าปริปากซักถามรายละเอียดออกไป

ขณะเดียวกัน อัลเจอร์อาจอยู่ในทะเลตลอดเวลา แต่มันย่อมทราบข่าวใหญ่อย่างโศกนาฏกรรมหมอกพิษภายในเมืองหลวง

แน่นอน อัลเจอร์ต้องการฟังรายละเอียดเบื้องลึกของเหตุการณ์ เพราะมันเชื่อว่าต้องเป็นความขัดแย้งระหว่างตัวตนระดับทวยเทพอย่างแน่นอน มิฉะนั้น บุคคลอย่างมิสเตอร์ฟูลคงไม่จับตามองเป็นพิเศษ

ไว้เราค่อยถามมิสจัสติสในช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ แต่เธออาจไม่แม่นยำในรายละเอียดมากนัก ต้องคำนึงว่า เธอยังไม่ใช่สมาชิกระดับสูงขององค์กรใหญ่…

หึหึ จัสติสเองคงกำลังตื่นเต้นมาก ถึงกับใช้เป็นหัวข้อเปิดประเด็นชุมนุมคราวนี้เลยทีเดียว อาจเป็นการถามหยั่งเชิงแกมขอร้องให้มิสเตอร์ฟูลช่วยเล่ารายละเอียดทั้งหมด…

ได้แต่หวังว่า เราจะได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของบุคคลวงในโดยตรง…

หลังจากครุ่นคิดจนพอใจ อัลเจอร์หันไปทางเดอะซันและพบว่า เด็กหนุ่มมิได้ออกอาการวิตกกังวลเหมือนคราวก่อน ตรงกันข้าม อีกฝ่ายกำลังสงบนิ่งและวางมาด จึงเดาได้ไม่ยากว่า ทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์หลุดจากวังวนกระแสเวลาสำเร็จแล้ว

เช่นเดียวกันกับออเดรย์ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าทีมสำรวจของเดอะซันเดินทางกลับถึงเมืองได้อย่างปลอดภัย อ้างอิงจากสีหน้าและแววตาอันสุขุมของเด็กหนุ่ม

ออเดรย์ถอนหายใจยาว เตรียมรอฟังรายละเอียดการผจญภัยจากปากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าคาดหวัง

ถัดมา หลังจากคำนับมิสเตอร์ฟูลอย่างนอบน้อม ออเดรย์หันไปขอบคุณสมาชิกชุมนุมทาโรต์ผู้มีบรรยากาศไม่เป็นมิตร เดอะเวิร์ล สำหรับคำเตือนล่วงหน้าอันแสนมีค่า

“…มิสเตอร์เวิร์ล หากไม่ใช่เพราะคุณแจ้งให้พวกเราเตรียมรับมือ บางที อาจมีผู้คนอีกหลายหมื่นต้องสังเวยในโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันคราวนี้ ด้วยความสัตย์จริง ผมทำไปเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง” ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลยิ้มพลางเปล่งเสียงแหบพร่า

มันขอบคุณจากใจโดยไม่เสแสร้ง เพราะถ้ามิสจัสติสไม่แจ้งให้โบสถ์หลักทราบล่วงหน้าถึงภัยอันตราย หญิงสาวปริศนาผู้ ‘ลบ’ มิสเตอร์ A คงปรากฏตัวออกมาช่วยตนไว้ไม่ทัน เหตุการณ์หลังจากนั้นคงไม่ต้องเล่าถึง

หากมิสเตอร์ A แยกชิ้นส่วนเราออกมากินอย่างเอร็ดอร่อย บางที พลังคืนชีพอาจไม่ทำงานในคราวนี้…

ไคลน์จินตนาการภาพตามอย่างขนลุก

งานเลี้ยงปีใหม่ระหว่างตนกับมิสเตอร์ A อาจเกิดขึ้นจริง แต่เป็นการกินดื่มและฉลองอยู่ฝ่ายเดียวของมิสเตอร์ A!

ทันใดนั้น เดอะฟูลบนเก้าอี้กล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“เราแทบมิได้ทำสิ่งใดเลย”

“หามิได้ค่ะ! ข้ารับใช้ของท่านมีส่วนอย่างมากในการช่วยเหลือกรุงเบ็คลันด์ ผลงานความสำเร็จของเขาเหนือกว่าผู้ใดทั้งหมด”

ออเดรย์ยกยอจากก้นบึ้งหัวใจ

“คำเตือนของเขาช่วยให้องค์เทพธิดา… ช่วยให้โบสถ์รัตติกาลมีเวลาเตรียมตัวระดมพลหน่วยพิเศษ และออกจัดการกับแม่มดสิ้นหวังได้ทันเวลาก่อนเหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ ลงเอยด้วย โบสถ์รัตติกาลสามารถยับยั้งมิให้แม่มดบรรพกาลลืมตาตื่น ไม่เพียงเท่านั้น ข้ารับใช้ของท่านยังทำลายพิธีกรรมชั่วร้ายของชุมนุมแสงเหลือ ช่วยขัดขวางมิให้พระผู้สร้างแท้จริงลงมาจุติ”

ออเดรย์ได้รับคำชมเชยอย่างล้นหลามจากเอิร์ลฮอลล์และภรรยา ข้อมูลของเธอมีค่ามากเสียจน เอิร์ลฮอลล์ถึงกับยอมเล่ารายละเอียดการสืบสวนให้ฟังโดยไม่ปกปิด

แน่นอน ในฐานะผู้ปกครอง พวกเขาย่อมไม่ปรารถนาให้บุตรสาวของตนถลำลึกเข้าไปในองค์กรลับมากกว่านี้ คงดีกว่า หากจะเป็นเพียงสมาชิกวงนอกและคอยรวบรวมข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเหลือตระกูล โดยไม่พัฒนาพลังไปเกินกว่าลำดับ 7

แม่มดบรรพกาลเกือบลืมตาตื่นขึ้น…

พระผู้สร้างแท้จริงพยายามลงมาจุติ…

กรุงเบ็คลันด์กลายเป็นเมืองอะไรไปแล้ว!?

ทั้งอัลเจอร์และเอ็มลินต่างมีท่าทีตอบสนองคล้ายคลึงกัน แต่สีหน้าภายนอกกลับแตกต่างอย่างชัดเจน คนแรกดวงตาเบิกโพลง รูม่านตาหดลีบ และเผลอขยับร่างกายโดยไม่รู้ตัว

ส่วนคนหลังให้อารมณ์คล้ายกับเตรียมลุกพรวดขึ้นมาแหกปากอย่างตื่นตระหนก

พระแม่ธร… ไม่สิ องค์จันทรา! เบ็คลันด์กลายเป็นเมืองอันตรายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร… เทพมารสองตนพยายามปรากฏตัวบนโลกขณะเกิดโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน!

เด็กสาวคนนั้นอาจเล่าความเท็จ… ถึงแม้มิสเตอร์ฟูลจะเป็นตัวตนระดับเทพจริง แต่การสร้างความขัดแย้งกับเทพสองตนพร้อมกัน… ถ้าสิ่งนี้ไม่เรียกว่ารนหาความตาย แล้วจะให้เรียกอะไรได้อีก…

หรือว่าท่านคือเทพตัวจริง ผู้กำลังเรียกคืนพลังเพื่อกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม?

ไม่สิ บางที ท่านอาจมีพวกพ้องทวยเทพหนุนหลังเป็นจำนวนมาก โดยมิได้แจ้งให้มดปลวกอย่างพวกเราทราบ… นี่คงเป็นเหตุผลให้ท่านบรรพชนมอบวิวรณ์ พร้อมกับกำชับให้เราสวดภาวนาถึงท่าน…

ยิ่งเอ็มลินครุ่นคิด หัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรงอย่างผิดจังหวะ แต่ไม่ว่าจะตรึกตรองนานสักเพียงใด ก็ยากจะหาคำตอบมายืนยันสมมติฐานของตัวเองได้

เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดมิได้ถูกเรียกว่า ‘แวมไพร์’ เพราะหัวใจของพวกมันไม่เต้น

ในความเป็นจริง หัวใจผีดูดเลือดยังคงยุบพองตามปรกติ เพียงแต่เต้นในจังหวะช้ากว่ามนุษย์มาก โดยขณะเดียวกัน หัวใจยังถือเป็นจุดอ่อนร้ายแรงซึ่งผีดูดเลือดทุกตนพยายามปกป้องอย่างสุดความสามารถ

คิดไว้ไม่มีผิด… มิสเตอร์ฟูลให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเพราะมีเบื้องหลังซับซ้อนแบบนี้นี่เอง… แต่ท่านจะได้สิ่งใดหากขัดขวางแผนคืนชีพของเหล่าเทพมารสำเร็จ?

อัลเจอร์ก้มหน้าถอนหายใจ

ทางด้านฟอร์ส เธอกำลังหวาดผวาแกมประหลาดใจ หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่า โศกนาฏกรรมมหาหมอกควันซึ่งคร่าชีวิตชาวเมืองไปนับหมื่น ความจริงยังมีเบื้องหลังอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิมแอบซ่อนอยู่!

ถ้าถูกหยุดไว้ไม่ทัน เมืองเบ็คลันด์ทั้งหมดจะถูกทำลาย และเรากับซิลคงไม่มีชีวิตรอด…

ฟอร์สกลืนน้ำลายคำใหญ่

ด้านออเดรย์ก็กำลังคิดแบบเดียวกับฟอร์ส หลังจากโศกนาฏกรรมจบลง สตรีชนชั้นสูงอย่างเธอเริ่มตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายหนึ่งเรื่อง :

โลกอันสงบสุขเป็นเพียงเปลือกนอกของฟองสบู่ ชะตากรรมแท้จริงของคนธรรมดาล้วนอยู่ในมือทวยเทพ การวิวาทเพียงเล็กน้อยของตัวตนระดับสูงจะทำให้ฟองสบู่แตกพร้อมกับการหายไปของทุกสรรพสิ่ง…

เราสามารถกล่าวได้ว่า ทั่วทั้งอาณาจักร หรือแม้กระทั่งทั่วโลก ดำรงอยู่ได้ด้วยสมดุลระหว่างพลังของเทพแต่ละตน และสมดุลดังกล่าวก็ช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน…

ทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ทำนองนี้ ออเดรย์จะรู้สึกราวกับมีคลื่นความเศร้าโศกสาดกระทบจิตใจในส่วนลึก

ด้านไคลน์กำลังอิ่มเอมใจเมื่อทราบว่า มีผู้คนจำนวนหนึ่งเห็นคุณค่าของการเสี่ยงชีวิตของตน

มันใช้เสียงของเดอะฟูลกล่าว

“น่าเสียดาย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาต้องออกห่างจากเบ็คลันด์สักระยะ”

ข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลจะไม่อยู่ในกรุงเบ็คลันด์ชั่วคราว?

ออเดรย์ยืนขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะคำนับ

“รบกวนฝากคำขอบคุณของดิฉันไปถึงเขาด้วยค่ะ”

ไคลน์รักษามาดองอาจโดยไม่กล่าวคำใด ทำเพียงพยักหน้ารับแผ่วเบา

ทันใดนั้น ออเดรย์เสริม

“ดินฉันต้องขออภัยเป็นอย่างสูง แต่เนื่องจากสามโบสถ์หลักและกองทัพกำลังเข้มงวดในการตรวจตราทั่วกรุงเบ็คลันด์ จึงไม่มีโอกาสได้รวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ตามคำสัญญา ช่วยรออีกสักสัปดาห์นะคะ”

“เข้าใจได้” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ

ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ฟอร์สสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับรีบมองไปทางหัวมุมโต๊ะทองแดงยาว

“ท่านเดอะฟูล ดิฉันรวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ได้สามหน้าค่ะ”

ไม่เลว… ยิ่งมีสมาชิกมากขึ้น ช่องทางข้อมูลก็ยิ่งเพิ่มขึ้นด้วย ทุกสิ่งกำลังไปได้สวย…

ไคลน์พยักหน้า

“ทำได้ดี”

ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์? อะไรอีกล่ะนั่น…

เอ็มลินรู้สึกราวกับตนใช้คนละภาษากับสมาชิกคนอื่นของชุมนุม

ท่ามกลางการจ้องมองด้วยสายตาสุดฉงนจากแวมไพร์หนุ่ม ฟอร์สก้มหน้า ‘เขียน’ ไดอารีสามหน้าและส่งให้มิสเตอร์ฟูล

ทันใดนั้นเอง ไคลน์เพิ่งนึกได้ว่าตนลืมแนะนำสมาชิกใหม่ จึงเผยรอยยิ้มมุมปากพร้อมกับหันไปมองทุกคน

“ทางนี้คือสมาชิกใหม่ มิสเตอร์มูน… มิสเตอร์มูน การชุมนุมแห่งนี้มีชื่อว่าชุมนุมทาโรต์ สมาชิกประกอบไปด้วย…”

มิสเตอร์มูนหรอกหรือ… เราเคยคิดว่าไพ่เดอะมูนจะเป็นของผู้หญิงเสียอีก…

ออเดรย์ทักทายอย่างสุภาพพลางวิเคราะห์

และในทางกลับกัน เอ็มลินกำลังตั้งข้อสงสัยว่า สมาชิกชุมนุมทาโรต์เช่นแฮงแมนและจัสติส พวกเขาเป็นมนุษย์จริง หรือเป็นสัตว์วิเศษในรูปร่างมนุษย์กันแน่ รวมไปถึงคำถามว่า คนเหล่านี้อยู่บนเส้นทางใดบ้าง สังกัดองค์กรลับใด และเป็นมิตรกับผีดูดเลือดหรือไม่

ไคลน์ไม่แยแสสายตาระแวงซึ่งกันและกันภายในหมู่สมาชิก ทำเพียงเพ่งสมาธิอ่านเนื้อหาบนไดอารีในมืออย่างตั้งใจ

“11 กุมภาพันธ์ วันนี้เราบังเอิญได้พบกับความลับอันน่าตกตะลึงของตระกูลเซารอนเข้าจนได้ ฮะฮะฮะ! อยากจะขำให้ฟังร่วงหมดปาก! ฮะฮะฮ่าฮ่า! กลายเป็นว่า เส้นทางนักล่าในความครอบครองของพวกมัน จะมีการเปลี่ยนแปลงเพศเมื่อถึงลำดับ 4 เพศชายจะยังคงเดิม แต่เพศหญิงต้องกลายเป็นชาย! หายสงสัยแล้วว่า ทำไมคนรู้จักของเราในตระกูลเซารอนถึงได้เป็นเพศชายเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะบรรดาครึ่งเทพ! ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ ช่างเป็นชายชาตรีสมกับชื่อของโอสถ! ฮะฮะฮ่าฮ่า!”

“ฮะฮะ! ถ้าไม่เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความลับละเอียดอ่อน เราคงหาโอกาสกลั่นแกล้งฟลอเร็นในการพบกันคราวหน้า ว่าอย่าได้ใจไปนักเมื่อตระหนักว่าตนมีใบหน้าคล้ายคลึงบรรพบุรุษโด่งดังในอดีต เพราะ ‘เขา’ อาจเคยเป็น ‘เธอ’ มาก่อน! โอสถของโลกนี้ช่างมากมายไปด้วยกับดัก หวังว่าเส้นทางนักปราชญ์ของเราจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงพิสดารในลำดับสูง เราไม่ต้องการเลือกภายหลังว่า จะค้างอยู่ลำดับเดิมตลอดกาล หรือยอมเปลี่ยนเป็นเพศหญิงและบอกลา ‘น้องชาย’ อย่างถาวร”

ความคิดแวบแรกในหัวไคลน์หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ :

จักรพรรดิ… คุณไม่ต้องกังวลว่าจะกลายเป็นเพศหญิง แต่คุณควรกังวลว่า ตัวเองเคยนอนกับแม่มดมาแล้วกี่คน คงไม่ใช่แค่คนหรือสองคนแน่…

ตรงตามสมมติฐานของเรา มีเส้นทางสำหรับเปลี่ยนเป็นเพศชายอยู่จริง และยังเป็นหนึ่งในการคาดเดาของเราคราวก่อน…

‘นักล่า’ คือตัวแทนของการต่อสู้ จึงมีฤทธิ์เปลี่ยนให้หญิงกลายเป็นชายเมื่อถึงลำดับ 4…

แต่แบบนี้ก็ยิ่งน่าแปลก เพราะเส้นทางแม่มดสามารถเปลี่ยนเพศได้ตั้งแต่ลำดับ 7… ทำไมสองเพศถึงมีการเปลี่ยนแปลงคนละลำดับกัน แถมยังห่างกันมาก…

ไคลน์เริ่มตระหนักถึงความบิดเบี้ยวและขาดเหตุผลของโลกผู้วิเศษ ทุกองค์ประกอบล้วนไม่สมมาตรและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

หรือกำลังจะบอกว่า โลกใบนี้มีชะตากรรมต้องถูกครอบงำโดยความบิดเบี้ยว โกลาหล บ้าคลั่ง และไม่สมมาตร?

ชายหนุ่มพยายามไม่ขมวดคิ้วให้ใครเห็น

“12 กุมภาพันธ์ แบบนี้ไม่ดีแน่ เรายับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ได้เลย คงได้หลุดขำเข้าสักวันขณะกำลังยืนคุยกับฟลอเร็น วะฮะฮะฮ่าฮ่า! 15 กุมภาพันธ์ ปืนใหญ่พิสัยไกลรุ่นดัดแปลงเสร็จสมบูรณ์แล้ว เราลงมือทำทั้งการออกแบบและควบคุมการผลิต ประสิทธิภาพอาจด้อยกว่าในจินตนาการเล็กน้อย แต่ปัญหาก็มิได้ปรากฏออกมาเด่นชัด ถ้าเริ่มผลิตเป็นจำนวนมากเมื่อไร เราจะแสดงให้โลกเห็นว่ากลศึกสำคัญกับสงครามมากเพียงใด! เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง เราจะจัดงานเลี้ยงอย่างหรูหราขึ้นในคฤหาสน์ และชวนพวกปากเสียซึ่งเคยปรามาสเราไว้ต่างๆ นานา พวกมันจะรู้สึกเหมือนกับถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง!”

จักรพรรดิยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เปลี่ยน…

ไคลน์เปิดไปยังหน้าสองของไดอารี

“5 พฤษภาคม องค์กรลับห้ามเอ่ยนามได้จัดการชุมนุมขึ้นอีกครั้ง เราทึ่งเสมอเมื่อพวกเขารับสมาชิกใหม่เข้ามา แทบไม่อยากเชื่อว่าบุคคลระดับนี้จะมารวมตัวอยู่ในองค์กรเดียวกัน มันบ้ามาก นี่มันระดับปรากฏการณ์… ไม่สิ… ระดับปาฏิหาริย์! หลังจากรับบทผู้เฝ้ามองมาสักพัก เราตัดสินใจซักถามสมาชิกภายในชุมนุม คำถามก็คือ เมื่อเทียบกันระหว่างลำดับ 0 ของทุกเส้นทางบนศิลาเย้ยเทพ เหตุใดเส้นทาง ‘นักบวชสีชาด’ ถึงได้ฟังดูธรรมดานัก ชื่อชั้นมิได้องอาจหรือดุดันสมราคาเทพเหมือนกับเส้นทางอื่น สุภาพบุรุษสูงวัยด้านข้างเรามอบคำตอบเป็นคนแรก เขากล่าวว่า ‘สีชาด’ สื่อถึงภาวะนองเลือดของสงคราม และนักบวชหมายถึงผู้ชำนาญการประกอบพิธีกรรม แต่ใครบางคนคัดค้าน เขากล่าวว่า นักบวชหมายถึงผู้ศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวพระผู้สร้างต้นกำเนิดต่างหาก เราตัดสินใจโน้มตัวไปกระซิบถามชายชราด้านข้างว่า เขาชื่ออะไร แม้จะเป็นสมาชิกมาสักพักแล้ว แต่เรายังจำใบหน้าและชื่อสมาชิกได้ไม่ครบทุกคน เรียกว่าจำได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น”

“สุภาพบุรุษสูงวัยยิ้มและตอบกลับมา… เฮอร์มิส! ใช่แล้ว เฮอร์มิส! หูของเราไม่ได้ฝาด! เฮอร์มิสผู้สร้างภาษาเฮอร์มิสโบราณ! เฮอร์มิสผู้เป็นบิดาแห่งศาสตร์เร้นลับของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนั้น!”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset