Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 477 : เดอะฟูลกับความกังวลร้อยแปด

ราชันเร้นลับ 477 : เดอะฟูลกับความกังวลร้อยแปด

สิ่งแรกในการมองเห็นไคลน์คือแท่นบูชาขนาดใหญ่ รอบนอกมีม่านแสงห่อหุ้มหนาหลายชั้น ด้านในสุดเป็นร่างของบุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนตัวตรงในสภาพหลับตา

อีกฝ่ายสวมชุดคลุมยาวสีดำของนักบวช แต่ปลดผ้าคลุมหัวลง เผยให้เป็นใบหน้าอันงดงามลักษณะค่อนไปทางเพศหญิง บริเวณหน้าอกซ้าย หัวไหล่ ช่องท้อง และต้นขา ถูกปกคลุมด้วยก้อนเนื้อแดงฉ่ำน่าขยะแขยงกำลังยุบพอง

รอบตัวบุคคลดังกล่าวเต็มไปด้วยร่างมายากึ่งล่องหนจำนวนมาก ออร่าอัดแน่นด้วยอารมณ์ด้านลบมหาศาล ทั้งด้านชา สิ้นหวัง เจ็บปวด และหดหู่

เหนือสุดแท่นบูชามีร่างของสี่บุคคลสวมชุดคลุมสีดำ พวกมันเคยสวดภาวนาจนถึงเมื่อครู่ แต่ปัจจุบัน ผิวพรรณทุกคนเริ่มแห้งเหี่ยว ร่างกายหดเกร็งผิดรูป คล้ายกับซากศพซึ่งเสียชีวิตมาแล้วหลายปี

เหนือสุดของหลังคาโดมสูง ลำแสงเส้นหนึ่งแหวกอากาศสาดส่องลงมายังกึ่งกลางแท่นบูชาใหญ่ รอบข้างเป็นเสาหินต้นใหญ่สี่ทิศ รวมถึงอักขระเวทมนตร์ซึ่งกำลังลอยบนอากาศอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อไคลน์ออกจากจุดซ่อนตัว มิสเตอร์ A ลืมตาขึ้นและมองไปยังทิศทางชายหนุ่มทันที

ดวงตาของมันแดงก่ำราวกับเลือด อัดแน่นด้วยความบ้าคลั่งเหนือพรรณนา เจือความเย็นชาไว้เล็กน้อย

หากเป็นผู้วิเศษปรกติ คงได้รีบเบือนหน้าหนีอย่างหวาดผวา แต่ไม่ใช่กับไคลน์ ผู้เคยเฟอะฟะจ้องมองเทพสุริยันเจิดจรัสด้วยตาเปล่า แถมยังเคยเผชิญหน้ากับอามุนด์ ผู้เย้ยเทพจากอดีตกาล รูปลักษณ์ของมิสเตอร์ A จึงมิได้ส่งผลต่อจิตใจ ชายหนุ่มเพียงลั่นไกอย่างเยือกเย็นพร้อมกับส่งกระสุนปราบมารสีเงินสลักลวดลายซับซ้อนตรงไปยังแท่นบูชา

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จิตใต้สำนึกมิสเตอร์ A เตรียมสั่งให้มันยกมือ แต่สุดท้ายกลับชะงักไว้กลางคัน และทำเพียงจ้องมองกระสุนเงินพุ่งผ่านม่านแสงรอบนอกอย่างไม่กะพริบตา

กระสุนปราบมารสีเงินเริ่มละลาย ก่อนจะหายไปโดยสมบูรณ์ท่ามกลางแสงสว่างและอารมณ์ด้านลบอันเข้มข้น ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวหรือร่องรอยการมีตัวตน

ดวงตาไคลน์เริ่มกระตุก ตาดำหดลีบ

มันรีบรัวยิงกระสุนนัดอื่นในรังเพลิงเข้าใส่จนหมด ไม่ว่าจะเป็นกระสุนชำระล้างสีทองอ่อนหรือกระสุนปัดเป่าสีทองแดง ทุกนัดพุ่งปะทะกับม่านแสงในเวลาไล่เลี่ย

ทว่า ทั้งหมดมีชะตากรรมเดียวกับกระสุนปราบมารนัดแรก สลายหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนบนโลก มิอาจสร้างการคุกคามแก่แท่นบูชาได้แม้แต่เศษเสี้ยว

มิสเตอร์ A หัวเราะแหบพร่า

“เปล่าประโยชน์… พิธีกรรมเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยพลังเยี่ยงหนอนแมลงอ่อนเช่นเจ้า การขัดขวางพิธีกรรมเป็นได้เพียงความฝัน แม้จะเป็นลำดับ 5 ก็หมดโอกาส! แต่อย่าได้เสียใจไป เจ้าคือผู้โชคดีอันหาได้ยากยิ่ง เจ้าได้รับสิทธิ์ให้เป็นเป็นพยานการลงมาจุติของพระองค์ และยังจะได้รวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกายาพระองค์ท่าน!”

มิสเตอร์ A เมินเฉยไคลน์อย่างแท้จริง มันกลับไปหลับตาและทำตัวสงบนิ่ง ประหนึ่งชายหนุ่มเป็นเพียงหนอนแมลงอ่อนแอตามปากว่า

ทันใดนั้น คนเลี้ยงแกะยกแขนขึ้นทั้งสองข้างในท่ากางออก ตามด้วยการเปล่งเสียงภาษาเฮอร์มิสโบราณ

“พระองค์ผู้รังสรรค์ทุกสิ่ง พระองค์ผู้คอยปกครองอยู่ด้านหลังเงามืด ผู้เป็นรากฐานแห่งการเสื่อมถอยทั้งปวง”

“สาวกอันซื่อสัตย์ของท่าน ขอวิงวอนให้ท่านลงมาจุติ ตัวข้า ขอสละร่างกายเพื่อเป็นภาชนะสำหรับบรรจุปณิธานอันยิ่งใหญ่ของท่าน!”

ท่ามกลางเสียงสวด แสงปริศนาโผล่ขึ้นเหนือศีรษะมิสเตอร์ A อย่างไร้เหตุผล ร่างกายของมันถูกลำแสงดังกล่าวห่อหุ้มอย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน อารมณ์โศกเศร้าด้านลบรอบตัวเริ่มหลั่งไหลเข้าผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายมิสเตอร์ A คล้ายกับวังวนวารี

ปัง! ปัง! ปัง!

ไคลน์พยายามดีดนิ้วอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้พลังควบคุมไฟเข้าช่วย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้แท่นบูชาได้รับความเสียหาย แต่ผลลัพธ์ช่างน่าเศร้า ไม่มีสิ่งใดทะลวงผ่านชั้นม่านแสงเข้าไปได้เลย

เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือ สมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดอยู่บนมิติสายหมอก การจะนำออกมาต้องผ่านพิธีกรรม ซึ่งสิ้นเปลืองเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งนาที หากร่างกายบนโลกจริงไม่ได้อยู่ในจุดปลอดภัย อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ…

เรายังทำอะไรได้อีก?

ไคลน์เลิกพฤติกรรมเปล่าประโยชน์และหยุดยืนครุ่นคิด

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเข็มกลัดสุริยัน ขวดพิษชีวภาพ ดวงตาดำล้วน หรือไพ่จักรพรรดิมืด ในทางทฤษฎี ไม่มีสิ่งใดสามารถใช้พังม่านแสงรอบแท่นบูชาได้เลย

เราทำได้แค่รอให้กำลังเสริมจากจัสติสส่งมาถึงจริงหรือ… ต้องเป็นประจักษ์พยานการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงเนี่ยนะ?

ไคลน์เริ่มตึงเครียด ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองอย่างรวดเร็ว วิธีแก้ปัญหาถูกจำลองในหัวหนแล้วหนเล่า

มันพยายามสำรวจว่า ตอนนี้ตนพกสิ่งใดติดตัวอยู่บ้าง ขณะใช้มือล้วงจับ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดแทรกขึ้นตามรูขุมขนฝ่ามือเป็นระยะ

ทันใดนั้น มันฉุกคิดบางสิ่งได้

โดยไม่มัวไตร่ตรองให้เสียเวลา ชายหนุ่มควักวัตถุบางชนิดซึ่งมีผิวสัมผัสเป็นโลหะออกมาไว้ในมือ

กึก. กึก. กึก.

ไคลน์รีบวิ่งไปข้างหน้าสามก้าว ตามด้วยการกระตุกแขนขว้างวัตถุเนื้อโลหะไปยังแท่นบูชาเต็มแรง

แสงสีทองแดงส่องประกายวิบวับขณะวัตถุดังกล่าวทะลวงผ่านม่านแสงชั้นนอก

กุญแจราบเรียบทรงโบราณ

มาสเตอร์คีย์!

ภายในม่านแสง ผิวมาสเตอร์คีย์ทองแดงเริ่มละลายในลักษณะเดียวกับกระสุนปืน

แต่หลังจากเปลือกนอกสลายไป คำสาปด้านในจึงมีโอกาสสัมผัสกับโลกมนุษย์โดยตรง อุโมงค์เชื่อมต่อกับเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตูถูกสร้างขึ้นภายในแท่นบูชาทันที

เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์

ออเดรย์กำลังยืนข้างหน้าต่างเต็มบานพลางจ้องมองออกไปด้วยสีหน้ากังวล

เด็กสาวเพ่งพิจารณากลุ่มหมอกทึบบนเส้นขอบฟ้าอีกฟากฝั่ง ปริมาณหมอกหนาแน่นขึ้นทุกขณะ สีสันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเหลืองซีดผสมดำเหล็ก อาณาเขตของมันค่อย ๆ ขยายตัวทีละนิด

“มีบางอย่างไม่ปรกติ” โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ขนฟู ซูซี่ ผู้กำลังนั่งด้านข้างปลายเท้าออเดรย์ กล่าวพลางมองไปยังทิศทางของหมอกหนาแน่นบนท้องฟ้าในจุดห่างไกล

ใช่แล้ว… ขอให้เหตุการณ์สงบลงโดยเร็ว…

แม้ออเดรย์จะยังไม่เข้าใจความหมายของหมอกเหล่านี้ แต่เธอก็เพ่งสมาธิสวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลและเดอะฟูลอย่างเป็นกังวล โดยหวังว่าพวกท่านจะขัดขวางการลงมาจุติของแม่มดบรรพกาลสำเร็จ

ทันใดนั้น มุมสายตาเด็กสาวเหลือบเห็นการโยกเอนของกิ่งไม้แห้งอย่างรุนแรง กรอบหน้าต่างข้างลำตัวเริ่มกระทบกระเทือนเสียงดังโครมคราม

สายลมนี่มัน…

ออเดรย์พลันโล่งใจ

เขตเชอร์วู้ด มหาวิหารวายุ

ผู้คนสามารถมองเห็นมหาวายุสลาตันได้ด้วยตาเปล่าจากด้านนอกวิหาร ลมพายุอันเกรี้ยวกราดเริ่มก่อตัวเป็นวงกลมและมุ่งตรงหน้าไปยังทิศตะวันออก

ฟ้าว!

หมอกหนาทึบบนท้องฟ้าเริ่มสลายตัวอำนาจอันเบ็ดเสร็จของแรงลมผู้ปกครองผืนนภาตัวจริง ควันข้นสีเหลือสลับเทาเจือจางลงภายในพริบตา

ฟ้าว

กิ่งไม้แห้งหลุดร่วงจากต้น ใบไม้แห้งบนพื้นรวมถึงฝุ่นสีน้ำตาลถูกพายุลูกมหึมาพัดพาไปไกลพร้อมกับกลุ่มหมอก

ฟ้าว

หมวกของผู้คนเดินถนนจำนวนมากเริ่มปลิวกระเด็นไปคนละทิศทาง ร่างกายพวกมันโน้มเอนเนื่องจากพยายามรักษาสมดุล บางคนต้องอาศัยกิ่งไม้หรือกำแพงในการป้องกันมิให้ตัวเองลอยไปพร้อมกับพายุ

เมื่อได้เห็นมหาวายุสลาตันบนท้องฟ้า ลูกเรือตามท่าเรือพลันรู้สึกราวกับตนกำลังติดอยู่บนเกาะกลางทะเลลึก

เพียงพริบตา หมอกควันในเขตตะวันออก ย่านท่าเรือ และย่างโรงงาน สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ใครหลายคนต่างพากันแสดงสีหน้าโล่งใจอย่างชัดเจน

ครืนน! ครืนนน!

เปรี้ยง! ซ่า

เสียงฟ้าร้องคำรามมาพร้อมกับการโปรยปรายของสายฝนเม็ดใหญ่ เปรียบดั่งน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยชุ่มชโลมดินแดนเบื้องล่างให้ใสสะอาด

“…คราวนี้โบสถ์วายุสลาตันตอบสนองได้เร็วผิดคาด… ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแผนการของเราต้องเลื่อนมาเร็วขึ้น ทำให้มีเวลาเตรียมตัวไม่มากพอ… ฮิฮิ~ น่าเสียดาย ไม่อย่างนั้น พวกชนชั้นกลางและชนสูงของอาณาจักรคงได้ลิ้มรสความสิ้นหวังแบบเดียวกับเหล่าคนจนรอบนอก พวกมันเกือบจะได้เป็นลูกแกะรอวันถูกเชือดแล้วเชียว…” ท่านหญิงสิ้นหวังกำลังนั่งภายในรถม้าพลางฟังเสียงสายฝนโปรยปรายบนกระจก

แม้ว่าแผนการของเธอจะถูกขัดขวางหลังจากเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่จากการคำนวณเบื้องต้น หมอกควันชุดแรกสามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้ไม่ต่ำกว่าสองหมื่นราย และเหนือสิ่งอื่นใด หลังจากนี้ยังจะมีปัญหาของโรคระบาดตามมาอีกสักระยะ

ด้วยความพินาศระดับนี้ โอสถของเราคงถูกย่อยจนเกือบสมบูรณ์… แต่นี่เป็นเพียงผลพลอยได้ ส่วนจุดประสงค์แท้จริงนั้น… ถึงแม้จะมีคนตายจำนวนมาก แต่บาปทั้งหมดจะตกเป็นของชุมนุมแสงเหนือและพระผู้สร้างแท้จริงแทน จึงไม่มีใครเอะใจว่า ราชวงศ์กำลังแอบวางแผนกระทำสิ่งใดอยู่…

ท่านหญิงสิ้นหวังครุ่นคิดอย่างอารมณ์ดี

เส้นทางหนีและแหล่งกบดานของเธอถูกปกปิดเป็นความลับสูงสุด ทุกสิ่งถูกเตรียมการล่วงหน้าเป็นเวลานาน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกองทัพครึ่งเทพล้อมจับขณะเดินทางหลบหนีออกจากกรุงเบ็คลันด์

หากเริ่มพบเบาะแสของเธอเมื่อไร หมายความว่าเธอเผ่นหนีออกจากเมืองไปไกลมากแล้ว

ขณะท่านหญิงสิ้นหวังเตรียมลงจากรถม้าเพื่อหลบหนีไปยังเส้นทางถัดไป บุคคลผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นบนเบาะฝั่งตรงข้ามของห้องโดยสารอย่างน่าพิศวง

อีกฝ่ายคือหญิงสาวใบหน้าอ่อนเยาว์ สวมชุดคลุมนักบวชสีดำ ดวงตาและเส้นผมดำขลับแวววาว ใบหน้างดงาม แต่ปราศจากอารมณ์ใดทั้งปวง

หลังจากขว้างมาสเตอร์คีย์ออกไป ไคลน์รีบหยิบนกหวีดทองแดงอะซิกมากำในมือแน่น ลมหายใจเข้าออกเป็นไปอย่างกระเส่า สายตาจดจ้องผลลัพธ์ด้วยใจจดจ่อ

ถ้ากุญแจทองแดงยังไม่สามารถขัดขวางพิธีกรรมได้ มันเตรียมใช้นกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิกเพื่อเรียก ‘ผู้ส่งสาร’ ออกมา และทดสอบว่าตนสามารถพึ่งพาอีกฝ่ายได้มากน้อยแค่ไหน

ถ้านั่นยังล้มเหลวอีก ไคลน์จะเข้ามิติสายหมอกและนำสมบัติวิเศษออกมาใช้ ไม่เว้นแม้แต่ไพ่จักรพรรดิมืด เพราะไม่ว่าอย่างไร พิธีกรรมชั่วร้ายตรงหน้าก็ต้องถูกยับยั้งจนกว่าจะหมดสิ้นหนทางอย่างแท้จริง

ปัจจุบัน ท้องฟ้าด้านบนปราศจากจันทราเต็มดวงสีแดงเข้ม อย่าว่าแต่จันทร์เต็มดวง ตอนนี้เป็นเวลากลางวันเสก ๆ ไม่มีแม้แต่จันทร์แดงธรรมดา

ไคลน์จึงไม่มั่นใจว่าคำสาปภายในมาสเตอร์คีย์จะแสดงผล หวังเพียงแค่ ให้เสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู สามารถทะลวงผ่านม่านแสงเข้าไปเล่นงานบุคคลด้านในได้บ้าง

ผ่านไปราวสามวินาที ไคลน์มองเห็นผิวชั้นนอกของมาสเตอร์คีย์เริ่มหลุดลอก ตามด้วยการแตกตัวเป็นเศษสีแดงระยิบระยับ

ประกายสีแดงสว่างวาบหนึ่งหน ก่อนจะเกิดเป็นระเบิดกัมปนาทรุนแรงหนักหน่วง!

เพียงพริบตา ไคลน์สูญเสียการได้ยินไปโดยสิ้นเชิง แต่ดวงตายังคงจ้องมองร่างมายาล่องหนรอบแท่นบูชา และพบว่าพวกมันแหกปากกรีดร้องอย่างโหยหวน

ร่างวิญญาณเหล่านั้นถูกย้อมกลายเป็นเขียวเข้มน่ารังเกียจ ศีรษะงอกเพิ่มหนึ่งข้าง ดวงตางอกเป็นสาม และแขนขางอกเป็นห้า

กลุ่มสัตว์ประหลาดดังกล่าวพลันกรูเข้าใส่มิสเตอร์ A จากทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง

มิสเตอร์ A ลืมตาขึ้น สีหน้าเผยอาการตกตะลึงเจือความเฉยเมยแสนโอหัง

ถัดมาไม่นาน ม่านแสงหลายชั้นรอบแท่นบูชาเกิดการบิดเบี้ยวและพังครืนลงมาต่อหน้า

บึ้มมมมม!

เกิดระเบิดตามมาอีกระลอก ณ ใจกลางแท่นบูชา สายลมโดยรอบก่อตัวเป็นพายุกระโชกเกรี้ยวกราด

เปรี้ยะ!

เสาหินสี่ต้นรอบแท่นบูชาเริ่มแตกร้าว ผิวหินหลุดลอกเป็นแผ่น เศษดินร่วงกราวพร้อมกับละอองฝุ่นเม็ดเล็ก

แม้แต่ไคลน์ ผู้อยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล ก็ยังตอบสนองไม่ทันต่อแรงระเบิดระลอกสอง

โครม!

ร่างกายชายหนุ่มกระแทกกับกำแพง ก่อนจะบางลงจนกลายเป็นเพียงกระดาษหนึ่งแผ่น

สายลมรุนแรงเฉือนทำลายแผ่นกระดาษจนฉีกขาดเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ไคลน์โผล่ออกจากอีกมุมหนึ่งของห้อง อาศัยแผ่นหลังพิงกำแพงช่วยซับแรงปะทะ

มันไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามาสเตอร์คีย์จะสร้างความพินาศได้มากถึงเพียงนี้!

คำสาปภายในกุญแจถูกบังคับให้แสดงผลหลังจากเนื้อกุญแจละลายไปจนหมด การทำงานของมันไม่ซับซ้อน เพียงส่งผ่านเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู บุคคลจากอดีตกาลอย่างน้อยยุคสมัยที่สี่ บุคคลผู้มีระดับไม่ต่ำกว่าเทวทูต เข้าไปในเขตแท่นบูชาและกัดกร่อนเหล่าวิญญาณอาฆาตรอบนอก ซึ่งเปี่ยมด้วยอารมณ์สิ้นหวัง หดหู่ ด้านชา จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งและอาละวาดใส่แท่นบูชาอย่างขาดสติ ผลลัพธ์ตามมาคือการเสียสมดุลและเข้าสู่วงจรระเบิดตัวเอง

เมื่อแรงระเบิดเริ่มสงบ ไคลน์พุ่งออกมาตรวจสอบสถานการณ์เบื้องต้น

ร่างมายาซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบเลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงซากปรักหักพังของแท่นบูชาแตกหักกระจัดกระจาย

มิสเตอร์ A อยู่ในสภาพคุกเข่าพลางเอนตัวมาด้านหน้า แขนหายไปหนึ่งข้าง ใบหน้าหายไปครึ่งซีก รวมถึงอวัยวะภายในอีกมาก

ดวงตาเพียงข้างเดียวกำลังแฝงความอาฆาตแค้นต่อไคลน์อย่างไม่ปิดบัง

ขณะเดียวกัน บาดแผลของมันกำลังถูกปกคลุมด้วยก้อนเนื้อชุ่มฉ่ำไปด้วยเลือด!

เพียงชำเลืองผ่านครู่เดียว ไคลน์ตัดสินใจเผ่นหนีสุดชีวิตโดยปราศจากความลังเล

สำหรับมัน จุดประสงค์หลักผ่านไปอย่างราบรื่นตามความปรารถนา ตนสามารถขัดขวางการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงได้ทันเวลา

ในเมื่อมิสเตอร์ A กำลังบาดเจ็บหนักและยังฟื้นฟูตัวเองไม่เสร็จ แล้วจะให้ผู้วิเศษลำดับ 6 อย่างตน อยู่รอกินข้าวเย็นฉลองปีใหม่ร่วมกับคนเลี้ยงแกะทรงพลังหรืออย่างไร

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset