Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 463 : ถามเองตอบเอง

ราชันเร้นลับ 463 : ถามเองตอบเอง

ปาฏิหาริย์คือการคืนชีพจากความตาย?

ไคลน์พลันหวนนึกถึงเรื่องราวรอบตัว

ชายผู้ยิงสมองตัวเองจนทะลุแต่บาดแผลกลับสมานติดกันภายในเวลาอันสั้น ชายผู้ถูกทำลายหัวใจจนแหลกละเอียดและถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิต แต่กลับคลานออกจากหลุมศพได้ในตอนกลางคืนของวันเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ต้องเป็น ‘ปาฏิหาริย์’ ในความหมายของผู้นำลัทธิเร้นลับ ซาราธ อย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่เพียงเท่านั้น ลำดับสองของเส้นทางนักทำนายยังมีชื่อว่า ‘ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์’ …

ในวินาทีนี้ ไคลน์รู้สึกคล้ายกับตนสามารถจับประเด็นสำคัญได้ แต่ยังมิอาจนำข้อมูลทั้งหมดมาปะติดปะต่อให้เกิดภาพชัดเจน

ไปเป็นตามทฤษฎีของเราก่อนหน้านี้ การตัดสินใจเลือกเส้นทางนักทำนายของเรา ถูกปัจจัยภายนอกรบกวน… อา… ห้วงมิติเหนือสายหมอกสนับสนุนพลังของนักทำนายได้อย่างเหมาะเจาะ โดยเฉพาะพลัง ‘ขจัดการแทรกแซง’ ผลทำนาย… บางที การเกิดใหม่ของเราก็อาจเป็นผลมาจากห้วงมิติเหนือสายหมอกด้วยเช่นกัน…

หลังจากเดินทางมายังเบ็คลันด์ได้ไม่นาน นักเชิดหุ่น โรซาโก้ ก็ถูกบางสิ่งชักจูงให้มาพัวพันกับเราทันที นี่คงเป็นกฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางเดียวกัน…

ยิ่ง ‘ระดับ’ ของพลังสูงเท่าไร แรงดึงดูดก็ยิ่งมากเท่านั้น และมิติเหนือสายหมอกคงมีแรงดึงดูดมหาศาล…รวมถึงเหตุการณ์พิสดารของสมุดบันทึกอันทีโกนัส มันควบคุมให้ตุ๊กตาอัปมงคลแสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับเทือกเขาโฮนาซิสต่อหน้าเรา นี่ก็คงเป็นอิทธิพลจากกฎข้อดังกล่าวด้วย…

เมื่อนำทุกปัจจัยมารวมกัน เราสามารถอนุมานได้ว่า ห้วงมิติพิสดารแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางนักทำนายอย่างลึกซึ้ง…

หรือจะเป็นสมบัติปิดผนึกประจำเส้นทาง? หรือจะเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของลำดับ 0 แห่งเส้นทางนักทำนาย?

รวมถึงยังมีโอกาสเป็น ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางนักทำนายด้วยเช่นกัน…

ไคลน์เบือนหน้าออกจากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ มันเริ่มเกิดความกระหายอยากเป็นครึ่งเทพยิ่งกว่าเก่า เนื่องจากกำลังสงสัยว่า ดินแดนเบื้องบนเหนือ ‘ขั้นบันไดแสง’ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่

ภายในนั้นอาจมีความลับการเดินทางข้ามโลกของเรา รวมไปถึงวิธีกลับบ้าน…

ชายหนุ่มข่มความตื่นเต้นพร้อมกับสลายไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ทิ้ง

ใจเริ่มหวาดระแวงหัวหน้าใหญ่แห่งลัทธิเร้นลับ ซาราธ ยิ่งกว่าเดิม

ชายคนนั้นคือบุคคลทรงพลัง และยังเป็นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์มานานหลายปีแล้ว!

บางที ซาราธอาจกำลังแอบวางแผ่นชั่วร้ายอยู่ในเงามืด รอคอยให้ถึงเวลาอันเหมาะสมหรือเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น!

แม้ว่าเรื่องราวตึงเครียดจะกำลังผุดเต็มสมองไคลน์ แต่สีหน้าและแววตาภายนอกกลับมิได้เผยอาการผิดปรกติ

“พวกเจ้าเริ่มได้”

ฟอร์สรีบหันไปมองจัสติส ผู้นั่งเก้าอี้ฝั่งเดียวกันกับตน พลางซักถามด้วยสีหน้าแกมคาดหวัง

“อาจารย์ของดิฉันตอบกลับมาแล้ว เขาบอกว่ายินดีขายดวงตามังกรกระจกหนึ่งคู่ในราคาหนึ่งพันปอนด์”

เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวพลันรู้สึกผิดในใจ เพราะอาจารย์ของตน โดเรียน·เกรย์ ได้ตั้งราคาให้เธอสูงถึงแปดร้อยปอนด์ นับเป็นราคาสูงกว่าตลาดราวสองสามร้อยปอนด์ และเพื่อตัวเธอเอง ฟอร์สจำเป็นต้องหักค่านายหน้าเพิ่มอีกสองร้อยปอนด์ กลายเป็นหนึ่งพันปอนด์ถ้วน

ด้วยประสบการณ์จากชุมนุมลับมากมาย เราจึงเข้าใจสัจธรรมอย่างถ่องแท้หนึ่งข้อ…เฉกเช่นคำกล่าวของจักรพรรดิโรซายล์ :

“เงินไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยเงิน”

แม้ว่าเราจะมีรายรับค่อนข้างแน่นอนจากการขายนิยายเรื่องใหม่ และยังมีเงินออมประมาณสามร้อยห้าสิบปอนด์ แต่ค่าใช้จ่ายของเราก็ไม่น้อยเช่นกัน ยังเหลือถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณให้ต้องซื้อ ยังเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับโอสถลำดับ 7 6 5 และ 4…

มิสเตอร์ฟูลเคยบอกใบ้ว่า เราจะหลุดพ้นจากคำสาปจันทร์เต็มดวงก็ต่อเมื่อกลายเป็นครึ่งเทพแล้วเท่านั้น… จริงอยู่ บางส่วนอาจหาได้จากอาจารย์ แต่เราไม่ควรพึ่งพาตระกูลอับราฮัมไปเสียทั้งหมด…

ดังนั้น ลำพังเงินจากการเขียนนิยายย่อมไม่เพียงพอต่ออนาคต เราต้องมีช่องทางทำเงินด้านอื่นควบคู่…

ราคาหนึ่งพันปอนด์นับว่าค่อนข้างสูง ถ้ามิสจัสติสต้องการต่อรอง เราจะกลับไปขอให้อาจารย์ช่วยลดค่านายหน้าลงสักหนึ่งร้อยปอนด์ จากนั้นค่อยกลับมาเสนอราคาใหม่…

ขณะรอคำตอบจากอีกฝ่าย ฟอร์สกำลังปลอบใจตัวเองไม่ให้รู้สึกผิด

“หนึ่งพันปอนด์?” ออเดรย์คาดไม่ถึงว่าตนจะได้รับข่าวคราวของวัตถุดิบโอสถนักจิตบำบัดเร็วขนาดนี้ จึงต้องถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด

แต่เด็กสาวไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ เธอรีบเสริมอย่างตื่นเต้นยินดี

“ตกลง!”

แม้ว่าจะยังติดเงินผ่อนงวดสุดท้ายกับไวเคาต์กายลินอยู่ และยังติดเงินผู้รับใช้เดอะฟูลอีกสองพันปอนด์ แต่ออเดรย์ก็ไม่ตระหนี่การใช้จ่ายมากนัก เพราะในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ เธอกำลังจะถูกประกาศให้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

การเป็นผู้ใหญ่ไม่เพียงจะได้รับสิทธิ์บริหารสมบัติของตัวเองมากขึ้น แต่ยังจะได้รับของขวัญราคาแพงอีกหลายชิ้น เช่น เอิร์ลฮอลล์ให้สัญญาไว้แล้วว่า จะโอนหุ้นของธนาคารเบ็คลันด์มูลค่าห้าหมื่นปอนด์ให้เป็นในนามของบุตรสาว รวมถึงเงินสดอีกไม่ต่ำกว่าสองพันปอนด์ ดังนั้น กับสิ่งสำคัญอย่างวัตถุดิบหลักโอสถแสนหายาก การใช้จ่ายหนึ่งพันปอนด์จึงแทบไม่ต้องคิดให้ปวดหัว

โดยก่อนหน้านี้ออเดรย์ได้ขอเลื่อนจ่ายเงินสองพันปอนด์ให้ข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลไปเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมแล้ว

ขณะเดียวกัน เธอวางแผนเร่งสะสางหนี้สินของไวเคาต์กายลินให้เสร็จ ไปพร้อมกับการแอบเก็บเงินก้อนหนึ่งสำหรับซื้อวัตถุดิบโอสถนักจิตบำบัด คนในครอบครัวจะได้ไม่เคลือบแคลงการใช้เงินของเธอ

และนี่คือเวลาเหมาะสมสำหรับใช้เงิน!

อย่างน้อย ถ้าเรารัดเข็มขัดให้เหมือนกับช่วงก่อนหน้า ก็คงไม่มีใครเอะใจว่าเราแอบใช้เงินมากผิดปรกติ รอจนกระทั่งมีนาคม อิสระทางการเงินก็จะกลับคืนมาสักที!

เธอตอบตกลงทันที…? ใช่แล้ว เราฟังไม่ผิด เธอตอบตกลงทันที! ฟอร์สทั้งดีใจและสับสน

จากนั้น เธอขอให้เดอะฟูลเป็นสักขีพยานการแลกเปลี่ยน และนัดแนะให้มิสจัสติสจ่ายเงินมาก่อน ตนจะได้นำเงินก้อนดังกล่าวไปซื้อสินค้า และส่งมอบกลับคืนให้ในวันพุธ

ภายในใจฟอร์สกำลังวางแผนว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอจะตรงดิ่งไปยังท่าเรือพริสต์ทันทีเมื่อได้รับเงินหนึ่งพันปอนด์ หลังจากครุ่นคิดจนพึงพอใจ หญิงสาวหันไปจ้องสามสุภาพบุรุษ เดอะซัน แฮงแมน และเดอะเวิร์ล

“มีใครพบเบาะแสถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณบ้างไหม”

ในรอบสัปดาห์ผ่านมา หลังจากเริ่มใจเย็นลงและตั้งสมาธิกับการสวมบทบาท ฟอร์สพบว่าตนสามารถย่อยโอสถได้เร็วกว่าช่วงก่อนหน้าถึงสองเท่า หนึ่งสัปดาห์ใหม่มีค่าเท่ากับสองสัปดาห์เก่า

ขอเวลาอีกสิบวัน เธอมั่นใจว่าโอสถผู้ฝึกหัดของใหม่จะถูกย่อยโดยสมบูรณ์

หญิงสาวยังเชื่อด้วยว่า หากเธอสามารถรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถนักตุกติกได้เองจนครบ ตนจะผ่านบททดสอบแรกของอาจารย์โดเรียน·เกรย์ด้วยคะแนนประเมินสูง นั่นจะทำให้อีกฝ่ายมองตนในมุมใหม่ ไม่ใช่การเป็นศิษย์เพียงเพราะความสงสารหรือหนี้บุญคุณอีกต่อไป

เดอร์ริคพยักหน้ารับ

“ผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดี ทีมสำรวจในคราวนี้ได้รับถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณติดมาแล้ว และผมสามารถแลกเปลี่ยนได้ในราคาต่ำกว่าปรกติ แต่คงต้องรอให้กลับถึงเมืองก่อน แล้วก็ เอ่อ ผมต้องไม่ถูกจับตามองโดยสภาอาวุโส”

“ไม่มีปัญหา แต่ทางคุณไม่ได้ใช้หน่วยเงินทองปอนด์ใช่ไหม” ฟอร์สถามเถรตรง

หลังจากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับวังวนกระแสเวลา หญิงสาวเริ่มเข้าใจธรรมชาติของเมืองเงินพิสุทธิ์มากขึ้น

โดยไม่รอให้เดอะซันตอบ อัลเจอร์ชิงแทรก

“คุณสามารถส่งเงินมาให้ผมได้โดยตรง สักสามร้อยปอนด์ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นราคากลาง ส่วนผมจะมอบสูตรโอสถ ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ ให้เดอะซันเอง”

“มิสเตอร์แฮงแมน คุณมีสูตรโอสถข้าใช้รับสุริยันแล้วหรือ” เดอร์ริคโพล่งถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นโดยไม่ปิดบัง

ในภารกิจปัจจุบัน เด็กหนุ่มเริ่มตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า พลังของเส้นทางสุริยันเหมาะแก่การรับมือความมืดเป็นอย่างมาก

จริงอยู่ ลำดับ 6 ของเส้นทางคนยักษ์ อัศวินรุ่งอรุณ สามารถสร้างแสงแรกของวันได้อย่างสว่างไสว แต่ยังเป็นคนละชั้นถ้านำมาเทียบกับความบริสุทธิ์ของแสงศักดิ์สิทธิ์จากเส้นทางสุริยัน

แฮงแมนพยักหน้ารับ

“ถูกต้อง”

ในความเป็นจริง คลังเก็บเอกสารของโบสถ์วายุสลาตันประจำหมู่เกาะรอสต์มีสูตรโอสถข้ารับใช้สุริยันเก็บรักษาไว้ แต่มันเพิ่งมีสิทธิ์เข้าไปอ่านเมื่อไม่กี่วันก่อน โดยอัลเจอร์อาศัยความเจ้าเล่ห์ ฉกฉวยโอกาสบางอย่างอ้างตัวเข้าไปอ่านสูตรผ่านสายตาหนึ่งรอบ

มันให้เหตุผลกับทางโบสถ์ว่า ตนพบเบาะแสของนักบวชของโบสถ์สุริยันเจิดจรัสในทะเลโซเนีย และเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถกลับอินทิสได้ในช่วงนี้ การจะซื้อสูตรโอสถจึงต้องเกิดขึ้นภายในทะเลโซเนีย ดังนั้น หากต้องการจะจับตัวมาสอบสวน อัลเจอร์ใช้ข้ออ้างว่า ตนจำเป็นต้องทราบวัตถุดิบทั้งหมดของโอสถข้ารับใช้สุริยันเสียก่อน

พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเหตุการณ์ปรกติ เพราะโบสถ์วายุสลาตันและโบสถ์สุริยันเจิดจรัสขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เดอร์ริคโล่งใจในตอนต้น แต่จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน

“สูตรโอสถลำดับ 7 มีค่ามากกว่าถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณหลายเท่า ล…และผมก็ไม่มีทองปอนด์จะมอบให้คุณ”

“ไม่ต้องห่วง คุณสามารถเพิ่มเติมด้วยวัตถุดิบโอสถมูลค่าใกล้เคียงกันได้” แฮงแมนตอบเสียงเรียบ ท่าทีเป็นไปอย่างคล่องแคล่วราวกับเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว “แต่ผมยังไม่ทราบว่าทางคุณมีวัตถุดิบประเภทใดบ้าง… ก่อนอื่น ช่วยจดรายชื่อสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์อย่างละเอียดรวมถึงวัตถุดิบโอสถเกี่ยวข้องมาให้ผม จากนั้น ผมจะเลือกให้เหมาะสมกับราคาเอง”

“ไม่มีปัญหา ไว้ภารกิจสำรวจคราวนี้จบลงเมื่อไร ผมจะรีบจัดการให้ทันที” เดอร์ริคถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย

ไม่ห่างออกไป ไคลน์อยากเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้าเมื่อเห็นว่าเดอะซันหลงกลแฮงแมนเข้าอีกแล้ว ว่ากันตามตรง มันเองก็อยากทราบว่าสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ประกอบไปด้วยสายพันธุ์ใดบ้าง และมอบวัตถุดิบโอสถแบบใด แต่ข้อมูลดังกล่าวมีราคาต้องจ่าย จึงไม่เคยหยิบยกขึ้นมาพูด

ขณะออเดรย์กำลังถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แฮงแมนกวาดสายตาหนึ่งรอบและบอกข้อเรียกร้องกับทุกคน

“ผมต้องการดวงตาของอินทรีทะเลตามังกรหนึ่งคู่ จะจ่ายให้อย่างเหมาะสม”

ในคราวนี้ เขาเอ่ยเพียงดวงตาของอินทรีทะเลตามังกร…หรือก็คือ มิสเตอร์แฮงแมนพบเบาะแสของผลึกขนเหยี่ยวเงาฟ้าแล้ว…รวดเร็วมาก เขามีช่องทางและเครือข่ายข้อมูลกว้างขวางแค่ไหนกัน…

ออเดรย์ ผู้ทราบสูตรผลิตโอสถข้ารับใช้วายุอย่างคร่าว กำลังนั่งประเมินสถานการณ์

เมื่อช่วงเวลาแลกเปลี่ยนจบลง ถัดไปเป็นการพูดคุยอิสระ แต่ละคนเริ่มเล่าถึงสถานการณ์ในละแวกใกล้เคียงของตัวเองไปตามปรกติ ชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ดำเนินเข้าใกล้จุดยุติเต็มที

ระหว่างนั้น เดอะเวิร์ลพยายามถามถึงเบาะแสของนางเงือก แต่ก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกับชารอน คือ ชาวประมงมากประสบการณ์ของหมู่เกาะการ์กัสเคยได้ยินพวกหล่อนร้องเพลงในวันพายุโหมกระหน่ำ

เมื่อใกล้ยุติชุมนุม ไคลน์ ผู้จับตามองทุกคนอย่างเงียบงันมาสัก ตัดสินใจตักเตือนมิสจัสติสและมิสเมจิกเชี่ยน

วัตถุทรงพลังซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ปรากฏตัวใกล้กับองค์ชายเอ็ดซัค และบางที สิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับสมบัติปิดผนึกรหัส 0-08 จึงต้องเตือนให้ระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะในอดีตเคยมีเรื่องราวคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นมาแล้ว เมืองทิงเก็นต้องเผชิญกับการคืนชีพทายาทของพระผู้สร้างแท้จริง จนเกือบถูกลบชื่อไปออกจากทวีป!

ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอาจเกิดขึ้นในเบ็คลันด์ มันกังวลว่าสองสาวชาวเมืองหลวงอาจติดร่างแหไปด้วย จึงบังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าวกับทุกคนด้วยเสียงแหบพร่า

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ผมได้รับข้อมูลมาว่า ในเบ็คลันด์กำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น อาจเป็นเหตุการณ์ใหญ่ระดับภัยพิบัติซึ่งสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง”

“เป็นเหตุการณ์ใหญ่แบบไหน” ออเดรย์ซักถามอย่างกังวล

คิ้วของเธอขมวดชนกันโดยไม่รู้ตัว

“ผมเองก็ไม่ทราบ” เดอะเวิร์ลส่ายหน้า

“แล้วปัจจัยใดคือสาเหตุของเรื่องร้ายแรงดังกล่าว” ฟอร์สถามในอีกหนึ่งมุม

จากประวัติในอดีต ข้อมูลของเดอะเวิร์ลค่อนข้างน่าเชื่อถือ

เดอะเวิร์ลยังคงส่ายหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

“ข้อมูลในมือผมค่อนข้างขัดแย้ง จึงไม่สามารถระบุคำตอบอย่างชัดเจนได้”

เมื่อกล่าวจบ เดอะเวิร์ลเงยหน้าขึ้นพลางมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงฝั่งตรงข้าม

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารับใช้ของท่านในเบ็คลันด์คงสัมผัสถึงบางสิ่งได้ใช่ไหม”

สายตาทุกคนพลันหันไปทางเดอะฟูลโดยมิได้นัดหมาย อารมณ์พวกมันหลากหลายแตกต่างกันไป บ้างใครรู้ บ้างกังวล บ้างคาดหวัง และบ้างตึงเครียด

เมื่อตระหนักว่าทุกคนกำลังสนใจ ไคลน์เอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้วยมาดสง่างาม

ตามด้วยการกล่าวเสียงเรียบ

“เอ็ดซัค·ออกัสตัส”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset