Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 450 : จัดสรรเงินทอง

ราชันเร้นลับ 450 : จัดสรรเงินทอง

ด้วยพิธีกรรมรับมอบ ไคลน์ส่งเงินสองพันห้าร้อยปอนด์และหน้ากากสีทองของแฮงแมนให้มิสจัสติส ปิดท้ายด้วยการให้เดอะเวิร์ลฝากข้อความเร่งปิดการซื้อขายไปถึงเด็กสาว

เราใช้เงินไปเกือบห้าพันปอนด์ภายในสองสัปดาห์…หากยังอยู่ทิงเก็นกับครอบครัว คงได้ใช้ชีวิตสุขสบายไปทั้งชาติเหมือนกับครอบครัวมาดามสตาร์ลิ่งข้างบ้าน…

โจรขึ้นบ้านสิบครั้ง ยังไม่วอดวายเท่ากับปรุงโอสถครั้งเดียว…

ไคลน์มองไปยังพื้นสายหมอกสีเทาและพระราชวังบรรยากาศเงียบสงบรอบตัว อารมณ์ปัจจุบันค่อนไปทางหงุดหงิดคล้ายกับเพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต

ชายหนุ่มนั่งนิ่งหลายวินาที ก่อนจะตัดสินใจส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง สำหรับเงินแปดร้อยสามสิบปอนด์สุดท้าย มันหยิบธนบัตรห้าซูลจำนวนหกใบเก็บใส่กระเป๋าสตางค์แบนฟีบ ส่วนอีกแปดร้อยปอนด์ ไคลน์แบ่งออกเป็นสองปึกอย่างละครึ่ง เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทสองข้างซ้ายขวา

หลังจากนั้น ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักและหยิบเส้นผมนากาทะเลลึกสองเส้นซึ่งเพิ่งนำลงมาจากห้องมินิเหนือสายหมอก ใส่กระดาษห่อหลายชั้นและยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อไม่ซ้ำกัน

เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพ ไคลน์เดินออกจากบ้านโดยอาศัยแสงเทียนริมถนนนำทาง ก่อนจะเดินหักเลี้ยวตรงหัวมุมและขึ้นรถม้าต่อไปยังผับวีรบุรุษในเขตสะพานเบ็คลันด์

ท่ามกลางบรรยากาศอบอ้าวและเสียงอึกทึกครึกโครม ไคลน์นั่งละเมียดละไมเบียร์นันวีลล์จนหมดไปหนึ่งแก้ว จึงค่อยเดินกลับออกจากผับโดยผ่านเวทีมวยสุดแสนวุ่นวาย

ขณะรถม้ากำลังแล่นโดยมีเสียงล้อไม้บดกับถนนเป็นฉากหลัง ชายหนุ่มจงใจหลับตาลงและปล่อยตัวตามสบาย จนกระทั่งเสียงเคาะกระจกดังแว่ว

มุมปากไคลน์ยกขึ้นเล็กน้อย มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพบมาดามชารอนกำลังนั่งบนเบาะฝั่งตรงข้ามด้วยกิริยามารยาทสง่างาม

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายซักถาม ไคลน์ชิงเปิดประเด็นสนทนา

“ผมนำข้อมูลของคุณในคราวก่อนไปขายต่อได้ในราคาสูงมาก ผมหมายถึงเบาะแสของสุสานอามุนด์”

ชารอนทำเพียงนั่งจ้องโดยไม่ปริปาก

ชายหนุ่มวางไม้ค้ำพร้อมกับหยิบธนบัตรสองปึกใหญ่ออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ท จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างล้วงหยิบห่อกระดาษ

“แปดร้อยปอนด์ถ้วน รวมถึงเส้นผมนากาทะเลลึกสองเส้น รวมทั้งหมดเป็นหนึ่งพันปอนด์ถ้วน นี่คือส่วนแบ่งของคุณ” ไคลน์เผยรอยยิ้มขณะยื่นปึกธนบัตรและห่อกระดาษไปอีกหาอีกฝ่าย

ชารอนก้มชำเลืองสักครู่ จึงค่อยเหยียดแขนข้างหนึ่งออกไปหามือไคลน์

เมื่อดึงมือกลับมา เธอก้มหน้าสำรวจส่วนแบ่งพลางตั้งคำถามด้วยเสียงล่องลอย

“คุณขายได้เท่าไร”

“สองพันปอนด์ หารกันคนละครึ่ง” ไคลน์มอบคำตอบด้วยรอยยิ้ม

หมายความว่า ถ้าจิตแห่งจักรกลตระหนี่จ่ายแค่หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ ส่วนแบ่งของคุณก็จะลดลงไปด้วย… มันเสริมในใจ

เพียงชารอนตวัดฝ่ามือสีขาวซีดแผ่วเบา ทั้งเงินและห่อกระดาษพลันอันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

เธอเงยหน้าจ้องไคลน์พลางผงกศีรษะรับเป็นเชิงขอบคุณ ตามด้วยคำถาม

“ข้างในสุสานมีอะไร?”

“ผมไม่ทราบ ไม่ได้เข้าไป” ไคลน์ไม่คิดเปิดเผยข้อมูลซึ่งตนได้ทราบมาจากกระจกวิเศษอาโรเดส

ทันใดนั้น มันจินตนาการว่า หากตนตัดสินใจเล่ารายละเอียดออกไป มาดามชารอนคงนั่งฟังโดยใช้มือข้างหนึ่งจับแก้มเฉกเช่นทุกครั้ง

วิญญาณอาฆาตสาวคนนี้คงมีงานอดิเรกเป็นการนั่งฟังเรื่องซุบซิบนินทาอย่างเงียบงัน… ไคลน์ได้ข้อสรุปให้ตัวเอง

ชารอนไม่เปลี่ยนสีหน้า ทำเพียงครุ่นคิดสองถึงสามวินาทีและเล่าต่อ

“ใครบางคนกำลังขุดอุโมงค์ไปยังซากอาคารใต้ดิน”

“หือ..?” ไคลน์ตามบทสนทนาของชารอนไม่ทันในตอนแรก

แต่เพียงไม่นานก็เริ่มตระหนักว่าซากอาคารใต้ดินในความหมายของเธอคือสิ่งใด

สำหรับไคลน์และหล่อน ทั้งสองแบ่งปันความลับเกี่ยวกับซากปรักหักพังเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นั่นคืออาคารลึกลับซึ่งสงสัยว่าจะเป็นของราชวงศ์ทูดอร์มาก่อน

ใครบางคนพยายามขุดอุโมงค์เพื่อไปให้ถึงอาคารดังกล่าว?

ชายหนุ่มก้มหน้าตรึกตรอง ก่อนจะฉุกคิดบางสิ่งได้

“ฝีมือบาโรเน็ตคนนั้น?”

ไคลน์ลืมแม้กระทั่งชื่อทายาทรุ่นปัจจุบันของราชวงศ์ทูดอร์ จำได้เพียงว่า อีกฝ่ายถูกริบบรรดาศักดิ์จนเหลือแค่บาโรเน็ตและพักอาศัยบนถนนซิลวารัสติดกับสถานีตำรวจนครบาล

“ถูกต้อง” ชารอนตอบห้วน

“เขากำลังมองหาอะไร? ไม่รู้หรือว่าด้านในมีวิญญาณมารทรงพลังถูกผนึกอยู่ ไม่รู้หรือว่าบรรพบุรุษของตนเข้าไปตายมาแล้วกี่รุ่น?”

ไคลน์รัวยิงคำถาม

ชารอนขยับท่านั่งเล็กน้อยพร้อมกับตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฉันก็ไม่ทราบ ว่าเขาทราบหรือไม่”

“…อีกนานแค่ไหนกว่าขุดถึง” ไคลน์ซักถามหลังจากพยายามไตร่ตรองหาคำตอบ

“คงราวสองถึงสามเดือน การขุดคนเดียวไม่น่าจะเร็วไปกว่านี้” ชารอนคาดคะเน

ฟู่ว! ไคลน์ถอนหายใจ

“ยังไม่จำเป็นต้องรีบ รอให้ผมพร้อมก่อน พวกเราค่อยไป ‘เยี่ยม’ เขาพร้อมกัน”

มันอธิบายต่อ

“คุณคงทราบอยู่ก่อนแล้ว ผมจำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อความไม่ประมาท”

เราจะไม่เสี่ยงอันตรายใดจนกว่าจะกลายเป็นผู้ไร้หน้าเด็ดขาด! มันเตือนสติตัวเอง

“ตกลง” ชารอนไม่ไต่ถามว่าไคลน์จะเตรียมตัวในเรื่องดี ทำเพียงเลือนหายไปจากห้องโดยสารรถม้าราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่

ไคลน์เอนหลังพิงเบาะอย่างผ่อนคลาย

วัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถถูกเตรียมไว้ครบหมดแล้ว รอแค่ส่วนผสมสำคัญ ‘เดลิเวอรี’ มาถึงถือเรา… หนี้สินก็ถูกสะสางแล้วเช่นกัน ไม่มีสิ่งใดให้ค้างคาใจ…

อารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้าเริ่มมลายหายเป็นปลิดทิ้ง มันโดยสารรถม้าด้วยอารมณ์ปลอดโปร่งจนกระทั่งถึงบ้าน

ปัญหาเดียวในตอนนี้คือ…ไคลน์ล้วงจับกระเป๋าสตางค์ฟีบแบนในเสื้อโค้ท

มันเอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยพลางพึมพำอย่างห่อเหี่ยว

“เหลือเงินเก็บแค่สามสิบปอนด์…กับอีกห้าเหรียญทองปอนด์และเศษเหรียญ…”

พฤหัสช่วงบ่าย

ออเดรย์·ฮอลล์กำลังนั่งรอครูสอนพิเศษ มาดามเอสลันด์ อยู่ในห้องอ่านหนังสือ

เมื่อได้รับคำตอบจากแฮงแมนและเดอะเวิร์ล เด็กสาวรีบส่งจดหมายหาเอสลันด์ทันที

ใจความในจดหมายไม่มีพิรุธ ออเดรย์เพียงแจ้งว่าเธอต้องการให้คาบเรียนจิตวิทยาของสัปดาห์นี้เลื่อนมาเป็นวันพฤหัส

แต่ในความเป็นจริง เด็กสาวได้นัดแนะกับอีกฝ่ายไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หากตนเขียนแสดงความประสงค์เช่นนี้ออกไป แปลว่าอีกฝ่ายตอบรับข้อเสนอของสินค้า

ติ๊ก. ต่อก.

เข็มยาวของนาฬิกาแขวนบนผนังหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งครูสอนพิเศษวิชาจิตวิทยาผู้มีผมยาวถึงสะโพก เอสลันด์ เดินผ่านกรอบประตูเข้ามาในห้องอ่านหนังสือพร้อมกับอุปกรณ์การสอนจำนวนหนึ่ง

ออเดรย์ส่งสัญญาณบอกซูซีทางสายตา สุนัขขนทองตัวใหญ่รีบเดินออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะนอนหมอบหน้าประตูพลางเฝ้ามองเหตุการณ์รอบตัวจากมุมมืดของคฤหาสน์

เอสลันด์ใช้มือปิดประตูตามหลังและเดินมานั่งบนเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะกลมสีขาวตัวเล็ก พลางวางอุปกรณ์การสอนลง

“พวกเขาจ่ายด้วยเงินสดหรือสมบัติวิเศษคะ?” หญิงสาวบีบเสียงกระซิบ

“คนหนึ่งจ่ายสองพันห้าร้อยปอนด์ ส่วนอีกคนเสนอสมบัติวิเศษแลกเปลี่ยน” ออเดรย์หยิบกล่องกระดาษแข็งออกจากกระเป๋าถือสีส้มด้วยท่าทีไม่ได้ระมัดระวังอะไรนัก ด้านนอกกล่องมีกำแพงวิญญาณผนึกอยู่อย่างชัดเจน

หลังจากสลายกำแพงวิญญาณ เด็กสาวเปิดฝากล่องและหยิบหน้ากากสีทองลักษณะหยาบออกมาถือ

จากนั้นก็อธิบายคุณสมบัติอย่างละเอียด

ด้วยความสัตย์จริง ออเดรย์อยากทดสอบใช้งานหน้ากากสักครั้งเนื่องจากเป็นการสัมผัสสมบัติวิเศษครั้งแรก อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดความอยากรู้อยากเห็นเกินห้ามใจ แต่สุดท้ายก็ต้องข่มความรู้สึกและปล่อยผ่านไป ออเดรย์ยังไม่อยากกลายเป็นคนเย็นชา

“มูลค่าใกล้เคียงกัน…” เอสลันด์ถอนหายใจด้วยสีหน้าโล่งอก

ผ่านไปสองวินาที ครูสอนพิเศษสาวหยิบหนังสือเล่มหนาสุดเปิดไปยังหน้าสี่สิบแปด

เนื้อกระดาษด้านในถูกคว้านเป็นร่องลึกทรงสี่เหลี่ยม บรรจุกล่องโลหะขนาดเท่าฝ่ามือและม้วนกระดาษหนึ่งแผ่น

“ตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์… สูตรโอสถผู้รับใช้วายุ…” เอสลันด์แนะนำสินค้าในมือทีละชื้น

เพียงออเดรย์ชำเลืองวัตถุลักษณะคล้ายเพชรซึ่งมีใบหน้าจำนวนมากซ้อนทับ ศีรษะของเด็กสาวพลันวิงเวียนรุนแรง

นี่มัน… สามารถสะกดพลังของผู้ชมได้… เป็นวัตถุดิบหลักของเส้นทางมิสเตอร์เวิร์ล? นึกแล้วเชียวว่าทำไมเราถึงไม่เคยอ่านอารมณ์ของเขาได้เลย…

ออเดรย์เบือนหน้ามาทางสูตรโอสถ

ลำดับ 6 : ผู้รับใช้วายุ

วัตถุดิบหลัก :

– ผลึกขนเหยี่ยวเงาฟ้าหกเส้น

– ดวงตาอินทรีทะเลตามังกรหนึ่งคู่…

โดยไม่ปล่อยให้เด็กสาวอ่านจบ เอสลันด์ชิงม้วนสูตรโอสถกลับสู่สภาพเดิม

จากนั้น เธอเก็บสินค้าใส่กล่องโลหะใบเดิมและยัดกลับคืนโพรงช่องว่าง ก่อนจะผลักมาทางเด็กสาวหลังจากผนึกกำแพงวิญญาณเสร็จเรียบร้อย

ออเดรย์หยิบหนังสือขึ้นมาถือ แต่ยังไม่จ่ายเงินสองพันห้าร้อยปอนด์หรือมอบหน้ากากสีทองให้อีกฝ่าย

เมื่อเห็นเอสลันด์แสดงสีหน้าประหลาดใจ เด็กสาวอธิบายอย่างใจเย็นคล้ายกับเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า

“พวกเขากังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของตะกอนพลังและสูตรโอสถ จึงต้องการยืนยันให้แน่ใจก่อนแลกเปลี่ยน ขอรับประกันว่า สินค้าของทุกฝ่ายจะอยู่ในมือดิฉัน ไม่มีใครโกงใครได้แน่นอน หวังว่าทางคุณจะมองว่าดิฉันมีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ กับเงินจำนวนแค่นี้ ดิฉันไม่ทำให้ชื่อเสียงของตัวเองมัวหมองแน่นอนค่ะ”

“ทางเราเข้าใจความกังวล” เอสลันด์เว้นวรรคเล็กน้อย “และทางเราก็เชื่อใจคุณ”

ในเมื่อเงินและสมบัติวิเศษกำลังอยู่ในมือ ‘พวกเดียวกัน’ เอสลันด์จึงไม่กังวลว่าตนจะถูกโกง ตรงกันข้าม เธอกำลังโล่งใจ

คุณหนูออเดรย์ร่ำรวยและมีชื่อเสียงมาก ไม่มีใครเป็นคนกลางได้ดีกว่าเธออีกแล้ว…

เอสลันด์ถอนหายใจยาว

ท่ามกลางพระราชวังโบราณเหนือสายหมอกสีเทากว้างไกลไร้ก้นบึ้ง

ไคลน์ถือลูกตุ้มวิญญาณด้วยมือซ้ายพลางนำไปจ่อเหนือม้วนกระดาษหนังเขียนสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ

มันไม่ต้องการให้ชุมนุมทาโรต์สูญเสียสมาชิกทรงพลังอันดับหนึ่ง มิสเตอร์แฮงแมน ไปกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

เมื่อลืมตาขึ้นและพบว่าจี้บุษราคัมกำลังหมุนตามเข็มนาฬิกา ชายหนุ่มทำสีหน้าโล่งอกพร้อมกับถ่ายทอดความคิดเข้าไปในดาวแดงตัวแทนแฮงแมน

นครแห่งการให้

วิวทิวทัศน์รอบตัวอัลเจอร์พลันกลายเป็นสายหมอกสีเทา ตามด้วยเสียงสุขุมและกังวานของเดอะฟูลดังจากระยะไกล

“มิสจัสติสจัดการเรียบร้อยแล้ว”

ทันใดนั้น ภาพมายาของแผ่นกระดาษหนังได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าอัลเจอร์ ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ

หากสูตรโอสถผ่านมือมิสเตอร์ฟูลโดยตรง มันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหลอกขายของปลอม อัลเจอร์รีบโค้งศีรษะคำนับและกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม

เมื่อภาพมายาทั้งหมดเลือนหาย ชายหนุ่มรีบหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาจดสูตร

ไม่กี่นาทีถัดมา มันเดินวนเวียนไปมาในห้องด้วยสีหน้าตื่นเต้น ปากขยับพึมพำ

“เหยี่ยวเงาฟ้า…บนเกาะแห่งนั้นมี…”

หลังจากจัดการธุระให้แฮงแมนเสร็จ ไคลน์มีเวลาสำรวจตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ของตัวเองเสียที

เมื่อยืนยันว่าเป็นของจริง ชายหนุ่มเอนกายพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าสุดเคลิบเคลิ้ม

จบสักที…

สามวินาทีถัดมา มันลุกพรวดพร้อมกับวางแผนเตรียมปรุงโอสถผู้ไร้หน้าในคืนนี้ทันที!

จะปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่าแม้แต่วินาทีเดียวไม่ได้เด็ดขาด!

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset