Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 446 : ยุทธวิธีของจิตแห่งจักรกล

ราชันเร้นลับ 446 : ยุทธวิธีของจิตแห่งจักรกล

โดยไม่ต้องใช้เวลานาน ไคลน์เปลี่ยนมาดตัวเองให้กลายเป็นเดอะฟูลผู้ ‘จ้องมองทุกสิ่งจากเบื้องบน’ และพยักหน้ารับ พลางตอบกลับด้วยเสียงเคร่งขรึม

“ทำได้ไม่เลว”

เบื้องหน้าชายหนุ่ม ผิวน้ำบนลำธารเริ่มกระเพื่อมและผุดอักษรประโยคใหม่ :

“ถัดจากนี้จะเป็นฉากปฏิบัติการขุดค้นสุสานซึ่งข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน อาโรเดส บันทึกไว้ให้ท่านได้รับชม ท่านยังสามารถเร่งความเร็วหรือย้อนกลับเหตุการณ์ได้ตามใจชอบ”

ข้อความดังกล่าวค้างอยู่ราวสองวินาที จนกระทั่งฉากในนิมิตของไคลน์ ‘ซูมเข้า’ อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นมุมมองจากสายตาของคนปรกติ ชายหนุ่มพบว่าตัวเองกำลังยืนข้างอาวุโสจิตแห่งจักรกล ไอคานส์·เบอร์นาร์ด โดยไม่มีใครตระหนักถึงความผิดปรกตินี้

มองไปรอบตัว ไคลน์รู้สึกราวกับตนกำลังถูกยืนล้อมด้วยคนจริง ไม่มีปัจจัยใจช่วยให้แยกแยะได้ว่านี่คือฉากจำลอง คล้ายกับตนเป็นหนึ่งในทีมขุดค้นสุสานร่วมกับจิตแห่งจักรกลไปแล้ว

สามารถเร่งความเร็ว กดข้าม หรือย้อนกลับได้… ร่างจริงของกระจกวิเศษอาโรเดสต้องเป็นโฮมเทียร์เตอร์แน่… ไคลน์จิกกัดในใจ

ชายหนุ่มสำรวจสมาชิกทุกคนจนพบว่า ทีมนี้ถูกนำโดยนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวคนหนึ่ง เหนือศีรษะสวมหมวกใบเล็กของนักบวช สีหน้าแววตาเป็นมิตรและอบอุ่น อากัปกิริยาเป็นไปอย่างสุขุมอ่อนโยน

“เจ้าคุณท่าน สมาชิกทุกคนพร้อมแล้วขอรับ” ไอคานส์เดินเข้าไปใกล้และโค้งศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม

อาร์ชบิชอป… ผู้นำสูงสุดของโบสถ์จักรกลไอน้ำประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์!

ฮารามิค·ไฮเดิน… จิตแห่งจักรกลจัดลำดับความสำคัญของปฏิบัติการนี้ไว้สูงมาก พวกเขาไม่ประมาทเลยสักนิด…

ไม่แน่ว่า ทีมสำรวจคราวนี้อาจมีสมบัติวิเศษระดับ 1 ติดมาด้วย และคงมีการทำนายตรวจสอบอย่างละเอียดทุกซอกมุมก่อนลงมือแล้ว ต้องไม่ลืมว่าโบสถ์จักรกลไอน้ำครอบครองเส้นทางผู้ส่องความลับไว้ด้วย…

โชคยังดี เราเคยทดสอบและยืนยันได้ว่า ห้วงมิติเหนือสายหมอกมีพลัง ‘แทรกแซงผลทำนาย’ ระดับเดียวกับไพ่เย้ยเทพของโรซายล์ ทุกการทำนายถึงเราจะถูกบิดเบือนให้เป็นผลดีกับตัวเราอย่างกลมกลืน ไม่อย่างนั้น ป่านนี้นักสืบเชอร์ล็อกคงถูกทางการหมายหัวนานแล้ว…

แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า การนัดพบระหว่างเรากับชารอนจะถูกมองเห็น เพราะต่อให้หน่วยพิเศษล่วงรู้เหตุการณ์ดังกล่าวเข้า เป้าหมายการจับกุมของจะไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นตัวชารอน พลังแทรกแซงของมิติเหนือสายหมอกจึงไม่น่าจะแสดงผลในกรณีนี้… เฮ่อ ได้แต่หวังว่าวิญญาณอาฆาตจะมีพลังต่อต้านผลการทำนายแบบเดียวกัน…

เดี๋ยวสิ… แทบทุกการทำนายของจิตแห่งจักรกลจะพึ่งพาพลังของกระจกวิเศษอาโรเดสไม่ใช่หรือ? หากประเมินจากท่าทีสุดแสนนอบน้อมต่อเรา มีความเป็นไปได้ว่าอาโรเดสจะช่วย ‘เบลอ’ ใบหน้าของชารอนให้…

ไคลน์เริ่มกระจ่าง

มาถึงจุดนี้ ฮารามิค·ไฮเดินวาดสัญลักษณ์สามจุดบนหน้าอก

“เริ่มปฏิบัติการได้ ขอให้พระองค์คุ้มครองเราทุกคน”

ผู้วิเศษเกือบสิบเดินลงไปยังบันไดทางเข้าสุสาน ไคลน์ตามหลังไปไม่ห่าง และยังไม่คิด ‘เร่งความเร็ว’ วิดีโอบันทึกการสำรวจ

มันสงสัยมานานแล้วว่า ผู้วิเศษลำดับกลางและต่ำของจิตแห่งจักรกลจะมียุทธวิธีการรบเป็นเช่นไร นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญในการยลโฉมให้เต็มสองตา

นอกจากนั้นยังจะมีโอกาสได้เห็นรูปแบบการต่อสู้ของครึ่งเทพ รวมไปถึงความลับภายใต้สุสานตระกูลอามุนด์

แม้จะถูกกาลเวลากัดกร่อนมานานกว่าสองพันปี แต่บันไดหินของสุสานกลับยังแข็งแรงโดยไม่มีร่องรอยการผุกร่อน ทีมสำรวจของจิตแห่งจักรกลเดินลงไปจนเกือบสุดทางและได้พบเสาหินรูปทรงไม่สมมาตร รวมถึงรอยขูดด้วยดาบหรือขวานอันเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัยที่สี่

สองฝั่งซ้ายขวามีเสาหินประดับตกแต่งเรียงราย สุดปลายทางเดินเป็นประตูหินบานคู่ขนาดมหึมา เพียงจ้องมองก็รู้สึกถึงความหนัก

บานประตูหินเปิดแง้มอยู่ก่อนแล้ว กว้างพอจะให้ผู้ชายสองเรียงหน้ากระดานเดินเข้าไปพร้อมกัน

จิตแห่งจักรกลไม่รีบร้อน เพียงหยุดสำรวจบริเวณหน้าทางเข้าอย่างละเอียดและไม่พบสิ่งของสำคัญ

“ทำตามแผน หน่วยแรกเข้าไปเก็บกวาด” เมื่อได้รับสัญญาณจากอาร์ชบิชอป อาวุโสไอคานส์กดหมวกลงพร้อมกับหันไปสั่งลูกทีม

เก็บกวาด? ไคลน์ยืนทวนคำอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้ามึนงง

ท่ามกลางความไม่เข้าใจของชายหนุ่ม สมาชิกจิตแห่งจักรกลร่างกายกำยำสองคนทำการวางกล่องสีดำยาวลงบนพื้น

สำหรับกล่องแรก ด้านในมีแท่งโลหะสีดำเงาลักษณะคล้ายปืนใหญ่ ผิวโลหะสลักลวดลายเวทมนตร์ทุกซอกมุม ส่วนอีกกล่องเป็นปืนกลหนักกลไกซับซ้อน ด้านข้างมีสายกระสุนสีทองเส้นยาววางอยู่ในกล่อง

ผู้ใช้ปืนใหญ่บรรจงเดินผ่านบานประตูหินเปิดแง้มอย่างเชื่องช้า ผู้ใช้ปืนกลหนักนำสายกระสุนมาเสียบและเดินตามหลังคนแรกโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย

มองหน้ากันหนึ่งครั้ง ผู้ใช้ปืนใหญ่นำอาวุธประจำกายประทับบ่า และเพียงพริบตา ลวดลายเวทมนตร์บนผิวโลหะเริ่มส่องแสงพร้อมกับเสียงระเบิดคำรามก้องกังวาน

เปรี้ยง—!

ลูกบอลเพลิงลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ย่อส่วนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนใหญ่เข้าไปในความมืดมิดเบื้องหน้า

บึ้มมมมมมม!

ผืนดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย แสงสว่างส่องออกจากรอยแยกท่ามกลางความมืด

ผู้ใช้ปืนใหญ่เซถอยหลังราวสามก้าว ขาสองข้างเผยอาการสั่นระริกชัดเจน

บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!

มันยังคงกระหน่ำยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่ศักดิ์สิทธิ์อีกหลายนัดในจุดต่างกัน ถึงแม้จะมีการสั่นสะเทือนของพื้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีฝุ่นควันฟุ้งกระจายจากเพดาน

หลังจากหยุดยิง ผู้ใช้ปืนใหญ่เดินถอยกลับโดยให้ผู้ใช้ปืนกลเข้าไปยืนแทน

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงกลหนักดังระรัวชุดใหญ่ กระสุนสีทองซีดจำนวนมากพุ่งจากปลายกระบอกเข้าไปในความมืดมิด จุดประสงค์คือการขจัดสิ่งแปลกปลอมทางวิญญาณให้ราบคาบ

…นี่มันยุทธวิธี ‘ยิงถล่ม’ ในฝันของเราเลยไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้ใช้กระสุนธรรมดา แต่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยราคาสูงจำพวกกระสุนชำระล้างและกระสุนปืนใหญ่ปัดเป่า…

ร่ำรวยฉิบหาย!

นี่น่ะหรือยุทธวิธีรบของจิตแห่งจักรกล…

ไคลน์จ้องมองปฏิบัติการด้วยดวงตาลุกวาวและริมฝีปากอ้ากว้าง

หลังจากการยิงถล่มชุดใหญ่จบลง ไอคานส์ตะโกนออกคำสั่งท่ามกลางเสียงสะท้อนซึ่งยังคงดังอื้ออึง

“หน่วยสอง เก็บกวาดสมทบ”

ยังจะมีอีกหรือ… ไคลน์ไม่อยากเชื่อหู

หน่วยสองยังคงประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสองคนผู้ใช้ม้วนคาถาหนังหลายชนิด

พวกมันเปล่งคาถาไม่ซับซ้อนพร้อมกับถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อเปิดใช้งาน จากนั้นก็ขว้างม้วนกระดาษเข้าไปในความมืด

เพียงพริบตา แสงสว่างเจิดจ้าได้สาดส่องปกคลุมทุกซอกมุมของห้องด้านหลังประตูหิน ถัดมาอีกหนึ่งอึดใจ ‘ฝนศักดิ์สิทธิ์’ สีทองอร่ามเริ่มโปรยปรายลงมาจากเพดาน ทุกสิ่งในบริเวณล้วนถูกชำระล้างจน ‘สะอาด’

ไคลน์จ้องมองพฤติกรรมของหน่วยพิเศษด้วยสีหน้าเหนือความคาดหมาย มันเกิดคำถามทันที

พวกนายไม่ได้หลงใหลการขุดค้นสุสานอย่างสุนทรีย์หรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าจิตแห่งจักรกลเป็น ‘นักโบราณคดี’ มืออาชีพหรือไง? แล้วทำไมถึงไม่เกรงกลัวว่าสุสานจะถล่มลงจากวิธีการอันป่าเถื่อนเลยสักนิด!

ขณะเกิดความคิดดังกล่าว หน่วยสองได้เสร็จสิ้นการเก็บกวาดและหันไปตะโกนกับไอคานส์·เบอร์นาร์ด

“ท่านอาวุโส ไม่ผิดไปจากความคาดหมายเลยสักนิดครับ! โครงสร้างภายในของสุสานแข็งแรงจนน่าเหลือเชื่อ!”

พวกเขาคำนวณไว้แล้ว…

“อืม เริ่มการสำรวจ” ไอคานส์ออกคำสั่ง

ไคลน์เดินตามพวกมันผ่านประตูหินบานใหญ่เข้าไป ภาพแรกด้านหลังประตูคือ เศษหินก้อนเล็กรวมถึงเศษผงกระจัดกระจายเต็มพื้นลานกว้าง ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งเหล่านี้เคยเป็นวัตถุชนิดใดมาก่อน หรือเคยมีสัตว์ประหลาดชนิดใดอาศัยอยู่ด้านใดบ้าง

หรือถ้ามีกลไกและกับดัก เห็นทีก็คงจะไม่เหลือซากเช่นกัน…

เมื่อต้องเผชิญการ ‘เก็บกวาด’ ดังกล่าว หากไม่มีการเตรียมตัวรับมือไว้ก่อน ผู้วิเศษลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพทุกเส้นทางคงแทบไม่มีโอกาสรอด…

ไคลน์เริ่มหลงใหลพลังทำลายล้างอันป่าเถื่อนของการยิงถล่ม มันทั้งเรียบง่าย ซื่อตรง และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

การสำรวจในห้องถัดๆ ไปค่อนข้างจำเจ ยุทธวิธีแบบเดิมถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง เปิดฉากด้วยการถล่มปืนใหญ่ กลหนัก ตามด้วยม้วนคาถาเวทมนตร์นานับชนิด จิตแห่งจักรกลสามารถสำรวจสุสานได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน ระหว่างทางยังรวบรวมตะกอนพลังและวัตถุมีค่าได้อีกหลายชิ้น

“ไม่มีจิตรกรรมฝาผนัง…” เมื่อสำรวจห้องหลักของสุสานจนรอบ อาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำ ฮารามิค·ไฮเดิน พึมพำกับตัวเอง

ได้ยินเช่นนั้น นักศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์อย่างไคลน์เริ่มฉุกคิดได้

ตามปรกติแล้ว สุสานของตระกูลขุนนางมักมีจุดประสงค์เพื่อ ‘อวด’ ความยิ่งใหญ่และเกียรติยศสมัยพวกมันยังมีชีวิต

เมื่อเป็นตระกูลใหญ่ หลุมศพธรรมดาจึงพัฒนาเป็นสุสานและมหาสุสาน ทำให้ยิ่งมีผนังว่างพอสำหรับแขวนภาพวาดหรือละเลงภาพจิตรกรรม ภาพเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อบอกเล่าความยิ่งใหญ่ของผู้หลับใหลด้านใน

ยิ่งเป็นตระกูลขุนนางยุคเก่าแก่ยิ่งได้รับความนิยม เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์เรียนรู้การวาดภาพก่อนการเขียนตัวหนังสืออยู่แล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้ว่า สำหรับหลุมศพตระกูลขุนนางจากยุคสมัยที่สี่ การขาดหายไปของจิตรกรรมผาหนังคือสิ่งไม่ปรกติ

เมื่อได้ยินคำถามจากอาร์ชบิชอป ไอคานส์รีบสั่งให้สมาชิกจิตแห่งจักรกลแยกย้ายออกไปค้นหาเบาะแสในละแวกใกล้เคียง

เหตุการณ์ปัจจุบันทำให้ไคลน์นึกอยาก ‘เร่งความเร็ว’ ไปอีกสักนิดเพื่อดูผลลัพธ์

แต่ทันใดนั้น มันเริ่มตระหนักว่าจิตแห่งจักรกลสองคนตรงมุมซ้ายของห้อง ได้เพิ่มจำนวนกลายเป็นสามคน!

หนึ่งในนั้นมีใบหน้าเหมือนกับไอคานส์ทุกประการ ไม่ว่าจะหมวกใบใหญ่หรือเส้นผมแข็งกระด้างไม่เป็นทรง

นี่มัน… ไคลน์ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะรีบตั้งสติเพ่งมองเหตุการณ์

ระหว่างนั้น ไอคานส์ตัวปลอมได้เดินไปทางสมาชิกทั้งสอง

“พบอะไรไหม” มันกระแอมก่อนกระซิบ

ชายคนดังกล่าวรีบหันมามองอย่างตกใจ ก่อนจะทำสีหน้าโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นไอคานส์

“ไม่คร—”

ยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยค ไอคานส์ตัวปลอมได้เปลี่ยนร่างเป็นแผ่นหนังมนุษย์ผืนใหญ่พร้อมกับพุ่งเข้าไปห่อหุ้มจิตแห่งจักรกลอันเป็นเป้าหมาย

หนังมนุษย์ขาวซีดโอบล้อมร่างกายเหยื่อและเริ่มเลียนแบบเค้าโครงร่างกาย หรือแม้แต่รูปพรรณสัณฐานก็ยังเหมือนกับเหยื่อทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีเสียงใดดังแปลกปลอมขณะเกินเหตุการณ์ ไม่มีกระทั่งการเคลื่อนไหวอันผิดปรกติ

ทันใดนั้น ‘หนังมนุษย์’ เริ่มส่องสว่างในลักษณะของริ้วแสงสีขาวคล้ายกับดวงอาทิตย์ระเบิดจากด้านใน

หนังมนุษย์รีบสลัดหลุดจากร่างเหยื่อพร้อมกับลอยขึ้นไปในอากาศด้วยสภาพลุกไหม้

ทันใดนั้น แส้สีดำฟาดใส่จากมุมอับ หวดปะทะร่างหนังมนุษย์อย่างจังจนการเคลื่อนไหวของมันช้าลง

ในการต่อสู้อันดุเดือด หากถูกทำให้เชื่องช้าก็ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วครึ่งตัว เหตุการณ์หลังจากนั้นไปเป็นตามคาด จิตแห่งจักรกลรุมถล่มโจมตีนานับชนิดเข้าใส่ ไม่ว่าจะเป็นกระสุนสีทอง ม้วนคาถาลุกโชน และการโจมตีทางกายภาพชนิดอื่น

หลังจากภายในห้องเต็มไปด้วยแสงสว่างอยู่พักใหญ่ ซากขี้เถ้าสีดำได้โปรยลงบนพื้น

เศษซากทุกส่วนยังคงส่องแสงเจือจางและเริ่มไหลกลับมารวมกันเป็นจุดเดียว

เงามืดหนังมนุษย์…! ไคลน์รีบหันไปมองจิตแห่งจักรกลผู้ตกเป็นเหยื่อการโจมตีเมื่อครู่

ชายคนดังกล่าวปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดและล้วงบางสิ่งออกมา มันคือแผ่นยันต์โลหะสลักลวดลายดวงอาทิตย์

“ขอบคุณพระองค์! ขอบคุณท่านอาร์ชบิชอปผู้บอกให้พวกเราสวมสิ่งนี้ก่อนออกมา!” มือข้างหนึ่งถือตะเกียง อีกข้างกำยันต์พลางสรรเสริญ

ไคลน์เริ่มสังเกตเห็นว่าชายคนนี้ติดเข็มกลัดรัตติกาล สวมแหวนวายุสลาตัน และคาดเข็มขัดหนังเพิ่มพละกำลัง…

แม้ว่าทั้งหมดนี้จะไม่ใช่สมบัติวิเศษ เป็นเพียงวัตถุในหมวดหมู่ยันต์และอาวุธวิเศษซึ่งจะเสื่อมพลังวิญญาณลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ราคาของแต่ละชิ้นก็ไม่ได้ถูก! ถ้าไม่ใช้ช่างฝีมือหรือผู้วิเศษร่ำรวย การครอบครองทั้งหมดไว้ในคนเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้… นี่น่ะหรือยุทธวิธีการรบของจิตแห่งจักรกล…

สู้ด้วยอำนาจเงินตรา!

ไคลน์หมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน

ทันใดนั้น ซากเงามืดหนังมนุษย์ได้รวมตัวกันเป็นตะกอนพลังลักษณะคล้ายเพชรเม็ดใหญ่ ทุกด้านหน้าตัดของเพชรจะส่องแสงแวววาว แต่ละด้านปรากฏภาพใบหน้ามนุษย์จำนวนมากแตกต่างกันออกไป

เมื่อภาพใบหน้ามากมายซ้อนทับกันในลักษณะน่าขนลุก ไคลน์ผู้จ้องมองเข้าไปเริ่มเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ

เรากำลังขาดสิ่งนี้พอดี…! ชายหนุ่มตื่นเต้น

เมื่อจิตแห่งจักรกลเก็บตะกอนพลังไป พวกมันเริ่มสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบภาพจิตรกรรมฝาหนึ่งซึ่งควรจะมี

ไม่มีทางเลือก ทุกคนกลับไปออกไปยังทางเดินมายังห้องสุสานหลัก

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset