Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 444 : สารภาพบาป

ราชันเร้นลับ 444 : สารภาพบาป

ความรู้สึกอันคุ้นเคยพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไคลน์ผู้มากประสบการณ์รีบใช้พลังตัวตลกระงับอากัปกิริยาสั่นระริกและสีหน้าตกตะลึงของตน

มันบรรจงชักสายตาออกอย่างไม่รีบร้อน พยายามทำให้การชำเลืองเมื่อครู่เป็นเพียงพฤติกรรมตามธรรมชาติ

“เฮ่อ… ทาลิมยังหนุ่มแน่น เขายังไม่ได้สมรสและไม่มีทายาท” ไคลน์ถอนหายใจพลางสานต่อบทสนทนาอย่างไหลลื่น

มันกล่าวเช่นนี้เพราะต้องการกลบเกลื่อนอาการชะงักในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่ โดยทำทีว่า ตนมองเห็นหญิงสาวกำลังวางดอกไม้ให้ทาลิม จึงเชื่อมโยงเข้ากับความรัก การสมรส และการมีทายาท ส่งผลให้เลือกกล่าวประโยคเมื่อครู่อย่างแยบยล

“ถูกต้อง ด้วยวัยของเขา ทาลิมควรสมรสและมีทายาทตั้งแต่สี่ถึงห้าปีก่อนแล้ว แต่น่าเสียดาย ปมด้อยเรื่องคุณปู่ทำให้เขาฝังใจและปฏิเสธการแต่งงานมาตลอด เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลัง” นักข่าวไมค์ถอนหายใจ

ทันใดนั้น ไคลน์ ผู้มองผิวเผินจะไม่พบความผิดปรกติอันใด พลันตระหนักว่าแผ่นหลังของตนกำลังถูกพุ่มหนามแหลมทะลวงผ่านผิวหนังเข้ามาทีละนิด เป็นความรู้สึกตึงเครียดและกดดันเหนือคำบรรยาย

ขณะเดียวกัน หญิงสาวปริศนาในเดรสสีดำ ผู้สวมแหวนพลอยสีฟ้าบนนิ้วก้อยมือซ้าย เริ่มลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามเมื่อวางดอกไม้เสร็จ เธอมองไปรอบตัวหนึ่งครั้งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะเดินออกห่างจากหลุมศพทาลิมทีละนิดพร้อมกับสาวใช้สองคน

ฟู่ว…! ไคลน์ถอนหายใจยาว

ความรู้สึกประหนึ่งมีพุ่มหนามทิ่มแทงแผ่นหลังเริ่มจางหาย

เธอเป็นใคร ทำไมถึงมีสิทธิ์ร่วมวางดอกไม้ในงานศพทาลิม? เป็นคนรัก?

แล้วทำไมสามัญชนอย่างทาลิม ผู้ไม่มีพลังอำนาจ ไม่มีความมั่งคั่ง ไม่มีพลังพิเศษอันใดเลย ถึงเข้าไปพัวพันกับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือตัวตนลำดับสูงได้?

นี่ไม่ใช่นิยายสักหน่อย… และเหนือสิ่งอื่นใด มีความเป็นไปได้มากว่าหล่อนคือผู้ร่ายคำสาปใส่ทาลิม… เรื่องราวซับซ้อนชะมัด…

ไคลน์แสร้งยืนฟังบทสนทนาระหว่างไมค์กับอลันด้วยสีหน้าอึมครึม

เพียงไม่นาน การวิเคราะห์ของชายหนุ่มก็ดำเนินมาถึงทางตัน ปริศนาคาใจอันดับหนึ่งหนีไม่พ้นเรื่อง ทำไมคนธรรมดาและไม่มีอะไรเลยนอกจากเคยตระกูลเป็นขุนนางมาก่อนอย่างทาลิม ถึงได้ถูกบุคคลลำดับสูงหรือสมบัติปิดผนึกในระดับเดียวกันสาปแช่งจนตาย

บทสรุปเช่นนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด เพราะโดยทั่วไปแล้วแล้ว ผู้วิเศษลำดับสูงจะไม่ลดตัวลงมาจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเด็ดขาด

แต่ว่ากันตามตรง หากพิจารณาจากประสบการณ์ในอดีตของเรา คดีการตายของทาลิมมิได้พิสดารมากขนาดนั้น…

เมื่อฉุกคิดบางสิ่งได้ ไคลน์ชำเลืองไปทางศัลยแพทย์อลันด้านข้างโดยไม่รู้ตัว

หากพูดถึงความแปลกประหลาด คุณหมอมาดเย็นชาแสนธรรมดาผู้นี้ ในท้องภรรยาของเขามีสัตว์ประหลาดลำดับ 1 ‘อสรพิษปรอท’ ซุกซ่อนอยู่!

ชุดความคิดถัดมา ไคลน์เริ่มตระหนักว่าตนมีประสบการณ์เหนือธรรมชาติมาโชกโชนพอสมควร ภายในระยะเวลาเพียงห้าเดือนหลังจากเดินทางข้ามโลก มันมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเหล่าครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกอันตรายหนแล้วหนเล่า

สตรีปริศนาผู้สาปใส่ทาลิม อสรพิษปรอท วิล·อัสติน ผู้เย้ยเทพ อามุนด์ สตรีปริศนาในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติซึ่งชอบสวมรองเท้าบูทหนัง ผู้วิเศษลำดับสูงจากโรงเรียนกุหลาบ 0-08 1-42 อินซ์·แซงวิลล์ ตราศักดิ์สิทธิ์บิดเบือนแห่งสุริยัน สมุดบันทึกของตระกูลอันทีโกนัส อะซิก·อายเกส ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นทายาทมรณา มิสเตอร์ประตู สภานักสิทธิ์แห่งสนธยา…

ทุกชื่อแล่นผ่านสมองไคลน์ด้วยความรู้สึกเย็นวาบไปทุกซอกมุม

ชายหนุ่มยืนตรึกตรองอย่างใจเย็น

นี่ยังไม่ได้นับรวมเทพสุริยันเจิดจรัสและพระผู้สร้างแท้จริงซึ่งลำดับสูงกว่ารายชื่อข้างต้นค่อนข้างมาก… ว่ากันตามตรง ในฐานะดวงวิญญาณจากดาวอื่น รวมถึงตัวตนผู้ปกครองห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทาสุดพิสดาร เราเองไม่ด้อยไปกว่ารายชื่อข้างต้นสักเท่าไร…

หรือนี่จะเป็น ‘จุดปะทุแห่งยุคสมัย’ ระลอกใหม่หลังจากจบยุคสมัยอันรุ่งเรืองสุดขีดของจักรพรรดิโรซายล์? และเป็นเหตุผลให้บรรดาครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกน่ากลัวหลายชิ้นผุดขึ้นรอบตัวเต็มไปหมด?

ขณะไคลน์กำลังยืนไตร่ตรอง ไมค์·โยเซฟและศัลยแพทย์อลันขอตัวกลัวก่อน ชายหนุ่มจึงเดินตามออกไปด้วยย่างก้าวใจเย็น

ขณะกวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อมองหารถม้าเช่า รถม้ารูปร่างคุ้นตาคันหนึ่งได้แล่นมาจอดตรงหน้า

แม้ว่าตราประจำตระกูลข้างรถจะถูกอำพรางมาอย่างดี แต่ไคลน์ก็จดจำได้ทันทีเช่นกัน ว่านี่คือรถม้าขององค์ชายเอ็ดซัค

ประตูห้องโดยสารเปิดออกพร้อมเสียงเสียดสีแผ่วเบา พ่อบ้านชราผมหวีเรียบเดินลงมาและทำสัญญาณมือเชื้อเชิญให้ไคลน์เข้าไป

“องค์ชายกำลังรออยู่ด้านในครับ”

“ตกลง” ไคลน์เดินเข้าไปในรถม้าสุดหรูโดยปราศจากความเคอะเขิน

องค์ชายเอ็ดซัคแต่งกายในชุดสีน้ำเงินเข้ม ปกเสื้อแข็งตั้งตรง และมีริ้วริบบิ้นสีทองพาดผ่านลำตัวอย่างสง่างาม ทุกองค์ประกอบช่วยส่งเสริมให้ชายคนนี้มีกลิ่นอายสมกับเป็นบุคลากรระดับสูงสุดของอาณาจักร

เอ็ดซัคใช้มือลูบเข็มกลัดเพชรพลางแสดงสีหน้าเศร้าหมอง

“เราไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมงานศพของพระสหาย ทำได้เพียงเฝ้ามองจากระยะไกลโดยห้ามเผยตัว ต้องวานให้ใครสักคนช่วยนำดอกไม้ไปวางแทน นี่คือความน่าเศร้าของเชื้อพระวงศ์ เราไม่ได้มีอิสระมากมายเช่นนั้น”

“หากตระกูลของทาลิมไม่ถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์ในรุ่นปู่ ป่านนี้องค์ชายคงสามารถร่วมงานศพของเขาได้อย่างเปิดเผย” ไคลน์เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตามสัญญาณมือเอ็ดซัด

องค์ชายสามหยิบแก้วบรรจุไวน์สีแดงเลือดขึ้นมาจิบ

“เฮ่อ… เรากำลังวางแผนว่าจะช่วยกอบกู้บรรดาศักดิ์คืนให้บิดาของทาลิม แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน…”

เอ็ดซัคไม่สานต่อหัวข้อเดิม มันเปลี่ยนไปซักถามประเด็นอื่น

“เชอร์ล็อก ได้รับพัสดุหรือยัง”

“เรียบร้อยขอรับ” ไคลน์ตอบกระชับโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม

เอ็ดซัคพยักหน้า

“แล้วมีความคืบหน้าบ้างไหม”

“กระหม่อมลองนำทางด้วยผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด ของใช้ประจำตัว และกระจุกเส้นผม แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถนำพาไปสู่ความจริงได้เลย ผลลัพธ์ระบุเพียงการตายตามธรรมชาติด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว” ไคลน์อธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแกมขอความเห็นใจ โดยพยายามสื่อออกไปทำนองว่า ‘ผมมีลำดับน้อยเกินไป’ ‘มาตรฐานของผมไม่ถูกพอจะทำคดีนี้’ ‘ถึงผมจะชำนาญการทำนาย แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก’ และ ‘ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่สามารถค้นหาความจริงพบ’

เอ็ดซัคแสดงสีหน้าผิดหวังชัดเจน

“แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”

“ตรวจสอบว่าทาลิมแวะไปหาใครบ้างก่อนจะเสียชีวิต และเดินสำรวจละแวกใกล้เคียงในกรณีเผื่ออาจพบเบาะแสสำคัญ” ไคลน์ตอบอย่างฉะฉานตามแผนการ

เอ็ดซัคหันไปจ้องพ่อบ้านชรา

“อย่างนั้นหรือ หมายความว่าคุณอาจต้องใช้วิธีข่มขู่ สอบปากคำ หรือไม่ก็ติดสินบนพวกเขาตามความเหมาะสม… มอบเงินให้เชอร์ล็อกหนึ่งร้อยปอนด์”

“ขอรับองค์ชาย” พ่อบ้านชราควักปึกธนบัตรซึ่งถูกแลกมาเตรียมไว้ล่วงหน้า

ยอมจ่ายร้อยปอนด์ง่ายขนาดนี้เชียว?

ชายหนุ่มเริ่มประจักษ์ความใจป้ำขององค์ชายสาม

“แล้วผมจะพยายาม” ไคลน์รับปึกธนบัตรและเก็บใส่เสื้อโค้ทโดยไม่นับจำนวน

“ได้แต่หวังว่า พวกเราจะช่วยให้ดวงวิญญาณของทาลิมนอนตายตาหลับ” เอ็ดซัคกำหมัดขวาพลางทุบหน้าอก

มันมองออกไปยังสุสานมงกุฎด้านนอกซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก

สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับทาลิมแข็งแรงผิดจากภายนอกลิบลับ…

ไคลน์ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินลงจากรถม้าภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน

เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์

ออเดรย์แสร้งทำหน้าตั้งใจเรียนพลางจ้องมองครูสอนวิชาจิตวิทยาส่วนตัว เอสลันด์ ผู้มีเส้นผมยาวจนถึงสะโพก

ทันใดนั้น เด็กสาวกระซิบกระซาบ

“มาดามเอสลันด์ ดิฉันเพิ่งเข้าร่วมชุมนุมลับแห่งใหม่และได้ยินมาว่า มีคนต้องการซื้อเงามืดหนังมนุษย์กับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุในราคาสูงมาก เอ่อ… ผู้ซื้อเป็นคนละคนกัน สิ่งเหล่านี้คือวัตถุลำดับกลางใช่ไหม? ฟังดูน่าตื่นเต้นมาก! ทางสมาคมแปรจิตสนใจข้อเสนอของพวกเขาไหมคะ?”

เอสลันด์ประหลาดใจไปพักหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าครุ่นคิดอีกหลายวินาที

“ถ้ากลับไปแล้วจะถามให้ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ออเดรย์ตอบเสียงสดใส ประหนึ่งกำลังตื่นเต้นเมื่อได้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนวัตถุลำดับกลาง

เอสลันด์กล่าวตักเตือนอย่างเป็นห่วง

“มิสออเดรย์ ถึงแม้ว่าคุณจะกลายเป็นผู้วิเศษลำดับ 8 แล้ว แต่ความเข้าใจในโลกเหนือธรรมชาติของคุณยังบกพร่องอยู่มาก แถมยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของพลังผู้ชมและพลังนักอ่านใจ ยังไม่นับรวมทฤษฎีพื้นบาน ฉะนั้น นับแต่นี้ไป ดิฉันจะคอยนำทางคุณบนโลกผู้วิเศษให้เอง”

“ดิฉันก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ!” เด็กสาวกล่าวจากใจจริง

ทันใดนั้น โกลเดนรีทรีเวอร์ขนฟู ซูซี ผู้กำลังนั่งฟังบทสนทนาข้างปลายเท้าออเดรย์ พลันกระดิกหาระริกคล้ายกับมีความสุขแทนเจ้าของ

เมื่อตัดสินใจหนักแน่นว่าจะไม่สืบหาการตายของทาลิมในเชิงลึก ไคลน์จึงโดยสารรถม้ากลับถนนมินส์ตามปรกติ

หลังจากเปิดประตูบ้านและถอดหมวกเตรียมแขวนกับราว ย่างก้าวชายหนุ่มพลันชะงักงันกะทันหัน

สัมผัสวิญญาณได้ร้องเตือนว่าใครบางคนได้ลอบเข้ามาในห้องรับแขก!

ใครบางคนแอบงัดบ้านของตน!

นี่มัน… อีกฝ่ายจงใจเหลือร่องรอยไว้… ถือเป็นคำเตือนใช่ไหม… ก็ยังดี การได้รับคำเตือนย่อมดีกว่าไม่มีเลย…

ชายหนุ่มยืนตัวแข็งกลางบ้านอยู่สองนาน

โดยไม่มัวคิดให้ปวดหัว ไคลน์รีบย่ำเท้าออกจากบ้านและนั่งรถม้าตรงไปยังมหาวิหารไอน้ำทันที

จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมของวิหารแห่งนี้คือหอนาฬิกาสูงตระหง่านและปล่องควันโดดเด่นจนเห็นได้ชัด สิ่งแรกสื่อถึงความงามของกลไก ส่วนสิ่งหลังสื่อถึงพลังงานไอน้ำซึ่งถูกนำมาใช้ปฏิวัติโลก

ปัจจุบันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ยามเที่ยง หรือยามเย็น ส่งผลให้จำนวนสาวกในโบสถ์ค่อนข้างบางตา

ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สำหรับสวดมนต์ วางไว้ค้ำพิงพนักด้านหน้า ถอดหมวกวางบนตัก และก้มศีรษะแสร้งสวดมนตร์ต่อหน้าตราศักดิ์สิทธิ์ประมาณสิบนาที

เมื่อเสร็จสิ้น ชายหนุ่มหยิบของใช้ประจำตัวและลุกเดินมายังด้านข้างแท่นบูชา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้บิชอปพลางกระซิบ

“ผมต้องการสารภาพบาป”

“ดีมาก พระองค์กำลังเฝ้ามองคุณอยู่” บิชอปเจ้าของใบหน้าแก่ชรา จอนข้างขมับสีขาวหงอก เดินนำเข้าไปในตู้สารภาพบาปฝั่งของนักบวช

ไคลน์ตามเข้าไปนั่งอีกฝั่งและปิดประตูห้อง

มันนั่งลงและกล่าวข้ามฉากกั้นทำจากไม้

“ผมมาสารภาพว่า ผมตัดสินใจละทิ้งศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ของตัวเองในยามต้องเผชิญอันตรายถึงแก่ชีวิต ผมเลือกหลบหนีอย่างคนขลาดเขลา”

“ตอนนั้นคุณกำลังคิดถึงสิ่งใด” บิชอปซักถามด้วยน้ำเสียงสุขุมอ่อนโยน

ไคลน์รีบเล่าถึงคดีการเสียชีวิตของทาลิม อธิบายความสงสัยของตน การแจ้งให้คาร์ลเซ่นทราบว่าเป็นคำสาป การถูกองค์ชายเอ็ดซัคมอบหมายงาน และผลลัพธ์อันล้มเหลวของพลังทำนาย ชายหนุ่มอธิบายถึงความหวาดกลัวหากตนต้องเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างเชื้อพระวงศ์

ไคลน์ตัดสินใจไปไม่นำเรื่องนี้ไปบอกกับคาร์ลเซ่นในผับ มันกังวลว่าตนอาจถูกฝ่ายลึกลับคอยจับตามองทุกฝีก้าว และคงไม่ใช่แค่ฝ่ายลึกลับ แต่ยังรวมถึงฝ่ายองค์ชายเอ็ดซัคเองด้วย ทางนั้นย่อมต้องส่งคนมาคอยจับตามองพฤติกรรมนักสืบเชอร์ล็อก

ต่อให้วางตัวเป็นกลาง แต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าชีวิตของตนจะปลอดภัยหลังจากแหย่ขาเข้าไปแล้วครึ่งตัว

ในทางกลับกัน มหาวิหารไอน้ำคือศูนย์บัญชาการใหญ่ของจิตแห่งจักรกลมุขมณฑลกรุงเบ็คลันด์ เป็นหนึ่งในสามวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักร ไม่มีใครกล้าลงมืออุกอาจถึงขั้นแอบสะกดรอยตามเข้ามาข้างในแน่

จุดประสงค์ของไคลน์ก็คือ บอกเล่าความจริงเกือบทั้งหมด รายงานรูปคดีและความผิดปรกติในสาเหตุการตายของทาลิม โดยไม่ต้องเสียงนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับปัญหาระดับอาณาจักร

ไคลน์กำลังทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ มันต้องการจับตัวคนร้ายฆ่าทาลิมมารับโทษตามกฎหมาย ขณะเดียวก็ยังรักษาคติพจน์ของตัวเองด้วยการไม่เข้าไปเสี่ยงอันตราย

บิชอปนั่งฟังจนจบโดยไม่ขัดคอ ปิดท้ายด้วยแสดงความเห็นอย่างอ่อนโยน

“ตัวเลือกของคุณเกิดจากเสียงเรียกร้องของหัวใจ พระองค์ท่านย่อมไม่ถือสา เชิญกลับไปก่อนเถิด พระองค์จะต้องคุ้มครองคุณแน่”

ค่อยยังชั่ว… ไคลน์เข้าใจความนัยแฝง จึงรีบเดินออกมาจากมหาวิหารไอน้ำด้วยอารมณ์ผ่อนคลายกว่าในตอนแรก

ขณะกำลังยืนริมถนน ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าเทาหม่นพร้อมกับถอนหายใจยาว

เราต้องรีบเลื่อนลำดับโดยด่วน…

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset