Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 436 : ข้อเรียกร้องของไคลน์

ราชันเร้นลับ 436 : ข้อเรียกร้องของไคลน์

เมื่อเห็นฟองสีขาวในแก้วเบียร์นันวีลล์ตรงหน้าเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ คาร์ลเซ่นพลันเข้าใจความนัยแฝง

ขณะบาร์เทนเดอร์กำลังเดินออกห่าง จิตแห่งจักรกลหนุ่มกระซิบถามเสียงแผ่ว

“คุณต้องการอะไร”

ไคลน์หยิบแก้วขึ้นมาจิบ ใช้เวลาราวสองสามวินาทีเพื่อหลับตาดื่มด่ำรสขมฝาดของมอลต์และรสหวานติดปลายลิ้น

“ชน!” ชายหนุ่มหันมามองคาร์ลเซ่นด้านข้างพร้อมกับยกแก้วขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้ม

โดยแทบไม่ต้องคิด คาร์ลเซ่นส่ายหัวและพึมพำในลำคอ

“ของคุณเป็นเบียร์ ส่วนของผมเป็นแอลกอฮอล์แรง คงไม่เหมาะจะชนกันสักเท่าไรกระมัง”

ไคลน์ทำได้เพียงชนแก้วกับอากาศ ก่อนจะชักมือกลับมาจิบต่อและมองตรงไปข้างหน้า

“ความต้องการของผมไม่ซับซ้อน ผมไม่ทราบแน่ชัดว่าในสุสานมีสิ่งใดบ้าง จึงอธิบายได้อย่างคร่าวเท่านั้น… ผมต้องการสิทธิ์ในการเลือกวัตถุวิเศษภายในสุสานจำนวนหนึ่งชิ้น แน่นอน ผมไม่ใช่คนโลภอะไร จึงไม่ขอเลือกวัตถุวิเศษลำดับสูงโดยเด็ดขาด และคงไม่กล้าเลือกแม้ทางคุณจะเสนอมาให้ หากทางคุณไม่พบสิ่งใดเลย หรือพบแต่วัตถุวิเศษลำดับสูงทั้งหมด ผมจะไม่ขอรับส่วนแบ่งจากการขุดค้น แต่ถึงผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างนั้น ผมชื่อว่าพวกคุณคงไม่ใจร้ายเกินไปนัก คงมีเงินสินน้ำใจเล็กน้อยตอบแทน”

เมื่อได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับสุสานของตระกูลอามุนด์จากปากชารอน ไคลน์วางแผนไว้อย่างคร่าวจำนวนสองตัวเลือก

ตัวเลือกแรก การเป่านกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิก และผนึกกำลังกันสำรวจสุสาน

อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวมีอุปสรรคสำคัญอยู่หลายข้อ หนึ่ง ไคลน์ยังไม่มั่นใจว่ามิสเตอร์อะซิก ผู้กำลังไล่ตามหาความทรงจำของตัวเอง มีพลังอยู่ในระดับใดกันแน่ สอง มิสเตอร์อะซิกกำลังถูก MI9 ตามล่าตัว การเรียกมาช่วยอาจทำให้ตนติดร่างแหไปด้วย สาม หากไคลน์ติดต่อกับมิสเตอร์อะซิกโดยตรง มีโอกาสสูงมากในการถูกดึงเข้าไปพัวพันกับอิทธิพลของ ‘0-08’ อีกครั้ง จริงอยู่ ไคลน์สามารถอาศัยพลังของมิติสายหมอกเพื่อขจัดการแทรกแซงได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า การเป่านกหวีดทองแดงบนห้วงมิติจะไม่ทำให้ผู้ส่งสารของมิสเตอร์อะซิกปรากฏตัว หมายความว่าแผนดังกล่าวล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

เหนือสิ่งอื่นใด ไคลน์ยังไม่กล้าเปิดเผยความลับของห้วงมิติเหนือสายหมอกเทากับมิสเตอร์อะซิก ผู้มีตัวตนเป็นปริศนาและจุดประสงค์ยังไม่ชัดเจน

ลงเอยด้วย มันตัดสินใจเลือกแผนสอง อาศัยการเป็นสายข่าวให้จิตแห่งจักรกล แจ้งข้อมูลสำคัญโดยแลกกับสิทธิ์การเลือกหยิบของรางวัลหนึ่งชิ้น

และเมื่อกล่าวถึงผู้วิเศษลำดับสูง คงไม่มีขั้วอำนาจฝ่ายใดเข้มแข็งและทรงพลังไปกว่าเจ็ดโบสถ์หลักอีกแล้ว

จากข้อมูลเก่าของไคลน์ โบสถ์รัตติกาลมีจำนวนผู้วิเศษลำดับสูงใกล้เคียงสิบ หรือกล่าวได้ว่า จากบรรดาสิบสามอาร์ชบิชอปและเก้าอาวุโสใหญ่ เกือบครึ่งหนึ่งคือผู้วิเศษลำดับสูงซึ่งมีลำดับตั้งแต่ 4 ขึ้นไป นี่ยังไม่รวมถึง ‘ผู้รับใช้’ ของเทพธิดาโดยตรงอย่างสันตะปาปา บุคคลทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของโบสถ์รัตติกาล ณ เวลานี้

จริงอยู่ โบสถ์จักรกลไอน้ำจะยังด้อยกว่าเนื่องจากเพิ่งก่อตั้ง แต่ไม่มีทางด้อยกว่ามากแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงมิอาจรักษาสถานภาพการเป็นโบสถ์หลักไว้ได้ และต้องไม่ลืมว่า อาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์ ฮารามิค·ไฮเดิน ก็เป็นผู้วิเศษลำดับสูงเช่นกัน

ในฐานะโบสถ์หลักอันมีประวัติศาสตร์ยาวนาน พวกมันคงไม่ทำตัวตระหนี่กับวัตถุดิบหลักลำดับต่ำกว่า 4 เพียงหนึ่งชิ้นแน่ ไคลน์จึงเชื่อว่าข้อเสนอของตนเหมาะสมแล้ว

สรุปโดยสั้น ใจความสำคัญของตัวเลือกหมายเลขสองก็คือ :

ต้องนำข้อมูลไปบอกกับองค์กรลับใดก็ได้ ขอเพียงฝ่ายนั้นมีพลังมากพอจะเคลียร์สุสานอามุนด์ โดยไม่เกี่ยงว่าข้างในจะมีระดับความยากสูงแค่ไหน!

เมื่อได้ยินข้อเสนอของไคลน์ คาร์ลเซ่นเงียบงันหลายวินาทีก่อนจะหันมาถาม

“คุณเป็นสาวกของพระองค์ไม่ใช่หรือ”

ขอโทษด้วยสหาย แต่เทพธิดาจะอยู่ในใจฉันตลอดไป… ไคลน์รำพันพลางทำสัญลักษณ์สามเหลี่ยมของโบสถ์จักรกลไอน้ำ

“เป็นเพราะผมศรัทธาในพระองค์ จึงไม่ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับเหยี่ยวราตรีผ่านมิสเตอร์สแตนธอนแทน พระองค์กล่าวว่า ใครใคร่แข็งแกร่ง เชิญแข็งแกร่งตามใจชอบ ฉะนั้น ถ้าผมแข็งแกร่งและร่ำรวยขึ้น การขยายแหล่งข้อมูลก็ไม่ใช่เรื่องยาก และนั่นจะทำให้ผมมีข้อมูลสำคัญมารายงานกับจิตแห่งจักรกลอย่างต่อเนื่อง”

เนื่องจากต้องการหลอกให้จิตแห่งจักรกลตายใจ ไคลน์จึงลงทุนสละเวลาช่วงเช้าเพื่ออ่าน ‘พระคัมภีร์แห่งจักรกลไอน้ำ’ ตลอดหลายวันผ่านมา เมื่อพบถ้อยคำน่าสนใจ มันจะจดบันทึกไว้ในความทรงจำใน เผื่อมีโอกาสได้ใช้เข้าสักวัน เฉกเช่นสถานการณ์ปัจจุบันเป็นต้น

คาร์ลเซ่นยังไม่มอบคำตอบ เพียงนั่งนิ่งด้วยสีหน้ามึนงง ลืมแม้แต่จะดื่มเหล้า

ภาพดังกล่าวทำให้ไคลน์ตัดสินใจรีบเสริม

“ยิ่งไปกว่านั้น ทางคุณจะได้ชื่อเสียงด้านบวกมากมาย เช่นการเป็นมิตรกับสายข่าวในสังกัด หากคุณเผยแพร่เรื่องราวของผมในคราวนี้ออกไป รับประกันได้เลยว่าสายข่าวของจิตแห่งจักรกลทั่วเบ็คลันด์ต้องขยันทำงานขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าแน่ ต…แต่ถ้าคิดจะทำแบบนั้น อย่าลืมสมมติตัวละครใหม่มาแทนชื่อผมก็แล้วกัน”

คาร์ลเซ่นนั่งฟังด้วยสีหน้าสุดทึ่ง ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกหนึ่งอึกใหญ่จนติดคอสำลัก

“แค่ก! เชอร์ล็อก ตัวจริงของคุณช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้มาก” มันถอนหายใจยาว

นักสืบเชอร์ล็อกในความทรงจำของคาร์ลเซ่นคือ ชายผู้เป็นเลิศด้านการวิเคราะห์และอนุมานหาผลลัพธ์ สุขุมเยือกเย็น สุภาพถ่อมตน เปี่ยมด้วยคุณธรรม โดยทุกคำแนะนำของเชอร์ล็อกจะสร้างแรงกระเพื่อมใหญ่เสมอ นับเป็นสาวกของเทพจักรกลไอน้ำคนสำคัญ

แต่ปัจจุบัน อีกฝ่ายกลับ…

ไคลน์จิบเบียร์เย็นพลางหัวเราะ

“ทุกคนล้วนมีมุมลับของตัวเองเสมอ การใช้บุคลิกด้านเดียวเผชิญหน้ากับทุกเรื่องในชีวิตถือเป็นการตั้งอยู่บนความประมาท โดยเฉพาะการอนุมานหาข้อเท็จจริงจากมุมมองอันคับแคบเพียงหนึ่งมุม”

เมื่อเริ่มใจเย็นลง คาร์ลเซ่นลุกยืนและหันมากล่าว

“ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ จะรีบไปรายงานให้เบื้องบนทราบ ช่วยนั่งรอสักพัก”

“ตกลง” ไคลน์โบกมือเรียกบาร์เทนเดอร์เพื่อสั่งมันบดมากินเพิ่ม

เวลาล่วงเลยจนกระทั่งไคลน์ลิ้มรสอาหารและเบียร์จนอิ่มหนำ คาร์ลเซ่นเดินกลับเข้ามาในร้านพร้อมกับอาวุโสคนสำคัญของจิตแห่งจักรกล ไอคานส์·เบอร์นาร์ด

ไอคานส์มองไปรอบตัว เมื่อไม่พบคนนอกจึงหันมากล่าวกับไคลน์

“พวกเราไม่มีปัญหากับข้อเรียกร้องจากทางคุณ เพียงแต่ต้องเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีกเล็กน้อย คุณจะไม่มีสิทธิ์เลือกวัตถุวิเศษแฝงคำสาปหรือผลข้างเคียงร้ายแรงทุกชนิด”

เอ่อ ผมแค่จะเอาวัตถุดิบหลักโอสถ…

ชายหนุ่มยิ้มรับ

“ตกลง! ขอล่วงเกินถามสักนิดได้ไหม ผมอยากทราบว่าคุณมีอำนาจตัดสินใจด้วยตัวเอง หรือปรึกษาเบื้องบนก่อนมอบคำตอบ”

“ถ้าเป็นเรื่องแค่นี้ ผมมีอำนาจ” ไอคานส์กดหมวกลง เพื่อให้หมวกช่วงปิดบังเส้นผมแข็งกระด้างและไม่เป็นทรง

“แต่เนื่องจากรายละเอียดเกี่ยวพันกับสุสานของตระกูลจากยุคสมัยที่สี่ผมจึงตัดสินใจส่งโทรเลขไปปรึกษากับท่านอาร์ชบิชอปก่อน และท่านก็มิได้คัดค้าน”

“เข้าใจแล้ว” ไคลน์วาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมบนหน้าอกอีกครั้ง “ผมเริ่มเล่ารายละเอียดได้เลยใช่ไหม”

ไอคานส์ส่ายหัว

มันมองรอบตัวและชี้ไปทางห้องบิลเลียด

“คุยกันในนั้น”

หืม อาวุโสคนนี้ ถึงจะถูกกระจกวิเศษอาโรเดสกลั่นแกล้งให้อับอายบ่อยครั้ง แต่ความจริงแล้วมีประสบการณ์พอตัว…

ไคลน์พึมพำพลางเดินตามไอคานส์กับคาร์ลเซ่นเข้าไปในห้องบิลเลียด โดยก่อนอื่น ทั้งสามช่วยกันยืนยันจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องข้างเคียง

ไคลน์ก้มหน้าตรึกตรองสักพักเพื่อเรียบเรียงคำพูด

“เรื่องราวเริ่มมาจาก ผู้วิเศษกลุ่มหนึ่งบังเอิญพบสุสานลับตรงทางแยกปากแม่น้ำสตาร์ฟอร์ดในเมืองผาขาวเข้า จึงทำการสำรวจรอบนอกและพบวัตถุโบราณบางชนิด หลังจากนั้น พวกเขาได้รวบรวมกลุ่มผู้วิเศษแข็งแกร่งจำนวนหนึ่งเพื่อเข้าไปสำรวจด้านในสุสาน แต่กลับไม่มีใครได้ออกมาแบบมีลมหายใจ หากพวกคุณเข้าไปสำรวจภายหลัง คงได้พบเบาะแสของเหตุการณ์ดังกล่าวแน่”

ไอคานส์ซักถาม

“แล้วคุณมั่นใจได้อย่างไรว่า สุสานดังกล่าวเป็นของตระกูลขุนนางจากยุคสมัยที่สี่”

“วัตถุโบราณจากการสำรวจรอบนอกสุสานได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นของตระกูลอามุนด์แห่งราชวงศ์ทูดอร์” ไคลน์เล่าทุกอย่างตามความจริง พร้อมด้วยคำเตือน “ผู้วิเศษทีมสำรวจไม่ใช่พวกไก่อ่อน มีหลายคนค่อนข้างแข็งแกร่ง ผมประเมินว่าสุสานดังกล่าวไม่ปลอดภัยนอกเสียจากจะมีผู้วิเศษลำดับสูงเข้าร่วมทีม”

“อามุนด์…” ไอคานส์ขมวดคิ้วพร้อมกับทวนคำในลำคอ

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า บุคลากรระดับอาวุโสของโบสถ์จิตแห่งจักรกล มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์

โดยไม่รอให้ไคลน์เน้นย้ำ มันเงยหน้าขึ้น

“พวกเราจะรวบรวมข้อมูลก่อนลงมือ แล้วก็ สุสานตระกูลขุนนางจากยุคสมัยที่สี่นั้นเต็มไปด้วยอันตราย คุณห้ามบอกเรื่องนี้กับใครหรือเข้าไปสำรวจด้วยตัวเองเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะมีเพียงความตายรออยู่”

ถ้าผมกล้า คงไม่มานั่งบอกพวกคุณเช่นนี้…

ไคลน์ตัดพ้อติดตลก ก่อนจะกล่าว

“ไว้ใจผมได้”

เมื่อการเจรจาได้ข้อยุติ ไอคานส์กับคาร์ลเซ่นเดินออกจากผับดวงเฮงทันที ส่วนไคลน์หยิบหมวกขึ้นมาสวมและลุกยืนเตรียมเดินตามออกไป

ต่อหน้าสุสานขุนนางจากยุคสมัยที่สี่โดยเฉพาะตระกูลเย้ยเทพอย่างอามุนด์ จิตแห่งจักรกลไม่มีทางผลีผลามแน่ คงต้องตรวจสอบอีกหลายวันจึงค่อยเริ่มลงมือ…

ระมัดระวังตัวดีมาก…

ทันใดนั้น ไคลน์เริ่มเอะใจกับวลีของตัวเอง

มันย้อนนึกถึง ‘ความระมัดระวัง’ จนเกินพอดีได้อีกหนึ่งเรื่อง

หลังจากโรซายล์เข้าร่วมกับองค์กรลับเก่าแก่ซึ่งถูกสันนิษฐานว่าเป็นสภานักสิทธิ์สนธยา มันไม่เคยเขียนชื่อขององค์กรดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเลยสักครั้ง ไม่แม้แต่ในภาษาจีนกลางของไดอารี มีเพียงคำอธิบายอย่างกว้างถึงความลึกลับและเก่าแก่เท่านั้น

เป็นความระมัดระวังจนผิดวิสัย…!

ทำไมโรซายล์ถึงไม่กล้าเขียนชื่อองค์กรลับดังกล่าว? ไม่แม้แต่ในภาษาจีน แตกต่างจากอุปนิสัยนักระบายของเขามาก เพราะแต่ไหนแต่ไร โรซายล์ไม่เคยเกรงกลัวการเขียนสิ่งใดลงไดอารีมาก่อน… เขากำลังกลัวอะไร หรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องไหน?

หรือกำลังจะบอกว่า หากถ้อยคำ ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อใด องค์กรดังกล่าวจะตระหนักถึงผู้เขียนได้ทันทีโดยไม่เกี่ยงภาษา? สุดยอดพลังเช่นนี้เป็นของสมาชิกชุมนุม หรือว่าเป็นของสมบัติปิดผนึกระดับสูง?

ไคลน์ผุดสมมติฐาน แต่ก็ไม่มีหลักฐานมากพอจะยืนยัน และไม่คิดเสี่ยงพิสูจน์ด้วยตัวเองเช่นกัน

คงต้องสมมติให้เป็นความจริงไปก่อน กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ เพราะจากเหตุการณ์สื่อวิญญาณกับผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย รวมถึงการเล่าให้มิสจัสติสฟัง ทั้งสองครั้งล้วนกระทำบนห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา… ใกล้จะถึงวันจันทร์พอดี ต้องรีบห้ามมิให้มิสจัสติสและสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่นเขียนชื่อสภานักสิทธิ์สนธยาส่งเดช ส่วนเหตุผล เธอคงคิดได้เองเพียงแค่เราจ้องมองอย่างเงียบงัน…

ไคลน์เริ่มวางแผนในใจขณะเดินออกจากผับดวงเฮง

เมื่อเห็นว่ายังเป็นช่วงสาย ชายหนุ่มโดยสารรถม้าไปยังสโมสรครักซ์ เจตนาเพื่อผลาญเวลาช่วงบ่ายอย่างผ่อนคลาย

หลังจากเข้าไปในห้องโถงหลัก ไคลน์ได้พบกับครูสอนขี่ม้าชนชั้นสูง ทาลิม·ดูมงต์

ทายาทอดีตขุนนางรายนี้กำลังถือแก้วไวน์บรรจุของเหลวสีแดงเลือด ใบหน้าเมามายพลางกระดกแอลกอฮอล์ถี่

“ทาลิม กำลังอารมณ์ดีอยู่หรือ” ไคลน์ยิ้มทักทาย

ทาลิมคิกคักในลำคอ

“เพราะปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว”

จากนั้น มันหันมาถามด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้น

“เชอร์ล็อก คุณเคยตกหลุมรักใครสักคนจนโลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูบ้างไหม”

“…” ไคลน์ยิ้มแห้ง

“ขอโทษด้วย แต่ผมยังโสด”

ทาลิมกระดกไวน์รวดเดียวหมดแก้วและลุกยืนโบกไม้โบกมือ

“น่าเสียดาย ช่างมันเถอะ ขอตัวก่อน”

“จริงสิ ต้องขอบคุณสำหรับการแนะนำมิสเตอร์ฟามี่·เคจให้ผมรู้จัก” ไคลน์หวนนึกถึงนักลงทุนหุ้นบริษัทจักรยานคนใหม่ และตระหนักว่าตนยังไม่ได้ขอบคุณทาลิม “คุณจะว่างตอนไหนบ้าง ผมอยากให้คุณพาไปชิมอาหารรสเด็ดประจำเบ็คลันด์สักร้าน”

“หลังปีใหม่” ทาลิมสวมหมวกและส่งยิ้มให้ไคลน์ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปทางโถงหลักของอาคาร

หมอนั่นคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้วงความรักของวัยรุ่นหรือไง?

ไคลน์พึมพำพลางส่ายหัว

แต่หลังจากหันหลังกลับและเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มพลันได้ยินเสียง ‘ตุ้บ’ อันหนักแน่น

ไคลน์รีบสะบัดหน้ากลับไปมองตามต้นเสียง และได้พบทาลิม·ดูมงต์กำลังนอนแผ่บนพื้นในสภาพหงายท้อง มือซ้ายบีบกำบริเวณหัวใจแน่น ร่างกายสั่นกระตุกตลอดเวลา

บ้าน่า…! ไคลน์เร่งฝีเท้า

ทันใดนั้น มุมปากทาลิมเริ่มผุดฟองน้ำลายสีขาวขุ่น ลมหายใจขาดห้วงกะทันหัน

ไม่กี่วินาทีถัดมา ทาลิม·ดูมงต์ได้กลายเป็นศพเย็นชืดโดยสมบูรณ์

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset