Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 433 : สายข่าววัยเยาว์

ราชันเร้นลับ 433 : สายข่าววัยเยาว์

พระผู้สร้างต้นกำเนิด?

ไคลน์ผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะหวนนึกถึงข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันจากเฒ่าโคห์เลอร์

ในระยะหลังมักมีบุคคลลึกลับตระเวนเผยแพร่ความเชื่อของพระผู้สร้างต้นกำเนิดภายในเขตตะวันออก ย่านท่าเรือ และย่านโรงงานอย่างต่อเนื่อง ใจความสำคัญคือ พระองค์ท่านยังมิได้จากพวกเราไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง หากมนุษย์คนใดเคารพบูชาท่านจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่เพียงสาวกเหล่านั้นจะได้มีชีวิตใหม่หลังความตาย แต่ยังจะถูกรับเข้าสู่อาณาจักรของท่านด้วย ชีวิตในอาณาจักรท่านมีแต่ความสะดวกสบาย เช่นการมีเนื้อย่างร้อนฉ่าให้กินในทุกวัน

ถ้อยคำข้างต้นคล้ายกับการบิดเบือนจากชุมนุมแสงเหนือมาก พวกมันมักทำให้สาวกวงนอกเข้าใจผิดว่าพระผู้สร้างแท้จริงคือพระผู้สร้างต้นกำเนิด…

ไคลน์ค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือกุศโลบายการเผยแผ่ศาสนาของชุมนุมแสงเหนือ หลังจากจบเหตุการณ์ลาเนวุส ดูเหมือนพวกมันจะให้ความสนใจกับคนจนในเขตตะวันออกมากขึ้น

แต่เหิมเกริมถึงขั้นเดินเข้ามาเผยแผ่ศาสนากับคนแปลกหน้าเชียวหรือ? ไคลน์ทำหน้าลังเลพร้อมกับมอบคำตอบ

“ก็เคยได้ยินมาบ้าง”

ชายวัยกลางคนแต่งกายสะอาดพลันอมยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้น คุณเคยได้ยินเรื่องราวของวันสิ้นโลกซึ่งกำลังจะมาถึงบ้างไหม เคยทราบหรือไม่ว่าพระผู้สร้างแท้จริงจะสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องสาวกของท่านทุกคน”

ความคิดแวบแรกในหัวไคลน์คือ ต้องการแทรกซึมเข้าไปในวงนอกของชุมนุมแสงเหนือทีละนิด จะได้ทราบสถานการณ์เบื้องต้นและเตรียมแก้แค้นพวกมันได้อย่างเหมาะสม ชายหนุ่มยังไม่ลืมว่าชุมนุมแสงเหนือสั่งให้ผู้คนตามล่าตัวสาวกของเดอะฟูล!

แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างใจเย็น ไคลน์มองว่าแผนดังกล่าวบุ่มบ่ามและมีความเสี่ยงเกินไป การลงมือคนเดียวนั้นมีข้อจำกัดหลายด้าน ไม่มีสิ่งใดช่วยรับประกันความสำเร็จ

ลงเอยด้วย มันตัดสินใจเตรียมนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งให้จิตแห่งจักรกลทราบ ผู้ก่อการร้ายก็ต้องเจอกับหน่วยงานรัฐบาล!

เมื่อได้ข้อสรุป ชายหนุ่มปั้นหน้าขึงขัง

“ไม่ทราบ! แล้วก็ไม่อยากทราบด้วย!”

มันรีบจ้ำหนีเพื่อสลัดชายแปลกหน้าให้หลุดโดยไม่แยแสเสียงตะโกนไล่หลัง

ระหว่างทางออกจากเขตตะวันออก ไคลน์สำรวจรอบตัวไปพลางและพบว่า กลุ่มคนตกงานจำนวนมากกำลังนั่งล้อมวงด้วยสีหน้าหดหู่แกมสิ้นหวัง สาเหตุการตกงานส่วนใหญ่มาจากการติดตั้งเครื่องจักรรุ่นใหม่ซึ่งช่วยทุ่นแรงและลดต้นทุน

ปัจจุบัน กลุ่มคนตกงานกำลังนั่งฟังคำเผยแผ่ศาสนาของบุคคลน่าสงสัยโดยไม่แสดงสีหน้าเคลือบแคลงเลยสักนิด

น่าแปลก… รายงานการสำรวจของเขตตะวันออก ย่านท่าเรือ และย่านโรงงานอุตสาหกรรม น่าจะเสร็จไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมสามโบสถ์หลักกับรัฐบาลถึงยังไม่เตรียมมาตรการรับมือสักที? พวกเขาต้องจัดลำดับความสำคัญของเรื่องนี้ไว้สูงแน่ จึงไม่มีทางไม่ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน… กำลังวางกับดักล่อปลาใหญ่? เสี่ยงเกินไปแล้ว! หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงทันที!

ขณะรำพัน ชายหนุ่มกดหมวกและก้มหน้าเร่งฝีเท้าให้พ้นเขตตะวันออก ตรงไปยังเป้าหมายของตนในย่านสะพานเบ็คลันด์

ยามเที่ยงตรง ผับวีรบุรุษเพิ่งเปิดได้ไม่นาน จึงยังไม่มีขี้เมาให้เห็นมากนัก ปรากฏเพียงบุคคลทำงานในละแวกใกล้เคียงแวะเข้ามารับประทานอาหารกลางวัน

ไคลน์เดินปะปนเข้าไป จากนั้นก็ใช้เงินสิบเพนนีซื้อขนมปังข้าวโอ๊ต ไส้กรอกหมู และเบียร์นันวีลล์หนึ่งแก้ว แสดงให้บาร์เทนเดอร์เห็นว่าตนมีเงิน

หลังจากเติมเต็มความอิ่มท้องและจัดการเบียร์ในแก้วจนเกลี้ยง ไคลน์เงยหน้ามองบาร์เทนเดอร์

“คาสปาส·คันลินิงอยู่ไหม”

กระสุนแบบธรรมดาเริ่มใกล้หมด มันจึงต้องการสำรองเพิ่ม

บาร์เทนเดอร์ชำเลือง

“ไม่ได้มาแถวนี้นานแล้วใช่ไหม คาสปาสตายไปแล้ว เขาเสียชีวิตบนเตียงนอนในบ้านตัวเอง น่าจะเกิดจากสภาพอากาศหนาวจัด ส่งผลให้แขนสองข้างกอดรัดลำตัวแน่นจนขาดอากาศหายใจ หึหึ ผมเองก็ไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้หรอกนะ น่าจะมีแต่ในนิยายผีสางเท่านั้นแหละ แต่ทำไงได้ เจ้าพวกสุนัขขาวดำเล่ามาแบบนี้”

สุนัขขาวดำคือชื่อเล่นของตำรวจ สืบเนื่องมาจากเครื่องแต่งกายลายตารางหมากรุกสีขาวสลับดำ

กอดรัดตัวเองจนขาดอากาศหายใจตาย? ฟังดูคล้ายกับพลังพิเศษ… หรือจะเป็นฝีมือของโรงเรียนกุหลาบซึ่งพลิกแผ่นดินตามหามาดามชารอนกับมาริคแต่ก็ไม่พบสักที จึงนำความเค้นมาลงกับคาสปาสแทน? ความเยือกเย็นของผู้วิเศษลำดับสูงไปไหนหมด? ขณะเดียวกันก็หมายความว่า ก่อนคาสปาสจะตาย เขาคงติดต่อกับชารอนไม่ได้เหมือนกัน… ทั้งสองคนอาจหนีออกจากเบ็คลันด์ไปนานแล้ว…

คาสปาสย่อมไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับหายนะจากโลกผู้วิเศษ ถ้าเป็นเราคงไม่ย้อนกลับมาผับวีรบุรุษแน่ หนีไปให้ไกลพร้อมกับเงินทั้งหมด ตั้งรกรากใหม่ในเมืองใหม่…

แต่ภายใต้เงื่อนไขปรกติ ผู้วิเศษลำดับสูงจะไม่ลงมือกับคนธรรมดา อย่างมากก็แค่ใช้พลังสื่อวิญญาณโดยตรงและไม่สนใจผลค้างเคียงต่ออาการทางจิต… สมกับเป็นโรงเรียนกุหลาบ พวกชอบทำตามแรงกระหายโดยไม่คิดยับยั้งชั่งใจ ไม่น่าเชื่อว่าตัวตนอย่างผู้วิเศษระดับสูงจะเสียเวลาทำเรื่องแบบนี้…

ขณะไคลน์ตะลึง อีกใจหนึ่งก็นึกสงสารพ่อค้าอาวุธเถื่อนคาสปาส

บาร์เทนเดอร์ใช้ผ้าเช็ดแก้วพร้อมกับเล่าต่อ

“ถ้าคุณต้องการซื้อของ ก็ลองคุยกับพ่อค้ารายใหม่ดู”

“ใครกัน?” ไคลน์ถามหยั่งเชิง

“ใช้นามแฝงว่าพ่อเฒ่า อยู่ในห้องบิลเลียดหมายเลขสาม” บาร์เทนเดอร์กล่าวโดยไม่เงยหน้ามอง

ไคลน์ลุกยืนและเดินไปทางห้องอันคุ้นเคยด้วยย่างก้าวเชื่องช้า ก่อนจะใช้นิ้วเคาะประตูให้สัญญาณ

“เข้ามาได้” เสียงดังแว่วจากด้านใน

เหมือนเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน… ชายหนุ่มครุ่นคิดพลางผลักประตู

บุคคลซึ่งยืนข้างโต๊ะบิลเลียดเป็นเด็กผู้ชาย อายุไม่มาก สวมโค้ทตัวใหญ่รุ่มร่าม หมวกทรงกลมสีน้ำตาล และเป็นเจ้าของดวงตาสีแดงแวววาว ไม่ใช่ใครนอกจากเอียน

ไคลน์ได้พบในวันแรกขณะเดินทางเข้ามาในกรุงเบ็คลันด์ ย้อนกลับไปในตอนนั้น เอียนฝากฝังให้ชายหนุ่มช่วยตามหานักสืบเอกชนนามว่าเซอเรียล งานดังกล่าวทำให้ไคลน์ต้องพัวพันกับเหตุการณ์ใหญ่ ลุกลามไปถึงความขัดแย้งระหว่างหน่วยข่าวกรองระหว่างสองอาณาจักร จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงพิมพ์เขียวต้นแบบของเครื่องหาผลต่างรุ่นสาม ลงเอยด้วย ไคลน์จำใจต้องจ้างมิสเตอร์ A แห่งชุมนุมแสงเหนือให้ลอบสังหารทูตอินทิสประจำอาณาจักรโลเอ็น เบเคอลัน·ฌอง·มาติน

“เป็นคุณเองหรือ นักสืบโมเรียตี้” เอียนทำหน้าประหลาดใจ

มันจงใจติดหนวดปลอมเหนือริมฝีปากเพื่อให้ตัวเองดูสูงวัยกว่าปรกติ

ไคลน์ยิ้มรับพร้อมกับเดินเข้าไปในห้อง มันปิดประตูตามหลังเมื่อเดินผ่าน

“ไม่เจอกันนานเลยนะ”

ในตอนแรก ไคลน์ค่อนข้างฉงนเมื่อทราบว่าเอียนกลายเป็นพ่อค้าอาวุธเถื่อนคนใหม่ของผับวีรบุรุษ แต่เมื่อลองนึกดูให้ดี มันก็พบว่าเรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก

ย้อนกลับไปในอดีต ไคลน์ได้รู้จักผับวีรบุรุษเป็นครั้งแรกก็เพราะเอียนแนะนำให้มาหาคาสปาส·คันลินิง

เขาต้องมีเส้นสายในละแวกนี้แน่นอน!

“นั่นสินะครับ” เอียนสลัดความตกใจพร้อมกับพึมพำ “ผมย้ายไปแถบท่าเรือพริสต์เมื่อสองเดือนก่อน แต่พบว่าคนแถวนั้นป่าเถื่อนและไม่ญาติดีกับเด็กเลยสักนิด จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับมาทำงานถนัดในเบ็คลันด์อีกครั้ง จนกระทั่งคาสปาสตาย ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนงานเพื่อสืบทอดกิจการต่อ”

โดยไม่ปล่อยให้ไคลน์พูด เอียนชิงกล่าว

“คุณนักสืบ ผมยังไม่ลืมว่าตัวเองติดค้างคำขอร้องจากคุณอีกสองเรื่อง”

ไม่เห็นต้องอธิบายยืดยาวสักหน่อย ฉันไม่ได้อยากฟังความเป็นไปหรือประสบการณ์ชีวิตของนาย ถึงการหลบหนีจาก MI9 จะน่าทึ่งและเต็มไปด้วยปริศนา แต่เราก็ไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว…

ไคลน์ก้มหยิบไม้คิวพลางตั้งท่าเตรียมแทง

“นอกเหนือจากค้าอาวุธเถื่อน คุณยังขายข่าวด้วยใช่ไหม”

“ใช่ครับ” เอียนตอบอย่างใจเย็น “คุณต้องการทราบเรื่องไหน? ถ้าผมมีข้อมูล ยินดีให้บริการโดยไม่คิดเงิน”

จริงใจดีมาก… หรือจะรู้สึกผิดหลังจากทำให้เราต้องเผชิญเหตุการณ์ยากลำบาก…

ไคลน์ชักมือกลับ กระตุกแทงไม้คิว ส่งให้ลูกบิลเลียดสีแดงไหลลงหลุมมุมโต๊ะอย่างแม่นยำ

มันกลับมายืนตรงและกล่าวด้วยโทนเสียงขาดความเกรงใจ

“ในระยะหลัง ใครหลายคนพยายามตามล่าตัวสาวกของเดอะฟูล ได้ยินว่ารางวัลนำจับค่อนข้างสูง คุณพอจะมีข้อมูลบ้างไหม”

เอียนก้มหน้าครุ่นคิด

“ไม่มีมากกว่านั้น ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า เดอะฟูลมีสาวกอยู่ในกรุงเบ็คลันด์จริงหรือ ทำไมถึงไม่มีเบาะแสใดหลุดออกมาเลย”

…ก็เพราะพวกมันกำลังขี่ช้างจับตั๊กแตนยังไงล่ะ! แถมยังจับไม่ได้ด้วย!

ไคลน์เงียบงัน ตามด้วยการแสร้งยิ้มขื่นขมและหันไปถามเรื่องอื่น

“ยังมีอีกหนึ่งงานตามล่าค่าหัว ผู้คนมากมายกำลังตามหาอาจารย์มหาวิทยาลัยนามว่าอะซิก·อายเกส ผมต้องการทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานว่าจ้าง จะได้ตัดสินใจถูกว่าควรร่วมมือหรือไม่ คุณเองก็คงทราบอยู่แล้ว งานตามหาคนทั้งเสียเวลาและสิ้นเปลืองพลังงาน ผมไม่อยากทำฟรี”

เอียนไม่มอบคำตอบในทันที เด็กหนุ่มชำเลืองรอบตัวอย่างระมัดระวังจึงค่อยกระซิบกระซาบ

“MI9”

MI9…? ไม่ใช่นิกายวิญญาณหรอกหรือ… ถ้าอย่างนั้นคงเป็นฝีมือของอินซ์·แซงวิลล์… มันพยายามชักนำให้มิสเตอร์อะซิกเกิดความบาดหมางกับ MI9? ด้วยวิธีไหน? หรือว่ามิสเตอร์อะซิกจะกุมความลับสำคัญของ MI9 ไว้?

สมองไคลน์เริ่มประมวลผล จนกระทั่งผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มอมยิ้มเจือจาง

“ดูเหมือนผมคงไม่ต้องกังวลว่าผู้ว่าจ้างจะเบี้ยวเงิน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า อะซิก·อายเกสอาจล่วงรู้ความลับบางอย่างของ MI9 เข้า และถ้าเป็นแบบนั้นจริง วันขึ้นเงินรางวัลของผมคงไม่ต่างอะไรกับวันฝังศพ”

เอียนผายมือ

“ผมเองก็ไม่ทราบ แต่คุณแค่มอบเบาะแสก็ได้นี่”

“แนะนำได้ดี” ชายหนุ่มไม่ถามสิ่งใดต่อ มันควักเงินห้าซูลให้เอียนเพื่อเติมกระสุนปืนสำหรับใช้งานไปอีกสักพัก จากนั้นก็เดินออกจากผับวีรบุรุษ

ไคลน์เช่ารถม้าเพื่อเดินทางกลับ ขณะจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง จิตใจชายหนุ่มเริ่มเกิดอารมณ์ห่อเหี่ยว

ความตายของคาสปาส·คันลินิงย่อมส่งผลให้มาดามชารอนกับมาริคละทิ้ง ‘แหล่งหากิน’ อย่างผับวีรบุรุษ ในเมื่อเราไม่มีวิธีติดต่อทางอื่น ก็คงไม่มีโอกาสได้พบพวกเขาอีกแล้ว…

นอกเสียจากว่า อีกฝ่ายจะเกิดปัญหาในลักษณะคล้ายเดิม หรือไม่ก็ ชารอนต้องการปราบวิญญาณมารใต้ซากปรักหักพัง เราจึงจะได้ติดต่อกับพวกเขา…

แม้จะเรียกว่าเพื่อนได้ไม่เต็มปาก แต่ก็เคยฝ่าฟันอุปสรรคเฉียดตายด้วยกันถึงสองครั้ง อีกทั้ง เราสามารถเปิดเผยตัวตนผู้วิเศษกับพวกเขาได้อย่างสบายใจ คนแบบนี้เหลือไม่มากแล้วภายในกรุงเบ็คลันด์

หากไม่เกิดเหตุการณ์ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เพื่อนคนเดียวของเราคงจะเหลือเพียงเอ็มลิน·ไวท์ แวมไพร์สมัยใหม่สุดพิสดาร…

ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีสินะ…

ขณะชายหนุ่มกำลังถอนหายใจซังกะตาย เสียงอันล่องลอยพลันดงแว่วข้างหู

“มีอะไรหรือ”

ไคลน์สะดุ้งเฮือก หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อตั้งสติกลับมาและเห็นบุคคลบนเบาะฝั่งตรงข้ามเต็มสองตา มันรีบฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียสั่นเครือ

“มาดามชารอน คุณอย่าโผล่ออกมากะทันหันเช่นนี้อีกได้ไหม”

หญิงสาวในเดรสโกธิกสีดำและหมวกใบเล็กเข้าชุด ชารอน นั่งเงียบงันบนเบาะฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าขาวซีดตามปรกติ

“คราวหน้าจะเคาะกระจกก่อน” ชารอนพยักหน้ารับอย่างไร้อารมณ์

เธอไม่ทวนคำถาม เพียงจ้องไคลน์ด้วยอากัปกิริยาสง่างาม

เคาะกระจกขณะรถม้ากำลังแล่นบนถนน…? มันก็น่ากลัวเท่ากันไม่ใช่หรือ…

ไคลน์ไม่รีบร้อนเข้าประเด็นหลักอย่างตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ เพียงซักถามสถานการณ์อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ผู้วิเศษลำดับสูงของโรงเรียนกุหลาบถอนตัวกลับไปแล้ว?”

“อือ” ชารอนตอบห้วน

ไคลน์ตักเตือนด้วยความหวังดี

“อาจเป็นกับดักก็ได้”

เมื่อกล่าวจบ คล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้ ชายหนุ่มรีบเสริม

“ผมเพิ่งอ่านหนังสือแห่งความลับจบ และได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ระบุว่า การสวดภาวนาถึงดวงจันทร์บรรพกาลเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้น พยายามอย่าทดลอง”

“ตกลง” ชารอนไม่ถามว่าทำไม

เธอเว้นวรรคราวสามวินาที จึงค่อยเปล่งเสียงล่องลอยอันเป็นเอกลักษณ์

“ดวงจันทร์บรรพกาลเป็นอริกับเทพผู้ถูกล่าม”

เพราะเส้นทางสลับกันได้?

หรือด้วยเหตุผลข้ออื่น?

ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจเข้าสู่จุดประสงค์แท้จริงของตน

“มาดามชารอน คุณมีแหล่งรวบรวมตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์บ้างไหม”

ชารอนนั่งฟังอย่างเงียบงันประหนึ่งตุ๊กตาราคาแพง จึงค่อยพยักหน้ารับและมอบคำตอบ

“มี”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset