Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 418 : อำนาจพลังจิต

ราชันเร้นลับ 418 : อำนาจพลังจิต

ออเดรย์ทราบดีว่าเธอกำลังถูกครอบงำโดยพลังสะกดจิตบางชนิด แต่ตนมีเทวทูตของเดอะฟูลช่วยปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากสถานะดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้ เด็กสาวจึงจงใจเผยความลับบางส่วนของตัวเองเพื่อแลกกับความเชื่อใจ และยังเป็นการปกปิดความลับใหญ่กว่านั้นไว้

ออเดรย์มิได้กระทำไปเพราะไม่เชื่อใจในเทวทูตของเดอะฟูล เพียงแต่วิธีนี้จะช่วยให้เธอสามารถใช้พลัง ‘ผู้ชม’ ได้อย่างอิสระในอนาคต โดยไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้

ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะเชี่ยวชาญการปกปิดตัวตนจนยากจะมีใครจับได้ว่าเป็นผู้วิเศษ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ประสบการณ์โลกผู้วิเศษของเธอยังน้อยมากหากเทียบกับคนอื่น ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าในอนาคตจะไม่เผลอก่อความผิดพลาดขึ้น

ในเมื่อมีโอกาสเกิดความผิดพลาดข้างต้น แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เด็กสาวก็ไม่คิดเสี่ยง เธอตัดสินใจชิงเป็นฝ่าย ‘สารภาพ’ ก่อน เพื่อคลายความกดดันของตัวเองและขจัดความเคลือบแคลงทางฝั่งสมาคมแปรจิต

ขณะเดียวกัน สมองออเดรย์กำลังจินตนาการถึงฉากการใช้ปีกโอบกอดของเทวทูตอย่างมีความสุข

เมื่อได้ยินคำตอบของเด็กสาว ทั้งเอสลันด์และฮันเพรสต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ พวกมันไม่อยากจะเชื่อว่า อีกฝ่ายสามารถเล็ดลอดสายตาของตนมาได้จนถึงตอนนี้

ในส่วนของฮิลเบิร์ต มันยกมุมปากเล็กน้อยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะผงกศีรษะรับอย่างพึงพอใจและกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน

“ความซื่อตรงของคุณช่างน่ายกย่อง แล้วยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม”

ออเดรย์แสร้งส่ายหัวอย่างเชื่องช้าราวกับยังคงตกอยู่ในภวังค์ล่องลอย

“ไม่มีค่ะ”

ฮิลเบิร์ตเว้นวรรคเพื่อไตร่ตรองสักพัก ตามด้วยคำถามอีกสองสามประโยค

“คุณซื้อสูตรโอสถผู้ชมมาจากชุมนุมลับแห่งใด ใครเป็นผู้ขาย และหาวัตถุดิบหลักจากแหล่งไหน”

ออเดรย์กลอกตาดำถี่ เพื่อให้มีภาษากายเหมือนกับกำลังเค้นสมองนึก

“ดิฉันไม่สามารถบอกชื่อชุมนุมลับได้ ผู้ขายสูตรโอสถไม่เปิดเผยตัวตน แต่ฟังจากสำเนียงและวิธีการพูด ดิฉันบอกได้ว่าเขาเป็นสาวกของโบสถ์วายุสลาตัน”

เมื่อได้ยินคำตอบ ฮิลเบิร์ตพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้าคล้ายกับเข้าใจในบางสิ่ง

ออเดรย์เล่าต่อ

“วัตถุดิบโอสถส่วนใหญ่มาจากคลังสมบัติของตระกูล ถ้าขาดสิ่งใดก็จะหาซื้อหรือแลกเปลี่ยนกับเพื่อนฝูงในกลุ่ม”

จนสามารถปรุงเป็นโอสถได้สองขวด…

ออเดรย์เสริมเงียบ

ส่วนใหญ่หาได้จากคลังสมบัติตระกูล…?

ฮิลเบิร์ต เอสลันด์ และฮันเพรสทวนคำซ้ำในใจอย่างหมดคำจะกล่าว

ผ่านไปราวสองสามวินาที ฮิลเบิร์ตหันไปพยักหน้าให้เอสลันด์และฮันเพรสเป็นนัยว่า เรื่องราวค่อนข้างสมเหตุสมผล

เมื่ออีกสองคนตอบกลับในเชิงเห็นพ้อง แสงสีทองในดวงตาฮิลเบิร์ตเริ่มลดทอนความสว่าง ภาพมายาของดวงตาแนวตั้งเลือนรางลงทีละนิด

ฮิลเบิร์ตใช้มือเปล่าถูไส้เทียนโดยไม่เกรงกลัวความร้อน ส่งผลให้เปลวเทียนเริ่มวูบวาบและสลับติดดับนานหลายวินาที

ท่ามกลางบรรยากาศเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ออเดรย์ตระหนักว่าพลังพิเศษซึ่งเคยครอบงำตนจนถึงเมื่อครู่ ได้อันตรธานหายไปแล้ว

เด็กสาวบรรจงควบคุมสีหน้าล่องลอยในตอนต้น ให้แปรเปลี่ยนเป็นความฉงนและสับสนทีละนิดอย่างสมจริง

“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับ ว่าคุณจะเป็น ‘ผู้ชม’ มานานแล้ว” ฮิลเบิร์ตยิ้ม

“เอ๋…?” ออเดรย์รีบทำหน้าประหลาดใจแกมตื่นตระหนก ปากอ้ากว้าง ดวงตาลุกวาว

ในฐานะ ‘นักอ่านใจ’ มากประสบการณ์ เธอเคยสังเกตกลุ่มเป้าหมายหลากหลายประเภท จึงทราบว่าภายใต้อาการตกใจ การแสดงสีหน้าเช่นไรจึงจะแนบเนียน

ฮิลเบิร์ตยังคงยิ้ม

“ไม่ต้องกังวล พวกเรามิได้ถือสา และการทดสอบขอบเราจบลงแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย คุณผ่านการทดสอบทั้งหมดและกลายเป็นสมาชิกของสมาคมแปรจิตเต็มตัวแล้ว”

“ง…งั้นหรือคะ…” ออเดรย์ยังคงไม่หายจากอาการสับสน “เหมือนกับฝันไปเลย”

คล้ายกับเพิ่งนึกได้ เธอรีบลุกขึ้นพร้อมกับใช้สองมือจับชายกระโปรงสองข้าง ก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงความเคารพอย่างสง่างาม :

“เราเป็นพวกเดียวกันแล้วสินะคะ”

เอลลันด์และคนอื่นรีบลุกยืนตาม เพื่อทำท่าคารวะตอบให้สมกับความสุภาพนอบน้อมของบุตรีตระกูลขุนนางตรงหน้า

เมื่อทุกฝ่ายกลับมานั่งลง ฮิลเบิร์ตเรียบเรียงคำพูดและเกริ่น

“มิสออเดรย์ ผมจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของสมาคมแปรจิตให้ฟัง”

“ได้ค่ะ” เด็กสาวยิ้ม “เรียกออเดรย์ก็พอ”

ฮิลเบิร์ตพยักหน้า เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขยับขาขวาไขว้ทับขาซ้าย ประสานสองมือไว้ข้างหน้า

“เดิมที สมาคมแปรจิตถูกก่อตั้งในรูปแบบของกลุ่มสัมมนา ซึ่งเชื่อว่าพลังจิตของสิ่งมีชีวิตนั้นไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยความพิศวง ในเวลาถัดมา กลุ่มสัมมนาดังกล่าวได้รับลายแทงสมบัติ จนกระทั่งค้นพบมรดกตกทอดเก่าแก่ของเฮอร์มิส”

“เฮอร์มิสจากภาษาเฮอร์มิส…?” ออเดรย์ซักถามอย่างตื่นเต้น

“ถูกต้อง กล่าวกันว่าเขาคือเจ้าแห่งศาสตร์เร้นลับในยุคแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ภาษาเฮอร์มิสโบราณถูกประดิษฐ์ให้สอดประสานกับพลังธรรมชาติอย่างลงตัว จนมีประสิทธิภาพทัดเทียมภาษาเอลฟ์ มังกร และคนยักษ์ เฮอร์มิสรุ่งเรืองอย่างมาในช่วงยุคสมัยที่สอง ยุคแห่งความมืด โดยในขณะนั้น มนุษย์ยังเป็นทาสและบริวารของคนยักษ์อยู่”

ฮิลเบิร์ตเล่าด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

มันถอนหายใจแผ่ว

“สมาชิกยุคบุกเบิกของสมาคมแปรจิตค้นพบข้อมูลสำคัญมากมายในซากปรักหักพัง พวกเขาได้ทราบว่าเฮอร์มิสเชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับสาขาจิตใจเป็นพิเศษ เป้าหมายการวิจัยของเฮอร์มิสคือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์มังกร เจ้าเวหาผู้ปกครองผืนฟ้าในยุคสมัยที่สอง หรือระบุให้ชัดก็คือ มังกรจิต ข้อมูลตามเอกสารระบุว่า มังกรจิตได้พัฒนาพลังในขอบเขตดังกล่าวจนมีระดับทัดเทียมทวยเทพ”

เราเองก็ทราบเช่นกัน… มังกรจินตภาพ ราชามหามังกร แอนเคอร์เวล หนึ่งในเทพบรรพกาล… ออเดรย์คิดตามอย่างพึงพอใจ

ฮิลเบิร์ตเล่าต่อ

“เอกสารเหล่านั้นได้กลายมาเป็นตัวกำหนดทิศทางการวิจัยของสมาคมแปรจิต พวกเราเชื่อกันว่า ลึกลงไปในจิตของมนุษย์จะมีความลับซ่อนอยู่มากมาย การค้นหาสิ่งเหล่านั้นให้พบถือเป็นเรื่องยาก… ขอใช้คำว่า ‘ลึก’ ก็แล้วกัน ผมคิดว่าการอธิบายด้วยวลีดังกล่าวจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยขณะค้นหาความลับในห้วงจิต จะส่งผลมหาศาลต่อร่างกายของบุคคลดังกล่าว ชนิดมิอาจย้อนกลับหรือรักษาได้ด้วยวิธีการปรกติ ออเดรย์ คุณจงจำไว้ให้ดีว่า เรื่องดังกล่าวละเอียดอ่อนและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ผมไม่แนะนำให้คุณทำตาม”

ออเดรย์ผงกหัวหงึก · ฮิลเบิร์ตเล่าต่อ

“แต่หากใครก็ตามสามารถสำรวจจนค้นพบความลับในห้วงจิต บุคคลผู้นั้นจะได้รับพลังมหาศาลและความมหัศจรรย์เหนือจินตนาการ ขณะเดียวกันก็ยังมีพลังสำหรับควบคุมจิตใจของเป้าหมาย หากไปถึงจุดดังกล่าวสำเร็จ ขั้นตอนต่อไปคือการควบคุม ‘ห้วงทะเลจิตรวม’  ซึ่งนั่นคือเป้าหมายสูงสุดขององค์กรเรา อย่างไรก็ตาม คำว่าห้วงทะเลจิตรวมยังไม่ช่วยให้เห็นภาพสักเท่าไร ผมจึงขอใช้คำว่า ‘โลกแห่งจิตของทุกสิ่งมีชีวิต’ แทน ดินแดนดังกล่าวเต็มไปด้วยปริศนาและความมหัศจรรย์มากมาย แถมยังมีบางส่วนเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ”

“มีคำถามค่ะ ถ้าหากควบคุม ‘โลกแห่งจิต’ เสร็จ พวกเราจะได้รับพลังใดตอบแทนหรือคะ?”

ออเดรย์ชิงถามในประเด็นค้างคาใจมานาน

ฮิลเบิร์ตยิ้ม

“คุณคงทราบอยู่แล้วว่า โลกเรามักมีเหตุการณ์บังเอิญจนน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นหลายเรื่อง เช่น เมื่อคุณกำลังอยากพบหน้าเพื่อนสนิทคนหนึ่ง และเพื่อนคนดังกล่าวก็มาเคาะประตูบ้านพอดิบพอดี คุณอาจมองว่าเป็นเพียงความบังเอิญทั่วไป แต่ในบางกรณีก็สามารถเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนผิดปรกติ และการวิจัยของสมาคมแปรจิตช่วยให้เราทราบว่า ความบังเอิญเหล่านั้นสามารถเกิดจากการถูกชักนำทางจิตอย่างไม่รู้ตัวได้เช่นกัน หากคุณสามารถควบคุม ‘โลกแห่งจิต’ หรือชื่อในทางวิชาการคือ ‘ห้วงทะเลจิตรวม’  ไว้ในมือได้เมื่อไร คุณจะมีพลังสำหรับสร้างปรากฏการณ์ ‘ความบังเอิญ’ ในจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง หรือโดยสั้นก็คือ… คิดสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น”

“ส…สุดยอด!” ออเดรย์เคยได้ยินเดอะซันน้อยเล่าถึงพลังของมังกรฝันร้าย อัลเซอฟอร์ด มาแล้วหนหนึ่ง เพียงแต่คำอธิบายของเด็กหนุ่มมิได้ละเอียดเท่าฮิลเบิร์ตเมื่อครู่

ฮิลเบิร์ตยิ้ม

“สำหรับพวกเรา ยังเร็วเกินไปหากต้องการถกเถียงในประเด็นดังกล่าว การกระทำเช่นนั้นไม่เกิดประโยชน์ แถมยังอาจทำให้เกิดโทษ เช่น การสูญเสียตัวตนไปทีละนิด ดังนั้น ผมขอวกกลับเข้าประเด็นเกี่ยวกับสมาคมแปรจิตของเราก่อน การค้นพบซากปรักหักพังเฮอร์มิสได้ทำให้องค์กรของเราถือกำเนิดขึ้น สมาชิกรุ่นบุกเบิกต้องการให้เป็นสัมมนาเชิงวิชาการอย่างแท้จริงโดยไม่มีสิ่งอื่นเจือปน แต่หลังจากกาลเวลาผ่านไป พวกเขาเริ่มพบว่า ในบางครั้งก็ต้องจัดการปัญหาด้วยพลัง ไม่อย่างนั้นงานวิจัยก็จะไม่คืบหน้า และหนึ่งในพลังสำคัญขององค์กรคือสมบัติวิเศษ นับแต่นั้นเป็นต้นมา สมาคมแปรจิตก็เริ่มวางโครงสร้างให้มีระเบียบแบบแผนชัดเจน จนกระทั่งกลายเป็นองค์กรลับอย่างเป็นทางการในภายหลัง แต่เมื่อเทียบกับองค์กรลับอื่น สมาคมแปรจิตของเรามีอิสระกว่ามาก และยังมีแผนผังการปกครองไม่ซับซ้อน”

“ดิฉันชื่นชอบในส่วนนี้มาก” ออเดรย์แสดงความเห็น

ฮิลเบิร์ตเริ่มอธิบายกฎระเบียบและข้อบังคับอย่างละเอียด จนกระทั่งเข้าส่วนสรุป

“หากต้องการพบหน้าสมาชิกคนอื่น คุณต้องมีระดับในองค์กรสูงกว่านี้เสียก่อน และเพื่อเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ ผมจะมอบโอสถลำดับ 8 ‘นักอ่านใจ’ ให้คุณ”

พวกเขามีโอสถลำดับ 8 เตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา สมกับเป็นองค์กรใหญ่… ออเดรย์ทั้งมีความสุขและภาคภูมิใจ

ขณะสายตากำลังจ้องมองของเหลวส่องแสงแวววาวในภาชนะ เด็กสาวแสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าว

“ไว้จะดื่มหลังจากถึงบ้านนะคะ”

เธอยังไม่เชื่อใจเรา และคงหาวิธีพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนดื่ม… ฮิลเบิร์ตอ่านใจออเดรย์พร้อมกับส่งยิ้มตอบ

“ไม่มีปัญหา ด้วยสภาพร่างกายของคุณในปัจจุบัน การดื่มโอสถนักอ่านใจเข้าไปคงไม่สร้างปัญหาร้ายแรง”

ออเดรย์ยิ้มรับอย่างสุขใจ ตามด้วยการกล่าวขอบคุณและซักถามหยั่งเชิง

“เอ่อ… ดิฉันขอทราบสูตรโอสถของลำดับ 7 ‘นักจิตบำบัด’ เลยได้ไหมคะ? จะได้ไม่เสียเวลารวบรวมวัตถุดิบในภายหลัง”

หือ… ตามปรกติแล้ว การเข้าร่วมองค์กรลับสักแห่ง ไม่ว่าจะองค์กรใด สมาชิกใหม่ทุกคนล้วนหวังสูตรโอสถ และหวังจะได้รับวัตถุดิบหลักไปพร้อมกันไม่ใช่หรือ?

เราไม่เคยเห็นใครพูดว่า ‘ขอสูตรด้วยค่ะ เดี๋ยวจะรวบรวมวัตถุดิบตัวเอง’ เลยสักครั้ง…

ขณะจ้องมองเด็กสาวด้วยสีหน้าตกตะลึง ฮิบเบิร์ต ฮันเพรส และเอสลันด์ต่างทึ่งจนหมดคำพูดนานหลายวินาที พวกมันไม่อยากเชื่อว่า อีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าผ่อนคลายราวกับเป็นเพียงเรื่องแสนธรรมดาในชีวิต

ไม่กี่อึดใจถัดมา ฮิลเบิร์ตฝืนยิ้ม

“ได้ครับ ผมจะช่วยส่งเรื่องไปทางเบื้องบน แต่ตามปรกติแล้ว การร้องขอเช่นนี้จำเป็นต้องแลกด้วย ‘คะแนนผลงาน’ คะแนนจะได้จากการทำภารกิจของเรา การรวบรวมข้อมูลสำคัญ หรืองานวิจัยด้านจิตวิทยาแปลกใหม่”

“ตกลงค่ะ! ดิฉันจะพยายาม” ออเดรย์ตกปากรับคำเสียงดังฟังชัด

เมื่อเริ่มเดินทางออกจากบ้านเอสลันด์ เด็กสาวสวมมาดเงียบขรึมตลอดทาง เธอไม่เปลี่ยนสีหน้าจนกระทั่งกลับถึงห้องส่วนตัวและบอกให้แอนนี่กับสาวใช้คนอื่นแยกย้ายกลับไป

ออเดรย์หันมาพูดกับสุนัขขนฟูตัวใหญ่พลางฉีกยิ้มกว้าง

“ซูซี่! เธอได้โอสถขวดใหม่แล้ว~!”

แต่น่าเสียดาย เราไม่มีโอกาสได้ใช้งานซาลามันเดอร์สีรุ้งของพี่อัลเฟรด คงทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากนำไปขายแลกเงิน… ออเดรย์ถอนหายใจด้วยอารมณ์หลากหลาย

ซูซี่จ้องขวดบรรจุโอสถ ‘นักอ่านใจ’ พร้อมกับกระดิกหางรุนแรงอย่างมีความสุข

บริเวณลำคอของสุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ มีแว่นกรอบทองถูกแขวนไว้เพื่อความตลกขบขัน ไม่ใช่ฝีมือใครนอกจากออเดรย์

เขตฮิลสตัน บ้านของไอเซนการ์ด

ไคลน์ถูกเชิญมารับประทานอาหารเช้า นอกจากชายหนุ่ม เพื่อนร่วมโต๊ะมีคาสลาน่าอีกหนึ่งคน

หลังจากกินพายมันฝรั่งแสนอร่อยจนหมด ไคลน์กล่าวชมเชยจากใจจริง

“มิสเตอร์สแตนธอน ฝีมือการทำอาหารของคุณยอดเยี่ยมจนเหนือความคาดหมาย”

ไอเซนการ์ด ผู้มีจอนสีเทาบนขมับสองข้าง ฉีกยิ้มกว้างและอธิบาย

“เป็นความพิเศษของชาวลุนเบิร์กอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับโบสถ์ปัญญาความรู้ของผม การเชี่ยวชาญศาสตร์หลายแขนงในคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะลำดับ 6 นั้นมีชื่อว่า ‘พหูสูต’ อย่างไรก็ตาม ผู้วิเศษโอสถดังกล่าวจะมีความเสี่ยงคลุ้มคลั่งค่อนข้างสูง แม้แต่ผมก็ยังไม่กล้าจะเลื่อนลำดับขึ้นไป”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset