Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 416 : สองถูกเป็นหนึ่งผิด

ราชันเร้นลับ 416 : สองถูกเป็นหนึ่งผิด

กร็อบ!

เมื่อไคลน์เห็นแผ่นหลังไอเซนการ์ดยุบเข้าไป มันเกิดความเสียวไส้เหนือพรรณนา

ไอเซนการ์ดล้มลงด้วยเสียง ‘ตุ้บ’  ร่างกายแน่นิ่งชั่วขณะคล้ายกับหมดสติกะทันหันเพราะความเจ็บปวด

คาสลาน่ายังคงยืนในจุดเดิม ลมหายใจกระเส่า ดวงตาเหม่อลอย หน้าผากผุดเหงื่อเม็ดใหญ่ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเพิ่มเติมจากนักสืบหญิงผู้นี้

ประหนึ่งเธอเพิ่งลืมตาตื่นจากฝันร้ายแห่งห้วงอารมณ์อันยาวนาน เรี่ยวแรงไม่หลงเหลือโดยสิ้นเชิง เนื่องจากปลดปล่อยไปกับกำปั้นเมื่อครู่จนหมดเกลี้ยง

หงึกหงึก…

ร่างกายคาสลาน่าเริ่มโซเซ คล้ายกับใกล้หมดสติล้มลงเต็มที

aไคลน์หรี่ตาลงพร้อมกับกระโจนเข้าหาไอเซนการ์ดภายในสองก้าว

ชายหนุ่มคุกเข่าลงและพยายามช่วยเหลือ

ไอเซนการ์ดนอนแผ่บนพื้น ตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าแกมเจ็บปวด

“หนีไป! ไม่ต้องห่วงผม!”

ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น มันคงประเมินว่า ในทีมผู้วิเศษสามคน ซึ่งบาดเจ็บหนักหนึ่งคน และปราศจากเรี่ยวแรงอีกหนึ่งคน ย่อมไม่มีทางตรึงผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้ในบ้านได้นานแน่ จึงส่งสัญญาณบอกให้ไคลน์รีบหนี เพื่อจะได้เหลือใครสักคนคอยแจ้งข่าวกับหน่วยพิเศษของทางการ

ขณะเดียวกัน ไอเซนการ์ดขยับมือไม้คล้ายเตรียมใช้พลังพิเศษบางชนิด เพื่อทำให้หน่วยพิเศษซึ่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร พบว่ามีความผิดปรกติขึ้นภายในบ้านหลังนี้

ในส่วนของ ‘เครื่องโทรเลขจิ๋ว’  มันลอยกระเด็นไปชนกำแพงเนื่องจากพลังโจมตีมหาศาลของคาสลาน่าในจังหวะเมื่อครู่

ไคลน์ออกอาการลังเลหลายวินาที จนกระทั่งตัดสินใจเตรียมกระทำบางสิ่ง มุมสายตาบังเอิญเหลือบเห็น ‘ของเหลว’ สีดำกำลังหยดลงจากเพดานพร้อมกับก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์

คล้ายกับกำลังห่มด้วยม่านสีดำสนิท เปิดเผยเพียงดวงตาสีฟ้าแสนเย็นชา

ในแวบแรก ไคลน์รู้สึกราวกับตนได้เห็นอารมณ์ทั้งหมดบนโลกอย่างแจ่มชัด หวาดกลัว อาฆาต ละโมบ ริษยา หิวโหย หลงใหล และอีกมาก

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไม่รีรอ รีบลงมือตามแผนการซึ่งเตรียมไว้อย่างเจ้าเล่ห์ ส่งตัวเองลงมายังห้องกิจกรรมชั้นหนึ่งของบ้าน

ในสถานการณ์ปัจจุบัน จากบรรดานักสืบผู้วิเศษทั้งสาม คาสลาน่าหมดสภาพโดยสิ้นเชิงหลังจากระเบิดอารมณ์ฉับพลัน ส่วนไอเซนการ์ดได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกสันหลังแตกในจุดกึ่งกลาง ส่งผลให้หมดความสามารถในการต่อสู้อย่างไร้ข้อกังขา

มีเพียงไคลน์ ผู้ยังไร้รอยขีดข่วน

ทว่า ชายหนุ่มมิได้พกพาสมบัติวิเศษชิ้นใด ทั้งหมดถูกเก็บไว้บนสายหมอกเพื่อไม่ให้สร้างความฉิบหายกับตนภายหลัง ทักษะในการต่อสู้จึงเหลือเพียงลูกโม่หนึ่งกระบอกและกระสุนพลังพิเศษ

งานหลักของมันคือการเผชิญหน้ากับลำดับ 5 ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เจ้านายสุนัขปีศาจ ตามลำพัง!

อย่างไรก็ตาม มุมปากไคลน์กำลังยิ้มอ่อน

ชายหนุ่มรีบตวัดมือขวาซึ่งกำลังนาบบนกระดูกสันหลังไอเซนการ์ดในจุดบาดเจ็บ ให้ขยับไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย ส่งผลให้ความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดสำคัญไปยังบริเวณซี่โครงทันที!

สิ่งนี้คือสุดยอดพลังเหนือธรรมชาติอันยากจะหาเหตุผลรองรับของนักมายากล :

ย้ายความเสียหาย!

สามารถย้ายบาดแผลไปยังจุดใดก็ได้ของร่างกาย เปลี่ยนจากหนักเป็นเบา แต่ไม่สามารถนำบาดแผลออกจากร่างกายได้

นับตั้งแต่ได้เห็นอาการบาดเจ็บไอเซนการ์ด ไคลน์ก็คิดแผนนี้ได้ทันที

ขั้นแรก ล่อให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเข้าใจผิด คิดว่ากลุ่มสามนักสืบกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ สิ่งนี้จะล่อให้มันปรากฏตัวออกมา จากนั้นจึงย้ายบาดแผลไปยังซี่โครงซึ่งบาดเจ็บน้อยกว่ามาก และตนกับไอเซนการ์ดก็จะร่วมมือกันตรึงผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้จนกว่าหน่วยพิเศษจะตามมาสนับสนุน!

ด้วยวิธีนี้ แม้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะสัมผัสถึงความผิดปรกติ แต่ก็สายเกินไปหากคิดหลบหนี เในวินาทีชายหนุ่ม ‘รักษา’ บาดแผลของยอดนักสืบสำเร็จ การต่อสู้ก็จะกลายเป็นสองต่อหนึ่งทันที และนั่นคือการถ่วงเวลาให้หน่วยพิเศษปิดล้อมบ้านทุกทิศทาง

ทันใดนั้น แหวนในมือไอเซนการ์ดเริ่มแผ่แสงออร่าสีเขียวอ่อน ช่วยเยียวยาบาดแผลบริเวณซี่โครงจนหายสนิท

ซี่โครงซึ่งเคยหัก สามารถคืนสภาวะปรกติในพริบตา

หมายความว่า ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเมื่อครู่ ไอเซนการ์ดบาดเจ็บจริง แต่มันแสร้งทำเป็นสิ้นหวังและไม่มีแผนสำรอง!

อย่างไรก็ตาม พลังดังกล่าวซ้อนทับกับความพยายามของไคลน์จนเกินพอดีไปมาก

ขณะผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเตรียมลงมือปิดบัญชีสามนักสืบ เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ร่างกายมันพลันชะงักกะทันหัน

ในสภาพปัจจุบัน ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่าง เนื่องจากไม่มีนักสืบคนใดหันไปสนใจหรือลงมือ จึงมีจังหวะและเวลามากพอสำหรับพุ่งตัวไปทางหน้าต่างด้วยความเร็วสูงสุด

ร่างกายคล้ายมนุษย์ยุบลงบนพื้นและเปลี่ยนเป็นของเหลวสีดำเหนียวข้นอีกครั้ง

ของเหลวซึมลงพื้นห้องและผ่านกำแพงบ้านออกไปด้านนอกอย่างง่ายดาย เพียงพริบตาเดียวก็ไม่เหลือทิ้งร่องรอยใดให้ตามจับ

ไคลน์รีบยกมือขึ้นและดีดนิ้ว

กระสุนอัดอากาศพุ่งผ่านกระจกออกไปด้านนอก เกิดเสียงแก้วแตกละเอียดพร้อมกับประกายไฟเล็กน้อย ทว่า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายมิได้อยู่ในบริเวณดังกล่าวอีกแล้ว

เผ่นหนีเร็วมาก ปราศจากความลังเลโดยสิ้นเชิง… มันเป็นปีศาจแน่หรือ? แย่ล่ะสิ หลังจากนี้เราคงใช้ชีวิตลำบากแน่…

มุมปากไคลน์เริ่มสั่นเทา ขณะเดียวกันก็หันไปมองไอเซนการ์ด ผู้กำลังพยุงตัวลุกยืน

อีกฝ่ายมองกลับมายังไคลน์

“คุณรักษาบาดแผลได้ด้วยหรือ?”

“คุณรักษาบาดแผลได้ด้วยหรือ?”

สองยอดนักสืบส่งเสียงถามพร้อมกัน

เมื่อสายตาประสานกันสักพัก ไอเซนการ์ดส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาพร้อมกับยิ้ม

“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า กับดักของตัวเองจะเป็นสาเหตุให้มันหนีรอดไปได้”

ขณะเล่า แหวนบนมือยังคงแผ่แสงออร่าเจือจาง พร้อมกันนั้น ไอเซนการ์ดเริ่มสำรวจรอบตัวจนมั่นใจว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหายหลบหนีไปแล้วจริง

มันหันมาอธิบายไคลน์สั้นกระชับ

“ในช่วงบ่าย ผมไม่มีโอกาสได้จำลองพลังรักษาเพื่อใช้กับตัวเอง แต่หลังจากนั้น ผมผุดแนวคิดว่าจะใช้พลังรักษาในภายหลัง โดยหลอกให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายตายใจว่า ตัวผมกำลังบาดเจ็บหนัก จึงแสร้งพันแผลให้ดูอลังการเกินจริง”

มันชี้ไปยังเฝือกบนไหล่

“และไม่ผิดจากความคาดหมาย แผนการเป็นไปอย่างราบรื่น เพียงแต่ ผมคาดไม่ถึงว่าคุณเองก็มีพลังรักษาเช่นกัน มันก็เลย…”

ไอเซนการ์ดถอนหายใจ

เมื่อนักสืบทั้งสองต่างจัดลำดับความสำคัญกับพลัง ‘รักษาแผล’ ไว้ในระดับสูงสุดเหมือนกัน แต่ละคนจึงใช้พลังของตัวเองโดยมิได้นัดหมาย ส่งผลให้ไม่มีใครคอยตรึงผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้ได้ทัน

ให้ตายสิ… ทั้งไอเซนการ์ดและเราต่างมีไพ่ตายลับเพื่อล่อลวงให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายติดกับ แต่ใครจะไปคิดกันว่า เราสองคนดันใช้ออกมาพร้อมกันจน ‘เกินพอดี’ และทำให้ศัตรูหลบหนีไปในช่องว่างดังกล่าว…

ดังคำโบราณว่าไว้ สองผิดเป็นหนึ่งถูก…

ไคลน์ยิ้มจืดชืดพร้อมกับกล่าว

“เป็นเพราะพวกเรายังไม่รู้จักกันดีพอ และไม่เคยต่อสู้ร่วมกันมาก่อน”

“ไม่เลย เป็นความผิดของผมเอง” ไอเซนการ์ดตำหนิตัวเองอย่างจริงใจ “นับตั้งแต่เห็นคุณเดินมาจับบาดแผล ผมควรทราบว่าคุณไม่ตื่นตระหนกและมีไพ่เด็ดเตรียมไว้รับมือ แต่น่าเสียดาย เป็นเพราะว่าผมกำลังสวมแหวนวงนี้ สมองจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้คาดเดาการกระทำของคุณไม่ออก”

หมายความว่า 2-081 จะกัดกร่อนสติปัญญาของผู้ใช้งานขณะสวมใส่สินะ…

ไคลน์ยิ้ม

“มิสเตอร์สแตนธอน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวตามหาคนผิด แต่ต้องคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไปต่างหาก”

ไอเซนการ์ดถอดแหวนพร้อมกับเดินไปทางประตูห้องกิจกรรม

“หน่วยพิเศษของทางการกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ผมต้องออกไปช่วยคุมสถานการณ์ฝั่งสจ๊วตและนักสืบ… แล้วคุณล่ะ? จะออกมาพร้อมกับผม หรือมีบางสิ่งในบ้านต้องการให้เรียบร้อยก่อน?”

หน่วยพิเศษของทางการ… มิสเตอร์สแตนธอนเคยเอ่ยชื่อเหยี่ยวราตรี จิตแห่งจักรกล และหน่วยลับของกองทัพให้ฟัง… ได้โปรดอย่าเป็นคนรู้จักเลย… แต่สัมผัสวิญญาณของเราไม่ร้องเตือน คงไม่มีเรื่องต้องกังวลกระมัง…

หืม… มิสเตอร์สแตนธอนบอกใบ้ให้เราไปจัดการกับวัตถุแปลกปลอมภายในบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาถ้าถูกหน่วยพิเศษค้นบ้านและพบเข้าในภายหลัง…

ขณะสมองกำลังประมวลผล ไคลน์เงยหน้าซักถาม

“มิสเตอร์สแตนธอน ขณะคุณพบตำแหน่งของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย มันอยู่ตรงส่วนใดของชั้นสอง?”

ไอเซนการ์ดทำหน้านึก

“ห้องนอน มันกำลังนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือของคุณ”

…โอหังฉิบหาย… ไคลน์ชี้ไปทางประตู

“ผมจะขึ้นไปตรวจสอบว่ามันทิ้งเบาะแสใดไว้หรือไม่ หากได้เห็นใบหน้าแท้จริงสักนิด คงง่ายต่อการรับมือในอนาคต คงต้องฝากทางนั้นไว้กับคุณ”

“ตกลง” ไอเซนการ์ดเดินไปพยุงคาสลาน่าผู้ปราศจากเรี่ยวแรง

เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ไคลน์ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา

อุตส่าห์วางแผน เตรียมกับดัก และชิงลงมือก่อนอย่างดิบดี แต่กลับจับตัวผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้ไม่ได้ และต้องอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้… ไม่ว่าจะเตรียมตัวดีอย่างไร แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในรูปแบบไม่คาดฝัน… คงเป็นเหตุผลว่าทำไม นักมายากลจึงเป็นแค่โอสถลำดับ 7…

เมื่อเดินออกจากห้องกิจกรรม ไคลน์ตรงไปยังห้องนอนบนชั้นสองทันที

เครื่องเรือนยังอยู่ในตำแหน่งเดิม แม้กระทั่งระยะห่างระหว่างเก้าอี้กับโต๊ะก็ไม่เปลี่ยนไป แต่ไคลน์สามารถจินตนาการภาพของบุคคลร่างกายสีดำคล้ายกำลังห่มด้วยผ้าม่านได้อย่างชัดเจน

มันกำลังนั่งบนเก้าอี้ มองตรงไปทางเหยื่อ และรอคอยโอกาสลงมืออย่างใจเย็น

สมกับเป็น ‘สัตว์เลือดเย็น’ …

ไคลน์มองไปทางบานกระจกบนมุขหน้าต่าง มันเกิดลางสังหรณ์ว่า ตนสามารถทำนายบางสิ่งได้ หากกระจกบานนี้เคยสะท้อนภาพใดไว้

เส้นทางปีศาจเชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมเป็นพิเศษ คงไม่มีเบาะแสใดเหลือทิ้งไว้กระมัง… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เราสามารถทดสอบทำนายด้วยห้วงมิติเหนือสายหมอกในภายหลัง…

ไคลน์สำรวจรอบห้องอย่างละเอียด ระหว่างนั้นก็จุดไฟเผาสมุดบันทึกศาสตร์เร้นลับของตัวเองทิ้งไป

หลังจากจัดการกับวัตถุต้องสงสัยเสร็จจนหมด ถัดมาไม่นาน คนแปลกหน้าราวสองถึงสาม กำลังเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง

ผู้นำกลุ่มเป็นบุรุษใบหน้าเคร่งขรึม แต่มีเส้นผมสีน้ำตาลหงิกงอและแข็งชี้

ในมือกำลังถือกระจกเงินลวดลายแปลกประหลาดบานหนึ่ง สองฝั่งของกระจกถูกประดับด้วยอัญมณีสีดำ มองผิวเผินจะมีลักษณะคล้ายดวงตาสองข้าง

“สวัสดีครับ มิสเตอร์โมเรียตี้ ผมคือไอคานส์·เบอร์นาร์ดจากโบสถ์เทพจักรกลไอน้ำ ไม่ทราบว่าจะขอตรวจสอบชั้นสองสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”

ไคลน์พยักหน้ารับ

“เชิญ” ตามด้วย “แล้วผมต้องเดินตามไปตอบคำถามในแต่ละจุดไหม”

“ก็ดีครับ คงต้องรบกวนด้วย มิสเตอร์ไอซนการ์ดอาจอธิบายสถานการณ์ของคุณไว้บ้างแล้ว แต่ทางเรายังต้องทำตามระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” ไอคานส์ยิ้มรับ

สมาชิกในทีมเดินตามหลังมันมาไม่ห่าง แต่ละคนมีท่าทีแตกต่างกันไป บ้างเพิกเฉย บ้างอยากรู้อยากเห็น และบ้างไม่เป็นมิตร

สถานการณ์ของเรา? แล้วไอเซนการ์ดเล่าให้พวกเขาฟังว่าอย่างไร? ไม่คิดจะนัดแนะกันสักหน่อยหรือ?

ขณะสมองไคลน์กำลังปั่นป่วน มันเดินตามไอคานส์เข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง ส่วนทีมผู้วิเศษจับคู่แยกย้ายไปตามแต่ละห้อง

“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเคยนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ใช่ไหม” ไอคานส์ชี้ไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะ เห็นได้ชัดว่ามีการซักถามข้อมูลเบื้องต้นจากไอเซนการ์ดแล้ว

“ใช่ครับ” ไคลน์ไม่ปิดบัง

โดยไม่รีรอ ไอคานซ์ยกกระจกเงินขึ้นพร้อมกับใช้มือขวาลูบไล้แผ่วเบาสามหน

เว้นวรรคหนึ่งอึดใจ มันกล่าวเสียงทุ้ม

“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ คำถามของกระผมก็คือ : ‘ปีศาจผู้เคยนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้มีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร’”

ทันใดนั้น แสงสว่างรอบตัวทุกคนพลันอึมครึมกะทันหัน ราวกับห้องถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบหลังพายุฝน ผิวกระจกผุดแสงคล้ายคลื่นน้ำกระเพื่อมอย่างอ่อนโยน เผยให้เห็นฉากหนึ่งด้านใน :

บุรุษผู้มีร่างกายปกคลุมด้วยของเหลวสีดำกำลังนั่งบนเก้าอี้ สายตาจ้องมองมาทางเตียง

ฉากบนกระจกเริ่มแปรเปลี่ยน คราวนี้เป็นภาพสะท้อนมุมด้านข้างจากมุขหน้าต่าง เผยให้เห็นบุรุษชุ่มฉ่ำไปด้วยของเหลวสีดำคนเดิม

แต่ในมุมนี้ ทุกคนสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ในเชิงสามมิติได้ชัดเจนกว่าเดิม

โหนกแก้มใหญ่ ดวงตาสีฟ้าแสนเย็นชา

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset