Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 401 : คำชี้นำจากเทพ

ราชันเร้นลับ 401 : คำชี้นำจากเทพ

กรุงเบ็คลันด์ ภายในห้องใต้ดินซึ่งมีสภาพโอ่โถงคล้ายวิหาร

มิสเตอร์ A ผู้สวมชุดคลุมยาวสีดำ กำลังนั่งคุกเข่าเบื้องหน้ารูปปั้นยักษ์ห้อยหัวโดยไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเป็นเวลานาน

ทันใดนั้น ใบหูของมันพลันกระดิกราวกับกำลังได้ยินบางสิ่ง

มิสเตอร์ A ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้มือซ้ายกระชากนิ้วชี้ขวาออกมาทั้งลำ

มันยัดนิ้วโชกเลือดใส่ปากและเคี้ยวเสียงดัง

อึก!

ลำคอมิสเตอร์ A กระเพื่อมเล็กน้อยขณะฝืนกลืนเศษนิ้วบดลงกระเพาะอาหาร

ทันใดนั้น ร่างกายมันชักกระตุกรุนแรงราวกับถูกจับเขย่าโดยฝ่ามือล่องหน

ในสภาพดังกล่าว มิสเตอร์ A เหยียดแขนขวาตรงไปข้างหน้าและใช้เลือดจากบาดแผลเขียนตัวอักษรลงบนพื้นห้อง

อักษรดังกล่าวมิได้เป็นของภาษาคนยักษ์หรือมังกรซึ่งเปี่ยมด้วยพลังธรรมชาติ และไม่ใช่เฮอร์มิสซึ่งนิยมใช้ในพิธีกรรม หากแต่เป็นภาษาท้องถิ่นแสนธรรมดาอย่างอักษรโลเอ็น

ของเหลวสีแดงถูกปัดป้ายจนกลายเป็นประโยคยาวใจความว่า

“พบแล้ว : เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ ผู้รับใช้และสาวกของมัน… …อยู่ในเบ็คลันด์”

หลังจาก ‘คำชี้นำจากเทพ’ จบลง ร่างกายมิสเตอร์ A พลันหยุดสั่น นิ้วใหม่งอกเงยขึ้นมาแทนตำแหน่งเดิมอย่างไร้รอยต่อ

มันก้มหน้าลงไปอ่านข้อความเลือดของตัวเองซ้ำหลายหน จนกระทั่ง มุมปากเริ่มยกโค้งอย่างมีเลศนัยท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิท

“ข้าน้อยน้อมรับบัญชาจากพระองค์!”

มิสเตอร์ A หมอบกราบราบไปกับพื้นอย่างมีความสุข ประหนึ่งได้ค้นพบความหมายการมีชีวิตของตัวเองอีกครั้ง

เมืองเงินพิสุทธิ์ เหนือสุดยอดหอคอย

โลเฟียร์เดินมายืนข้างหน้าต่างพลางก้มมองแสงเทียนสลัวท่ามกลางความมืดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เธอได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตูห้อง

“ท่านผู้นำ?” โลเฟียร์รีบหันไปมองอย่างกระตือรือร้นและทักทายผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม

ประตูห้องเปิดเข้ามาเองโดยอัตโนมัติ

อีกฝ่ายไม่ใช่ใครนอกจากผู้นำสูงสุดของเมืองเงินพิสุทธิ์ นักล่าปีศาจ โคลิน·อีเลียด มันยังคงแต่งกายด้วยโค้ทสีน้ำตาล เข็มขัดหนังเต็มไปด้วยขวดบรรจุของเหลวลึกลับ

“โลเฟียร์ ความผิดปรกติของทีมสำรวจได้รับการยืนยันแล้ว” โคลินอธิบายเสียงเรียบ “ในฐานะหัวหน้าทีม แม้ว่าคุณจะไม่ปรากฏสัญญาณความผิดวิสัย แต่ตามระเบียบขั้นตอนแล้ว คุณต้องถูกกักกันในห้องใต้หอคอยเป็นเวลาสามวันเต็ม รวมถึงต้องได้รับการบำบัดจากมงกุฎรุ่งโรจน์ของไอโฟลว์ ได้โปรดเข้าใจด้วยว่านี่คือกฎระเบียบเก่าแก่”

โลเฟียร์มิได้เผยท่าทีโกรธเคืองแม้แต่เศษเสี้ยว หญิงสาวเพียงยิ้ม

“ดิฉันทราบดี และเตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตในห้องกักกันเป็นเวลานานไว้แล้ว หรือต่อให้เรื่องนี้จบลง ดิฉันก็ยินดีรับการตรวจสอบจนกว่าท่านจะพึงพอใจ”

ขณะกล่าว โลเฟียร์เดินสวนกับโคลินและนำหน้าออกจากห้องไป

โคลินไม่กล่าวสิ่งใด เพียงเดินตามหลังและก้าวขาลงบันไดวนไปยังชั้นล่าง

ระหว่างทาง ทั้งสองได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกสลับกับเสียงร่ำไห้อย่างสะเทือนขวัญเป็นระยะ

“ถึงเวลาแล้วหรือ?”

โลเฟียร์ทำหน้าฉงนเล็กน้อย

โคลินผงกศีรษะรับ

“ถูกต้อง นี่คือชะตากรรมอันโหดร้ายซึ่งพวกเราทุกคนมิอาจหนีพ้น…”

ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องโถงใหญ่กึ่งกลางหอคอย

สมาชิกทีมสำรวจและชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ผู้ตกเป็นเหยื่อการกัดกร่อนจิต กำลังถูกกดร่างกายให้หมอบติดพื้นด้วยบางสิ่งคล้ายพลังศักดิ์สิทธิ์ ราวกับมีขุนเขาลูกยักษ์กดทับจนแบนราบ

คู่รักผิวคล้ำอายุราวสี่สิบ พวกมันกำลังถือตามเงินฉาบอักขระซับซ้อน พลางย่างกรายเข้าหาเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่า

ส่วนลำตัวของเด็กหนุ่มกลายเป็นก้อนเนื้อเน่าเฟะโดยสมบูรณ์ แต่ศีรษะยังคงครบถ้วนเหมือนมนุษย์ มีท่อสีแดงยาวเชื่อมติดระหว่างก้อนเนื้อและต้นคอ

เมื่อเห็นสองสามีภรรยาย่างกรายเข้าใกล้ เด็กหนุ่มรีบตะโกนโหวกแหวกด้วยเสียงประหวั่น

“พ่อ! แม่! คิดจะทำอะไรกับผม? ไหนบอกว่าคืนนี้พวกเราจะมีงานเลี้ยงแมงป่องเหล็กย่าง? พ่อครับ แม่ครับ ผมอุตส่าห์จับแมงป่องเหล็กย่างมาให้ตั้งหลายตัว…”

สองสามีภรรยามิอาจทนเห็นภาพตรงหน้าต่อไปได้อีก พวกมันเบือนศีรษะไปทางอื่น แต่ปลายดาบยังคงยกค้างขึ้นฟ้า

ฉึก! ฉึก!

เสียงเสียดแทงดังสองครั้งซ้อน เสียงโหยหวนของเด็กหนุ่มพลันหยุดลงในพริบตา มันชักกระตุกแผ่วเบาในตอนต้น หลังจากนั้นก็ปราศจากสัญญาณชีพโดยสิ้นเชิง

ในจุดอื่นของลานกว้าง เด็กหญิงอายุราวสิบขวบคนหนึ่ง กำลังเงื้อดาบเงินสลักลวดลายซับซ้อน ตั้งท่าเตรียมแทงใส่พี่สาวร่วมสายเลือดด้วยน้ำตานองหน้า

คนพี่นอนแผ่นราบไปบนพื้นพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“จากนี้ไป เธอจะต้องใช้ชีวิตตามลำพัง อย่าปล่อยให้ใครเขาหลอกเชียวนะ…”

เด็กหญิงคนน้องเอาแต่คุกเข่าร่ำไห้จนดวงตาพร่ามัว ดาบในมือชะงักค้างไว้กลางอากาศ

จนกระทั่งเธอกัดฟันทุ่มแรงแทงลงไป

ฉึก!

ดวงตาเด็กหญิงพลันเหม่อลอย ราวกับประสาทสัมผัสทั้งหมดหยุดทำงานกะทันหัน

นี่คือคำสาปแสนหดหู่ซึ่งชาวเมืองพิสุทธิ์ทุกคนต้องเผชิญ พวกมันมีชะตากรรมต้องลงมือปลิดชีพญาติพี่น้องร่วมสายเลือดด้วยน้ำมือตัวเอง ไม่อย่างนั้น ศพคนตายจะกลายเป็นวิญญาณมารและสร้างความฉิบหายให้แก่เมืองเงินพิสุทธิ์

ดังนั้น ถึงแม้ดาร์ก·รีเจนซ์จะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดโดยสมบูรณ์เนื่องจากถูกกัดกร่อนโดยตัวตนลึกลับ แถมยังไม่มีมูลค่าในเชิงการสอบสวน แต่ ‘เงาดำ’ ก็ไม่กล้าสังหารดาร์กในทันที มันเลือกจะพาตัวกลับมายังหอคอยและปล่อยให้ญาติมิตรลงมือปลิดชีพแทน ไม่อย่างนั้น สถานการณ์คงยากลำบากมากขึ้นหลายเท่า

ชะตากรรมของทีมสำรวจในคราวนี้ไม่ถือเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด บรรพชนเคยถูกปฏิบัติตัวเช่นไร พวกมันก็ถูกกระทำเช่นนั้นอย่างเท่าเทียมมานานกว่าสองพันปี ถึงแม้ชนรุ่นหลังจะไม่เคยเห็นกับตาว่า หากตายโดยฝีมือบุคคลอื่นนอกจากญาติ ศพจะกลายเป็นวิญญาณมารและลุกขึ้นมาทำลายเมืองจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพิสูจน์ในเรื่องนี้

โชคยังดี เมืองเงินพิสุทธิ์มีจำนวนประชากรไม่มาก แถมยังมีระบบบริหารสายเลือดค่อนข้างเข้มงวด ประชากรแต่ละคนจึงมีจำนวนเครือญาติมาก และเกือบทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่พร้อมกันไม่เกินสามรุ่น แต่ก็สามารถตามตัวญาติมาปลิดชีพได้ไม่ยากเย็น

ด้วยเหตุนี้ เงื่อนไขพื้นฐานของการจัดทีมลาดตระเวนรอบเมือง จึงต้องคำนึงด้านสายเลือดเป็นหลัก เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินหากมีใครเสียชีวิต

แต่ในกรณีของทีมสำรวจนั้นไม่เคร่งครัดเท่า เนื่องจากเป็นภารกิจเดินทางไกล ถึงจะมีใครเสียชีวิต แต่วิญญาณมารก็จะอยู่ห่างจากเมืองเงินพิสุทธิ์มาก ไม่ส่งผลกระทบต่อเมืองแต่อย่างใด

ในกรณีของคนไร้เครือญาติโดยสิ้นเชิง เขาหรือเธอเหล่านั้นจะถูกจับตามองเป็นกรณีพิเศษจากสภาเมือง และถ้าแสดงอาการป่วยรุนแรงหรือแก่ชรามากแล้ว ชะตากรรมเดียวคือการถูกเนรเทศให้เดินเข้าไปในความมืดมิดภายนอกเมืองเงินพิสุทธิ์และจบชีวิตลง

เฉกเช่นอดีตหัวหน้าทีมสำรวจจากสี่สิบสองปีก่อน อเดล ผู้ถูกขังไว้ในห้องใต้หอคอย ในตอนนั้น มีอาวุโสจำนวนสามคนกำลังเฝ้าระวังความปลอดภัยอยู่ภายในหอ แต่ผู้ลงมือกลับเป็นโคลิน·อีเลียดด้วยตัวเอง เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้น อาวุโสคนอื่นจะทำได้แค่พยายามผนึกอเดลไว้โดยมิอาจฆ่าทิ้ง

สืบเนื่องมาจาก อเดลคือพี่ชายสืบสายเลือดเดียวกับโคลิน

คนเลี้ยงแกะโลเฟียร์ และนักล่าปีศาจโคลิน เดินลงมายังเขตห้องใต้หอคอยโดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใด ถัดมา ด้วยการนำทางของอัศวินรุ่งอรุณ ทั้งสองจึงถูกพามายังส่วนลึกสุดของห้องคุมขัง

เพียงไม่นาน โลเฟียร์และโคลินหยุดยืนหน้าประตูห้องขัง ส่วนอัศวินรุ่งอรุณแยกย้ายกลับไปประจำตำแหน่งตัวเอง

หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องขังโดยปราศจากความผิดแผกทุกรูปแบบ

เครื่องเรือนภายในห้องประกอบด้วยหนึ่งฟูกนอน หนึ่งโต๊ะ หนึ่งเก้าอี้ และหนึ่งเทียนไข

ก่อนประตูโลหะจะปิดสนิท โลเฟียร์ใช้ดวงตาสีเทาซีดจ้องมองนักล่าปีศาจโคลิน

“ท่านเคยบอกกับดิฉันว่า ถ้าชาวเมืองเงินพิสุทธิ์เสียชีวิตท่ามกลางความมืดนิดด้านนอก พวกเขาจะไม่กลายเป็นวิญญาณมารในทันที แต่ต้องใช้เวลาหลายวันจึงจะเกิดกระบวนการเปลี่ยนสภาพ ส่งผลให้ทีมสำรวจมีเวลามากพอในการทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัย”

โคลินพยักหน้ารับ

โลเฟียร์หลับตาลง พลางกล่าวต่อด้วยรอยยื้มขื่นขม

“ในภารกิจสำรวจเมื่อสองเดือนก่อน สมาชิกคนหนึ่งเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาดิฉัน ในภายหลัง ดิฉันแสร้งบอกกับคนอื่นในทีมว่าขอแยกตัวเดินทางคนเดียวสักพัก แต่ความจริงแล้ว ดิฉันย้อนกลับไปเฝ้าศพของสมาชิกผู้เสียชีวิต …อย่างไรก็ตาม แม้จะรอนานถึงห้าวันเต็ม แต่เขาก็ยังไม่กลายเป็นวิญญาณมาร”

นักล่าปีศาจโคลินไม่กล่าวสิ่งใดต่อ สายตามจ้องมองโลเฟียร์อย่างเงียบงันจนกระทั่งประตูเหล็กปิดสนิท และผนึกใต้หอคอยเริ่มทำงานของมันอย่างสมบูรณ์

เหนือสายหมอกสีเทา ท่ามกลางพระราชวังโบราณอันเงียบสงัด

หลังจากเพ่งสมาธิรอผลลัพธ์สักพัก ไคลน์ค่อนข้างผ่อนคลายเมื่อพบว่าดาวแดงของเดอะซันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

คงทำสำเร็จแล้วกระมัง…

ชายหนุ่มบีบคลึงขมับพลางห่อหุ้มร่างจิตด้วยพลังวิญญาณเพื่อกลับมายังโลกจริง

ในวินาทีได้รับประสาทสัมผัสของมนุษย์กลับคืน ร่างกายไคลน์พลันหนาวเย็นจับใจ

มันจามเสียงดังหนึ่งครั้ง ก่อนจะรีบสลายกำแพงวิญญาณและคลานกลับเข้าไปใต้ผ้าห่ม

ช่างน่าเศร้า เตียงนอนกำลังเย็นเฉียบยิ่งกว่าแผ่นน้ำแข็งเสียอีก

โชคยังดีว่า ร่างกายเราได้รับการคุ้มครองจากห้วงมิติเหนือสายหมอก ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้คงได้ป่วยเป็นหวัดแน่…

ไคลน์รำพันขณะนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มเย็น

สภาพในปัจจุบันทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงมุกตลกสมัยโลกเก่า :

การเสียดสีจะทำให้เกิดความอบอุ่น…

กว่าจะนอนหลับก็ต้องรอให้เตียงกลับมาเย็นอีกครั้ง ระหว่างนั้น ไคลน์ปลดปล่อยความคิดล่องลอยและวิเคราะห์เรื่องราวรอบตัว

ใช่แล้ว… ช่วงนี้เราไม่มีเรื่องเร่งด่วนต้องรีบสะสาง กฎของนักมายากลก็ได้ข้อสรุปแล้วเช่นกัน ต่อให้ไม่ ‘รนหาความตาย’ ลำพังการสวมบทบาทในชีวิตประจำวัน ก็มาพอจะช่วยให้โอสถย่อยสมบูรณ์ได้ในช่วงปีใหม่ งานของเราช่วงนี้จึงเป็นการรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถผู้ไร้หน้าให้ครบ หนึ่งในวิธีครอบครองคือการออมเงินก้อนใหญ่ แต่รีบร้อนจนเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน…

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ความตึงเครียดในใจไคลน์ผ่อนคลายลงมาก มันวางแผนจะพักผ่อนสักสองสามวันโดยไม่ต้องการกระทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน

เมื่อเตียงนอนเริ่มกลับมาอบอุ่น ชายหนุ่มจึงเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งลืมตาตื่นอีกทีเมื่อระฆังวิหารดังกังวานแปดครั้ง

ไคลน์เหยียดแขนบิดขี้เกียจ แต่เมื่อสัมผัสกับอากาศเย็นจัด ชายหนุ่มพลันหดกลับเข้าผ้าห่มอย่างลนลาน

วันนี้ก็หนาวขึ้นอีกแล้วหรือ… ในเมื่อช่วงนี้ไม่มีอะไรสำคัญให้ต้องทำ เราควรทิ้งตัวนอนสันหลังยาวไปอีกราวสองชั่วโมง….

ชายหนุ่มปิดเปลือกตาด้วยความขี้เกียจ

แต่เพียงไม่นาน เสียงท้องร้องเริ่มดังโครกคราก พร้อมกับความปั่นป่วนมวนท้องจากด้านล่าง

ทำไมการใช้ชีวิตถึงได้ยากแบบนี้…

ไคลน์รำพันหัวเสีย

หลังจากการต่อสู้ของสองอารมณ์ขัดแย้งผ่านไปราวสิบนาที ชายหนุ่มตัดสินใจลุกตื่น และเดินตรงไปทางห้องน้ำซึ่งมีประตูติดกับห้องนอน

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับล้างหน้าล้างตา ไคลน์เดินลงมายังชั้นล่างและหยิบเครื่องปรุงสำหรับบะหมี่เฟเนพ็อตออกมาเตรียม

ในคราวนี้ มันไม่คิดใช้ซอสเนื้อซึ่งซื้อมาติดบ้านไว้เป็นประจำ ตรงกันข้าม มันจะใช้เนื้อสับทำเอง สิ่งนี้ถูกเตรียมไว้ตั้งแต่สองวันก่อน เกิดจากเครื่องปรุงในความทรงจำอันเลือนรางสมัยโลกเก่า ถึงแม้วัตถุดิบของโลกสองใบ้จะแทบไม่เหมือนกันเลย แต่ไคลน์ก็พยายามดัดแปลงให้ออกมาใกล้เคียง

เพียงไม่นาน บะหมี่เฟเนพ็อตราดเนื้อสับก็เป็นอันเสร็จสิ้น ไคลน์พบว่าวันนี้ก็เป็นช่วงเช้าอันยอดเยี่ยมอีกหนึ่งวัน

มันยังคงเลียนแบบกิจวัตรของชาวโลกใหม่ นั่นคือการอ่านหนังสือพิมพ์พลางกินอาหารอย่างสำราญใจ อันดับแรกคือการตรวจสอบโฆษณาเพื่อให้ทราบว่า เนตรแห่งปัญญาได้จัดการชุมนุมในวันถัดไปหรือไม่

สืบเนื่องจากความคิดกลางดึกเมื่อคืน วันนี้ไคลน์จึงเตรียมผ่อนคลายตัวเองอย่างเต็มพิกัด ถ้าไม่ไปชมละคร ก็คงเป็นโอเปร่า หรือไม่ก็การแสดงดนตรี

บัตรเข้าชมหอดนตรีในเขตตะวันตก เขตเชอร์วู้ด และเขตฮิลสตัน ล้วนมีราคาไม่ต่ำกว่าหกซูล ยิ่งถ้าเป็นนักดนตรีมีชื่อเสียง ราคาจะพุ่งสูงถึงหนึ่งปอนด์เลยทีเดียว ทางด้านหอดนตรีสำหรับชนชั้นกลางจะมีราคาลงลดเหลือหกถึงเก้าเพนนี ส่วนหอดนตรีของชนชั้นล่างซึ่งมักเปิดให้บริการในเขตตะวันออก จะราคาเพียงหนึ่งเพนนีเท่านั้น…

ไคลน์พลิกอ่านข้อมูลประกอบ พลางตัดสินใจว่าวันนี้ตนควรพักผ่อนหย่อนใจอย่างไรดี

ทันใดนั้น เสียงกริ่งบ้านพลันก้องกังวาน

กริ๊ง~

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset