Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 392 : เดอะซันน้อยเล่าเรื่อง

ราชันเร้นลับ 392 : เดอะซันน้อยเล่าเรื่อง

เดิมที เดอร์ริคต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับภัยคุกคามจากพระผู้สร้างเสื่อมทราม แต่หลังจากได้ยินคำถามของแฮงแมน เด็กหนุ่มก็ตอบกลับอย่างซื่อตรง

“เขาตายแล้ว”

“ตายแล้ว?” จัสติส แฮงแมน และเมจิกเชียนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่ปิดบัง

ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินมาในทิศทางนี้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด อดีตหัวหน้าทีมสำรวจถูกกักตัวอยู่ใต้หอคอยมานานหลายสิบปีไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดถึงได้เสียชีวิตทันทีหลังจากเดอะซันพยายามพูดคุย?

ในวินาทีนี้ นอกจากมิสเตอร์ฟูล มีเพียงเดอะเวิร์ลผู้เดียวยังรักษามาดเคร่งขรึมไว้ได้

เดอร์ริคพยักหน้ารับ

“ถูกต้อง หลังจากจิตของผมถูกส่งกลับไป ผมพยายามติดต่อเขาเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมตามคำแนะนำของมิสเตอร์แฮงแมนทันที แต่เขากลับโผล่มาอยู่ข้างหลังอย่างกะทันหันและถามว่า ‘กำลังมองหาฉันอยู่หรือ’”

เมื่อสิ้นเสียง ออเดรย์พลันหยุดหายใจ

แม้ว่าทักษะการเล่าเรื่องของเดอะซันน้อยจะไม่หวือหวา แต่ถ้อยคำเถรตรงและเรียบง่ายก็มาพอจะทำให้เด็กสาวรู้สึกราวกับกำลังได้อ่านนิยายสยองขวัญตามลำพังกลางดึกสงัด

ประหนึ่งใครบางคนกำลังยืนข้างหลังเธอและกระซิบข้างหูว่า ‘กำลังมองหาฉันอยู่หรือ’

ฟอร์สเกิดความหวาดกลัวแกมตื่นเต้น เป็นความรู้สึกคล้ายกับขณะได้ฟังมารดาเล่านิทานสยองขวัญตอนยังเด็ก ย้อนกลับไปในตอนนั้น แม้ว่าจะเธอจะอุดหูด้วยความกลัว แต่คล้ายกับมีบางสิ่งสิงสู่ให้เธอแง้มนิ้วมือออกเล็กน้อย ปล่อยให้เสียงของแม่เล็ดลอดเข้าไปในโสตประสาทเพื่อจะได้ฟังเรื่องราว

วลีเมื่อครู่สมควรถูกนำไปใส่ลงในนิยาย!

สัญชาตญาณของนักเขียนนิยายติดอันดับขายดีกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพ

อัลเจอร์ ผู้มากพร้อมประสบการณ์และเปี่ยมด้วยความรู้กว้างขวาง ทำการซักถามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ไหนคุณบอกว่าเมืองเงินพิสุทธิ์มีผนึกคอยกักขังผู้คลุ้มคลั่ง? ไม่มีม่านผนึกขวางกั้นระหว่างห้องเลยหรือ? ผมเคยได้ยินคุณพูดว่า หอคอยใต้ดินของเมืองเงินพิสุทธิ์จะมีสมบัติปิดผนึกทรงพลังเป็นแกนกลางคอยค้ำจุน”

“มีสิ แต่ผมก็ไม่ทราบว่าเขาทะลวงผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้อย่างไร แถมยังเป็นในสภาพคลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์ ร่างกายถูกผ่าจากส่วนหัวลงมาถึงกลางลำตัว ของเหลวน่าขยะแขยงฟุ้งกระจาย ตามลำตัวมีรอยแยกจำนวนมาก ทุกรอยแยกเต็มไปด้วยฟันคม”

เดอร์ริคอธิบายเป็นฉากๆ

“แล้วคุณรอดมาได้อย่างไร? ใช้วิธีใดหลบหนีจากเขา… ไม่สิ จากมัน!” ฟอร์สพลันเกิดอารมณ์ร่วม เธอตัดสินใจซักถามในประเด็นค้างคา ซึ่งเป็นข้อสงสัยข้อเดียวกับออเดรย์

ในทางกลับกัน อัลเจอร์มีท่าทีตอบสนองแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง มันพึมพำหลังจากกลั่นกรองความคิดสักพัก

“ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด… กับการจัดสรรให้คุณ ผู้แสดงอาการเริ่มต้นของภาวะคลุ้มคลั่ง ไปอยู่ใกล้กับตัวอันตรายแบบนั้น เมื่อพิจารณาจากมุมดังกล่าว มีความเป็นไปได้สูงว่า สภาอาวุโสของเมืองเงินพิสุทธิ์จงใจจัดสรรให้คุณอยู่ห้องข้างชายคนนั้น หวังให้คุณสร้างสนทนาและหลอกถามข้อมูลสำคัญ ส่วนพวกเขาก็คอยจับตามองทุกฝีก้าวจากจุดใดสักแห่ง เช่นนั้นแล้ว อาวุโสคนใดช่วยคุณไว้?”

เดอร์ริคพลันอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ภายในใจรู้สึกราวกับมิสเตอร์แฮงแมนได้เห็นและได้ยินทุกสิ่งด้วยตาตัวเอง

จากรายละเอียดเพียงเล็กน้อย เขาสามารถวิเคราะห์สถานการณ์และมองเห็นความจริง!

เดอร์ริคอุทานด้วยสีหน้าชื่นชม

“ถูกต้อง… ไม่ผิดจากคำกล่าวของคุณแม้แต่น้อย ท่านหัวหน้าอาวุโสปรากฏตัวออกมาช่วยผมไว้ด้วยสมบัติวิเศษ เขาจัดการกับผู้คลุ้มคลั่งได้ในพริบตา”

เมื่อเห็นสีหน้าแววตาชื่นชมของเด็กหนุ่ม อัลเจอร์พ่นลมหายใจเย้ยหยัน

“ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสักนิด ของแบบนี้ ถ้ามีประสบการณ์มากพอก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยากทุกคน”

แต่ดิฉันคิดไม่ถึง… ออเดรย์พึมพำหดหู่

ฉันเดาไม่ถูก… ฟอร์สเลื่อนมือขึ้นมาสางผมด้วยความอับอาย

เราไม่ได้คิดไปในทิศทางดังกล่าวเลย… เดอะฟูลในคราบเดอะเวิร์ลถอนหายใจยาว

เมื่อกล่าวจบ อัลเจอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและซักถามต่อ

“เมื่อครู่คุณบอกว่า หลังจากจิตถูกส่งกลับถึงเมืองเงินพิสุทธิ์ได้ไม่นาน อดีตหัวหน้าทีมสำรวจก็เกิดคลุ้มคลั่งทันทีใช่ไหม? ชายคนนั้นไม่คลุ้มคลั่งมาตลอดสี่สิบสองปี… แล้วทำไมถึงได้คลุ้มคลั่งอย่างกะทันหันหลังจากจิตของคุณกลับไป?”

ขณะกล่าว แฮงแมนแอบชำเลืองเดอะฟูลเล็กน้อยเพื่อสำรวจปฏิกิริยา และเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงสุขุม ไม่ออกอาการประหวั่น ความกังวลใจของแฮงแมนจึงแปรเปลี่ยนเป็นคำถามภายใน

ตระกูลอามุนด์ถูกเรียกขานว่าผู้เย้ยเทพ… หรือมันจะสัมผัสถึงชุมนุมทาโรต์และความลับเหนือห้วงมิติสายหมอกเทา แต่ในภายหลังได้ถูกมิสเตอร์ฟูลจัดการไปแล้ว…?

เดอร์ริคพยักหน้ารับ

“ผมเคยคาดเดาไว้สองเหตุผล หนึ่งคือ เป็นเพราะผมเลือกเส้นทางสุริยัน และคุณเคยบอกว่าตระกูลอามุนด์เป็นทายาทของเทพสุริยันบรรพกาล ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลคือ มันอาจสัมผัสได้ว่าผมถูกมิสเตอร์ฟูลดึงเข้าร่วมชุมนุมบนมิติแห่งนี้ ส่งผลให้ตัดสินใจลงมืออย่างปุบปับ… และในตอนหลังได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นอย่างหลัง”

“พิสูจน์อย่างไร?” อัลเจอร์ถามจี้

เป็นไปไม่ได้…! มีใครบางคนสัมผัสถึงการดึงเข้าร่วมชุมนุมของมิสเตอร์ฟูล? มีคนทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ? ช่างทรงพลังอะไรเช่นนี้! สมกับเป็นตระกูลแห่งผู้เย้ยเทพ…

ออเดรย์ประหลาดใจแกมตะลึง

เธออดชำเลืองบุคคลในตำแหน่งประธานใหญ่ไม่ได้ แต่เด็กสาวผ่อนคลายตัวเองลงเมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนก ยังคงนั่งนิ่งอย่างไม่แยแสทุกสรรพสิ่งเช่นเคย

คงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย… สำหรับท่านเดอะฟูล สิ่งนี้คงไม่ระคายเคือง…

ออเดรย์โล่งใจและมีความสุข

มีใครบางคนสามารถตระหนักถึงชุมนุมลับแห่งนี้… นึกแล้วเชียว โลกของผู้วิเศษเต็มไปด้วยเส้นทางมากมาย ย่อมต้องมีสักเส้นทางสามารถทำได้… สำหรับตัวเราในปัจจุบัน เรื่องนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง พลังของเรายังน้อยเกินไป เห็นทีต้องรีบพัฒนาโดยเองโดยเร็ว…

ฟอร์สกำลังหวาดหวั่น

เดอร์ริคเล่าเรื่องราวต่อไปอย่างเถรตรง

“หลังจากหัวหน้าอาวุโสจัดการผู้คลุ้มคลั่งสำเร็จ ผมได้เห็นเงาของอามุนด์ครู่หนึ่ง ต้องเป็นมันไม่ผิดแน่… หน้าตาก็ประมาณนี้”

เมื่อได้รับอนุญาตจากมิสเตอร์ฟูล เด็กหนุ่มทำการฉายม่านแสงรูปลักษณ์ของอามุนด์ให้ทุกคนได้รับชม

ชุดคลุมยาวสีดำ หมวกปลายแหลมสีเดียวกัน แว่นคริสตัลขาเดียว หน้าผากกว้าง ใบหน้าผอมเพรียว ดวงตาดำสนิท และเส้นผมสีดำหยักศกเล็กน้อย

“มีใครเคยเห็นมาก่อนไหม?” เดอร์ริคถามอย่างมีความหวัง

แฮงแมน จัสติส เมจิกเชี่ยน และเดอะเวิร์ลพลันส่ายหัวหนักแน่นพร้อมกัน

โดยไม่มัวเสียเวลา เดอร์ริคตัดสินใจเล่าต่อ

“เงาของอามุนด์ถูกท่านหัวหน้าอาวุโสใช้สมบัติวิเศษบางชนิดจัดการ เหลือทิ้งไว้เพียงหนอนสีใสหนึ่งตัว หัวหน้าอาวุโสบอกกับผมว่า นี่เป็นเพียงร่างแยกของอามุนด์เท่านั้น… ท่านยังอธิบายอีกว่า ทางสภาอาวุโสจงใจจัดสรรให้ผมพักอยู่ในห้องติดกันเพื่อหวังสืบหาข้อมูล… หลังจากท่านตรวจสอบตัวผมและยืนยันว่าไม่พบสิ่งใดปรกติ หัวหน้าอาวุโสได้ปล่อยผมกลับบ้านทันที ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผมค่อนข้างหวาดกลัวผลข้างเคียงจากพลังของอามุนด์ จึงรีบสวดภาวนาหามิสเตอร์ฟูลทันทีเมื่อกลับถึงห้องนอน”

“หยุดก่อน” อัลเจอร์พูดแทรกพลางขมวดคิ้วย่น “คุณบอกว่า หลังจากเผชิญเหตุการณ์เสี่ยงตาย หัวหน้าอาวุโสได้ปล่อยคุณกลับบ้านทั้งอย่างนั้น? และเมื่อคุณถึงบ้าน ก็ยังสวดภาวนาหามิสเตอร์ฟูลอีก?”

“ถูกต้อง” เดอร์ริคตอบกลับอย่างงุนงง

เราทำอะไรผิดตรงไหน? เหตุใดมิสเตอร์แฮงแมนต้องแสดงสีหน้าเช่นนี้?

ทางด้านออเดรย์เริ่มตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้องในพฤติกรรมของเดอะซัน เพียงแต่เธอยังนึกไม่ออกในทันที แค่เชื่อว่าถ้าเป็นตัวเองจะไม่ทำแบบเดียวกันแน่นอน

ฟอร์สพลันเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้า

ประมาทเกินไปแล้ว…! เราเคยมีบทเรียนแบบเดียวกันเมื่อในอดีต และต้องจ่ายมาด้วยการใช้หินบนกำไลข้อมือพร้อมกับได้รับคำสาปจากคืนจันทร์เต็มดวงจวบจนทุกวันนี้…

นักเขียนนิยายขายดีถอนหายใจยาว

อัลเจอร์ชำเลืองเดอะฟูลอีกครั้งและพบว่าอีกฝ่ายยังคงไม่แสดงอาการใด จึงทำตัวผ่อนคล้ายพลางประสานมือเข้าด้วยกันและยกขึ้นมาจ่อปลายจมูก

“หลังจากเผชิญหน้ากับอามุนด์ในระยะประชิด คุณคิดว่าหัวหน้าอาวุโสจะยอมปล่อยคุณเป็นอิสระเพียงเพราะผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นจริงหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อดีตหัวหน้าทีมสำรวจคงไม่ถูกกักตัวมานานกว่าสี่สิบสองปีแน่นอน ตามประสบการณ์ของผม หัวหน้าอาวุโสต้องแอบส่งใครบางคนคอยจับตามองคุณ และคุณได้เปิดเผยความพิเศษของตัวเองออกไปเรียบร้อยแล้ว! ไม่ผิดแน่… เพราะถ้าผู้นำสูงสุดของเมืองเงินพิสุทธิ์เป็นเพียงตาแก่โง่เขลา อารยธรรมของพวกคุณไม่มีทางยืนยาวภายในสภาพแวดล้อมแร้นแค้นได้นานหลายปีแน่นอน!”

นี่มัน…

ดวงตาเด็กหนุ่มพลันเบิกโพลง ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเลื่อมใสแฮงแมน ว่าเป็นบุคคลมีความรอบรู้และมากประสบการณ์ แถมเรื่องราวยังถูกปะติดปะต่ออย่างมีเหตุผล!

ท…ท่านผู้นำพบความผิดปรกติของเราแล้ว…! เป็นเหตุให้ท่านมีท่าทีตอบสนองเย็นชาหลังจากฟังรายงานของเราสินะ…

ควรทำอย่างไรดี เราต้องทำยังไงดี!

เดอร์ริคเริ่มออกอาการกระวนกระวาย

เมื่อเห็นอีกฝ่ายประหม่า อัลเจอร์พ่นลม

“ไม่ต้องกังวลไป ยังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขั้นนั้น ต่อให้หัวหน้าอาวุโสพบความผิดปรกติในตัวคุณจริง แต่เขาก็จะคิดว่าเป็นผลจากการถูกอามุนด์สิงร่าง มิได้เกี่ยวข้องกับชุมนุมทาโรต์แต่อย่างใด คุณยังมีเวลาไตร่ตรองอย่างใจเย็นเพื่อแก้ปัญหานี้”

เดอร์ริคสงบลงเล็กน้อย ก่อนจะเล่าเรื่องราวตามความเป็นจริง

“ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผมเคยถูกอามุนด์สิงร่างจริง…”

“อะไรนะ!” อัลเจอร์โพล่งกะทันหัน

มันเกือบลุกพรวดจากเก้าอี้และตั้งท่าเตรียมต่อสู้ เผื่ออาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

ออเดรย์และฟอร์สต่างก็แสดงสีหน้าหวาดหวั่นพร้อมกัน มีเพียงเดอะเวิร์ลผู้เดียว มันทำเพียงตกใจเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของอีกฝ่ายเริ่มไม่ปรกติ เด็กหนุ่มรีบเล่าเสริม

“มิสเตอร์ฟูลสังเกตเห็นอามุนด์ขณะผมเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน”

เดอร์ริคกล่าวพลางเสกม่านแสงแสดงภาพเดียวกันกับเมื่อครั้งตนถูกอามุนด์สิงร่าง

อามุนด์สวมเครื่องแต่งกายคล้ายเดิม เสื้อคลุมยาวและหมวกปลายแหลมสีดำ แว่นตาคริสตัลขาเดียว เพียงแต่ร่างมายาในคราวนี้กำลังขดตัวรอบเดอร์ริคราวกับงูผี

ภาพตรงหน้าทำให้จัสติส แฮงแมน และเมจิกเชียนพลันหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

แฮงแมนรีบถามจี้

“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”

“มิสเตอร์ฟูลได้สอนวิธีประกอบพิธีกรรมบางอย่างให้ผม หลังจากนั้น ท่านได้ส่งเทวทูตลงมาขจัดร่างแยกอามุนด์ผ่านพิธีกรรม”

เดอร์ริคเล่าโดยไม่แต่งเติม

เทวทูต…!

แฮงแมนรีบหันไปมองเก้าอี้ประธานด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด

ทันใดนั้น มันรีบก้มศีรษะลงต่ำเมื่อตระหนักว่าพฤติกรรมของตนไร้มารยาทและขาดความเคารพ

เทวทูต…?

ใบหน้าออเดรย์พลันเหม่อลอยราวกับจิตหลุดออกจากร่าง

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset